Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 32

Now you are reading Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. Chapter 32 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงที่ 32 สิ้นสุดบทลิเก..

“เหมือนกับพวกเขาและทหารทุกๆนายที่อยู่ที่นี่ บางครั้งทหารที่หลั่งเลือดเสียสละต่างต้องการ ให้ชาติรักเรา อย่างที่เรารักชาติ..”สิ้นคำตอบของผม ภายในหอประชุมก็ต่างพากันเงียบกริบ ทหารแต่ละนายต่างเบิกดวงตากว้างขึ้น จากคำพูดที่คงจะไปกระแทกกินใจของใครหลายๆคน..

พรึ้บ..!!!!

แปะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เสียงปรบที่เริ่มทยอยดังขึ้น ก่อนจะดังกระหึ่มไปทั้งหอประชุม..

ฟุบ..!

ร่างของผมที่ยืนอยู่พลันทำวันทยาหัตถ์ต่อเจมิไนท์และพลตรีทั้งสอง ก่อนจะหมุนตัวหันข้างและเดินลงจากเวทีไป..

โดยในขณะที่ผมเดินลงมา เหล่าทหารจากกองร้อยชายแดนใต้ก็ยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ให้ผม บนใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของทุกๆคนกำลังแสดงออกถึงคำขอบคุณ..

เพราะสำหรับกองร้อยชายแดนใต้ที่รอดชีวิต เหล่าทหารที่ตายไป บางคนเป็นเพื่อนสนิท เป็นคนรัก เป็นพี่น้องและครอบครัว มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่รู้สึกเสียใจในการจากไปของเเหล่าทหารผู้ที่เสียสละ

จึงทำให้อุดมการณ์ที่ผมแสดงออกมามันได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากที่การตายของคนที่รักไม่ได้สูญเปล่าอย่างที่พวกเขาคิด

อีกทั้งอุดมการณ์ของผมประกอบกับคำพูด มันคงจะกินใจทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ รวมไปพลตรีทั้งสาม..

ซึ่งทันทีที่เสียงปรบมือสงบลง เหล่าทหารทุกหน่วยจากทั่วทั้งหอประชุมก็ค่อยๆทรุดตัวกลับลงไปนั่ง ส่วนตัวของผมก็เดินกลับมาถึงยังที่นั่งพอดี แต่ทว่า..

แปะๆ ๆ ๆ ๆ

เสียงปรบมือที่ยังไม่จางหาย ท่ามกลางเหล่าทหารภายในหอประชุมมีร่างๆหนึ่งที่ยังคงยืนปรบมืออยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมต้องหยุดชะงักก่อนจะหันไปมอง..

ซึ่งพอทุกๆคนหันไปมองไม่ว่าใครก็ต้องต่างพากันตกตะลึง จากร่างของชายชราอายุประมาณ 60 ต้นๆ  ชายคนนั้นสวมใส่ชุดทหารเหมือนกับทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ เขายืนอยู่ทางฝั่งขวามือของเก้าอี้ที่นั่งตัวสุดท้ายหรือมุมห้อง..

โดยที่ชายชราคนนั้นมีร่างกายที่ตัวเล็กกระทัดรัดจนแทบจะมองไม่เห็นถ้าเกิดว่าทหารทุกๆนายไม่นั่ง..

พรึ้บ..!

ทันใดนั้นร่างของอาทิสกับเทรนก็ต่างพากันชันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินออกมายืนอยู่ข้างๆเจมิไนท์

“ทำความเคารพท่านพลโท..!”เจมิไนท์ อาทิสและเทรนที่กล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ร่างทั้งสามพลันยกแขนขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์..

เมื่อเหล่าทหารทั้งหอประชุมเห็นเช่นนั้นก็เตรียมที่จะลุกขึ้น แต่ทว่า..

“นั่งเฉยๆนั่นแหละ..”เสียงของชายชราหรือพลโทที่กล่าวออกมา ทันทีที่เขาเปล่งเสียงมันก็ก่อให้เกิดเป็นแรงกดดันที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งหอประชุม ทำให้ร่างของเหล่าทหารที่กำลังจะลุกต่างต้องพากันทรุดกลับลงไปนั่งและไม่สามารถที่จะขยับตัวได้

“อะ..อึก..!×3″ร่างของพลตรีทั้งสามที่เกือบจะรับแรงกดดันไม่ไหว พวกเขายังคงยืนต้านแรงกดดันที่แผ่กระจายออกมา..

แรงกดดันที่ว่ามันก็คงจะคล้ายๆกับพลังจิตหรือจิตสังหารที่เอาไว้ใช้ข่มศัตรู ผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอกว่าก็ไม่อาจที่จะแบกรับมันเอาไว้ได้ แต่ทว่า..

“หืม..?”พลโทที่เบิกดวงตากว้างขึ้นเล็กน้อย สายตาที่กำลังประหลาดใจปนตกตะลึงของเขากำลังเพ็งมองมาทางผมที่ยังคงยืนอยู่..

ฟุบ..!

ผมที่ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งแบบธรรมชาติ และมันก็ยิ่งตอกย้ำทำให้พลโทจ้องมองผมตาเขม็ง ก่อนจะปลดปล่อยแรงกดดันออก..

“แฮกๆ..”เสียงของเจมิสและเหล่าทหารที่นั่งอยู่ข้างๆผมต่างพากันหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหอบ จากการที่ถูกแรงกดดันโถมเข้าใส่ จึงทำให้ทุกๆคนคงจะหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ยกเว้นเพียงแค่เมเทโอที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็แอบก็มีเหงื่อตกอยู่บ้าง

หมับ..!

[ชาร์จพลัง X ฟอร์ส 30 หน่วย]

“อึก..เฮ้ย..? นี่แก..”เจมิสที่ถึงกับร้องลั่น พร้อมกับหันขวับมาถลึงตาใส่ผม ซึ่งก็แน่นอนว่าผมใช้หน่มน้มของเธอต่อเวลาในโหมด X

“อู้ว..อย่าเอะอะไปเลยเจ๊..ความไวมันเป็นเรื่องของปีศาจ..”เสียงของไอ้จ้อนที่ร้องออกมา..

แต่ก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปจับ ผมก็ได้สังเกตรอบๆดูก่อนแล้วว่าจะมีใครที่มองเห็นหรือเปล่า ซึ่งพอเห็นว่าทุกๆคนให้ความสนใจไปที่พลโทไม่เว้นแม้แต่เหยื่ออารมณ์ของผมอย่างเจมิส ผมจึงรีบฉวยโอกาสเอื้อมมือไปจับเข้าจ๋ำหนับ ก่อนจะรีบชักกลับมาแล้วทำเป็นเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น..

“หืม..?”เจมิไนท์และเมเทโอ รวมไปถึงผู้คนบางส่วนที่หันมามองยังเจมิส จากเสียงร้องของเธอที่ดังออกมา..

“ท่านร้อยโท ผมไม่ทันระวังต้องขอโทษด้วยที่เหยียบเท้าครับ..”ผมที่บอกกับเจมิส ซึ่งพอเธอได้ยินก็ชักสีหน้าจนเส้นเลือดปูดขึ้นขมับ ก่อนจะยอมจำใจกล่าวออกมา.. 

“กรอด..ทีหลังก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน..”เจมิสที่กัดฟันกล่าวออกมา..

“อุ๊บ ฮ่าๆ ๆ ๆ นั่นคือเงื่อนไขหรืออะไรงั้นเหรอ..?”

แต่แล้วจู่ๆพลโทก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมา พร้อมทั้งเอ่ยถาม เวรแล้วไง..ไอ้ผมก็ลืมไปซะสนิทว่าตาแก่นี่มันเอาแต่ยืนจ้องผม แต่ถึงอย่างนั้นจุดที่เขายืนอยู่มันไม่น่าที่จะมองเห็นหนิ..

“อะ..อึก..”เจมิสที่ถึงกับหน้าเสีย เธอพลันก้มหน้าลงไปด้วยความอับอายและเคียดแค้น

“แต่ก็เอาเถอะ..”

ฟุบ..!

ตู้ม..!!!

พลโทที่กล่าวออกมา ทันใดนั้นเองจู่ๆที่กลางหน้าอกของเขาก็ส่องแสง ก่อนที่ตาแก่นี่จะกระโดดจากจุดที่ยืนอยู่ข้ามฟากมายังทิศทางของผม..

ตุบ..!

“ที่แกพูดเมื่อกี้ มันฟังดูน่าสนใจดีหนิ..”ร่างของพลโทที่ล่วงลงมาหยุดอยู่ต่อหน้าของผม สายตาของเขากำลังจ้องลงมายังผมที่นั่งอยู่ ท่ามกลางเจมิสกับเมเทโอที่ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ..

“ถ้าผมพูดอะไรผิดไปก็ต้องขออภัยด้วย ผมเข้าใจว่าอุดมการณ์ของคนเรามันไม่เหมือนกันครับ..”ผมที่ตอบกลับชายตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ทั้งๆที่ระยะห่างของเขากับผมมันอยู่กันคนละฟาก แต่พี่แกเล่นกระโดดแค่ครั้งเดียวก็มาอยู่ต่อหน้าของผมแล้ว ตาแก่นี่มันปีศาจชัดๆ..

“หึๆ ฮ่าๆ งั้นเหรอ..ตอนแรกฉันก็คิดว่าคำพูดของแกมันเป็นแค่การแสดงสร้างภาพลักษณ์ แต่เห็นทีว่าฉันจะคิดผิดซะแล้วสิ แววตาใช้ได้เลยนะนั่นน่ะ..”พลโทที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม..

“อะ..เออคือ ทะ..ท่านพลโทเทียอัส ทะ..ทำไมท่านถึงได้มาอยู่ที่นี่กันล่ะครับ..?”เจมิไนท์ที่เงียบดูมานานพลันเอ่ยถามขึ้น

“แล้วทำไมฉันจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะ..?”เทียอัสที่เอ่ยถาม คำถามของเขาถึงกับทำให้เจมิไนท์สะอึกหน้าเสีย

“ปะ..เปล่า คะ..แค่ไม่คิดว่าคนอย่างท่านจะมาเข้าร่วมพิธีเล็กๆแบบนี้..”เจมิไนท์ที่กล่าวออกมาอย่างกระอึกกระอัก..

“แล้วคนอย่างฉันมันทำไม..? แต่ก็เอาเถอะ พอดีก่อนหน้านี้ฉันแวะไปหาเจ้าลูเซียนมาแล้วบังเอิญได้ยินเรื่องที่น่าสนใจเข้าก็เลยแวะมาดู อันที่จริงฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักหรอก แต่ใครจะคิดกันล่ะว่ามันจะดูน่าสนใจจริงๆ..”เทียอัสที่อธิบาย..

“ทะ..ท่านไปหาท่านพลเอกมาอย่างงั้นเหรอครับ..”เจมิไนท์ที่เอ่ยถาม 

เท่าที่ผมจับใจความคำพูด ดูเหมือนว่าพลโทคนนี้จะไม่ธรรมดา ถึงขนาดเรียกนายทหารที่ยศสูงกว่าตนอย่างพลเอกด้วยชื่อห้วนๆ

“ก็ตามนั้น..ออกไปร่อนเร่อยู่ตั้งหลายปี นานๆจะกลับเข้ามาในกองทัพสักทีมันก็ไม่เลว..”เทียอัสที่ตอบกลับ ก่อนจะหันกลับมามองผม..

“นี่..เจ้าหนู สนใจมาอยู่กับฉันไหม..?”พลโทเทียอัสที่หันมาเอ่ยถามผม..

“คะ..ครับ..?”ผมที่ขานรับอย่างงุนงง แต่แล้ว..

“ฮะ..เฮ้ย หนึ่งในเก้าพยัคฆ์กำลังชวนเจ้านั่นมาอยู่ด้วย..?”

“อยะ..อย่าบอกนะว่าท่านพลโทเทียอัสกำลังจะเลือกให้เจ้านั่นกลายเป็นหนึ่งในเก้าพยัคฆ์คนต่อไป..?”

“อะ..อึก ถะ..ถ้างั้นก็หมายความว่า เจ้านั่นจะกลายเป็นวาที่พยัคฆ์เขี้ยวที่สี่ พยัคฆ์คลั่งหมัดนรกน่ะสิ..”

เสียงของเหล่าทหารที่ต่างฮือฮากันออกมา ทุกๆคนต่างตกตะลึงเสียยิ่งกว่าผมได้เหรียญกล้าหาญซะอีก..

“อะ..เออคือที่ท่านกำลังพูดมันหมายความว่ายังไงเหรอครับ..?”ผมที่แกล้งโง่เอ่ยถามออกไป..

“ก็อย่างที่แกได้ยินนั่นแหละเจ้าหนู ฉันจะให้แกมาเป็นผู้สืบทอดของฉัน..”เทียอัสที่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เมื่อสิ้นคำตอบของเขา เจมิสกับเมเทโอที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็ถึงกับอึ้งจนตาค้าง 

โดยผมที่เห็นก็แทบจะไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองว่าเจมิสจะสามารถทำสีหน้าแบบนั้นออกมาได้ด้วย..

“ทะ..ท่านพลโท ท่านจะเอาทหารนายนั้นมาเป็นผู้สืบทอดจริงๆอย่างงั้นเหรอครับ ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านเอาแต่ปฏิเสธทหารมากมายที่มาขอฝากตัว..”เทรนที่เอ่ยถามออกมา เขาและทุกๆคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น..

“หึ..แน่นอนสิ..”

“อะ..เออคือ แต่เขาไม่มีเอมพาสนะครับ..”เทรนที่กล่าวออกมา แน่นอนว่าเขาต้องรู้สึกซีเรียสกับเรื่องนี้ เพราะตำแหน่งของเทียอัส เป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติเปรียบได้กับเสาหลักที่คอยค้ำจุนกองทัพ..

“หืม..? แสดงว่าแกยังไม่ได้อ่านรายงานสินะพลตรีเทรน เจ้าหนูนี่น่ะ มีเอมพาส..แต่ทว่ามันดันไปอยู่ผิดที่ผิดทางก็เท่านั้น ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะสัมผัสถึงมันไม่ได้เลยก็เถอะ..”เทียอัสที่กล่าวออกมา พลางหันกลับมาจ้องหน้าผม และขอคำตอบ..

“คำตอบล่ะ..”

ท่ามกลางสายตาของเหล่าทหารจากทั่วทั้งหอประชุม ทุกๆคนต่างจ้องมองมาทางผมตาไม่กระพริบ ก่อนที่ผมจะ..

“ขอโทษด้วยครับ ผมมีอาจารย์อยู่แล้ว..”สิ้นคำตอบของผม เหล่าทหารที่ได้ยินก็ต่างพากันตาเหลือก ไม่เว้นแม้กระทั่งเจมิส เมเทโอ ซิลเวีย ลากยาวไปยันพลตรีทั้งสาม..

“หืม..? อุ๊บ..ฮ่าๆ ๆ ปกติมีแต่ฉันที่ปฏิเสธคนอื่น ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธ..”เทียอัสเองที่ก็ดูเหมือนจะอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา..

“หึๆ แต่ก็นะ..เจ้าหนู..”เสียงหัวเราะของเทียอัสที่ค่อยๆเงียบลง ก่อนที่จู่ๆสีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป แววตาแสดงออกถึงความเย็นชา..

“แกอาจจะยังไม่รู้..แต่โอกาสที่แกได้รับใช่ว่าใครก็จะสามารถได้มันมาง่ายๆ ฉันการันตีได้เลยว่าฉันแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ของแกแน่ๆ..”เทียอัสที่กล่าวออกมา ซึ่งคำพูดของเขาก็ไม่มีใครที่จะกล้าสงสัยหรือโต้แย้ง..

“ว่าแต่ท่านใช้อะไรมาวัดอย่างงั้นเหรอครับ ว่าท่านแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ของผม..”ผมที่เอ่ยถามออกไปตามตรง ซึ่งมันก็ถึงกับทำให้ทุกๆคนถึงกับหน้าเหว๋อ..

“ชักจะมากไปแล้วนะ นี่แกรู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอยู่กับใค..ร..?”

ฟุบ..!

เจมิไนท์ที่เห็นท่าไม่ดี จึงตะโกนต่อว่าสตาร์ แต่เขากลับต้องหยุดชะงัก จากการที่เทียอัสยกฝ่ามือขึ้นมาเหมือนกำลังส่งสัญญาณว่าไม่ต้องเข้ามายุ่ง..

“นั่นสินะ..ฉันเองก็ยังไม่เคยเจออาจารย์ของแกเลย จะพูดว่าแข็งแกร่งกว่าก็คงจะไม่ได้ซะด้วยสิ..”เทียอัสที่กล่าวออกมา..

“แต่ผมรู้นะครับว่าใครแข็งแกร่งกว่า อาจารย์ของผมแข็งแกร่งกว่าท่านพลโทนิดหน่อย..”ผมที่กล่าวออกมา และจากคำพูดนี้มันก็ยิ่งเหมือนกับเป็นการโยนกองไฟใส่แท่นขุดเจาะน้ำมัน จนทำให้พลตรีทั้งสามรวมไปถึงทหารทุกนายต่างพากันหน้าเหว๋อบิดเบี้ยวจนแทบจะดูไม่ได้..

ส่วนเจมิสกับเมเทโอก็พยายามช่วยกันเขย่าแขนของผมด้วยสีหน้าที่ซีดเสีย..

“หืม..? อุ๊บ ฮ่าๆ ๆ แกยังไม่เห็นพลังของฉันเลย แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์ของแกแข็งแกร่งกว่าฉัน..?”เทียอัสที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะจ้องมองผมด้วยแววตาที่แสดงออกถึงเพลิงโทสะ..

“ถ้างั้นผมต้องขอถามกลับ สมมุติว่ามีพยัคฆ์อยู่สองตัวที่ถูกขังเอาไว้ในกรง ตัวหนึ่งถูกมนุษย์เลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็กคอยให้อาหารกินจนเติบใหญ่ ส่วนอีกตัวเป็นพยัคฆ์ร้ายที่ต้องออกล่าอาหารด้วยตัวเองเติบโตขึ้นมาจากภายในป่าแต่ถูกจับมาขัง คำถาม..ท่านจะแยกแยะได้ยังไงว่าพยัคฆ์ในกรงทั้งสองตัว ตัวไหนคือตัวไหน..?”

“หึ..กำลังจะเปรียบเทียบสินะ ก็คงต้องให้พวกมันสู้กันยังไงล่ะ ตัวที่ชนะก็คือพยัคฆ์ร้าย ส่วนอีกตัวคือพยัคฆ์เลี้ยง..”

“ไม่ๆ ผมว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องให้พวกมันสู้กันเลยครับ แค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้ว..”

“หืม..แค่มองอย่างงั้นเหรอ..? หมายความว่ายังไงกัน..”

“ก็เพราะพยัคฆ์ทั้งสองตัว แววตามันเหี้ยมผิดกันยังไงล่ะครับ..”

สิ้นคำเปรียบเปรยของผม คนที่เข้าใจในความหมายก็ถึงหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ส่วนทางด้านของเทียอัสเองก็ยืนอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะ..

“ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าลูกของพยัคฆ์ป่า มันจะร้ายเหมือนกันหรือเปล่า..?!”

ฟุบ..!!!!

ภายในพริบตา..ทันทีที่เทียอัสพูดจบ ร่างที่ยืนอยู่ก็ได้ปลดปล่อยหมัดขวาตรงเข้ามายังใบหน้าของผม..

ผลัก..!

ผมที่เบี่ยงตัวพร้อมกับใช้ฝ่ามือผลักแขนของเทียอัสเพื่อเปลี่ยนทิศทางของหมัด แต่ทันทีที่หมัดข้างนั้นยืดออกไปจนสุดแขน มันก็ก่อให้เกิดเป็นการสั่นไหวของอากาศ จนทำให้ร่างของเหล่าทหารที่นั่งอยู่ข้างหลังของผมต่างพากันผงะจนเกือบจะหงายหลังตกเก้าอี้..

“หืม..? นอกจากจะหลบหมัดของฉันได้ ยังสามารถโต้ตอบได้ทันที ถือว่าไม่เลวเลยหนิ..”เทียอัสที่กล่าวชื่นชมออกมา จากแขนขวาของผมที่ตอบสนองไปเองและกำลังจ่ออยู่ตรงตำแหน่งปลายคางของเขา..

“ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ลงมือเลยล่ะ คิดว่าฉันจะหลบไม่ได้อย่างงั้นเหรอ..?”เทียอัสที่เอ่ยถาม แววตาของเขากำลังแสดงออกถึงความไม่พอใจ..

“เปล่า..ผมไม่กลัวว่าท่านจะหลบไม่ได้ แต่ผมกลัวว่าท่านจะไม่หลบมันมากกว่า..”ผมที่ตอบกลับเทียอัส สีหน้าของผมในตอนนี้กำลังแสดงออกถึงความเคร่งเครียด ถ้าเกิดตาแก่นี่แกล้งบ้าเปิดวงจรเวทขึ้นมา มีหวังเรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆแน่..

“หึๆ ฮ่าๆ อย่างงั้นเองสินะ..”เทียอัสที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ ก่อนที่เขาจะค่อยๆชักมือกลับ..

“ขอเถอะครับท่าน..ผมพึ่งจะออกจากทาทารัสมา..”ผมที่บอกกับเทียอัสตามตรง พออีกฝ่ายได้ยินก็เบิกดวงตากว้างขึ้นอยู่ชั่วขณะ..

“แกไปทำอะไรที่ทาทารัส..?”เทียอัสที่เอ่ยถาม ซึ่งผมก็หันไปมองเจมิไนท์ พออีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับร่างกระตุกราวกับว่าผมพึ่งจะโยนขี้ให้เขา..

“มันไปทำอะไรที่ทาทารัส..?”เทียอัสที่หันกลับไปเอ่ยถามต่อเจมิไนท์ ซึ่งพออีกฝ่ายได้ยินก็รีบลงมาจากเวที ก่อนจะเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเขาและบอกเล่าถึงเรื่องราวทั้งหมด..

“หืม..? อะ..อื้ม อื้ม..”เทียอัสที่พยักหน้าเบาๆ เขาเบิกดวงตากว้างขึ้นอยู่หลายครั้ง ในขณะที่เจมิไนท์บอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง..

“แกนี่มัน..ชิ ทำเอาฉันพูดไม่ออกเลยแหะ..”

ทันทีที่ฟังจบเทียอัสก็หันมากล่าวกับผมพลางเดาะลิ้น เขาดูทึ่งในตัวของผมเป็นอย่างมาก..

“เอาเถอะ..เรื่องที่แกบอกว่ามีอาจารย์อยู่แล้ว แกไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างเรื่องมาโกหกก็ได้ ทำไมฉันถึงรู้ว่าแกโกหกน่ะเหรอ เพราะวิชาการต่อสู้เมื่อสักครู่ ฉันไม่เห็นว่าจะมีใครเคยใช้มันมาก่อน 

ส่วนเรื่องที่แกปฏิเสธที่จะมาเป็นผู้สืบทอดของฉัน ฉันก็จะไม่บีบบังคับเพราะแกคงมีเหตุผมส่วนตัว แต่ถึงอย่างนั้นฉันจะให้โอกาสแกไปลองคิดไตร่ตรองดู ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็มาหาฉันได้เสมอ..”เทียอัสที่กล่าวออกมา ซึ่งคำพูดของเขามันก็ได้ตอกย้ำทำให้ทุกๆคนต้องตกตะลึงอีกครั้ง 

หนึ่งในเก้าพยัคฆ์ที่เป็นเสาหลักของทารอน ตลอดเวลาที่ผ่านมามีทหารหัวกะทิมากมายที่อยากจะมาเป็นผู้สืบทอดของเขาแต่สุดท้ายทหารเหล่านั้นก็ต้องผิดหวังกลับไป 

แต่ทว่าบัดนี้หนึ่งในเก้าพยัคฆ์กลับกำลังเกลี่ยกล่อมเพื่อต้องการที่จะให้ทหารคนหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจและกลายมาเป็นผู้สืบทอดของเขา ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็คงจะต้องตกตะลึงกันทั้งนั้น..

“เออคือ..ผมไม่ได้สร้างเรื่องนะครับ ผมมีอาจารย์จริงๆ ถึงความสามารถของเธอจะไม่มากพอที่จะสอนผมก็เถอะ แต่เธอก็สอนอะไรหลายๆอย่างให้กับผม..”ผมที่บอกกับเทียอัส..

“หืม..ถ้าอย่างงั้นแกกำลังจะบอกว่าวิชาการต่อสู้ที่ใช้เมื่อกี้ แกเป็นคนคิดค้นมันขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างงั้นเหรอ..?”เทียอัสที่ขมวดคิ้วแน่น ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร ได้แต่ส่งรอยยิ้มให้แก่เขา..

“ถ้างั้นแกพอจะบอกได้ไหมว่าอาจารย์ของแกเป็นใคร..?”

“เรื่องนั้นผมต้องขอโทษด้วยครับ..”ผมที่ปฏิเสธเทียอัสไป..

“อย่างน้อยๆขอแค่สถานที่ๆอาจารย์ของแกอยู่ก็ได้ เดี๋ยวฉันจะไปตามหาเอง..”เทียอัสที่ยังคงเซ้าซี้ผมไม่เลิก ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรก็เถอะ แต่บางทีคำพูดที่ผมกล่าวออกไปก่อนหน้านี้ มันอาจจะทำให้เขารู้สึกเคลือบแคลงใจที่ผมบอกว่าเขาอ่อนแอกว่าอาจารย์ของผม..

“ผมบอกไปแล้วครับ..”ผมที่ตอบกลับเทียอัส ซึ่งผมก็พูดชื่อสถานที่ๆอาจารย์ของผมอยู่ออกไปแล้วจริงๆ..

ซึ่งพอเทียอัสได้ยินก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ พลางขมวดคิ้วแน่นเหมือนกับกำลังครุ่นคิด ก่อนที่จู่ๆเขาจะเบิกดวงตากว้างขึ้น..

“ทาทารัส..”เสียงสบถพึมพำของเทียอัสที่ดังออกมา  ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ก็อย่างที่บอกไป ลองไปคิดดูให้ดีๆ ถึงแกจะมีอาจารย์อยู่แล้วฉันก็ไม่รังเกียจหรอก..”

“ครับท่าน..!”ผมที่ชันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งทำวันทยาหัตถ์ต่อหน้าของเทียอัส โดยที่พอเห็นอย่างนั้นเขาก็ดูเหมือนว่าจะอึ้งไปชั่วขณะ..

“หึ..อย่างไรก็ตาม หวังว่าเจอกันรอบหน้าฉันจะได้รับคำตอบดีๆจากแกนะ..”เทียอัสที่กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเอามือไขว้หลังเดินออกจากหอประชุมไป โดยที่พลตรีทั้งสามรวมไปถึงเหล่าทหารก็ต่างพากันชันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับทำความเคารพ..

 

พรึ้บ..!!!

ฟุบ..!

และหลังจากที่ร่างของเทียอัสเดินมาถึงยังประตูทางออก จู่ๆเขาก็หันหน้ากลับมา ก่อนจะเปล่งเสียงตะโกนออกมาว่า..

“ก่อนจะไปฉันอยากจะขอเตือนทหารทุกๆนายที่อยู่ที่นี่เอาไว้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าเกิดมันหลุดและรู้ไปถึงหูของพยัคฆ์คนอื่นๆ จนพวกมันแห่กันมารุมแย่งลูกพยัคฆ์ที่ฉันหมายตาเอาไว้ล่ะก็ ฉันจะตามล่าไอ้ตัวที่ปากสว่างและจะจัดการคิดบัญชีไอ้เวรนั้นอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่พวกแกด้วย สามพลตรี..!”

และนั่นก็คือคำขู่สุดท้ายที่เทียอัสประกาศลั่นเอาไว้ ก่อนที่ร่างของเขาจะเดินออกจากหอประชุมแห่งนี้ไป ปล่อยทิ้งให้เหล่าทหารได้แต่ยืนหน้าซีดตัวสั่น จนทำให้แต่ละคนต้องปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่หลุดปากพูดเรื่องนี้ออกไปเป็นอันขาด เพราะถ้าไม่อย่างงั้นละก็ ชีวิตของพวกเขาก็จะต้องพบเจอเข้ากับจุดจบอย่างแน่นอน..

“เยสเข้..~ อย่างเอาเลยว่ะเพื่อน แกนี่แม่งมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งจริงๆ ถึงว่าในตอนที่เก็บศพฉันเองก็สงสัยว่าแกจะให้ฉันไปช่วยจำชื่อของพวกทหารที่ตายไปแล้วทำไม แถมในตอนที่อยู่ในคุกยังท่องจำชื่อของพวกมันเกือบจะทุกวัน ที่แท้มันก็เพราะแบบนี้นี่เอง..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา 

ซึ่งถ้าให้ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากที่ผมจัดการรีดเค้นข้อมูลจากไอ้ซาเมลจนเสร็จ ก่อนที่จะไปยังเต็นท์ของซิลเวีย ผมก็ได้ขอให้เธอนำทางผมไปดูศพของเหล่าทหารที่ตายในสมรภูมิบนเนินที่ราบสูง พร้อมทั้งขอรายชื่อของพวกเขาเพื่อที่จะเอามาจดจำเอาไว้..

โดยตัวของผมเองก็ได้อ่านและคาดเดาสถานการณ์เอาไว้แล้วว่ามันจะต้องมีวันนี้ และสุดท้ายก็มีจริงๆ..

‘หึ..คิดจะอยู่ในโลกนี้มันต้องอ่านเกมให้ขาด..’ผมที่บอกกับไอ้จ้อน..

“อย่างแอ็คอ่ะ แล้วต่อจากนี้แกจะโชว์อะไรอีก วางแผนจะเล่นใหญ่อะไรอีกไหม..?”

‘เหอะ..ไอ้ที่ฉันวางแผนเล่นบทลิเกพวกนี้ขึ้นมาก็แค่จะสร้างแบ็คและเครดิต ดูเหมือนว่าแค่นี้ก็คงจะพอแล้วล่ะ ต่อจากนี้ชีวิตของฉันในอาคัสจะต้องสดใสราบรื่นอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้นเตรียมจู๋ของแกและรัดเข็มขัดเอาไว้ให้ดีๆ พวกเราจะพุ่งทะยานกัน..!’

“มันต้องอย่างนี้สิวะ..! เจ๋งแจ๋วสุดจัดทุกทีที่ได้เจอ พวกผมน่ะอื้ม..เด็กเส้นพลโท..!”

และแล้วแผนการทุกอย่างก็ดำเนินมาจนถึงปลายทาง ผมกับไอ้จ้อนในตอนนี้ อารมณ์ของพวกเราทั้งสองก็คงจะกำลังประมาณยืนกอดอกหันหน้าเข้าหาแสงอาทิตย์ที่กำลังอัสดง เพื่อต้อนรับชีวิตใหม่ที่จะกำลังเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้..~
 

 

 

 

 

 

ไรท์:คอมเม้น..!!! เจ๋งแจ๋ว..!!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด