Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 18

Now you are reading Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. Chapter 18 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงที่ 18 ยุทธการพิฆาตนารี..!

ณ ตีนเนินที่ราบสูง..

ท่ามกลางผืนป่าที่มืดมิด ภาพที่ปรากฏให้เห็นคือร่างของทหารจากเอลเดียที่กำลังกระจายกองกำลังกันหลบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ตามมุมต่างๆ 

“ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว..?”เจมิสที่หันไปถามนายทหารยศจ่าสิบตรีที่กำลังนั่งชันเข่าอยู่ข้างหลัง..

“45 นาทีแล้วครับ..”ทหายศจ่าสิบตรีที่ตอบกลับ เขากำลังนั่งดูเวลาโดยใช้ทรายของนาฬิกาทรายเป็นตัวนับเวลา.

“เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 15 นาทีสินะ กรอด..ไอ้เวรนั่นมันมัวทำบ้าของอะไรมันอยู่..”เจมิสที่กัดฟันกล่าวออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับรู้สึกเป็นห่วงสตาร์อยู่ลึกๆ คนที่มีความสามารถอย่างเขา ไม่ควรจะมาตายในสงครามเล็กๆแบบนี้..

“กระจายคำสั่งให้ทหารทุกนายเตรียมพร้อม อีก 15 นาที ถ้าเกิดเห็นสัญญาณควันก็เคลื่อนกำลังพลได้เลย..”เจมิสที่บอกกับนายทหารที่นั่งอยู่ข้างๆ..

“รับทราบ..!”

ในขณะเดียวกัน ณ เต็นท์ของผู้บัญชาการเมลันเทีย..

ภายในเต็นท์ขนาดใหญ่ ภาพที่ปรากฏให้เห็นคือร่างของชายสองคนที่กำลังพูดคุยวางแผนการรบกันอยู่ คนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้มีโต๊ะที่ตั้งวางกั้นเอาไว้ ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งกำลังยืนตัวตรง พร้อมกับรับฟังถึงแผนการของคนตรงหน้า..

ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว..คนทั้งสองนั้นก็คือผู้บัญชาการและทหารยศแพทตินัมหนึ่งดาวหรือร้อยตรีของอาณาจักรเมลันเทีย..

“ฉันประมาทพวกมันมากเกินไป คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่สามารถทำลายกลยุทธ์ของฉันได้ พวกมันใช้วิธีอะไรกันนะ ถึงสามารถกวาดล้างกองร้อยที่ปักหลักอยู่บนเนินที่ราบสูงได้..”ผู้บัญชาการของเมลันเทียที่กล่าวออกมา..

“ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ากองร้อยของซาเมลอ่อนกำลังลง การที่เจ้านั่นสามารถยกทัพผ่านชายแดนเข้ามา จนยึดป้อมปราการแห่งนี้ได้ มันก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมแล้วครับ..”ร้อยตรีของเมลันเทียที่กล่าวออกมา..

“อืม..แต่ไม่ว่าจะยังไง พวกเราจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งมือโดยเร็วที่สุด ตอนนี้ไอ้พวกเอลเดียคงจะแจ้งเรื่องการรุกรานของพวกเราไปยังศูนย์บัญชาการใหญ่แล้ว อีกไม่นานกองกำลังสนับสนุนของพวกมันก็คงจะถูกส่งมา

เพราะฉะนั้นแล้ว..เราจำเป็นที่จะต้องเข้ายึดศูนย์บัญชาการของพวกมันให้ได้โดยเร็วที่สุด หัวใจหลักของภารกิจนี้คือการส่งหน่วยสอดแนมเข้าไปล้วงข้อมูล พร้อมกับหาเส้นทางเข้าจู่โจมยึดป้อมปราการทั้งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ 

ซึ่งถ้าพวกเราสามารถทำได้สำเร็จเมื่อไหร่ก็เหลือเพียงแค่รอกำลังสนับสนุนของฝ่ายเรามาถึง เมื่อถึงตอนนั้นศูนย์บัญชาการทั้งสามแห่งของทางทิศใต้ก็จะตกเป็นของเรา..”ผู้บัญชาการเมลันเทียที่กล่าวออกมา..

“ครับผม..!”ร้อยตรีของเมลันเทียที่ขานรับ..

“แกไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเคลื่อนกำลังพลเข้ายึดศูนย์บัญชาการ พลังของแกคือตัวแปรสำคัญของเรา จงจดจำเอาไว้..ถึงต่อให้เป็นร้อยเอกของเอลเดียก็ไม่อาจจะต่อกรกับแกได้..”ผู้บัญชาการที่กล่าวกับอีกฝ่าย โดยที่ร้อยตรีผู้นี้คือสุดยอดทหารที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

ในทุกๆสมรภูมิที่ร้อยตรีนายนี้เข้าร่วม ทันทีที่ปลดปล่อยเอมพาสออกมาก็สามารถที่จะกวาดล้างกองกำลังของข้าศึกให้ต้องตกตายไปเป็นจำนวนมาก

“ครับผ..ม..”

“อ้ากกกกกกก ไอ้พวกสวะเอลเดียมันบุกโจมตีพวกเรา..!”

แต่แล้วทันใดนั้นทั้งสองก็ต่างต้องพากันหยุดชะงัก จากเสียงตะโกนที่ดังขึ้นมาอยู่ทางด้านนอกของเต็นท์..

ฟุบ..!

ผู้บัญชาการเมลันเทียที่ชันตัวลุกขึ้น ก่อนจะรีบเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับร้อยตรี..

ฟูม..~

ทันทีที่เดินออกมาคนทั้งสองก็พลันต้องเบิกดวงตากว้างขึ้น ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขาคือไฟที่กำลังไหม้กระโจมและเต็นท์ของทหาร ทั่งทั้งบริเวณสว่างไสวไปด้วยเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชดช่วง พร้อมกับม่านควันที่กำลังลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า..

“ฮึก..ช่วยด้วย ไอ้พวกเอลเดียมันลอบโจมตีพวกเรา..!”

ทันใดนั้นจู่ๆก็มีร่างของทหารนายหนึ่งที่ปรากฏตัวออกมา ทหารนายนั้นกำลังวิ่งกึ่งกระเพกตรงเข้ามายังทิศทางของผู้บัญชาการและร้อยตรี..

“ข้าศึกอยู่ที่ไหน มันมีจำนวนเท่าไหร่..?”ร้อยตรีที่เอ่ยถามต่อนายทหาร แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับล้มหน้าคะมำลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น..

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ..? อย่าบอกนะว่าไอ้พวกเอลเดียจะแอบส่งคนเข้ามาลอบวางเพลิง แล้วตอนนี้พวกทหารฝ่ายเราหายไปไหนกันหมด..?”ผู้บัญชาการที่กล่าวออกมา ร่างของเขากับร้อยตรีได้เดินผ่านนายทหารที่พึ่งจะตกตายไปทางด้านหน้า แต่แล้วจู่ๆ

ฟุบ..!

ทันใดนั้นร่างของทหารที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นจู่ๆก็แสยะรอยยิ้ม ก่อนจะชันตัวลุกกลับขึ้นมา

[สตาร์]

“ถามได้ก็ถูกฆ่าตายไปแล้วยังไงล่ะ..?”ผมที่กล่าวออกมา เมื่อร่างของไอ้สองหนอตรงหน้าได้ยินก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันควับกลับมา..

ติก..!

หวิ่ง..!!!

ผมที่กดปุ่มเปิดสวิตซ์ พร้อมกับเหวี่ยงดาบแสงภายในมือเข้าไปยังตำแหน่งลำคอของร่างทั้งสอง หมายจะตัดหัวของพวกมันพร้อมกันในการเหวี่ยงเพียงแค่ครั้งเดียว..

“นี่แ..ก….!×2”

หวิ่ง..

ฉ่า..!!!×2

ร่างทั้งสองที่หันหน้ากลับมา แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร พวกมันก็ต้องถูกใบดาบเลเซอร์พลังงานความร้อนสูงตัดผ่านเข้าสู่ลำคอ จนหัวขาดกระเด็นหลุดออกจากบ่า เหลือทิ้งเอาไว้เพียงแค่ลำคอกุดขาดที่ไหม้เกรียม..

ตุบ..!

ท่ามกลางสายตาของผมที่ยืนมองอยู่ ร่างเปล่าๆทั้งสองที่ไร้ซึ่งหัวพลันล่วงลงไปกองอยู่กับพื้น..

“เฮือก..!”หัวของเป้าหมายที่กลิ้งไปกับพื้นกำลังกลอกกลิ้งดวงตาที่เหลือกถล่นไปมา..

“อ่อกๆ มะ..ไม่ ไม่..”หัวอีกหัวที่ส่งเสียง ใบหน้าของมันมีน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ก่อนที่สุดท้ายแล้วดวงตาของหัวทั้งสองจะหม่นสีไป..

“หึ..ภารกิจเสร็จสิ้นที่เหลือก็แค่รอรับรางวัล..”

“ย้าหู้ว..~ ฉันรักแกสตาร์ จู๋..ปลาบปลื้ม..!”เสียงของไอ้จ้อนที่ตะโกนกู่ร้องออกมา..

ในขณะเดียวกัน ณ ตีนเนินที่ราบสูง..

“ท่านร้อยตรีครับ..นั่นมัน..!”เสียงเรียกของนายทหารยศจ่าสิบตรีที่สังเกตเห็นม่านควันที่ลอยขึ้นมาจากตรงบริเวณจุดที่ตั้งของป้อมปราการ..

ซึ่งเมื่อเจมิสเห็นเช่นนั้นเธอก็พลันชันตัวลุกขึ้นยืนด้วยความร้อนรน โดยที่ทางด้านของซิลเวียเองก็เช่นกัน..

“ทหารทุกนายเคลื่อนพลได้..!×2″เจมิสกับซิลเวียที่ตะโกนออกคำสั่ง ก่อนที่ทหารทั้งกองร้อยจะกระจายกำลังกันตามรูปแบบของกลยุทธ์ที่ได้วางเอาไว้..

หลังจากนั้นไม่นานนัก กองร้อยที่กระจายกำลังกันเข้าปิดล้อมก็ได้เคลื่อนพลเข้ามาสู่อาณาเขตของป้อมปราการ แต่ทว่าสีหน้าของเจมิสในตอนนี้กลับดูไม่สู้ดีนัก 

“เวรเอ้ย..อย่าพึ่งตายนะ..!”เจมิสที่สบถออกมา เธอในตอนนี้กำลังวิ่งแบบไม่คิดชีวิต จากเวลาที่ล่วงเลยตามกำหนดมาแล้วถึง 5 นาที..

ฟุบ..!

ทันทีที่ร่างของเจมิสกระโดดออกมาจากพุ่มไม้เข้าสู่อาณาเขตของป้อมปราการ สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ถึงกับทำให้ดวงตาของเธอต้องเบิกกว้างขึ้น จากภาพของกองเพลิงลูกใหญ่ที่กำลังไหม้กระโจมและเต็นท์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ลุกลามหรือดูอันตรายอะไรมาก..

“เวร เวร เวร..!”เจมิสที่สบถรัวๆ เธอกำลังสาดส่องสายตามองหาสตาร์ และต้องคอยระวังตัวจากทหารของเมลันเทียที่ไม่รู้ว่าจะโผล่ออกมาจากทิศทางไหน..

ฟุบ..!

ร่างของกองกำลังทหารที่เดินตามออกมาจากภายในป่า ทุกๆหน่วยได้เข้าปิดตายและล้อมรอบพื้นที่แห่งนี้เอาไว้จากทุกทิศทาง..

 

 

 

“ทุกกลุ่มเข้าปิดล้อม เจอศัตรูเมื่อไหร่ ฆ่าได้ทันทีไม่ต้องรอคำสั่ง..!”เสียงของเจมิสที่ตะโกนออกคำสั่งกับเหล่าทหาร..

 

“รับทราบ..!!!!”

“ว่าที่สิบตรีสตาร์ล่ะ..?”ซิลเวียที่เดินเข้ามาเอ่ยถามต่อเจมิส..

“ยังไม่เห็นเลยค่ะ..เปิดวงจร..!”เจมิสที่กล่าว พร้อมกับเปิดวงจรเรียกเอมพาสออกมา ก่อนที่ต่อจากนั้นเธอจะกระชับดาบในมือย่างกายเดินสาดส่องสายตามองไปรอบๆบริเวณด้วยความระมัดระวัง..

เจมิสและซิลเวียพร้อมกับกองกำลังทหารได้เคลื่อนพลตีวงแคบเข้ามา ก่อนที่ทุกๆคนจะได้พบเจอเข้ากับความผิดปกติ จากการที่ไม่มีทหารของเมลันเทียอยู่ที่นี่เลยสักนาย..

“อย่าบอกนะว่าพวกมันจะหนีไปกันหมดแล้ว..?”ซิลเวียที่กล่าวออกมา..

“อาจจะมีความเป็นไปได้..”เจมิสที่ตอบกลับ แต่แล้วในช่วงจังหวะนั้นทหารนายหนึ่งก็พบเจอเข้ากับความผิดปกติ ซึ่งเมื่อเขามองผ่านม่านเพลิงเข้าไปในกระโจม สิ่งที่พบนั่นก็คือซากศพที่ถูกไฟเผาจนไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกกว่าหลายสิบร่าง

โดยที่ทหารของเอลเดียนายอื่นๆก็พบเจอเข้ากับซากศพเหล่านี้อยู่ในทุกๆกระโจมและเต็นท์ที่ตัวเองเดินผ่าน ก่อนที่ผบ.หมู่ของแต่ละกลุ่มนั้นจะนำสิ่งที่ตัวเองเห็นไปรายงานให้แก่เจมิสและซิลเวียได้รับรู้

“ท่านร้อยตรี ท่านผู้บัญชาการ..!”เสียงของผบ.หมู่ จำนวนสี่นายที่วิ่งตรงเข้ามาหาเจมิสและซิลเวียพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย..

“เกิดอะไรขึ้น..?”เจมิสที่เอ่ยถาม..

“เรียนท่านร้อยตรี ผมพบเจอร่างของศพที่นอนตายอยู่ภายในกระโจมกว่าหลายสิบร่าง คาดว่าน่าจะเป็นพวกทหารของเมลันเทีย..”ผบ.หมู่นายแรกที่กล่าวรายงาน..

“ทางนี้ก็เจอเหมือนกันครับ เท่าที่ดูจากซากศพ คาดว่าแต่ละศพน่าจะถูกฆ่าตายก่อนที่กระโจมจะถูกเผา จากการที่บางศพมีร่องรอยของการถูกตัดหัว..”ผบ.หมู่อีกนายที่รายงาน..

“ทางนี้ก็เช่นกัน..ภายในที่พักพบเจอศพยี่สิบร่าง..”

“ของผมก็เช่นกันครับ ถ้าสรุปยอดรวมจากรายงานของพวกเรา ดูเหมือนว่าตอนนี้กองร้อยของเมลันเทียจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นแล้วครับ..”สิ้นคำรายงานของผบ.หมู่คนสุดท้าย ดวงตาของเจมิสกับซิลเวียก็พลันต้องเบิกกว้างขึ้น พวกเธอถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก 

เจมิสกับซิลเวียต่างรู้ได้ในทันที ถึงจะไม่ต้องบอก พวกเธอก็รู้ว่านี่คือฝีมือของใคร แต่การที่จะให้พวกเธอทำใจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำใจเชื่อได้ลงง่ายๆ..

“แล้วไอ้เจ้าบ้านั่นมันหายหัวไปไหนกันนะ..”เจมิสที่สบถกล่าวออกมา เธอกับซิลเวียได้ก้าวเดินไปข้างหน้า ก่อนที่หลังจากนั้นทั้งสองจะพบเจอเข้ากับร่างของใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่..

ซึ่งทันทีที่เจมิสกับซิลเวียเดินมาถึงยังหอคอยของป้อมปราการ ภาพที่พวกเธอได้เห็นนั่นก็คือร่างของสตาร์ที่กำลังนั่งยืดขาอยู่หน้ากองไฟ โดยที่ชายหนุ่มกำลังนั่งเอาหลังผิงอยู่กับประตูทางขึ้นของหอคอยที่ปิดสนิท..

“อึก..เจอตัวจนได้ ไอ้เจ้าบ้านี่..”เจมิสที่สบถออกมา ก่อนที่เธอและซิลเวียจะรีบปรี่ตรงเข้าไปสตาร์ในทันที..

แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้ เจมิสกับซิลเวียก็ต้องชะงักไป สายตาของพวกเธอกำลังจ้องมองไปยังศรีษะปริศนาทั้งสองที่ตั้งวางอยู่ข้างๆกับจุดที่สตาร์กำลังนั่งอยู่

[สตาร์]

“มาแล้วสินะ..”ผมที่เอ่ยปากทักทายเจมิสกับซิลเวีย พวกเธอที่กำลังยืนจ้องหัวทั้งสองที่ผมวางเอาไว้พลันต้องละสายตา ก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจผม..

“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ทำไมแกถึงไม่รีบหนีออกมา..?”เจมิสที่กล่าวออกมา เธอดูเหมือนจะกำลังอึ้งอยู่..

“ผมทำพลาดก็เลยหนีออกไปไม่ทันน่ะครับ สุดท้ายก็จำใจต้องบุกเข้าไปฆ่าทหารที่อยู่ในกระโจม..”ผมที่ตอบกลับ พอเจมิสได้ยินก็หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง..

“หัวของคนที่วางอยู่เป็นใครกัน..?”ซิลเวียที่เปิดประเด็นเอ่ยถาม เพราะมีเพียงแค่หัวทั้งสองที่ไม่ได้ถูกเผา..

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นว่าที่เสื้อของพวกมันมีตราประดับเยอะ ผมก็เลยตัดหัวของมันมาวางเอาไว้ เผื่อว่าอาจจะเป็นผู้นำ..”ผมที่ตอบกลับซิลเวีย ก่อนจะชี้ไปยังร่างเจ้าของหัวทั้งสอง..

“อะ..อึก บะ..บ้าน่า เจ้าสองคนนี้มันผบ.ร้อยกับผู้บัญชาการของเมลันเทีย..”ซิลเวียที่กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง ทันทีที่เธอหันไปมองยังตราประดับบนร่างที่ไร้ซึ่งศรีษะ มันก็ทำให้เธอรู้ถึงสถานะของคนที่ผมพึ่งจะฆ่าไป..

“เธอทำได้ยังไงกัน..?”ซิลเวียที่หันกลับมาเอ่ยถาม..

“ท่านผู้บัญชาการ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด..ท่านควรจะไปประกาศชัยชนะให้กองร้อยของพวกเราได้รับรู้นะครับ..”ผมที่บอกกับซิลเวีย ถึงเธอจะสงสัยมากแค่ไหน แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ ยังไงเธอก็ไม่กล้าที่จะขัดใจผม..

“เข้าใจแล้ว..เอาไว้ค่อยมารายงานให้ฉันฟังทีหลัง..เจมิสฝากดูแลว่าที่สิบตรีสตาร์ด้วย ศึกในครั้งนี้เขาคือวีรบุรุษของพวกเรา..”ซิลเวียที่ออกคำสั่งกับเจมิส ก่อนที่เธอจะเดินจากไป..

“กลับไปเมื่อไหร่..แกจะต้องเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างว่าแกทำได้ยังไงกัน..?”เจมิสที่หันกลับมาบอกกับผม แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึง..

“เธอกลับไปเถอะ..ฉันคงกลับไปกับเธอไม่ได้แล้วล่ะ..”ผมที่บอกกับเจมิส เมื่อเธอได้ยินก็ขมวดคิ้ว..

“หมายความว่ายังไงกันที่บอกว่ากลับไปไม่ได้..?”เจมิสที่เอ่ยถาม แต่แล้วดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เมื่อผมหยิบด้ามของดาบแสงออกมา..

“นี่แก..!”

“เธอมาช้าไป..”ผมที่พูดแทรกเจมิสที่กำลังจะต่อว่าผม..

“นี่หรือว่า..ไอ้ที่บอกว่าแกจะต้องตาย ถ้าเกิดฉันมาไม่ทันเวลา มันหมายถึงแบบนี้เองน่ะเหรอ..?”

“ใช่..ที่เธอเห็นคือส่วนหนึ่งของแผน มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลย ฉันรู้ตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าผลลัพธ์มันอาจจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ แต่ถ้าต้องให้เลือกระหว่างถูกพวกมันฆ่าตายกับสละชีวิตของตัวเองและฆ่าพวกมัน ฉันก็ขอเลือกอย่างที่สอง..”ผมที่กล่าวออกมา สีหน้าของเจมิสในตอนนี้เริ่มจะแสดงความโกรธออกมาให้เห็น..แต่ในขณะเดียวกันมันก็แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิด..

ซึ่งหลังจากที่เจมิสได้รับรู้ถึงสถานการณ์ทั้งหมดในตอนนี้ เธอที่ยืนอยู่ก็ดูเหมือนจะหัวเสียและโกรธเอามากๆ ที่ผมตัดสินใจทำแบบนี้

“กรอด..ไอ้เจ้าโง่ แกนี่มันโง่บัดซบจริงๆ..”เจมิสที่เดินตรงเข้ามา พร้อมกับโน้มตัวลงมาจับแขนของผม..

หมับ..!

“เธอจะทำอะไร..?”

“ฉันสัญญาไปแล้วว่าจะรับผิดชอบชีวิตของแก ถ้าขืนปล่อยให้แกตายก็เท่ากับว่าฉันเป็นแค่สวะที่ไม่รักษาคำพูด..”เจมิสที่ก้มหน้ากล่าวออกมา..

“อะฮี่ๆ~ เป็นไปตามแผน..”ไอ้จ้อนที่หัวเราะออกมาอย่างโรคจิต 

‘หึ..แกคิดว่าครั้งนี้ฉันจะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับผลตอบแทนอันแสนน้อยนิดเหมือนกับครั้งก่อนอย่างงั้นเหรอ..? ถ้าคิดแบบนั้น..แกมันก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้จู๋ที่อ่อนหัด..’ผมที่บอกกับไอ้จ้อน..

“หะ..หืม เดี๋ยวนะ..หรือว่าแกจะ..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา

‘หึๆ..’ผมที่ส่งเสียงหัวเราะอยู่ภายในลำคอ..

“สตาร์..แกนี่มัน..! สุดยอดไปเลยเพื่อน..~”ไอ้จ้อนที่ทำท่าเหมือนจะด่าผม แต่ผมก็พอจะรู้อยู่แล้ว จู๋ยังไงมันก็ยังคงเป็นจู๋อยู่วันยันค่ำ..

“ฉันจะพูดอีกครั้ง มันไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก ถึงต่อให้เธอยินดีที่จะช่วย แต่ยังไงครั้งนี้มันก็มากเกินไป..”ผมที่บอกกับเจมิส..

“มากเกินไป อะไรของแกอีกวะ แกหมายความว่ายังไง..?”เจมิสที่เอ่ยถาม..

“การต่อสู้ในครั้งนี้ ฉันนั้นใช้พลังของเอมพาสมากจนเกินไป จนทำให้เงื่อนไขของมันเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งเงื่อนไข..”

“นี่แกคิดว่าฉันโง่อย่างงั้นเหรอ..? เงื่อนไขเอมพาสยังไงมันก็ไม่มีทางที่จะเพิ่มขึ้นได้ ..”เจมิสที่ชักมือกลับ ใบหน้าของเธอเริ่มที่จะแสดงออกถึงความเดือดดาล..

“แต่ว่าเอมพาสของฉันมันไม่ใช่เอมพาสธรรมดา มันคือเอมพาสชนิดยุทโธปกรณ์พิเศษ..”ผมที่บอกกับเจมิส ซึ่งพอเธอได้ยินก็ดูเหมือนจะอึ้งไป

“ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนว่ามันจะมีเอมพาสแบบที่แกพูดถึ..ง..”

หวิ่ง..!!!

ในขณะที่เจมิสกำลังพูด ผมก็ได้กดสวิตซ์ก่อนจะทิ่มดาบแสงลงดิน พร้อมกับตวัดมันขึ้นส่งผลทำให้พื้นดินถูกหลอมละลายจนกลายร่องลาวา..

“เอมพาสของฉันสามารถตัดผ่านวัตถุได้ทุกชนิด เผลอๆอาจจะตัดได้ยันกระทั่งเอมพาสของคนอื่น ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เมื่อกี้ที่ฉันเรียกมันออกมา ยิ่งฉันใช้มันมากเท่าไหร่ จู่ๆเงื่อนไขของมันก็ไหลเข้ามาในหัวของฉัน มันเพิ่มขึ้นจนฉันที่เห็นได้เตรียมใจที่จะตายเอาไว้แล้ว ฉันถึงบอกยังไงล่ะ..ว่าครั้งนี้เธอช่วยฉันไม่ได้หรอก..”ผมที่อธิบายอย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด ขอเพียงแค่ได้ผลตอบแทนจากเจมิส ไม่ว่าจะต้องระยำแค่ไหนผมก็ยินดี 

แต่ถึงอย่างนั้นแล้วยังไงถ้าเกิดมันล้ำเส้นจนถึงขั้นมีอะไรกัน คนอย่างเจมิสก็คงจะไม่มีวันยอมอย่างแน่นอน..

“อึก..”เจมิสที่ผงะ สีหน้าของเธอยังคงตกตะลึงเหมือนเดิม เธอในตอนนี้กำลังถูกกดดันอย่างหนัก ร่างที่ยืนอยู่ถึงแม้จะยังไม่รู้ถึงเงื่อนไข แต่เธอก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะพอเดาเงื่อนไขบางข้อไม่ออก 

“ถ้างั้น..ฉันจะไปร้องขอให้ชิออนหรือเอลซ่าลองหาทางช่วยแกดู..”

“เปล่าประโยชน์..เมื่อกี้ที่เธอแตะตัวของฉันไป เอมพาสของฉันมันก็ได้ล็อคเป้าหมายเอาไว้แล้วว่าเธอจะต้องเป็นคนจัดการกับเงื่อนไข..”

“อะไรนะ..?!”เจมิสที่ร้องออกมาเสียงดังลั่น..

“เงื่อนไขแบบเจาะจง ไอ้เวรเอ้ย..แล้วทำไมแกถึงไม่รีบบอกฉันก่อนวะ..?!”เจมิสที่ตวาดใส่ผมด้วยความหัวร้อน อ้าว..แค่พูดออกไปแบบมั่วๆ จู่ๆก็มีจริงๆเฉยเลย..

“ช่วยฟังคำขอของฉันสักข้อจะได้ไหม..?”ผมที่เปิดประเด็นกับเจมิสและเริ่มที่จะเข้าสู่โหมดสั่งเสีย..

“หุบปากไปเลย..แกบอกว่าฉันเป็นผู้บังคับบัญชาของแก เพราะฉะนั้นฉันขอสั่งห้ามไม่ให้แกตา..ย..”

“ฉันเป็นเด็กกำพร้า ฉันไม่มีญาติหรือคนสำคัญที่รอคอยให้ฉันกลับไปหา ถ้าเกิดฉันตายเธอช่วยสร้างหลุมศพให้ฉัน และช่วยไปเยี่ยมฉันสักหน่อยจะได้ไหม ขอแค่ปีละครั้งก็ยังดี..”

ในขณะที่เจมิสกำลังจะกล่าวขัดผม ผมก็ได้เอ่ยปากกับเธอออกไป สิ่งที่ผมกำลังแสดงให้เธอเห็นคือหัวใจที่พร้อมจะเสียสละ แม้ว่าจะต้องตายก็ไม่นึกเสียใจทีหลัง

ทันทีที่เจมิสได้ยินในคำพูดของผม เธอก็ต้องหยุดชะงักไปอีกครั้ง

รอยยิ้มที่ผมส่งให้เธอ มันยิ่งตอกย้ำทำให้เธอรู้สึกผิดและไม่สามารถที่จะสบตากับผมตรงๆได้อีกต่อไป จนต้องเบนหน้าหนีไปทางอื่น

“เฮ..!!!!!!!!!!!!”

ทันใดนั้นจู่ๆเสียงของกองร้อยจากเอลเดียก็เฮดังลั่นไปทั่วบริเวณ ดูเหมือนว่าซิลเวียจะประกาศชัยชนะออกมาแล้ว..

“ว่าที่สิบตรีสตาร์ ทหารทุกนายสรรเสริญเธอกันใหญ่เลย ไม่ไปพูดอะไรกับพวกเขาสักหน่อยสิ หืม..เกิดอะไรขึ้น..?”ซิลเวียที่เดินกลับเข้ามา แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักไป เมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาของผมกับเจมิส..

“ท่านผู้บัญชาการคือว่าผม..”

“เจ้าบ้านี่มันก็แค่เหนื่อย ถามอะไรมันก็ไม่ยอมตอบ มันเอาแต่บ่นว่าอยากจะนอนพัก..”

ผมที่กำลังจะบอกความจริงกับซิลเวียพลันต้องถูกเจมิสที่พูดแทรกเข้ามาขัดเอาไว้ เธอในตอนนี้กำลังยืนก้มหน้าอยู่..

‘ปลาติดเบ็ดแล้ว..’ผมที่คิดอยู่ภายในใจ..

“อย่างงั้นเองสินะ เข้าใจแล้ว..ฉันจะสั่งห้ามไม่ให้ใครมารบกวน ยังไงเธอก็พักผ่อนตามสบาย อีกอย่างหนึ่งพวกเราจะเดินทางกลับไปยังศูนย์บัญชาการในวันพรุ่งนี้ ต้องขอขอบคุณเธอจริงๆที่ไม่ได้เผาที่เก็บเสบียงของพวกมัน ฉันก็เลยกะว่าจะให้พวกทหารได้ฉลองกันสักหน่อย..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา..

“แบบนั้นก็ดี..แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันกับไอ้เจ้าบ้านี่จะขอตัวกลับไปยังศูนย์บัญชาการก่อน พอดีว่าเงื่อนไขเอมพาสของมันจำเป็นที่จะต้อง…ลงไปแช่ในน้ำ..”เจมิสที่บอกกับซิลเวีย เมื่อผมได้ยินก็เกือบที่จะหลุดขำ จากการที่เธอพยายามจะหาข้ออ้าง เพื่อปลีกตัวออกจากที่แห่งนี้..

 

“ระ..ร้อยตรี..”ผมที่หันไปหาเจมิส และพยายามจะอ้าปากพูดแต่กลับต้อง..

 

“หุบปากแล้วอยู่เฉยๆ สภาพแบบนั้นแกขี่ม้าไหวหรือไง..?”เจมิสที่เบี่ยงประเด็น..

“หืม..? จริงสิ..ฉันลืมไปซะสนิทเลย เห็นร้อยตรีเจมิสบอกว่าเธอพึ่งจะปลุกเอมพาสได้ไม่นานมานี้ ถ้าเป็นไปได้ช่วยบอกสักหน่อยได้ไหมว่ามันมีความสามารถอะไร..?”

“อั่ก..!”ผมที่ยกฝ่ามือขึ้นมาจับกุมหน้าอกของตัวเอง พร้อมกับแสดงสีหน้าเจ็บปวดทุกข์ทรมานออกมาให้เห็น ถึงกับทำให้ซิลเวียต้องผงะหน้าเสียไปในทันที..

“ท่านผู้บัญชาการ เวลาของเงื่อนไขใกล้ที่จะหมดลงแล้ว เอาไว้ค่อยคุยทีหลังได้ไหมคะ..?!”เจมิสที่กล่าวออกมา..

“เข้าใจแล้ว รีบพาว่าที่สิบตรีสตาร์กลับไปโดยด่วนเลย..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา สีหน้าของเธอจู่ๆก็เต็มไปด้วยความกังวล เมื่อเห็นว่าอาการของผมนั้นไม่ไหวแล้ว..

ฟุบ..!

เจมิสที่รีบวิ่งตรงไปเอาม้าของทหารเมลันเทียมา ก่อนจะควบตรงเข้ามาหาผม ซึ่งทันทีที่ม้ามาถึงผมก็กระโดดขึ้นไปซ้อนท้ายเธอ ก่อนที่พวกเราจะมุ่งหน้ากลับไปยังศูนย์บัญชาการ..

“อู้วหู้ว..~ สตาร์เพื่อนร้ากกกก แกมันสุดยอด..!~”เสียงของไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา ท่ามกลางร่างของผมที่กำลังเอาหน้าซบผิงแผ่นหลังของเจมิส..

‘ไม่เสียสละ..ชัยชนะไม่เกิด..ฮ่าๆ..’ผมที่ได้แต่ระเบิดเสียงหัวเราะอยู่ภายในใจ กลยุทธ์นี้มีชื่อว่ายุทธการพิฆาตนารี..!
 

 

 

 

 

ไรท์:คอมเม้นเยอะๆ เพื่อเพิ่มความระ  ยำของตัวเอก 4 เม้นต์ แถม 1 ตอนงับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด