เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 736 พวกเจ้าทุกคนตาบอดหรือไง?

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 736 พวกเจ้าทุกคนตาบอดหรือไง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 736 พวกเจ้าทุกคนตาบอดหรือไง?

บทที่ 736 พวกเจ้าทุกคนตาบอดหรือไง?

เมื่อเห็นพวกเขาวิ่งเข้ามาหา ซูอันก็ทั้งตื่นตระหนกและโกรธจัด “พวกเจ้าทุกคนตาบอดเหรอ? ไม่เห็นหรือไงว่าเกิดอะไรขึ้น!?”

ทุกคนตกตะลึง เมื่อเห็นแม่ชียุงคนหนึ่งตามออกมาจากห้อง

แส้หางม้าของแม่ชียุงกลายเป็นสีดำไหม้เกรียม กลิ่นไหม้ลอยล่องไปในอากาศ

แม้แต่เสื้อแม่ชียุงสีเหลืองสดก็ยังมีรอยไหม้จากไฟ รูขนาดใหญ่เผยให้เห็นผิวหนังที่อยู่ข้างใต้และดึงดูดสายตาของผู้ชายทุกคน แม้ว่านางจะไม่ได้งดงามเท่าบุตรีสวรรค์ของพวกเขา แต่ร่างกายของนางยังคงมีเสน่ห์เฉพาะตัวอยู่บ้าง

แม่ชียุงได้กระโจนออกไปไล่ตามซูอันและชิวฮัวเล่ยแต่นางขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ามีคนอื่นปรากฏตัวตามกันออกมา

ในขณะนี้ ดูเหมือนเป็นการดีกว่าที่จะไม่กระทำการอะไรบุ่มบ่าม

ซูอันและชิวฮัวเล่ยเผชิญหน้ากับนาง แต่เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นการยั่วยุให้นางทำอะไรบุ่มบ่าม พวกเขาเลยไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร สถานการณ์จึงเปลี่ยนเป็นความเงียบแปลก ๆ

แต่แล้วทันใดนั้นก็มีวัตถุขนาดพอ ๆ กับร่างคนแต่ถูกไหม้จนเกรียมแล้วร่วงลงมาจากหลังคาและตกลงมาที่พื้นตรงหน้าพวกเขาอย่างแรง ทั้งหมดกระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ

สายลมเดียวดายซึ่งอยู่ใกล้มากที่สุด เพ่งมองดูมัน “ทำไมถึงมีซากศพแห้งอยู่ที่นี่? หืม? เสื้อผ้าดูคุ้น ๆ?”

เสียงกรีดร้องตามมาอย่างรวดเร็ว “น…นั่นคือ… คือน้ำแข็งเดียวดาย!”

แม้ว่าจะเป็นศพแห้ง แต่นางก็ยังสามารถบอกได้ว่าเขาเป็นใคร จากเสื้อผ้าและรูปลักษณ์ทั่วไป

คนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจ ชิวฮัวเล่ยร้องออกมาทันที “นางคือฆาตกร!”

ในที่สุดนางก็รู้ว่าเหตุใดน้ำแข็งเดียวดายจึงไม่ตอบนางเมื่อร้องเรียกก่อนหน้านี้ และทำไมน้ำแข็งเดียวดายจึงไม่เข้ามาช่วยแม้ว่าการต่อสู้จะปะทุขึ้นภายในห้องทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นคนคอยคุ้มกันจากบนหลังคา

ซูอันเหลือบมองซากศพแห้งและกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

ชายหนุ่มคิดว่าเนื่องจากนางเป็นยุงยักษ์นางน่าจะต้องการเลือดมากกว่ายุงทั่วไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่านางจะกินจุจนแม้แต่คนตัวใหญ่ ๆ อย่างน้ำแข็งเดียวดายจะกลายเป็นซากที่เหี่ยวแห้งขนาดนี้

ขณะที่พวกเขากำลังตกใจจากการตายอันน่าสลดใจของน้ำแข็งเดียวดายแม่ชียุงเริ่มเคลื่อนไหว แส้หางม้าในมือของนางสะบัดไปที่เพลิงเดียวดายซึ่งอยู่ใกล้นางที่สุด

เพลิงเดียวดายไม่สามารถสร้างเกราะพลังชี่ได้ทันเวลา การปะทะนี้ทำให้ซูอันกระอักเลือดออกมาคำโตก่อนจะกระเด็นไปกระแทกเสาที่อยู่ใกล้เคียง

เห็นได้ชัดว่าแม่ชียุงไม่ชอบการถูกไฟเผา นางจึงได้เลือกที่จะจัดการกับเพลิงเดียวดายก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

จากนั้นร่างของนางหายวับไปอีกครั้งด้วยความเร็วอันยิ่งยวดและไปปรากฏกายขึ้นข้าง ๆ สายน้ำเดียวดายอย่างฉับพลัน

แม้ว่าธาตุน้ำจะค่อนข้างอ่อนแอในการโจมตีแต่ก็แข็งแกร่งในการรักษา ถ้านางไม่จัดการก่อนมันอาจกลายเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ

แม่ชียุงเป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสายน้ำเดียวดายเป็นเป้าหมายที่สองต่อจากจากเพลิงเดียวดาย

อย่างไรก็ตาม สายน้ำเดียวดายเป็นชายชราที่มากประสบการณ์เช่นกัน เขาสร้างเกราะพลังธาตุออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ม่านพลังทรงกลมโปร่งใสสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นรอบตัวเขาขณะที่เขายกไม้เท้าออกไปด้านหน้าเพื่อป้องกันตัวเอง

ไม่มีเวลาที่จะใช้ทักษะธาตุใด ๆ อื่นเพิ่มเติมเขาทำได้เพียงเท่านี้เพื่อพยายามขัดขวางคู่ต่อสู้ของเขา ตราบใดที่เขาสามารถต้านทานนางได้แม้เพียงชั่วครู่ เหล่าสหายของเขาก็จะมีเวลามาช่วยเขาได้

แต่น่าเสียดายที่ไม้เท้าของเขาไม่ได้ช่วยรับการโจมตีที่กำลังเข้ามาอย่างที่เขาคิด

ในชั่วพริบตาแม่ชียุงปรากฏกายอยู่ด้านข้างเขาแทน ริมฝีปากสีแดงของนางขดขึ้นอย่างเย้ยหยัน นางยกมือขึ้นและเคาะเกราะพลังธาตุน้ำของเขาเบา ๆ

ธาตุน้ำไม่ได้แหลกสลายง่ายขนาดนั้นและธาตุของเจ้าไม่ใช่ธาตุที่ข้าแพ้ทาง!

อย่าได้คิดว่ามันง่ายที่จะทำลายเกราะพลังธาตุของข้า!

แต่ท่าทางที่สงบนิ่งของเขากลับเริ่มแข็งกระด้างขึ้นทันใด รอยร้าวเริ่มก่อตัวบนเกราะพลังธาตุโปร่งใสของเขา แผ่ขยายออกจากจุดที่นางเคาะเบา ๆ จากนั้นนางก็กำหมัดและชกเข้าใส่เกราะพลังธาตุของเขาอีกครั้ง

คราวนี้เกราะพลังธาตุของเขาไม่สามารถคงตัวได้อีกต่อไปและแตกเป็นเสี่ยง ๆ หมัดของนางกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างจัง

สายน้ำเดียวดายกรีดร้องอย่างน่าเวทนา ในขณะที่ร่างของเขากระเด็นไปข้างหลังราวกับว่าวสายป่านขาด โชคดีที่เกราะพลังธาตุของเขาดูดซับพลังส่วนหนึ่งจากการโจมตีของนางเอาไว้ก่อนหน้า มิฉะนั้นเขาอาจตายคาที่ไปแล้ว

อย่างไรก็ตามเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและคงไม่สามารถต่อสู้ได้อีกพักใหญ่

ทว่าแปดเดียวดายของสำนักมารล้วนเป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์ พวกเขาหลุดพ้นจากอาการตกตะลึงอย่างรวดเร็ว

คนที่ยังเหลืออยู่ต่างเรียกเกราะพลังธาตุของตนออกมา หลังจากสายน้ำเดียวดายถูกจัดการไป พวกเขาได้เตรียมการโต้กลับโดยใช้ทักษะของตนเองเรียบร้อยแล้ว

ทันใดนั้น เถาวัลย์หนามจำนวนมากปรากฏขึ้นใต้เท้าของแม่ชียุง ไม้เดียวดายพยายามจะรั้งนางไว้

แม่ชียุงกระโดดขึ้นไปบนฟ้า อย่างไรก็ตาม เถาวัลย์ที่แปลกประหลาดนี้กลับดูเหมือนสิ่งมีชีวิต พวกมันพุ่งตามขึ้นไปบนท้องฟ้าและสยายออกเหมือนตาข่ายก่อนจะพันรอบขาของนางเอาไว้

สีหน้าของแม่ชียุงเย็นชา นางฟาดฟันเถาวัลย์หนามด้วยแส้หางม้าที่ตอนนี้ดูคล้ายกระบี่อันแหลมคมอย่างไม่น่าเชื่อ พวกมันสับเถาวัลย์ส่งน้ำสีเขียวกระจายไปทั่วทุกแห่ง อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นที่รุนแรงของวัชพืช

ในขณะเดียวกันนี้เอง ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้าหาแม่ชียุงอย่างรุงแรง มันคืออาวุธลับพิเศษของโลหะเดียวดาย

การจับจังหวะเวลาโจมตีของเขานั้นสมบูรณ์แบบ เขาใช้ช่วงเวลาที่แม่ชียุงกำลังเสียสมาธิที่สุดโจมตีอย่างฉับพลัน

เขาไม่ได้ออมพลังไว้เหมือนก่อนหน้านี้ตอนที่เขาต่อสู้กับซูอัน ขณะนี้ลูกคิดแต่ละลูกก็มีพลังมากพอที่จะบดขยี้ก้อนหินขนาดใหญ่ให้เป็นผุยผงได้อย่างง่ายดาย

เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับน้ำแข็งเดียวดาย ดังนั้นขณะนี้จึงเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเมื่อเห็นว่าสหายเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า ในสายตาของเขาไม่มีที่ว่างสำหรับความเมตตา

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ แม่ชียุงจึงโกรธจัด ร่างกายของนางสลายกลายเป็นฝูงยุงดำทะมึน

ลูกคิดมีจำนวนมากก็จริง แต่ตอนนี้ยุงเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า…

ตอนนี้โลหะเดียวดายเข้าใจความรู้สึกของการพยายามใช้ปืนใหญ่ยิงยุง ซึ่งยุงเหล่านี้สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ตามต้องการ การโจมตีเต็มกำลังของเขาพุ่งผ่านอากาศที่ว่างเปล่า!

“แม่ชียุง! นางคือแม่ชียุง!” เสียงร้องอุทานด้วยอารมณ์สยดสยองดังขึ้น

สำนักมารแปดคนล้วนแต่เป็นผู้บ่มเพาะที่มากด้วยประสบการณ์ หนึ่งในนั้นจำได้อย่างรวดเร็วว่านางเป็นใคร

ความเงียบเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ในตอนแรกแปดเดียวดายต่อสู้ด้วยใจกล้าหาญและเคียดแค้น แต่ตอนนี้ดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความกลัว

ฝูงยุงดำรวมตัวกันเป็นแม่ชียุงอีกครั้ง นางถือแส้หางม้าไว้ในมือข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกมือหนึ่งไพล่อยู่ด้านหลัง นางยืดอกอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนรู้ว่าข้าเป็นใคร ทำไมไม่ถอนตัวออกไปแต่โดยดีให้ข้าผู้นี้?”

นางสามารถบอกได้จากการปะทะกันเมื่อครู่ว่าคนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งพอสมควร แม้ว่านางจะไม่ได้กลัวพวกเขา แต่การจัดการกับคนเหล่านี้ทั้งหมดจะทำให้นางต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เป้าหมายหลักของนางคือวิชาวัฏจักรหงส์อมตะของซูอัน แต่ตอนนี้นางไม่อยากพลาดโคมจักพรรดินีของหญิงสาวสวยคนนี้เช่นกัน

เมื่อเห็นว่าแปดเดียวดายที่แข็งแกร่งยังไม่อาจต้านทานได้ ซูอันถามหญิงสาวสวยในอ้อมแขนของเขาทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แม่ชีคนนี้มีชื่อเสียงมากงั้นเหรอ?”

แม้ว่าเขาจะรู้ตั้งแต่แรกว่าบุคคลนี้ถูกเรียกว่าแม่ชียุง แต่เขาไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่ายมาก่อน

ชิวฮัวเล่ยหน้าแดง “ปล่อยข้าลงก่อนได้ไหม? จะกอดข้าแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?”

ซูอันตอบสนองในทันทีเขาหัวเราะด้วยความเขินอายและพูดว่า “ก็ก่อนหน้านี้เจ้าเจ็บหนักขนาดนั้น ข้าก็เลยคิดว่าเจ้ายังไม่หายดี”

เขาปล่อยนางลงในขณะที่พูด เขาไม่ได้ตระหนักถึงมันก่อนหน้านี้ในขณะที่เผชิญกับสถานการณ์เป็นตาย แต่ร่างกายของนางก็อ่อนนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อจริง ๆ แถมนางยังส่งกลิ่นหอมที่ทำให้สัตว์ร้ายภายในกายของเขาคลุ้มคลั่ง

แม้ว่าเขาจะปล่อยนางลง เขาก็ยังได้กลิ่นหอมที่หลงเหลืออยู่บนปลายนิ้วของเขา

“ข้าเกือบจะหายดีแล้ว” ชิวฮัวเล่ยทัดผมที่ยุ่งเหยิงเอาไว้หลังใบหูอย่างเขินอาย ใบหน้างามของนางขึ้นสีดอกกุหลาบระเรื่อ บางทีอาจเป็นผลจากแสงไฟในห้องที่อยู่ใกล้เคียง “ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้าไว้ก่อนหน้านี้”

สีหน้าของซูอันเต็มไปด้วยความผิดหวัง “แค่ ‘ขอบคุณ’ เองเหรอ? ความจริงใจอยู่ตรงไหน? เจ้าไม่ควรอุทิศทุกอย่างให้กับผู้ที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้เหรอ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด