เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 103 ทวงหนี้ (ต้น)

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 103 ทวงหนี้ (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 103 ทวงหนี้ (ต้น)

หลังจาก ซูอัน ใช้คะแนนความโกรธแค้นทั้งหมดไปกับการสุ่มรางวัลสิ่งของที่เขาได้รับมาทั้งหมดนั้นประกอบด้วยผลไม้พลังชี่ 55 ผล น้ำยาศรัทธาพี่น้อง (ขนาดเล็ก) 1 ขวด และโอสถโชคลาภ 1 เม็ด

หากจะสรุปอัตราการได้มาของ ผลไม้พลังชี่ต่อการสุ่มก็จะอยู่ที่ราว 1 ใน 10 ครั้งซึ่งดูเหมือนว่าโชคของเขาไม่ค่อยจะดีนัก

จากนั้นเขาแอบกลืนผลไม้พลังชี่ทั้งหมดไปเรื่อยซึ่ง ทั้ง 55 ผล ส่งผลให้อักขระตัวแรกของเขาเต็มพอดีและล้นไปที่อักขระตัวที่สองอีกนิดหน่อย

“ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามลำดับฟีโบนักชีจริง ๆ ” ซูอัน พึมพำกับตัวเอง

จากลำดับฟีโบนักชี ตัวเลขก่อนหน้าคือ 34 ซึ่งหมายความว่าตัวเลขถัดมาก็คือ 55 ซึ่งผลลัพธ์มันก็ตรงกับสมมติฐานของเขา

สำหรับของเหลวที่ล้นไปยังอักขระตัวที่สองเล็กน้อยมันน่าจะเป็นผลมาจากตอนที่เขาพุ่งชนกำแพงตอนลองทักษะ จ้าววายุ เมื่อวาน

ตามกฎของลำดับฟีโบนักชี เขาต้องการคะแนนความโกรธอย่างน้อย 89,000 คะแนนเพื่อเติมเต็มอักขระที่ 2 ให้เต็มซึ่งมันเป็นจำนวนไม่น้อยเลยที่เขาจำเป็นต้องหามา

เฮ้อ…ผู้บ่มเพาะคนอื่นเขาดูพลังจากหินพลังชี่หรือไม่ก็นั่งบ่มเพาะกันได้แบบสบาย ๆ แต่ทำไมข้ากลับต้องมานั่งดิ้นรนทำให้ตัวเองเจ็บตัวหรือไม่ก็ต้องไปยั่วโมโหคนอื่นเพื่อให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นด้วยแบบนี้กัน!

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากมุมมองของผู้บ่มเพาะปกติทั่วไป พวกคนเหล่านั้นต้องใช้ทรัพยากรการบ่มเพาะจำนวนมากและนั่งบ่มเพาะวันแล้ววันเล่าเป็นปี ๆ กว่าจะเพิ่มระดับขึ้นได้สักระดับ ดังนั้นมันจึงดูเหมือนว่าเขาก็ไม่มีเหตุผลมากพอที่จะบ่นอะไรมากมาย

ตลอดทั้งวัน ซูอัน พยายามทำความเข้าใจกับลำดับชั้นคร่าว ๆ ภายในสถาบันจันทร์กระจ่าง ผู้ที่บ่มเพาะถึงระดับห้านั้นนับว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ในคนจำพวกนี้และจนถึงตอนนี้ ยกตัวอย่างเช่น เพ่ยเหมียนหมาน ภรรยาของเขา และ หยวนเหวินตง

ลำดับชนชั้นถัดมาคือผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะระดับ 4 คนพวกนี้ได้รับความเคารพอยู่พอสมควรในสถาบัน คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีพรสวรรค์และพื้นฐานครอบครัวที่ดี

นักศึกษาในชั้นเรียนปฐพีและชั้นเรียนสีดำ ส่วนใหญ่จะมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับที่ 3 แต่ก็ยังมีบางส่วนที่อยู่ในระดับ 2 ขั้นปลายเหมือนกัน

สำหรับชั้นเรียนสีเหลืองซึ่งมีนักศึกษาจำนวนมากที่สุดในสถาบัน กลุ่มนักศึกษาเหล่านี้หากบ่มเพาะได้ถึงระดับ 2 ก็นับว่าทำได้ดีเกินกว่าที่ใคร ๆคาดแล้วและสามารถทำให้บุคคลคนนั้นเป็นหัวโจกของชั้นเรียนได้เลย

ตามมาตรฐานนี้ ซูอัน ถือว่าตอนนี้ตัวของเขาเองจัดอยู่ในค่าเฉลี่ยไม่เลวนักในสถาบัน การรู้ในเรื่องนี้ทำให้จิตใจของเขาผ่อนคลายลงนิดหน่อย

ท้ายที่สุดชั้นเรียนภาคบ่ายที่น่าเบื่อก็จบลงไปกับการที่ ซูอัน ฆ่าเวลาไปด้วยการสุ่มของรางวัลไป 500 กว่ารอบ ทันทีที่ชั้นเรียนจบลง นักศึกษากลุ่มใหญ่ก็รีบวิ่งกรูออกจากห้องเรียนเพื่อออกไปจากสถาบันที่น่าเบื่อให้เร็วที่สุด

จากการสังเกตสีหน้าอันตื่นเต้นของนักศึกษาทุกคนเมื่อรู้ว่าจบการเรียนของวันนี้แล้ว มันทำให้ซูอันเข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่คิดว่าการเรียนที่นี่มันสุดแสนจะทรมานจนอยากไปให้พ้น ๆ

แม้แต่ เว่ยสั่ว ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน “ลูกพี่ เจอกันพรุ่งนี้~” เมื่อพูดจบเขารีบวิ่งออกไปทันทีและหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว

ฉากที่คุ้นเคยนี้ทำให้ ซูอัน นึกถึงชีวิตก่อนเมื่อโลกที่แล้ว ที่บรรดานักศึกษาทั้งหลายต่างแตกตื่นกันทันทีที่เสียงกริ่งของโรงเรียนดังขึ้น พูดตามตรงเขาเริ่มคิดถึงมันเล็กน้อย

ซูอัน ค่อย ๆ เก็บของของเขาในขณะที่เขาเพลิดเพลินกับการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา หลังจากเลื่อนระดับการบ่มเพาะมันกลายเป็นว่าตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งเท่ากับผู้ใหญ่ 143 คนเรียบร้อย ความแข็งแกร่งดังกล่าวน่าจะเทียบได้กับช้างในโลกก่อนของเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าคนที่อยู่ระดับ 8 หรือระดับ 9 หรือแม้แต่ระดับปรมาจารย์จะน่ากลัวขนาดไหน?

“พี่เขย พี่เขย~”

ซูอัน เงยหน้าขึ้นและเห็น ฉู่ฮวนเจา โบกมือให้เขาด้วยสีหน้าเบิกบานนอกห้องเรียน ท่าทางที่ร่าเริงของนางทำให้รู้สึกเหมือนกับว่านางเป็นผู้หญิงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนปกติที่ดูยังไงก็นิสัยไม่ต่างจากเด็กผู้ชายห่าม ๆ

“เอ่อ…เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” ซูอัน มองนางอย่างระมัดระวัง

“หมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้น? ก็กลับบ้านไง! มันจะไปมีอะไรอีกนอกจากนี้?” ฉู่ฮวนเจา ตะคอกกลับทันที

“อ้อได้ ๆ งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ” ซูอัน ถอยหายใจยาวด้วยความโล่งอก เมื่อครู่เขาคิดว่าเด็กสาวคนนี้จะมาจับผิดอะไรเขาอีก

“เมื่อวานข้าเองก็มาหาท่านแบบนี้แหละแต่ท่านกลับโดดเรียนซะอย่างนั้นทำให้ข้าเหนื่อยไปอย่างเสียเปล่า ท่านนี่มันน่าโมโหจริง ๆ รู้ไหม” ฉู่ฮวนเจาบ่นอย่างไม่พอใจ “แต่ก็ช่างเถอะเพราะวันนี้ท่านก็อยู่ที่นี่

แล้วข้าจะให้อภัยท่านก็แล้วกัน ท่านรู้รึเปล่าว่าข้าได้ทำสัญญากับแม่ของข้าเอาไว้ด้วยว่าข้าจะจับตาดูท่านในระหว่างที่อยู่ในสถาบันทุกวัน!”

ซูอัน ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ “เดี๋ยวนะ ไหนว่าแม่ของเจ้าส่ง หงซิงอิง มาจับตาดูข้าไม่ใช่เหรอ? ว่าแต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? ข้าวางแผนเอาไว้ว่าจะคิดบัญชีกับเขาสักหน่อยกับเรื่องวันนี้”

ฉู่ฮวนเจา ย่นจมูกเล็กน้อยขณะที่นางตอบว่า “ดูเหมือนว่าไอ้คนทรยศนั่นจะตัดสินใจพักในสถาบัน มันน่าจะเป็นเพราะว่าเขาอาจจะกลัวที่จะถูกลงโทษเมื่อกลับไปที่คฤหาสน์แน่ ๆ ดังนั้นเขาจึงหาที่หลบภัยที่นี่”

“ทางสถาบันมีที่พักให้ด้วยเหรอ?” ซูอัน รู้สึกประหลาดใจ นี่เป็นอีกความคล้ายคลึงกันระหว่าง สถาบันจันทร์กระจ่าง และโรงเรียนประจำในชีวิตก่อนหน้านี้

“แน่นอน” ฉู่ฮวนเจาตอบ “สถาบันจันทร์กระจ่าง เป็นสถาบันที่ดีที่สุดในมณฑลนี้และละแวกใกล้เคียง ดังนั้นจึงมีนักศึกษาจากต่างแดนจำนวนมากเดินทางมายังเมืองจันทร์กระจ่างเพื่อลงทะเบียนเรียนที่นี่ และการที่นักศึกษาจากต่างแดนเหล่านั้นไม่ได้มีที่พักในเมืองจันทร์กระจ่างซะทุกคน ดังนั้นทางสถาบันจึงได้จัดเตรียมที่พักให้กับคนบ้านไกลเหล่านั้นเอาไว้ให้พักในระหว่างที่เรียนอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ ท่านเห็นตึกใหญ่ ๆ ตรงนั้นไหม? นั่นล่ะมันคือหอพัก”

ฉู่ฮวนเจา ชี้ไปทางทิศตะวันตก และเมื่อ ซูอัน หันสายตาไปตามที่นิ้วของนางชี้ เขาก็เห็นว่าหลังแนวสวนขนาดใหญ่มีอาคารหลายหลังตั้งตระหง่านอยู่

“ข้าเห็นละ” ซูอัน ตอบกลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขากำลังคิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีรึเปล่าหากเขาจะขอกับอาจารย์ใหญ่เจียงเป็นกรณีพิเศษสักวันหนึ่งเพื่อไปพักที่หอพักนักศึกษาและปั่นประสาททุกคนในหอพักกอบโกยคะแนน

แต่แล้วจู่ ๆ ในระหว่างที่ ซูอัน กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น คะแนนความโกรธแค้นก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาอีกรอบ

“เกิดอะไรขึ้น?”

จากนั้นเมื่อ ซูอัน กวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขาก็ได้เห็นว่าตอนนี้มีหลายคนในบริเวณใกล้เคียงกำลังมองเขาด้วยสายตาอาฆาต ซึ่งตอนนี้เองมันทำให้เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากำลังเดินเคียงคู่อยู่กับ ฉู่ฮวนเจา ไปตามทางเดินที่มีต้นไม้ปกคลุมซึ่งให้บรรยากาศเหมือนกับคู่รักที่กำลังพากันเดินกลับบ้าน!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *