เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 760 ลิ้นปริศนา

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 760 ลิ้นปริศนา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

———-

บทที่ 760 ลิ้นปริศนา

เพ่ยเหมียนหมานตระหนักได้ว่าซูอันกำลังพูดถึงอะไร นางจำได้ว่าเขามีความสามารถที่จะเคลื่อนที่ข้ามระยะไกลได้ในพริบตา นางหายใจออกด้วยความโล่งอกและโอบรอบตัวเขาแน่น

จ้าววายุสามารถเคลื่อนที่ได้ประมาณสามสิบจั้งต่อครั้ง หลุมนี้ใหญ่พอ ๆ กับสนามฟุตบอลหลายสนามต่อกัน ดังนั้นหากเขาอยากจะข้ามไปอีกด้านหนึ่งของหลุม ก็จำเป็นต้องใช้มันอย่างน้อยห้าครั้งเพื่อที่จะสามารถไปถึงอีกฝั่งหนึ่งได้

น่าเสียดาย พลังที่เหลือในตัวของเขาขณะนี้เหลือพอแค่ใช้จ้าววายุติดต่อกันได้แค่สามครั้งเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรกังวลในตอนนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรกของเขาคือการหนีจากจุดอันตรายในปัจจุบัน

เสี้ยววินาทีต่อมา ซูอันใช้จ้าววายุพุ่งขนานไปกับกำแพงที่เขาเกาะอยู่ห่างออกไปสามสิบจั้ง ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องพุ่งไปถึงอีกฝั่งหนึ่งของหลุม แค่ย้ายจากจุดเมื่อครู่ก็พอแล้ว

ทันทีที่ซูอันปรากฏตัวขึ้น ชายหนุ่มก็แทงกระบี่เข้าไปในกำแพงอย่างฉับพลัน แต่เมื่อร่างกายหยุดย่างกะทันหัน แรงพุ่งจึงทำให้ร่างของเขากับเพ่ยเหมียนหมานกระแทกกันอย่างรุนแรง

ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

ร่างกายของทั้งสองได้เกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่นที่สุดแล้ว ดังนั้นการปะทะกันจึงยิ่งทำให้ร่างกายของซูอันมีปฏิกิริยามากยิ่งขึ้น

เพ่ยเหมียนหมานกัดริมฝีปาก นางขยับไปที่หูของเขาและกระซิบว่า “เจ้ามันแย่มาก…ถ้าชูเหยียนรู้ว่าเจ้าเป็นคนที่แย่แค่ไหนเจ้าเสร็จแน่!”

“เรื่องนี้เจ้าตำหนิข้าไม่ได้! นี่เป็นเพียงปฏิกิริยาตามธรรมชาติของผู้ชาย ข้าไม่สามารถควบคุมมันได้!” ซูอันอยากจะร้องไห้

ข้าก็แค่พยายามที่จะช่วยให้พวกเรารอดชีวิตได้ทั้งสองคน!

“ข้ารู้…”เพ่ยเหมียนหมานหยุดชั่วคราวแล้วพูดเบา ๆ “ข้าไม่ได้โทษเจ้านี่นา”

หัวใจของซูอันสั่นเทา เจ้าพยายามจะพูดอะไร?

ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เขาไม่มีเวลาขบคิดเกี่ยวกับมันในตอนนี้ เพราะก้อนงูขนาดใหญ่มันตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน มันกำลังกลิ้งเข้าหาพวกเขา เมื่อมันกลิ้งไปมา ดูเหมือนว่าขนาดของมันจะโตเร็วกว่าเดิม

ซูอันสาปแช่งในใจ เขาเตือนเพ่ยเหมียนหมานจากนั้นใช้จ้าววายุอีกครั้งโดยข้ามไปที่ส่วนอื่นของกำแพง

ซูอันหายใจไม่ออกหลังจากใช้จ้าววายุสามครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็ว หลังจากนี้ตัวเองจะไม่สามารถใช้จ้าววายุได้อีกสักระยะ แต่ละครั้งเขาได้เคลื่อนที่ไปไกลที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก

ซูอันเฝ้าดูก้อนงูขนาดใหญ่ไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ โชคดีที่เพ่ยเหมียนหมานสามารถฟื้นคืนความแข็งแกร่งของนางได้บ้างแล้วเล็กน้อย และใช้เปลวไฟสีดำของนางปกป้องเขา

ซูอันใช้โอกาสนี้เพื่อปีนป่ายให้ห่างออกไปอีก แต่หลังจากนั้นทั้งสองก็พบว่าตัวเองไม่มีทางเลือก

ซูอันหันไปมองที่ระยะทางสิบจั้งสุดท้ายที่อยู่ห่างออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ เขามั่นใจแปดในสิบส่วนว่าปลายอุโมงค์อยู่ตรงนั้น แต่ไม่มีทางที่ทั้งสองคนจะไปถึงได้ทัน

ซูอันป้องกันงูบางส่วนที่พุ่งเข้ามาในขณะที่เขาเฝ้าดูก้อนงูขนาดใหญ่กลิ้งเข้ามาพร้อมกับขยายขนาดเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

ชายหนุ่มประเมินสถานการณ์และเดาว่าก้อนงูจะมาถึงตัวพวกเขาก่อนที่จะปีนไปถึงแน่นอน

แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของชายหนุ่มยังคงผลักดันให้ตัวเองฟันงูที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยกระบี่ แต่เมื่อก้อนงูนั้นกลิ้งและขยายใหญ่เข้ามาใกล้ พวกเขาทั้งสองก็สิ้นหวังอย่างแท้จริง

ทว่าทันใดนั้น กำแพงที่อยู่ใกล้ ๆ กลับเปิดแยกออก และลิ้นขนาดยักษ์ก็พุ่งออกจากกำแพงตรงเข้าหาก้อนงูอย่างน่าสะพรึงกลัว

“อาซู พวกเราจะตายกันที่นี่เหรอ?” เพ่ยเหมียนหมานมองลงไปที่ก้อนงูยักษ์ที่อยู่ด้านล่าง ตอนนี้นางสามารถเห็นลักษณะที่น่าสยดสยองและน่าขยะแขยงของงูทุก ๆ ตัวได้อย่างชัดเจน

ยังมีระยะห่างระหว่างทั้งสองกับก้อนงูนั้นอยู่บ้าง แต่พวกเขาบอกได้ว่าเหลือเวลาไม่นานก่อนที่จะมาถึงตัว

“เราจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย!” ซูอันกล่าวอย่างหนักแน่น เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะคิดหาวิธีที่เป็นไปได้ในการจัดการกับก้อนงู แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่จัดการกับพวกมันทีละตัว

เพ่ยเหมียนหมานเงยหน้าขึ้นมองเขา “เจ้ารู้สึกเสียใจไหมที่ฉู่ชูเหยียนไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้าในช่วงเวลาสุดท้าย?”

ซูอันฟันงูที่พุ่งเข้ามาพลางส่ายหัวและพูดว่า “ทำไมข้าต้องเสียใจด้วย? ข้าพอใจที่มีเจ้าอยู่กับข้า!”

ริมฝีปากของเพ่ยเหมียนหมานโค้งขึ้นเมื่อนางได้ยินคำตอบและรอยระเรื่อแดงก็ปรากฏขึ้นบนแก้มสีซีดของนาง

แต่แล้วจู่ ๆ นางก็นึกถึงอะไรบางอย่างและพูดพร้อมกับถอนหายใจ “เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่ามัน…มันจะดีแค่ไหนถ้าเราสองคนได้เจอกันก่อนหน้า…”

ซูอันตอบอย่างไม่รู้ตัวว่า “ถ้าเราพบกันก่อน เจ้าคงไม่เหลียวมองข้าเลยด้วยซ้ำ!”

“อย่างน้อยเจ้าก็รู้จักตัวเองดี” เพ่ยเหมียนหมานกล่าวพร้อมหัวเราะ นางเห็นด้วยอย่างเต็มที่ ด้วยบุคลิกของนางเอง หากไม่ใช่เพราะฉู่ชูเหยียนแต่งงานกับซูอัน นางคงไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ

ซูอันหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “จู่ ๆ ทำไมเจ้าถึงถามข้าแปลก ๆ แบบนี้? หรือว่า…เจ้าตกหลุมรักข้าขึ้นมาจริง ๆ เหรอ?”

เพ่ยเหมียนหมานไม่รู้สึกรำคาญหรืออับอาย แต่ในทางกลับกัน นางเงยหน้าขึ้นและมองเข้าไปในดวงตาของเขาด้วยดวงตากลมโตใสกระจ่าง จากนั้นนางก็กดริมฝีปากของนางกับปากของเขา

ซูอันตกตะลึง ริมฝีปากสีแดงอ่อน ๆ และกลิ่นหอมหวานของนางทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมตัวเองและงูบางส่วนก็เกือบจะมาถึงตัว เขารีบเหวี่ยงกระบี่ใส่พวกมัน

เวลาผ่านไป ใบหน้าที่อ่อนแอและซีดเผือดของเพ่ยเหมียนหมานดูเหมือนจะเป็นสีชมพูเล็กน้อย นางเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย “อย่าเข้าใจผิด ข้าแค่รู้สึกว่าการตายโดยที่ไม่เคยได้ลองจูบใครสักครั้งนั้นเป็นเรื่องน่าเสียดาย ข้าก็เลยลองดู เจ้าอย่าได้คิดไปไกลนัก!”

ซูอันผิดหวัง “ทำไมเจ้าพูดเหมือนกับว่าเจ้ายินดีจูบกับใครก็ได้ขอแค่เป็นผู้ชายก็เท่านั้น?”

รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมาน “ใช่ มันไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าแค่คนเดียวหรอก”

ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ยังมีอีกหลายสิ่งที่เจ้ายังไม่ได้ลอง ข้ายินดีที่จะพาเจ้าไปสัมผัส!”

“ไปให้พ้นเลยไอ้คนลามก!” เพ่ยเหมียนหมานตวาดกลับ อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่ได้รับคะแนนความโกรธแค้นเลย ดังนั้นจึงดูเหมือนว่านางไม่ได้โกรธเขาจริง ๆ

บรรยากาศแห่งความกำกวมทำให้หลุมกับดักที่ชั่วร้ายนี้อบอวลไปด้วยความอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด แต่ทั้งคู่รู้ว่าเวลาของพวกเขากำลังจะหมดลง

ก้อนงูยักษ์หยุดลง เห็นได้ชัดว่าพวกมันมีความสุขกับการที่พวกมันอยู่ใกล้เหยื่อ และก้อนงูก็หยุดโต เหล่างูที่อยู่ตรงยอดของก้อนงูตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะพุ่งขึ้น

จำนวนงูที่พร้อมจะพุ่งโจมตีพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า และซูอันไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถหยุดพวกมันได้ทั้งหมด หรือต่อให้เขาจะยับยั้งระลอกแรกของงูที่พุ่งเข้าหาได้ มันก็จะยังมีอีกหลายระลอกที่จะมาถึง

เมื่อความสิ้นหวังเริ่มคืบคลานเข้ามา จู่ ๆ ส่วนหนึ่งของกำแพงที่อยู่ใกล้ ๆ ก็แยกออกทันทีและบางสิ่งที่มีสีเทาแกมเขียวรูปร่างหนาเหมือนลิ้นพุ่งออกจากกำแพง มันแทงเข้าไปในก้อนงูยักษ์โดยตรง และหดกลับไปพร้อมกับดึงงูติดไปด้วยเป็นจำนวนมาก

จากนั้นไม่กี่อึดใจมีเสียงเคี้ยวดังมาจากด้านหลังรูในกำแพง ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังเพลิดเพลินกับอาหารมื้อโต

ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานมองหน้ากันไม่รู้จะพูดอะไร ต่างกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “นั่น…นั่นมันตัวอะไร!?”

ทั้งสองแบ่งปันความสยองขวัญร่วมกัน “นั่นสิ…!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด