Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. 15

Now you are reading Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. Chapter 15 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงที่ 15 กลยุทธ์โต้ตอบ 100% ของสตาร์..

ภายในเต็นท์ของผู้บังคับบัญชา..

หลังจากที่ผมจัดการรีดข้อมูลของซาเมลเพื่อนรักจนเสร็จ ซิลเวียก็ได้พาผมเข้ามายังเต็นท์ของเธอพร้อมกับเจมิส..

โดยที่บรรยากาศภายในห้องในตอนนี้มันช่างดูสุดแสนจะอึดอัด สีหน้าของซิลเวียกับเจมิสที่แสดงออกมันดูแปลกๆจนผมรู้สึกประหม่า..

“ที่หน้าผมมีอะไรติดเหรอครับ..?”ผมที่เอียงคอเอ่ยถามด้วยความสงสัย พยายามจะทำให้มันดูน่ารัก แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น..

“ปะ..เปล่า เธอทำได้ดีมาก ว่าที่สิบตรีสตาร์ วิธีที่เธอใช้มันเอิ่ม คะ..คือจะพูดยังไงดีล่ะ ฉันไม่เคยคิดว่าคนธรรมดาจะคิดได้..”ซิลเวียที่กล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก..

“ไม่หรอกครับ มันคือวิธีพื้นฐานที่ใครๆก็น่าจะคิดได้ เผลอๆไม่แน่ประเทศอื่นก็อาจจะเอาไปใช้แล้วเหมือนกัน ไม่ว่าจะถูกปลูกฝังให้รักชาติมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่ไม่ใช่ความตาย ตราบใดที่มีปากก็สามารถที่จะคายความจริงได้เสมอ..”ผมที่อธิบายออกมา เมื่อซิลเวียกับเจมิสได้ยินก็ดูเหมือนจะทึ่ง..

“ถ้าเป็นฉันที่โดนกระทำแบบนั้นละก็ถึงต่อให้..อึก”เจมิสที่กำลังกล่าวแต่ก็ไม่อาจจะพูดออกมาได้อย่างเต็มปาก เมื่อภาพของซาเมลเพื่อนรักของผมที่กำลังถูกกระทำแว็บเข้ามาภายในหัวของเธอ..

“แนะนำให้กัดลิ้นครับท่านร้อยตรี ถ้าเกิดท่านกัดแล้วไม่ตาย ยังไงอีกฝ่ายก็คงจะฆ่าท่านทันที เพราะไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลได้ แต่ถ้าเกิดเป็นผมล่ะก็..”

“ทำไม..? แกกำลังจะบอกว่าแกทนได้อย่างงั้นเหรอ..?”เจมิสที่เอ่ยถาม สีหน้าของเธอดูไม่พอใจที่ผมกำลังทำตัวเหมือนเหนือกว่า..

“ใครบอก กัดลิ้นเหมือนกันนั่นแหละครับจะรออะไรล่ะ..”ผมที่ตอบกลับ เมื่อเจมิสได้ยินก็ชะงัก ก่อนที่เธอจะหันควับหลบหน้าของผม..

“อุ๊บ..!”

“คิกๆ..”

เสียงของเจมิสที่กำลังกลั้นขำหน้าดำหน้าแดง เห๋..ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันหนิ ส่วนซิลเวียก็กำลังนั่งขำคิกคักอยู่บนโต๊ะ..

“เอาเถอะ..ฉันขอชื่นชมอีกครั้ง เธอทำได้ดีมากจริงๆ จนพวกเราได้รู้ถึงข้อมูลสำคัญ..”

“ขอบคุณสำหรับคำติชมครับ..แต่ผมว่ายังมีอีกคนที่ท่านควรจะชื่นชม ซึ่งนั่นก็คือท่านร้อยตรีเจมิส เพราะถ้าไม่มีท่านร้อยตรี ผมก็คงจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้..”ผมที่กล่าวออกมา เมื่อเจมิสได้ยินก็ชักสีหน้าไม่พอใจในความประจบประแจงของผม..

“นี่แก..”เจมิสที่หันมาแยกเขี้ยว ส่งเสียงกระซิบกระซาบใส่ผม..

“เธอเองก็ด้วยเจมิส ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือตัวแปรใดๆ การปะทะกันเมื่อวันก่อน เธอสามารถคุมกองร้อยและเอาชนะกองกำลังของข้าศึกมาได้ ถ้าเรื่องนี้จบเมื่อไหร่ ฉันรับปากว่าจะยื่นเรื่องขอเลื่อนขั้นให้เธอกลายเป็นร้อยโท..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา เมื่อเจมิสได้ยินก็เบิกดวงตากว้างขึ้น เธอพยายามสงวนท่าทีไม่ยิ้มออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ..ผมเห็นนะว่าเธอกำลังดีใจจนเนื้อเต้น

“เอาล่ะ..ก็อย่างที่พวกเราได้ยินกันมา ตอนนี้ศูนย์บัญชาการแห่งนี้กำลังตกอยู่สภาวะวิกฤต ฉันจำเป็นที่จะต้องแจ้งข้อมูลทั้งหมดที่รู้ไปยังกองทัพ อีกทั้งยังจะต้องขอกำลังสนับสนุนเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงพวกเราจะรู้การเคลื่อนไหวล่วงหน้าของพวกมัน แต่ถ้าเกิดพวกเราไม่สามารถต้านมันเอาไว้ได้ ศูนย์บัญชาการแห่งนี้มีหวังถูกยึดครองเป็นแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นพวกเมลันเทียจะลำเลียงกองทัพเข้ามาได้ง่ายขึ้น..”ซิลเวียที่กล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เธอกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานภายในเต็นท์ โดยมีผมกับเจมิสที่ยืนอยู่ข้างหน้า..

“ถ้าเป็นไปอย่างที่ไอ้เจ้านั่นบอก พวกเราในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายที่กำลังเสียเปรียบ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะไม่มีทางปล่อยให้พวกมันยึดที่นี่ไปได้ง่ายๆแน่..”เจมิสที่เห็นด้วยกล่าวออกมา..

“ฉันจะขอพูดตามตรงเลยนะ เรื่องกลยุทธ์การรบในตอนนี้ ฉันสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าฉันสู้ผู้บัญชาการของเมลันเทียไม่ได้ พวกมันคงจะใช้เวลาในการวางแผนนี้มานาน ฉันเองถ้าพอจะมีเวลาสักหน่อยก็น่าจะคิดแผนโต้ตอบได้ทัน พวกเราในตอนนี้คงทำได้เพียงแค่ยื้อและต้านพวกมันเอาไว้ จนกว่าที่กองกำลังสนับสนุนจะมาถึง..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา 

 

เมื่อเจมิสได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความกดดันในทันที..ขนาดผู้บัญชาการอย่างซิลเวียที่เชี่ยวชาญเรื่องการวางกลยุทธ์ก็ยังเอ่ยปากว่าจนปัญญา มันจึงทำให้เธอได้แต่ก้มหน้ากำหมัดด้วยความเจ็บใจ

“เออคือ..ผมขอเสนอแผนการโต้ตอบได้ไหมครับ ถ้าเกิดใช้กลยุทธ์ของผมยังไงก็จะสามารถยึดป้อมปราการคืนมาได้อย่างแน่นอน..”ผมที่ยกแขนเอ่ยขึ้นมา..

“นี่แก..ขนาดท่านร้อยเอกยังจนปัญญา แล้วแกจะทำอะไรได้ ไม่สิ..ถึงต่อให้แกมีแผนดีๆ แกก็ไม่ควรที่จะเอ่ยมันออกมา..”เจมิสที่กล่าวออกมา..

“เจมิส..สถานการณ์ในตอนนี้ฉันไม่มีเวลามาห่วงหน้าตาของตัวเองหรอกนะ สิ่งสำคัญคือชัยชนะ ถ้าเกิดว่าที่สิบตรีมีแผนการดีๆ แม้ว่ามันจะมีโอกาสสำเร็จที่ต่ำ แต่ก็ยังดีกว่ายืนรอความตายอยู่ที่นี่..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา เมื่อเจมิสได้ยินก็ถึงกับสะอึก..

“ผมต้องขออภัยด้วยครับ คิดซะว่าผมไม่ได้พูด..”ผมที่ยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ขอโทษเจมิส..

“ไม่เป็นไร..เธอลองบอกแผนของเธอมา..”ซิลเวียที่บอกกับผม..

“ไม่ได้ครับ ร้อยตรีเจมิสสั่งห้ามผมพูด..”ผมที่ตอบกลับซิลเวีย ถึงกับทำให้เจมิสที่ยืนอยู่ข้างๆหน้าเสีย..

“หืม..? แต่ฉันเป็นผู้บังคับบัญชาของที่นี่นะ เจมิสก็คือทหารภายใต้บังคับบัญชาชั่วคราวของฉัน..”

“ยังไงก็ไม่ได้ครับ ผมคือทหารที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของร้อยตรีเจมิสโดยตรง ถ้าเกิดเธอไม่สั่งถึงต่อให้เป็นยศนายพันหรือจอมพลผมก็ไม่ฟังหรอก..”ผมที่ตอบกลับเสียงดังฟังชัด และจากคำพูดนี้มันก็ถึงกับทำให้ซิลเวียเบิกดวงตากว้างขึ้น ทางด้านของเจมิสก็ได้แต่ยืนหน้าเสีย..

“ไอ้เจ้าบ้านี่..!”

“อุ๊บ..ฮ่าๆ ๆ งั้นเหรอ..? ถ้าท่านพันตรีหรือท่านผู้บังคับบัญชาการสูงสุดมาได้ยินเข้า เธออาจจะถูกจับประหารได้เลยนะ..”ซิลเวียที่ส่งเสียงหัวเราะออกมา..

“ยินดีครับ..! ยังไงท่านร้อยตรีเจมิสก็คือผู้บังคับบัญชาการโดยตรงของผม ยกเว้นแต่เธอจะสั่งย้ายให้ผมไปอยู่กับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ ผมจึงจะเชื่อฟังคนผู้นั้น..”

“เอาเถอะๆ ฉันก็หวังว่าจะได้รับฟังแผนดีๆจากเธอนะ เจมิส..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา ก่อนจะหันไปจ้องหน้าของเจมิส..

“อะ..อึก ว่าที่สิบตรีสตาร์..ฉันอนุญาติให้แก่เสนอความคิด..”เจมิสที่หลับตาข่มความอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะเอ่ยปากออกคำสั่งกับผม..

“ครับท่าน..!”ผมที่ยกฝ่ามือขึ้นมาทำความเคารพ ก่อนจะหันไปทางซิลเวีย..

“ผมอยากจะขอบอกเอาไว้ก่อนเลย แผนนี้มันจะไม่ใช่เพียงแค่การต่อสู้กับกองกำลังของเมลันเทียเท่านั้น หากแต่จะเป็นแผนยึดป้อมปราการคืนกลับมา แทนที่จะเป็นฝ่ายรอ..พวกท่านไม่คิดบ้างเหรอว่าเราควรจะใช้วิกฤตนี้ให้เป็นประโยชน์..”ผมที่เอ่ยถามต่อเจมิสและซิลเวีย..

“นี่แกอย่าบอกนะว่าแกกำลังวางแผนบุกโจมตีพวกมัน แทนที่จะรอพวกมันมาบุกโจมตีเรา..”

“ถูกต้องครับ ก่อนหน้านี้ผมเห็นท่านร้อยเอกซิลเวียบอกว่าพวกเราทำได้เพียงแค่รอให้พวกมันบุกมาและต้านเอาไว้จนกว่าที่กองกำลังสนับสนุนจะมาถึง ผมอยากจะรู้เหตุผลว่าอะไรคือตัวชี้วัดว่าพวกเราไม่สามารถที่จะเอาชนะพวกมันได้..?”

“กองกำลังของพวกเราในตอนนี้มีอยู่เพียงแค่หนึ่งร้อยนาย ประกอบไปด้วยเหล่าทหารที่ประจำการอยู่ ณ ศูนย์บัญชาการแห่งนี้ และกองกำลังทหารที่หลบหนีมาจากป้อมปราการ ส่วนที่เหลือก็คือกองร้อยที่พึ่งจะออกไปสู้รบเมื่อวาน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาก็ล้วนแล้วแต่อ่อนล้าจากการต่อสู้ นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีอยู่หลายนายที่ได้รับบาดเจ็บ นี่แหละคือเหตุผลที่พวกเราทำได้เพียงแค่ต้านและรอจนกว่าที่กองกำลังสนับสนุนจะมาถึง..”ซิลเวียที่ให้เหตุผล..

“แล้วท่านไม่คิดบ้างเหรอว่ากองร้อยของเมลันเทียที่เดินทางข้ามชายแดนมาจะไม่อ่อนล้าจากการเดินทาง..? ถ้าเราใช้โอกาสนี้เปิดฉากเข้าจู่โจมพวกมันก่อน ยังไงพวกมันที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจะต้องตื่นตระหนกและเสียรูปขบวนเป็นแน่

และสิ่งที่สำคัญที่สุด ยิ่งถ้าพวกมันรู้ว่ากองร้อยของไอ้เจ้าซาเมลนั่นถูกพวกเรากวาดล้างไปแล้ว ท่านคิดว่าพวกมันจะอยู่เฉยๆโดยที่ไม่ทำอะไรเลยอย่างงั้นเหรอ..?

ถ้าผมคาดเดาไม่ผิด ยังไงตอนนี้พวกมันจะต้องวางแผนเร่งมือในการบุกเข้ามาโจมตีศูนย์บัญชาการของเราอย่างแน่นอน การที่พวกเราสามารถเอาชนะกองร้อยของไอ้เจ้าซาเมลได้ แต่ดันถอยทัพกลับทันที แทนที่จะบุกทะลวงต่อเนื่องยึดป้อมปราการกลับคืนมา นั่นจึงเป็นข้อบ่งชี้ทำให้ศัตรูคิดว่าพวกเราเองก็สูญเสียกำลังคนไปเป็นจำนวนมากและอยู่ในช่วงที่กำลังอ่อนแอ จนต้องถอยร่นกลับมาตั้งหลัก

ด้วยเหตุนี้..นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าพรุ่งนี้เช้าผู้บัญชาการของเมลันเทีย มันจะต้องสั่งเคลื่อนพลบุกมาโจมตีศูนย์บัญชาการของพวกเราอย่างแน่นอน ถ้าไม่ติดว่าวันนี้พวกมันอ่อนล้าจากการเดินทาง พวกมันก็คงจะบุกเข้ามาโจมตีตั้งแต่วันนี้แล้ว..”สิ้นคำอธิบายอันแสนไหลลื่นของผม ซิลเวียที่ได้ยินก็ถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..

“กว่าที่กองกำลังสนับสนุนของพวกเราจะมาถึงอย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึงสามวันเต็มๆ ถ้าเกิดพรุ่งนี้พวกมันบุกเข้ามาโจมตีจริงๆล่ะก็..พวกเรามีหวังจบเห่จริงๆแน่ นี่ฉัน..ลืมคิดถึงจุดนี้ไปได้ยังไงกัน..?”ซิลเวียที่ถึงกับก้มหัวเอาหน้าผากชนฝ่ามือที่กำลังผสานตั้งวางอยู่บนโต๊ะด้วยความละอายใจ เมื่อเจมิสเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยืนสะอึกพูดอะไรไม่ออก..

“เรามาที่เรื่องของแผนการกันดีกว่า แผนที่ผมกำลังจะเสนอต่อไปนี้ ไม่ใช่เพียงแค่พวกเราจะสามารถยึดคืนป้อมปราการกลับมาได้ กองร้อยที่มาสบทบของเมลันเทียจะถูกกวาดล้าง รวมไปถึงผบ.ร้อยและผู้บัญชาการของมันจะถูกสังหารลงอย่างแน่นอน อัตราที่จะทำสำเร็จคือ 100% “ผมที่เปิดโฆษณาถึงแผนการ เมื่อซิลเวียได้ยินก็เงยหน้ากลับขึ้นมา แน่นอนว่าสีหน้าของพวกเธอมันแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อในคำพูดของผม..

“ถ้าเกิดท่านสงสัยในแผนการของผม ผมก็อยากจะขอให้นึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงวานนี้ ด้วยแผนการที่ผมวางเอาไว้ ผมสามารถที่จะสังหารกองร้อยของเมลันเทียได้ทุกนาย รวมไปถึงผบ.ร้อยของพวกมัน แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะโชคช่วยแน่ๆ..”ผมที่กล่าวออกมา แน่นอนว่าพอได้ยินมันก็ทำให้ซิลเวียกับเจมิสเริ่มที่จะเปลี่ยนความคิด และให้ความสนใจกับแผนการของผม..

“ถ้าเป็นอย่างที่พูดจริงๆล่ะก็..ฉันจะยื่นเรื่อ..ง..”

“เรื่องนั้นผมไม่สนใจหรอกครับ ที่มาเป็นทหารก็เพื่อที่จะรับใช้จักรวรรดิ..”ผมที่กล่าวขัดซิลเวีย เมื่อได้ยินก็ชะงักไป แววตาที่เธอใช้มองมายังผมมันแสดงออกถึงความรู้สึกที่หลากหลาย

“ถ้างั้นเชิญเธออธิบายแผนการต่อ..”

“อันดับแรกผมต้องขอดูแผนที่ภูมิศาสตร์ในระแวกของป้อมปราการก่อน..”ผมที่บอกกับซิลเวีย เมื่ออีกฝ่ายได้ยินก็รีบลุกไปค้นหาในหีบอยู่ข้างในทันที..

“แกคงไม่ได้พูดจาไร้สาระใช่ไหม..?”เจมิสที่ยื่นหน้าเข้ามากระซิบถาม..

“ท่านร้อยตรี..พูดแบบนี้ผมโครตรู้สึกน้อยใจเลย ท่านน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้จักผมดีที่สุด..”ผมที่ชำเลืองหางตาบอกกับเจมิส พลางทำหน้านอยๆ พออีกฝ่ายเห็นว่าผมงอนก็ดูเหมือนจะรู้สึกผิด แต่ก็ยังคงวางมาดขรึมทำเป็นไม่สนใจ แบบนี่มันต้อง..

“อึก..เวรเอ้ย..!”ผมที่แสร้งทำเป็นยกมือขึ้นมาจับกุมหน้าอก..

“นี่ กะ..แก..อย่าบอกนะว่า..”เจมิสที่ถึงกับผงะ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผม..

“อะ..เออสิ เวลาฉันจะหมดแล้ว รอฉันฟื้นก่อนแล้วค่อยไปเรียกชิออนกับเอลซ่ามา..”ผมที่บอกกับเจมิลและกลับมาใช้คำห้วนๆแบบเดิม..

“แล้วแกจะฟื้นตอนไหน..?”

“สามชั่วโมงหรืออาจจะนานกว่านั้น..”

“แกจะบ้าเหรอ..? คิดจะปล่อยให้ท่านร้อยเอกต้องรอแกหรือยังไง เดี๋ยวนะ..นี่หรือว่าก่อนหน้านี้แกแค่พูดออกไปแบบส่งๆ สุดท้ายก็เกิดกลัวและรับผิดชอบในคำที่พูดออกไปไม่ได้ จนเอาเรื่องนี้มาอ้างใช่ไหม..?”

“ไม่ใช่โว้ย..”ผมที่ตอบกลับ ซึ่งระหว่างการสนทนาของผมกับเจมิส พวกเรานั้นเอียงหน้าเข้ามาใกล้และกระซิบโต้ตอบกันไปมา โดยพยายามไม่ให้ซิลเวียได้ยิน..

“ฉันจะไปตามชิออนให้..”เจมิสที่ทำท่าจะเดินออกไป แต่กลับต้องหยุดชะงัก เพราะถูกผมรั้งแขนเอาไว้..

“ไม่ทันหรอก..”ผมที่ตอบกลับ

“อยู่ไหนกันนะ..?!”เสียงของซิลเวียที่กำลังหันหลังให้พวกผมเอ่ยถามกับตัวเอง เธอกำลังก้มๆเงยๆค้นหาแผนที่ๆอยู่ในกล่อง..

“กรอด..แม่งเอ้ย..!”

หมับ..!!

ภายในชั่วพริบตาเจมิสที่ยืนอยู่ได้บิดข้อมือของเธอข้างที่ผมกำลังจับอยู่ และเปลี่ยนสลับมาเป็นฝ่ายจับข้อมือของผม ก่อนที่เธอจะนำมือข้างนั้นให้เคลื่อนไปจับสัมผัสที่หน้าอกของเธอ บีบสิครับ..รออะไร

《ชาร์จพลัง 10 หน่วย》

“สตาร์..ฉันรักนาย..!”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา แหม่..เห็นเงียบมาตั้งนาน พอมีเรื่องอะไรแบบนี้โผล่มาไวอย่างกับจรวดเลยนะไอ้จู๋เวร

“เจอแล้ว..!”

ฟุบ..!

ทันทีที่เสียงของซิลเวียดังขึ้น ร่างของผมที่ยืนอยู่ก็ชักมือกลับอย่างไว แทบจะพร้อมๆกับเจมิสที่สะบัดมือของผมออก..

“มาดูสิ..”ซิลเวียที่กลางแผนที่ลงบนโต๊ะ ทันทีที่ผมเดินไปดูรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมา..

“ตรงนี้คือป้อมปราการสินะครับ..?”ผมที่ใช้นิ้วจิ้มลงไปในแผนที่

“ใช่..”ซิลเวียที่ตอบกลับ..

“ส่วนตรงนี้คือเนินที่ราบสูงที่ไอ้พวกเมลันเทียมันใช้ปักหลักจู่โจมพวกเราใช่ไหม..?”ผมที่หันไปถามเจมิส..

“เออ..”เจมิสที่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ชนิดที่อีกนิดเดียวก็คงจะกัดฟันพูด..

“เยี่ยมไปเลย..”ผมที่กระตุกรอยยิ้มออกมา เมื่อซิลเวียกับเจมิสได้ยินดังนั้น สีหน้าของพวกเธอก็ดูใจชื้นขึ้นมา ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้แผนที่..

“ดูจากแผนผัง..เราจะเอากองกำลังมาปักหลักบนเนินที่ไอ้พวกเมลันเทียมันใช้เมื่อวาน เพื่อรอเวลาที่จะเคลื่อนกำลังพล และเมื่อถึงเวลานั้นเราจะให้กองกำลังกระจายตัวอ้อมไป และเข้าปิดล้อมพื้นที่ของป้อมปราการในลักษณะรูปขบวนแบบนี้..”ผมที่ลากนิ้วจากศูนย์บัญชาการไปยังเนินที่ราบสูง ก่อนจะไปหมุนวนรอบๆอาณาเขตพื้นที่ของป้อมปราการ..

“กลยุทธ์นี่มัน..”ซิลเวียที่เบิกดวงตากว้างขึ้น..

“ปิดกล่องยังไงล่ะ เมื่อได้สัญญาณเคลื่อนพล ทหารทุกนายที่กระจายกำลังพลจะต้องเข้าปิดล้อมป้อมปราการในลักษณะเส้นวงกลม พร้อมกับใช้เวทมนตร์โจมตีระยะไกลยิงโถมเข้าใส่เป้าหมายที่อยู่ตรงกลางพร้อมกัน..

ซึ่งเมื่อกองกำลังของข้าศึกถูกกลยุทธ์นี้เข้าไป พวกมันจะเกิดความตื่นตระหนกและสับสน เพราะเราจะเข้าโจมตีแบบสายฟ้าแล็บ พวกมันจะไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวใดๆ ทันทีที่รู้สึกตัวมันก็จะต้องลงไปนอนตายอยู่ที่พื้น อีกทั้งมันจะไม่มีทางหนีหรือฝ่าวงล้อมของพวกเราไปได้..”

“อึก..”เจมิสกับซิลเวียที่ถึงกับกลืนน้ำลาย คนทั้งสองรู้สึกทึ่งในแผนการนี้เป็นอย่างมาก..

“แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ กว่าที่พวกเราจะเข้าปิดล้อม พวกมันก็คงจะสังเกตเห็นและเตรียมแผนรับมือ แกอย่าลืมสิว่าที่ป้อมปราการมันมีหอคอยที่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยโดยรอบได้อยู่ แต่ถึงต่อให้เป็นแบบนั้นก็เถอะ ฉันกลับรู้สึกว่าแผนนี้มันช่าง..”

“สมบูรณ์แบบ..”เสียงของซิลเวียที่กล่าวออกมา เธอวางมือลงไปบนแผนที่ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอกำลังเบิกกว้างขึ้น..

“ว่าที่สิบตรีสตาร์ เธอมันอัจฉริย..ะ..”

“แผนนี้มันยังไม่สมบูรณ์..”

ในขณะที่ซิลเวียกำลังจะกล่าวชื่นชมผม จู่ๆผมก็กล่าวขัดเธอเอาไว้..

“อะไรนะมันจะไม่สมบูรณ์ได้ยังไง”ซิลเวียที่กล่าวออกมา..

“เมื่อกี้ที่ท่านร้อยตรีเจมิสพูดมันก็ถูกอยู่ส่วนหนึ่ง..”ผมที่กล่าวออกมา เมื่อเจมิสได้ยินก็ขมวดคิ้ว เจ๊แกเริ่มที่จะกังวลว่าผมจะพูดอะไรออกมา..

“ไม่เอาน่าว่าที่ร้อยตรีสตาร์ ฉันรู้ว่าเธอภักดีต่อเจมิส แต่ไม่ต้องพูดยกย่อเธอให้ฉันฟังก็ได้..”ซิลเวียที่คิดว่าผมพยายามจะพูดอวยเจมิสกล่าวออกมา โดยที่เจ๊เจมิสเองก็ชักเริ่มที่จะหัวเสีย..

“ผมไม่ใช่พวกที่ชอบประจบประแจงนะครับ สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือถ้าเกิดว่าศัตรูเจอตัวของพวกเราในระหว่างที่กำลังกระจายกองกำลังปิดล้อม ขบวนของพวกเราอาจจะถูกโจมตีจนแตกและเสียรูปขบวน ก่อนจะได้เข้าปิดล้อม ซึ่งถ้านึกภาพไม่ออกก็ลองคิดภาพของวงกลมที่มีรูรั่วดู 

นอกเหนือจากนี้ถึงต่อให้สุดท้ายพวกเราจะดันทุรังปิดล้อมพวกมันได้จนสำเร็จ แต่กลยุทธ์นี้ของพวกเราจะไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป กองกำลังของข้าศึกจะมีเวลาเตรียมพร้อมในการรับมือ พวกมันอาจจะกระจายกำลังกันหาที่กำบังและโจมตีสวนกลับพวกเราได้..”ผมที่บอกถึงข้อบกพร่อง เมื่อซิลเวียได้ยินก็ถึงกับหน้าแห้ง ส่วนเจมิสน่ะเหรอ..? ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาท่าที เจ๊แกก็คงจะยืนยืดอกไปแล้วมั้ง..

“แต่ถึงอย่างนั้น..ผมก็บอกไปแล้วว่ามันคือการจู่โจมแบบสายฟ้าแล็บ ลองคิดดูสิ..ถ้าไม่มีแสงสว่าง ไอ้ทหารที่ประจำการอยู่บนหอคอยของป้อมปราการจะมองเห็นพวกเราไหม..?”

“ไม่มีแสงสว่าง..?”เจมิสที่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ทางด้านของซิลเวียก็หยุดคิดไป ก่อนที่เธอจะเบิกดวงตากว้างขึ้น พร้อมกับยิ้มออกมา..

“อย่างนี่เองสินะ..”ซิลเวียที่กล่าว แต่ทางด้านของเจมิสยังคงงงอยู่

“ใช่ครับ..เราจะทำอย่างงั้น ยังไงพวกมันก็ไม่มีทางที่จะมองเห็น กว่าจะเห็นพวกเราก็เข้ามาปิดล้อมและเปิดฉากการโจมตีแล้ว..”ผมที่กล่าวออกมา..

“เดี๋ยวสิ..ฉันตามไม่ทัน ที่บอกว่าไม่มีแสงมันหมายความว่ายังไง..?”เจมิสที่ถามผม แต่ผมกลับชำเลืองตาไปมองซิลเวีย..

“ก็หมายความว่าพวกเราจะจู่โจมตอนช่วงเวลากลางคืน ที่..ว่าที่สิบตรีสตาร์บอกว่าให้เคลื่อนพลไปซ่อนตัวอยู่บนเนินที่ราบสูง และรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมในที่นี่ก็คือรอให้พระอาทิตย์ตกดิน จึงจะเริ่มเคลื่อนพลอีกครั้ง ก่อนจะกระจายกองกำลังเข้าปิดล้อมศัตรู ถ้าทำแบบนั้นทัศนวิสัยของทหารบนหอคอยป้อมปราการก็จะสังเกตเห็นเราได้ยาก..”ซิลเวียที่เป็นคนตอบแทน เธอดูภูมิใจนิดๆที่ผมให้โอกาสได้มีส่วนร่วมในแผนการนี้ โดยที่เจมิสเองก็ดูเหมือนจะยิ่งทึ่งในแผนการของผม..

“แต่ถึงอย่างไร ภายในป่ารอบๆอาณาเขตป้อมปราการจะต้องมีทหารลาดตระเวณอยู่ รวมไปถึงทหารยามที่เดินตรวจตราอยู่รอบๆแคปม์ที่พักของพวกมัน ถ้าเกิดระหว่างนั้นพวกเราถูกเจอตัวผลลัพธ์มันก็จะออกมาล้มเหลวเหมือนเดิม ถึงต่อให้พวกเราจะโจมตีทหารลาดตระเวณและรีบเร่งบุกเข้าไป ยังไงก็จะต้องมีทหารลาดตระเวณสักนายที่รอดกลับไปรายงานการจู่โจมของพวกเราที่ป้อมปราการได้ก่อนที่พวกเราจะไปถึงอย่างแน่นอน..”ผมที่กล่าวออกมา เมื่อซิลเวียกับเจมิสได้ยินความมั่นใจในแผนการก็ต้องดับสลายลงอีกครั้ง..

“เพราะฉะนั้นเราจำเป็นที่จะต้องส่งมือสังหารเข้าไปจัดการกับกลุ่มทหารลาดตระเวณก่อน รวมไปถึงทหารยามรอบๆแคปม์ที่พักของพวกมันด้วย..”

“มือลอบสังหาร..?”ซิลเวียกับเจมิสที่กล่าวทวน..

“มือลอบสังหารคือคนที่มีทักษะในการลอบสังหารสูง เคลื่อนไหวในที่มืดด้วยความเร็วและฉับไว สังหารโดยที่ไม่ให้ศัตรูหรือพวกของศัตรูได้ทันตั้งตัว การจะลอบสังหารจำเป็นที่จะต้องทำมันด้วยความเร็ว ไม่อย่างงั้นก็จะถูกจับได้..”ผมที่อธิบาย เมื่อซิลเวียกับเจมิสได้ยินก็แสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมา..

“กองกำลังของพวกเราไม่มีคนที่จะทำแบบนั้นได้หรอก..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา..

“ใครบอก..ก็มีอยู่นี่ไง..”ผมที่ชี้ตัวเอง..

“เดี๋ยวสิ..ถึงแกจะทำได้ แต่แกคงไม่คิดที่จะบุกเข้าไปคนเดียวหรอกจริงไหม..? ถ้าอาณาเขตป่าฉันยังพอเข้าใจ แต่ถ้าบุกเข้าไปถึงในแคมป์ แกไม่โง่ก็บ้าจนเกินเยี่ยวยาแล้ว..”

“ก็นั่นแหละครับ ผมมันคนโง่ที่โครตจะบ้า ผมจะจัดการเรื่องทหารลาดตระเวณและทหารยามเอง อีกทั้งการจู่โจมของผมยังจะเป็นสัญญาณสำคัญที่จะใช้ในการสั่งเคลื่อนกองกำลังเข้าปิดล้อม..”

“เฮ้ย..นี่แกฟังอยู่ฉันอยู่หรือเปล่..า..”

“ว่าต่อเลย..”ซิลเวียที่ยกแขนขึ้นมาขว้างเจมิสที่ไม่เห็นด้วยเอาไว้..

“ถ้าเกิดผมไม่สามารถลอบสังหารทหารลาดตระเวณและทหารยามได้หมด หรือในกรณีที่พวกมันรู้ตัวก่อนจนทำให้แผนการล่ม ถึงตอนนั้นกองกำลังทหารของเราที่กำลังกระจายกองตัวกันอยู่ก็สามารถที่จะถอนกำลังได้ในทันที..”ผมที่อธิบาย..

“แล้วพวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าแผนการจะล่มหรือว่าสำเร็จ..?”ซิลเวียที่เอ่ยถาม..

“ทันทีที่ผมออกปฏิบัติการ ถ้าเกิดภายในสองชั่วโมงผมยังไม่กลับมาก็ให้ผบ.ร้อยสั่งถอนกำลังได้เลย แต่ถ้าเกิดว่าแผนการสำเร็จ จงสังเกตควันบนท้องฟ้าให้ดี ผมจะเผาเต็นท์เพื่อเป็นการส่งสัญญาณ ในระหว่างที่เกิดไฟไหม้ ทหารของเมลันเทียคงไม่มีเวลามาสนใจอะไรหรอก ไม่สิ..คงคาดไม่ถึงหรอกว่าพวกเราจะบุกเข้าโจมตี..”ผมที่บอกแผนการกับซิลเวีย..

“ว่าที่สิบตรีสตาร์..แกรู้หรือเปล่าว่าการตัดสินใจของแกมันคือการเดินเข้าไปตาย..”

“ผมทราบดีครับท่าน..”ผมที่หันไปตอบกลับเจมิส

“ทราบดีงั้นเหรอ..? ขนาดแกทราบดีแกยังคิดที่จะเข้าไปตายอยู่อีกอย่างงั้นเหรอ..?”เจมิสที่เอ่ยถาม..

“แน่นอนครับท่าน..”ผมที่ตอบกลับ เมื่อเจมิสได้ยินก็ชะงักไป เธอค่อยๆก้มหน้าลง พร้อมกับกำหมัดแน่น..

“ฉันไม่อนุญาติ..”

“แต่ว่าท่านครับ..”ผมที่พยายามจะโต้แย้ง..

“แกมีความสามารถและพรสวรรค์ที่สูง แกจะสร้างประโยชน์ให้แก่กองทัพได้แน่ เพราะฉะนั้นแล้วฉันไม่มีทางปล่อยให้แกเข้าไปตายโง่ๆแบบนั้นแน่..”

“แต่ผมเป็นทหาร..!”ผมที่ตอบกลับ..

“แกพึ่งจะเป็นทหารได้ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ..!”เจมิสที่เงยหน้าหันมากล่าวกับผม ดวงตาของเธอดูเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก..

“แต่ทหารสำหรับผมมันไม่ได้อยู่ที่คำเรียก แต่มันอยู่ที่ตรงนี้ ข้างในนี้..!!!”ผมที่หันไปตะโกนเสียงแข็งใส่เจมิส พร้อมกับใช้กำปั้นทุบลงหน้าอกของตัวเอง..

“ว่าที่สิบตรีสตาร์ แกกล้าขึ้นเสียงใส่ผู้บังคับบัญชาอย่างงั้นเหรอ..!”เจมิสที่ตวาดเสียงดังลั่น เธอโกรธจนเลือดขึ้นหน้า..

ปัง..!!!

“ผมทราบแล้วครับ..! ผมคือทหารภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน ถ้าท่านสั่งให้อยู่ผมก็จะอยู่ ถ้าท่านสั่งให้ผมไปตายผมก็จะไปโดยที่ไม่ลังเล แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผมอยากจะขอให้ท่านจงพึงระลึกเอาไว้ สงครามน่ะ..ถ้าไม่เสียสละ ชัยชนะมันก็ไม่เกิดหรอก..!”ผมที่ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรง ถึงกับทำให้เจมิสที่เห็นร่างกระตุก และหวังว่าคำพูดที่ลั่นออกไปมันจะเข้าไปกระแทกหน้าหรือกระแทกใจอีกฝ่ายบ้าง ซึ่งก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างงั้น ไม่ใช่เพียงแค่เจมิส แต่ซิลเวียเองก็อึ้งในการกระทำของผม..

“แผนการนี้เธอมีแผนที่จะเคลื่อนกำลังพลเมื่อไหร่..?”ซิลเวียที่เอ่ยถาม เธอกำลังยืนก้มหน้าใช้แขนทั้งสองข้างยันกับโต๊ะเอาไว้..

“ท่านร้อยเอก..”

“เงียบ..! ฉันสั่งให้เธอพูดงั้นเหรอ..?”ซิลเวียที่เงยหน้ากลับขึ้นมาจ้องตาเจมิสด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว จนทำให้อีกฝ่ายที่เห็นถึงกับต้องชะงักไป

“เคลื่อนพลในอีกสามชั่วโมงข้างหน้าสู่เนินที่ราบสูง เราจะใช้เวลาทั้งวันในการอธิบายแผนการนี้ให้เหล่าทหารได้เข้าใจ..”ผมที่บอกกับซิลเวีย

“อืม..ถ้างั้นก็ ร้อยตรีเจมิสรับคำสั่ง..!”

“อึก..ค่ะ..!!”เจมิสที่ถึงกับร่างกระตุกไปชั่วขณะ ก่อนจะฝืนใจยกฝ่ามือขึ้นมาทำความเคารพ..

“รวบรวมกองกำลัง อีกสามชั่วโมงพวกเราจะเคลื่อนพลมุ่งหน้าสู่ที่ราบสูง ศึกในครั้งนี้ฉันจะลงไปบัญชาการด้วยตัวเอง และจะขอมอบหมายให้ว่าที่สิบตรีสตาร์คือผู้นำของภารกิจในครั้งนี้..”

“ทะ..ท่านร้อยเอ..ก..”

“รับทราบในคำสั่งหรือไม่..?!”ซิลเวียที่เอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเจมิสกำลังจะมีข้อโต้แย้ง..

“รับทราบค่ะ..”เจมิสที่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

“ฉันไม่ได้ยิน..”

“รับทราบค่ะ..!!!!”

“ดี..! ถ้างั้นอีกเดี๋ยวก็ไปจัดการซะ..”ซิลเวียที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม..

 

“ขอบคุณครับท่านร้อยเอก แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะขอเรียกร้องอะไรบางอย่าง..”ผมที่กล่าวออกมา..

 

“ว่ามาเลยฉันยินดีที่จะสนับสนุนเธอในภารกิจนี้..”ซิลเวียที่กล่าวออกมา

 

“ผมอยากจะได้ชุดยูนิฟอร์มสีดำทั้งตัว แล้วก็มีดสั้นขนาด 22 เซ็นติเมตร ขอสัก 30 เล่มกำลังดี..”

 

“มีดสั้นอย่างงั้นเหรอ..? ก็มีอยู่..แต่เธอจะเอาไปทำอะไรอย่างงั้นเหรอ..?”ซิลเวียที่กล่าวออกมา..

 

“มันเป็นอุปกรณ์ที่ผมค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญ..”ผมที่ตอบกลับ..

 

“เข้าใจแล้ว..ฉันจะให้คนจัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่จะว่าไปแล้วฉันเองก็ยังมีข้อสงสัย ทำไมถึงต้องเป็นในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า..?”ซิลเวียที่หันมาถามผม..

“นั่นก็เพราะว่า..”

ฟุบ..!

แต่แล้วในขณะที่สตาร์กำลังจะให้คำตอบจู่ๆร่างของชายหนุ่มก็หมดสติไปต่อหน้าต่อตาของซิลเวีย แต่ก็ได้เจมิสที่เข้ามาประคองรับร่างเอาไว้ได้ทัน..

 

“ว่าที่สิบตรีสตาร์..!”ซิลเวียที่พูดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก

“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง มันคือผลข้างเคียงของพลัง ขออภัยที่ฉันได้ไม่ได้รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้..”เจมิสที่บอกกับซิลเวีย ก่อนที่หลังจากนั้นเธอจะรายงานและบอกความจริงให้แก่อีกฝ่ายได้รับรู้ เกี่ยวกับจุดอ่อนของพลังที่สตาร์ถือครอง

 

 

 

 

ไรท์:คอมเม้นเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะครับ คนที่ติดตามมาอย่างยาวนานก็คงรู้ว่าไรท์กินคอมเม้นเป็นอาหาร..!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด