Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 19

Now you are reading Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงที่ 19 การมาเยือนของกองทัพเอทารอส

30 นาทีต่อมา

100 เมตร ก่อนถึงศูนย์บัญชาการ..

กร็อบ กร็อบ..

ท่ามกลางร่างของม้าที่กำลังควบผ่านผืนป่า ผมในตอนนี้กำลังเกาะเอว เอาหน้าซบแผ่นหลังของเจมิสเอาไว้..

“อึก..ฉันไม่ไหวแล้ว เธอไม่ต้องช่วยฉันหรอก ขอร้องล่ะ..”ผมที่บอกกับเจมิส หลังจากที่เธอเอาแต่เงียบมาตลอดทาง..

“หุบปาก..ถ้าแกตายฉันไม่ให้อภัยแกแน่..”เสียงของเจมิสที่กล่าวออกมา แม้จะไม่เห็นสีหน้าแต่น้ำเสียงของเธอกลับฟังดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก..

‘อึก..เวรแล้วไง..!’เสียงของผมที่กู่ร้องออกมา จากอะดรีนาลีนที่กำลังจะสงบลง..

หมับ..!

《ชาร์จพลังงาน 5 หน่วย》

“อึก..!”เจมิสที่กำลังควบม้าพลันต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อผมที่กำลังซบแผ่นหลังของเธอ จู่ๆก็เลื่อนมือขึ้นมาจับสัมผัสที่หน้าอกของเธอ

แต่ถึงอย่างนั้นเจมิสกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอยังคงควบม้ามุ่งหน้ากลับไปยังศูนย์บัญชาการ ก่อนที่สุดท้ายแล้ว พวกเราจะมาถึง..

ฟุบ..!

เจมิสที่กระโดดลงจากแผ่นหลังของม้า พร้อมทั้งดึงร่างของผมให้ลงตามเธอมา ก่อนที่ต่อจากนั้นเธอจะประคองร่างของผมที่แสร้งทำเป็นหมดแรงมุ่งตรงไปยังเต็นท์ที่พักของเธอ..

“นั่ง..”เจมิสที่พาผมเข้ามาภายในเต็นท์ ก่อนจะประคองผมให้นั่งลงบนเก้าอี้ เธอเดินไปยังม่านของเต็นท์ ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปทำเหมือนกับกำลังตรวจสอบว่ามีใครที่แอบตามมาหรือเปล่า..

ซึ่งเมื่อเจมิสตรวจสอบจนแน่ใจ เธอก็ได้เดินกลับเข้ามา ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าของผม.. 

“ฉันจะอนุญาติให้แค่เฉพาะคืนนี้เท่านั้น ไม่ว่าเงื่อนไขของแกจะเป็นอะไรก็จงรีบๆจัดการกับมันซะ..”เจมิสที่กล่าวออกมา แต่ในขณะที่พูดเธอกลับเบนหน้าไปทางอื่น แก้มขาวๆของเธอในตอนนี้กำลังแดงก่ำ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเธอกำลังเขินอายหรืออะไร..

การที่คนอย่างเจมิสยอมมาทำอะไรแบบนี้ ผมเองก็ดูออกมาว่าเธอนั้นไม่ได้เต็มใจหรืออยากที่จะทำ เธอแค่อยากที่จะแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้ลั่นวาจาออกไป เธอไม่ได้รู้สึกชอบหรือสนใจเรื่องรักๆใคร่ๆเลยด้วยซ้ำ ทหารหญิงผู้แสนเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง ยอมทำทุกอย่างเพื่ออาณาจักร กลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอคงจะรู้สึกเจ็บใจในตัวเองและอับอายอยู่ไม่ใช่น้อย..

“เจมิส..พอเถอะ ฉันทนเห็นเธอในสภาพแบบนี้ไม่ได้จริงๆ..”ผมที่กล่าวกับเจมิส นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเรียกชื่อเธอห้วนๆ..

“แกน่ะ..หุบปาก ฉันอุตส่าห์ยอมที่จะช่วยแกแล้วแท้ๆ แกอยากจะตายขนาดนั้นเลยเหรอ..?”เจมิสที่เอ่ยถามผมสีหน้าของเธอกำลังแสดงออกถึงความเดือดดาล..

“ฉันกลัวว่ามันจะล้ำเส้น มันอาจจะกลายเป็นตราบาปของเธอไปชั่วชีวิต..”

“หุบปากแล้วทำมันซะ..ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ..”

“ฉันก็กำลังพูดเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจอยู่นี่ไง..”ผมที่บอกกับเจมิส แน่นอนว่ายิ่งลีลามากเท่าไหร่ ผลตอบแทนที่จะได้รับมันก็ยิ่งสูงขึ้น

ซึ่งพอเจมิสได้ยินเช่นนั้นเธอก็ชะงักไป ร่างของเธอที่ยืนอยู่กำหมัดเอาไว้อย่างแนบแน่น..

“แกมีค่าพอที่ฉันจะช่วย ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สัญญาหรือรับปากกับแกไปหรอก ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าเงื่อนไขนั้นจะเป็นอะไร แม้ว่ามันจะล้ำเส้นไปจนถึงขั้นไหนก็ตาม ฉันจะยอมแค่ครั้งนี้เท่านั้น..เพราะถ้าผ่านคืนนี้ไปแล้ว ฉันอยากจะให้แกลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ไปซะ ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น..”เจมิสที่กล่าวออกมา..

“เธอแน่ใจนะ..”ผมที่ชันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าของเจมิส..

“อึก..ถ้ามันล้ำเส้นแต่อยู่ในขอบเขตที่ฉันพอจะรับไหว ฉันก็ไม่มีปัญหา..”เจมิสที่กัดฟันกล่าวออกมา..

“ถ้างั้นฉันจะไม่ล้ำเส้น..”ผมที่ตอบกลับ ก่อนที่จะ..

ฟุบ..!

ผมที่ใช้ฝ่ามือจับเชยคางของเจมิสขึ้นมาสบตา แต่เธอกลับขึงตามองผม พร้อมกับปัดมือของผมออก ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบ..

ฟุบ..!

เจมิสที่เป็นฝ่ายเคลื่อนใบหน้าเข้ามาจูบริมฝีปากของผม เธอเองก็ต้องการที่จัดการกับเงื่อนไขของเอมพาส..

“อื้ม..”ผมที่ขยับริมฝีปากถาโถมเข้าใส่เจมิส ก่อนจะสอดแทรกลิ้นเข้าไป โดยที่เงื่อนไขของเธอเองก็ต้องจูบแบบดูดดื่ม 

“อู้ว..~ ฉันจะเข้าสู่โหมดปิดเสียงแล้วนะ..~”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา 

ฟุบ..!

ผมที่ค่อยๆเอื้อมฝ่ามือไปสัมผัสลูบไล้ที่บั้นท้ายของเจมิส โดยที่ร่างของเธอก็กระตุกวูบอยู่ชั่วขณะ เธอรีบยกแขนขึ้นมาจับรั้งมือของผมเอาไว้อย่างรวดเร็วตามสัญชาติญาณ แต่สุดท้าย..เมื่อเธอนึกถึงเงื่อนไขของผมขึ้นมาได้ เธอจึงค่อยๆคลายมือลง..

ก่อนที่ต่อจากนั้นผมจะค่อยๆบรรจงปลดกระดุมเสื้อของเจมิสทีละเม็ด ทุกๆการกระทำของผมมักจะถูกขัดเอาไว้อยู่ตลอดไม่ว่าผมจะทำไร

เจมิสทำท่าจะผลักผมออกอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นมา ก่อนจะฝืนใจใช้มือจิกชายเสื้อของผมเอาไว้ 

“ฉันเป็นของเธอนะ..”ผมที่ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบอกกับเจมิส ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะล่วงเลยผ่านไป โดยไม่มีเสียงของไอ้จ้อนที่เข้ามารวบกวน..

ณ เช้าวันรุ่งขึ้น..

หลังจากค่ำคืนที่ผ่านมา ภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในยามเช้าของวันใหม่ นั่นก็คือร่างของสตาร์ในสภาพเปลือยเปล่าที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงสนาม โดยที่ข้างๆมีร่างของเจมิสที่กำลังนอนอยู่ด้วยกัน แต่ทว่าร่างกายของเธอนั้นไม่ได้เปลือยเปล่าเหมือนกับชายหนุ่ม..

[สตาร์]

“อะ..อือ..? หะ..หืม..?”

ผมที่ลืมตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่พบนั่นก็คือตัวเองที่กำลังนอนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าบนเตียงสนาม นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย..? ถ้าจำไม่ผิด..ก่อนหน้านี้ที่ผมตื่นขึ้นมาก็ได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีอายุ แถมในตอนนั้นผมกำลังจับหน่มน้มของเธออยู่ แล้วภาพมันก็ตัดไป..

“หะ..หืม..?! ชะ..เชี้ย..?”ผมที่สบถออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นระรัว ใบหน้าของผมพลันถอดสีไปในทันที เมื่อสายตาเหลือบไปพบเข้ากับร่างที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ ทะ..ทำไมท่านร้อยตรีถึงมานอนอยู่ข้างผม..

“เฮ้ย..!!!! เชี้ย..!!!!! สตาร์อย่าบอกนะว่าเรากับยัยนี่จะ แสว๊กแก๊กกันแล้ว..? อู้ว..! ต้องใช่แน่ๆ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าได้ถูกปลดปล่อย ย้าหู้ว โอ้ว..ครั้งแรกของพวกเรา..”เสียงของไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา มันดูเหมือนจะดีใจยกใหญ่ เดี๋ยวสิ..แต่ผมไม่เห็นจะจำอะไรได้เลย แล้วถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดล่ะ..? เจมิสตื่นขึ้นมาผมมีหวังถูกฆ่าตายแหงๆ ต้องรีบชิ่ง..

“เฮือก..!”

แต่แล้วใบหน้าของผมก็พลันต้องซีดหนัก เมื่อจู่ๆเจมิสที่นอนอยู่ข้างๆก็ไม่รู้ว่าลืมตามาตั้งแต่ตอนไหน ดวงตาของเธอกำลังจ้องมองผมอย่างเคืองโกรธ คิ้วทั้งสองข้างขมวดแน่น..

ฟุบ..!

เจมิสที่จู่ๆก็ชันตัวลุกพรวดออกจากเตียง เธอพลันจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกอย่างหน้าตาเฉย..

“นั่นไง..ตูว่าแล้ว..~ แสดงว่าเมื่อคืนนี้ ฮุๆ ๆ..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา..

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น ฉันอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในตอนที่พลังของฉันตื่น ฉันอีกคนเป็นคนยังไงกันนะ ถึงได้กล้าทำเรื่องแบบนี้ลงไป..”ผมที่กล่าวกับตัวเอง..

“ไม่รู้หรอก แต่ฉันมั่นใจว่าฉันจะต้องชอบแกอีกคนแน่ๆ..”ไอ้จ้อนที่พูดออกมา หุบปากไปเลยแกน่ะ..

“เฮ้ย..! รีบใส่เสื้อผ้าเร็วเข้า พวกนั้นกลับมากันแล้ว..!”

ทันใดนั้นจู่ๆเจมิสก็พุ่งพรวดกลับเข้ามาภายในเต็นท์ ก่อนจะตะโกนบอกกับผมด้วยความตื่นตระหนก..

“อ่อ..~ ให้เก็บเอาไว้เป็นความลับระหว่างพวกแกสองคนสินะ..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา และจากท่าทีของเจมิส..นี่หรือว่าผมจะทำลงไปจริงๆ ทำกับผู้หญิงที่โครตจะน่ากลัวแบบนี้เนี่ยนะ..

“เฮ้ย..! นี่แกหูหนวกเหรอวะ..?!”

“คะ..ครับ..!”ผมที่สะดุ้งเฮือก พร้อมกับดีดตัวลุกพรวดออกจากเตียง ก่อนจะรีบไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ โดยที่ในระหว่างนั้นเจมิสก็ออกไปยืนรออยู่ข้างนอก

ทันทีที่ผมจัดแจ้งตัวเองจนเสร็จ ผมก็เดินออกมาข้างนอกเต็นท์ 

ซึ่งภาพแรกที่ได้เห็นนั่นก็คือร่างของเจมิสและผู้หญิงอีกคนที่ผมเจอในช่วงก่อนที่จะหมดสติ พวกเธอทั้งสองกำลังยืนเอามือไขว้หลังหันหน้ามามองยังทิศทางของผม..

โดยที่ทางเบื้องหน้าของพวกเธอมีร่างของกองกำลังทหารที่กำลังยืนเข้าแถวกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ..

ฟุบ..!

ผมนั้นไม่รอช้ารีบก้าวเดินออกไป ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ..

ซึ่งทันทีที่เหล่าทหารได้เห็นการปรากฏตัวของผม ทหารทั้งกองร้อยก็ต่างหันมามองผมเป็นสายตาเดียวกัน แววตาที่ทหารแต่ละคนมองมามันส่อแววให้เห็นถึงความเคารพนับถือราวกับผมเป็นวีรบุรุษ 

ฟุบ..!

ผมที่รีบเดินอ้อมไปหมายจะไปยืนต่อหลังแถว แต่ในระหว่างที่กำลังเดินทหารทุกๆนายก็กลับจับจ้องสายตาหันหน้ามามองตามร่างของผมที่กำลังเดินกันเป็นแทบๆ..

“ว่าที่สิบตรีสตาร์..”เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่ยืนอยู่กับเจมิส..

“คะ..ครับ..ผมขอโทษครับ พอดีผมพึ่งตื่น .?!”ผมที่ตอบกลับ ซึ่งด้วยความกลัวจนทำให้ผมดันหลุดปากพูดออกไปแบบตรงๆ แต่ก็เอาเถอะพื้นฐานของทหารคือทำผิดต้องกล้ารับผิด..

“หืม..?”ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่พลันหรี่ตาลง ก่อนจะหันไปมองยังเจมิส ซึ่งทางด้านของเจมิสก็พยักหน้าเบาๆ เหมือนกับเป็นสัญญาณ..

“อึก..ซวยแล้ว ฉันต้องโดนซ่อมแน่ๆ..”ผมที่สบถกับตัวเอง สีหน้าของผมในตอนนี้คงจะดูเลิ่กลั่กเป็นอย่างมาก..

“มานี่สิ..ทหารทุกนายอยากจะขอบคุณเธอ..”

“คะ..ครับ..?”ผมที่ถึงกับเอ๋อไปในทันที ร่างที่ยืนอยู่กลางแถวทางขวามือสุดค่อยๆเดินกลับไปตามคำสั่งของผู้หญิงคนนั้น..

“อ่อ..ถึงจะเคยแนะนำตัวไปแล้ว แต่ฉันคงต้องแนะนำตัวใหม่สินะ ฉันคือร้อยเอกซิลเวีย เป็นผู้บัญชาการชั่วคราวของศูนย์บัญชาการแห่งนี้ แต่ตอนนี้ภารกิจจบลงแล้วก็หมายความว่าเธอไม่ใช่ทหารภายใต้การดูแลของฉัน เพราะฉะนั้นเธอเรียกฉันว่าร้อยเอกซิลเวียเฉยๆก็พอ..”ซิลเวียที่กล่าวแนะนำตัวกับผม ซึ่งผมก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว..

ฟุบ..!

ซิลเวียที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอามือป้องหูกระซิบบอกอะไรบางอย่างกับผม..

“เธอในตอนนี้อาจจะจำไม่ได้ แต่ภารกิจล่าสุดนั้น เธอคือวีรบุรุษของพวกเรา จากการบุกเดี่ยวเข้าถล่มกองร้อยของเมลันเทียที่ป้อมปราการจนราบคาบ เธอได้ลอบสังหารทหารนับร้อยนายด้วยตัวเพียงคนเดียว อีกทั้งยังเด็ดหัวผบ.ร้อยและผู้บัญชาการของเมลันเทียได้อีก..”สิ้นคำบอกเล่าของซิลเวีย พร้อมกับร่างของเธอที่โน้มตัวกลับลงไป ผมที่ได้รู้เข้าถึงความจริงก็ถึงกับหน้าเหว๋อไปในทันที..

เมื่อผมหันหน้าไปยังกองกำลังทหาร ทุกๆคนก็ต่างจ้องมองมาที่ผม ไม่เว้นแม้กระทั่งชิออน ฟอร์เน่ มีน่าและเอลซ่า พวกเธอมองผมด้วยความเคารพและนับถือ..

ฟุบ..!

“ทหารทุกนาย..ทำความเคารพท่านผบ.ร้อย..!”

พรึ้บ..!

เสียงของทหารนายหนึ่งที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าสุดพลันเปล่งเสียงออกมา ส่งผลทำให้ทหารทุกนายต่างพากันยกมือวันทยาหัตถ์ทำความเคารพ เสียงตบเท้าดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ..

“อึก..เฮ้ย จะยืนนิ่งอยู่อีกนานไหม..?”เจมิสที่บอกกับผม เมื่อผมได้ยินดังนั้นก็รวบรวมความกล้า ก่อนจะยกฝ่ามือทำวันทยาหัตถ์ตอบรับทหารทุกนาย..

“อะ..เออคือ ผมเป็นผบ.ร้อยเหรอครับ..?”

ทันทีที่ผมเอามือลง ผมก็หันไปถามต่อเจมิสด้วยความสงสัย..

“เออ..เมื่อวานนี้แกได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำหรือผบ.ร้อย ในการนำกองกำลังทหารบุกยึดป้อมปราการกลับคืนมา..”เจมิสที่ตอบกลับ ซึ่งมันก็ได้เป็นตอกย้ำทำให้ผมถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..

ซึ่งหลังจากที่ทุกอย่างจบลง ซิลเวียก็ได้สั่งเลิกแถว มีทหารหลายนายที่เข้ามาพูดคุยกับผม อีกทั้งยังสรรเสริญผมยกใหญ่ ซึ่งผมที่จำอะไรไม่ได้ก็ทำได้เพียงแต่ยิ้มแห้งๆส่งกลับไป..

แต่สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซิลเวียได้สั่งให้ทหารบางส่วนออกเดินทางไปประจำการชั่วคราวอยู่ที่ป้อมปราการและเขตชายแดน จนกว่าที่กองกำลังสนับสนุนจะถูกส่งมาถึง..

ส่วนตัวของผมนั้นก็ได้ถูกเรียกซิลเวียกับเจมิสเรียกให้มาพูดคุยเป็นการส่วนตัว ก่อนที่คนทั้งสองจะอธิบายถึงพลังของผมอย่างละเอียด พร้อมกับทุกๆวีรกรรมที่ผมได้สร้างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการบุกเดี่ยวกวาดล้างกองกำลังทหารบนเนินที่ราบสูงหรือการจับ ผบ.ร้อยของเมลันเทียมาทรมานจนมันคายข้อมูลออกมา ลากยาวไปจนถึงแผนการปิดกล่องที่ผมเองก็เป็นคนเสนอขึ้น..

ซึ่งถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะได้รับรู้เรื่องพลังจากเจมิสมาบ้างแล้วก็ตาม แต่พอได้มาฟังจากปากของคนทั้งสองแบบละเอียดก็ทำเอาผมถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก โดยเฉพาะไอ้จ้อนที่แทบจะทำใจเชื่อไม่ลงว่าผมเพียงคนเดียวจะสามารถบุกเข้าไปลอบฆ่าทหารนับร้อย แถมยังจัดการเผากระโจมของพวกมันจนวอดวาย 

แต่ถึงอย่างนั้นแล้วอย่าว่าแต่ไอ้จ้อนคนเดียวเลย ผมเองก็ยังคงทำใจเชื่อไม่ลงเลยจริงๆ ว่าตัวของผมอีกคนจะสามารถทำอะไรแบบนั้นได้จริงๆ นี่ผมเป็นมูนไนท์ที่มีมาร์กสเป็กเตอร์อยู่ในตัวหรือเปล่านะ..? 

ซึ่งหลังจากที่คนทั้งสองอธิบายและเล่าถึงวีรกรรมของผมจนจบ จู่ๆผู้บัญชาการซิลเวียก็อยากที่จะรู้ถึงวิธีการที่ผมใช้กวาดล้างกองร้อยของเมลันเทียที่ป้อมปราการเมื่อคืน

เธอจึงเสนอร่างกายให้ผมได้สัมผัสเพื่อที่จะปลุกพลัง พอไอ้จ้อนได้ยินก็ร้องแหกปากด้วยความดีใจ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรสุดท้ายก็ต้องถูกเจมิสที่เข้ามาขวางเอาไว้ เพราะไม่เห็นด้วยที่ผู้บัญชาการจะมาทำอะไรแบบนี้..

ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าซิลเวียจะพูดยังไง เจมิสก็ปฏิเสธเสียงแข็ง คนทั้งสองทะเลาะกันอยู่นานราวกับเด็ก ในเมื่อเรื่องทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ เจมิสก็ไม่ใช่ทหารภายใต้การบังคับบัญชาของซิลเวียอีกต่อไป แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นผู้บัญชาการของที่นี่ 

สุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดก็ยุติลงที่ผมถูกเจมิสลากคอออกมา ก่อนจะพากลับมายังเต็นท์ที่พักของเธอเองภายในเวลาต่อมา..

ณ เต็นท์ที่พัก..

“ยัยป้า..ยศสูงกว่าแล้วไง คิดจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ..? ภารกิจจบแล้วยังมีการมาวางอำนาจบาตรใหญ่น่าหงุดหงิดชะมัด..”เจมิสที่ลากคอของผมกลับเข้ามาภายในเต็นท์ ตลอดทางที่เดินกลับมา เธอเอาแต่บ่นซินเวียฉอดๆ..

“แกก็อีกคน..ถ้าไม่จำเป็นจริงๆอย่าไปปลุกพลังส่งเดช..”เจมิสที่หันมาพาลใส่ผม เอ้า..อิหยังวะผมเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย

“หึงด้วยอ่ะ..~”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา..

“พะ..เพราอะไรเหรอครับ..”ผมที่อดสงสัยไม่ได้ก็เลยเสี่ยงตายถามออกไป ส่งผลทำให้เจมิสหันมาถลึงตาใส่ผม หน้าตาของเธอในตอนนี้แม่งโครตจะน่ากลัว

“แกว่ายังไงนะ..?”

“ปะ..เปล่าครับ..”ผมที่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ น่ากลัว..น่ากลัว..

หมับ..!

“อ่อก..!”

“แกอยากรู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร เพราะทั้งสองครั้งที่แกปลุกพลัง แกเกือบที่จะตายเพราะเงื่อนไขของเอมพาสยังไงกันล่ะ..แล้วแกรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยให้แกมีชีวิตรอด..? ก็ฉันนี่ไง..!”เจมิสที่เดินเข้ามาบีบคอของผมด้วยความโกรธ ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าที่เธอพูดมันหมายความว่ายังไง แต่ผมก็เชื่อเรื่องที่เธอบอกว่าการที่ผมปลุกพลัง มันจะเกิดผลกระทบอะไรบางอย่างที่เป็นอันตรายต่อตัวของผมเอง..

“ผะ..ผมขอโทษ..”ผมที่บอกกับเจมิส เธอบีบคอของผมแรงจริงๆ 

ผลัก..!

เมื่อเจมิสได้ยินคำขอโทษของผม เธอก็ผลักร่างของผมออก..

“ทะ..ท่านร้อยตรีครับ..”ผมที่เรียกเจมิสอย่างกล้าๆกลัวๆ..

“อะไร..?”เจมิสที่ตอบกลับแบบห้วนๆ

“งะ..เงื่อนไขเอมพาสมันคืออะไรเหรอครับ..?”ผมที่เอ่ยถาม พอได้ยินก็ดูเหมือนว่าหัวเสียไม่น้อย..

“แม่งเอ้ย..นี่ฉันต้องมานั่งอธิบายให้แก่ฟังใหม่หมดเลยเหรอ..?”เจมิสที่ถึงกับเอามือกุมขมับ การที่เธอพูดแบบนี้ก็แสดงว่าเธอเคยอธิบายให้ผมฟังไปแล้ว แต่คงเป็นในตอนนี้ที่ผมปลุกพลัง..

“เงื่อนไขเอมพาสคือ..”เจมิสที่เริ่มอธิบาย ถึงเธอจะดูหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ซึ่งหลังจากที่ผมได้รับฟังคำอธิบายของเธอ มันก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าในช่วงที่ผมถูกปลุกพลัง ผมจะสามารถใช้ดาบแสงได้แล้ว..

“แล้วเงื่อนไขเอมพาสของผมมันคืออะไรเหรอครับ..?”ผมที่เอ่ยถามต่อเจมิส แต่ทันทีที่เธอได้ยินร่างที่ยืนอยู่ก็กลับกระตุกวูบ เธอนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะจ้องมองมาที่หน้าของผมราวกับจะสูบเลือดสูบเนื้อ..

“อึก..”ผมที่ถึงกับหน้าแห้งไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา..

“เงื่อนไขเอมพาสของแกเป็นแบบสุ่มไม่สามารถที่จะเจาะจงได้ ยิ่งใช้มันมากเท่าไหร่ จำนวนของเงื่อนไขก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และในทุกๆครั้งที่พลังของแกถูกปลุกขึ้นมา แกก็มักจะชอบรนหาที่ตายเรียกเอมพาสออกมา..”เจมิสที่อธิบาย แล้วทำไมเธอถึงต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นด้วยเล่า..

“ผะ..ผมยังมีเรื่องที่สงสัยอยู่อีก ผมในตอนที่ปลุกพลังเป็นคนยังไงเหรอครับ..?”ผมที่ถาม แต่พอเจมิสได้ยินก็ดูเหมือนจะอารมณ์ขึ้นสุดๆ..

“ฆ่า..แม่งน่าฆ่าทิ้งสุดๆไปเลย ถ้าไม่ติดว่าฉันสู้แกในตอนที่ปลุกพลังไม่ได้ แกคงตายไปหลายครั้งแล้ว เอ๊ะ..หรือว่าตอนนี้ฉันควรที่จะ..”เจมิสที่กล่าวออกมา..

“อะ..อึก ถ้างั้นรบกวนขอยืมดินสอกับสมุดพกสักเล่มจะได้ไหมครับ..?”

“แกจะเอาไปทำอะไร..?”

“จดบันทึกเผื่อเอาไว้น่ะครับ ผมกลัวว่าจู่ๆตัวเองอาจจะเกิดลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะในตอนที่ปลุกพลัง..”ผมที่บอกกับเจมิส ถึงยังไงผมก็อยากจะป้องกันเอาไว้ก่อน ซึ่งพอเธอได้ยินเธอก็เดินไปหยิบดินสอกับสมุดพกเล็กๆออกมาจากเก๊ะใต้ลิ้นชัก ก่อนจะโยนมันส่งมาให้ผม

และพอผมได้อุปกรณ์มา ผมก็ทำการจดบันทึกมันลงไปในทันที โดยที่ในระหว่างนั้นเจมิสที่ยืนอยู่ก็แอบมองผมอยู่ตลอด ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าภายใต้ใบหน้าที่เรียบตึงนั้น เธอกำลังคิดอะไรอยู่..

ฟุบ..!

ผมที่ปิดสมุดจดในมือลงหลังจากที่จดรายละเอียดคร่าวๆเสร็จ ผมตั้งใจที่จะใช้สมุดเล่มนี้ในการจดบันทึกและสื่อสารกับผมอีกคนหนึ่งในตอนนี้ถูกปลุกพลัง 

ซึ่งหลังจากที่ผมเก็บสมุดพกเข้าสู่กระเป๋าบนชุดยูนิฟอร์ม ผมก็หันไปมองยังเจมิส ก่อนจะพบว่าเธอกำลังนั่งจ้องผมตาเขม็ง..

“อึก..มีอะไรหรือเปล่าครับท่านร้อยตรี..?”ผมที่เอ่ยถาม ถ้าขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้มีหวังผมต้องอึดตายแน่ๆ..

“เปล่า..ฉันก็แค่สงสัย สงสัยมาตลอดว่าแกลืมจริงๆหรือแค่แกล้งลืม..”เจมิสที่กล่าวออกมา แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอคงจะติดใจกับเรื่องนี้ แต่การที่เธอติดใจ มันจะต้องมีอะไรสักอย่าง ไม่แน่ว่าตอนนี้เธออาจจะ..

“เออคือ..ท่านร้อยตรีครับ..”ผมที่รวบรวมความกล้าเปิดประเด็นกับเจมิส..

“อะไร..?”

“คะ..คือว่าผม ผะ..ผม..”ผมที่อยากจะพูดแต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะถูกฆ่า..

“อะไรของแกว..ะ..?”

“ผมจะรับผิดชอบท่านเองครับ..!”ผมที่กล่าวออกมา เมื่อเจมิสได้ยินก็เบิกดวงตากว้างขึ้น..

“กะแล้วเชียวว่าแกแค่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้..”เจมิสที่พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อของผมอีกครั้ง .

“มะ..ไม่ใช่นะครับ ผมก็แค่เดาเฉยๆ เมื่อเช้าตอนที่ตื่นมา ผมก็เห็นว่าท่านนอนอยู่ข้างๆ ผมก็เลยคิดว่าเมื่อคืนนี้ผมอีกคนอาจจะ..”ผมที่รีบแก้ตัวอย่างไว

“นี่แกกำลังเข้าใจผิดอะไรอยู่หรือเปล่า..? แกคิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะยอมปล่อยให้แกทำเรื่องบัดซบแบบนั้น..?”เจมิสที่กัดฟันกล่าวออกมา น้ำเสียงของเธอฟังดูเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก..

“อะ..อึก พะ..พวกเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆเหรอครับ..? ถ้าเกิดผมทำอะไรไป ผมจะรับผิดชอบเอง..”ผมที่ไม่เชื่อพยายามที่จะถามเจมิส..

“นี่แกหูหนวกหรือยังไงกันวะ..?”เจมิสที่ดูเหมือนจะหมดความอดทนกับผม เธอพลันง้างหมัดขวา แต่แล้ว..

“เฮ..!!!!!!”

ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงเฮของเหล่าทหารที่ดังขึ้น เจมิสที่ยืนอยู่ได้หยุดชะงักพลางหันไปมองข้างหลัง ก่อนที่เธอจะปล่อยผมและรีบเดินออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอก..

“อะไรว๊า..~ ไอ้ฉันก็นึกว่าจะเสร็จพวกเราไปแล้วซะอีก หรือว่าเธอจะแค่ปากแข็งกัน..?”ไอ้จ้อนที่ส่งเสียงออกมาด้วยความเสียดาย..

“ไม่หรอก..เธอจะโกหกไปทำไมล่ะ..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเจมิสออกไป..

“อะไรกันวะ ทำไมกองทัพของเอทารอสถึงได้มาอยู่ที่นี่..?”

ทันทีที่ผมเดินออกมา ภาพแรกที่เห็นนั่นก็คือกองกำลังทหารจำนวนร้อยกว่านายที่ยืนอยู่ เท่าที่สังเกตเห็นกองกำลังทหารเหล่านั้นไม่ใช่กองกำลังทหารที่ประจำการอยู่ที่นี่ บ่งบอกให้เห็นว่าทหารพวกนั้นคือกองกำลังสนับสนุนที่พึ่งจะเดินทางมาถึงได้ไม่นาน..

อีกทั้งชุดเครื่องแบบของทหารกลุ่มดังกล่าวยังเป็นคนละสีกับกลุ่มทหารของที่นี่ นอกเหนือจากนี้ยังมีธงที่มีตราสัญลักษณ์ของรูปนกอินทรีประดับอยู่..

ซึ่งในตอนนี้กองกำลังของผู้มาเยือนกำลังถูกเหล่าทหารที่ประจำการอยู่ที่นี่เข้าห้อมล้อมเอาไว้ อีกทั้งสีหน้าของทหารแต่ละคนจากทั้งสองฝ่ายยังแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ถูกกัน

“ร้อยเอก..เลนัวร์ ช่วยอธิบายให้ฉันฟังจะได้ไหมว่าทำไมกองทัพเอทารอสถึงได้มาอยู่ที่นี่..?”ซิลเวียที่เอ่ยถาม เธอกำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับผู้นำของกองกำลังทหารผู้มาเยือน..

“หึ..เรื่องนั้นฉันควรจะเป็นฝ่ายที่ต้องถามเธอมากกว่า ผู้บังคับบัญชาของกองทัพทารอนได้ยื่นเรื่องมายังผู้บังคับบัญชาของฉัน ฉันได้รับมอบหมายหน้าที่มาจากท่านพันตรีให้มารับช่วงต่อจากเธอ อีกทั้งผู้บัญชาการของเธอยังฝากฉันมาบอกว่าให้เธอรีบกลับไปรายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นยังศูนย์บัญชาการหลักโดยเร็วที่สุด ฉันคงจะไม่ต้องอธิบายนะว่าเธอน่ะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการของที่นี่แล้ว ร้อยเอกซิลเวีย..”เสียงของชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ต้นๆที่กล่าวกับเจมิส เขาเป็นชายที่ผมรูปร่างสูงโปร่งไว้ผมทรงหางม้า อีกทั้งยังสวมแว่นตาเอาไว้ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นนักวางกลยุทธ์ชั้นเลิศ..

บัดนี้กองทัพเอทารอสได้ถูกส่งให้มาประจำการยังเขตชายแดนทางทิศใต้จนเป็นที่เรียบร้อย สถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่กำลังจะสื่อให้เห็นว่ากองทัพทารอนล้มเหลวในภารกิจปกป้องชายแดน จนถึงขั้นที่ถูกสั่งถอดถอนกำลังพลและส่งเหล่าทัพอื่นอย่างเอทารอสให้มาประจำการแทน..

 

 

 

ไรท์:คอมเม้น..!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด