เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 507 ประโยชน์จากภัยพิบัติของผู้อื่น

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 507 ประโยชน์จากภัยพิบัติของผู้อื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 507 ประโยชน์จากภัยพิบัติของผู้อื่น

บทที่ 507 ประโยชน์จากภัยพิบัติของผู้อื่น

“จริงสิ ข้าได้ยินมาว่ามังกรเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เจ้าขโมยสมบัติของมันไปแบบนี้มันจะไม่มาตามล่าเจ้าจนถึงสุดขอบโลกหรอกเหรอ?” เจิ้งตานเอ่ยถามเมื่อพวกเขาพากันเดินออกจากถ้ำ

“ไม่ต้องห่วง มังกรตัวนั้นมันจะไม่กลับมาอีกแล้วแน่นอน” ซูอันยิ้ม

เจิ้งตานรู้สึกประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าข่าวลือในเรื่องที่เจ้ามีผู้บ่มเพาะที่แสนจะแข็งแกร่งคอยช่วยเหลืออยู่จะเป็นเรื่องจริง”

ตระกูลซ่างได้มอบหมายงานให้นางในการสืบเรื่องนี้เช่นกัน แต่นางไม่คิดมาก่อนว่าจะได้รู้ความจริงด้วยวิธีนี้ ราคาที่นางจ่ายไปมันสูงเกินไป!

“แล้วถ้าข้าบอกว่าข้าเป็นคนฆ่ามันเองล่ะ?” ซูอันอดไม่ได้ที่จะพูด

“เจ้านี่ชอบคุยโม้จริง ๆ!” เจิ้งตานเย้ยหยัน “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับตระกูลซ่างหรอก!”

เห็นได้ชัดว่า นางไม่เชื่อว่าซูอันจะมีความสามารถพอที่จะฆ่ามังกรยักษ์ที่น่ากลัวตัวนั้น แต่อันที่จริงมันไม่แปลกที่นางจะไม่เชื่อ เพราะศพของมังกรตัวนั้นหายไป ซึ่งมันยิ่งทำให้ดูน่าเชื่อว่าเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงสักคนที่จัดการมันและเอาศพมันไปด้วยมากกว่า

ว่าแต่ผู้บ่มเพาะคนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนถึงกับสามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นมังกรได้?

นางเคยมั่นใจเสมอว่าตระกูลเจิ้งเหนือกว่าตระกูลฉู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนนี้ที่ตระกูลฉู่อยู่ในจุดที่ยากลำบาก

อย่างไรก็ตาม หากตระกูลฉู่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้บ่มเพาะระดับสูงเช่นนี้มันก็ยากที่จะบอกว่าใครจะเหนือกว่าใคร

นางยังคิดในใจว่าอยากจะชักนำซูอันมาสู่ตระกูลเจิ้ง แต่ยังคงมีปัญหาเกี่ยวกับการหมั้นหมายของนางกับซ่างเชียน นางถอนหายใจยาวก่อนจะตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อไป

“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ซูอันจับมือนางเมื่อเขารู้สึกว่าอารมณ์ของนางเปลี่ยนไป

“ข้าไม่เป็นไร” เจิ้งตานฝืนยิ้ม จู่ ๆ นางก็นึกถึงบางสิ่งและรีบถาม “เดี๋ยวก่อนนะ ถ้ามีผู้บ่มเพาะคอยช่วยเหลือเจ้า ถ้างั้นสองสามวันมานี้… เรา…เรา…สองคน… เขาไม่เห็นทั้งหมดเลยเหรอ?”

นางรู้สึกอับอายอย่างมากที่พวกนางทั้งสองได้ละทิ้งความยับยั้งชั่งใจทั้งหมดในขณะที่อยู่ในถ้ำ นางไม่รังเกียจที่จะแสดงให้ซูอันเห็นนางในด้านนี้ แต่จะรู้สึกละอายอย่างยิ่งยวดหากมีใครคนอื่นมาเห็นมันด้วย

“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครเห็นอะไรทั้งนั้น” ซูอันให้ความมั่นใจกับนางในขณะที่รู้สึกผิดอยู่ข้างใน พี่หญิงใหญ่เป็นผู้หญิง ดังนั้นคงจะไม่เป็นอะไรหรอกใช่ไหม?

พี่หญิงใหญ่นี่เป็นพวกสองหน้าจริง ๆ! นางบอกว่านางจะไปจำศีลแต่นางกลับแอบดูพวกเขาในบางเวลาซะงั้น!

หลังจากที่ซูอันปลอบโยนเจิ้งตานซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจิ้งตานก็สงบลงในที่สุด

แต่แล้วหลังจากที่ทั้งสองออกเดินไปได้เพียงครู่เดียว เจิ้งตานก็ตะโกนร้องออกมา “เดี๋ยวก่อน!” นางหันหลังวิ่งกลับไปที่ถ้ำ

ซูอันงงงวย ชายหนุ่มไม่รู้ว่านางจะทำอะไร แต่ก็ตามนางกลับไปอยู่ดี เขาเห็นว่านางกำลังทำความสะอาดบริเวณที่ทั้งสองคนเคยนอนด้วยกัน

ฟางที่เละเทะถูกเก็บกวาดจนเรียบร้อย จากนั้นนางก็เรียกพลังธาตุน้ำออกมาเพื่อล้างทุกอย่างให้สะอาดหมดจด

ซูอันยืนมอง เขาอ้าปากค้างเล็กน้อย

เจิ้งตานจิกกระโปรงของตัวเองด้วยความเขินอาย “มันดูน่าอายนิดหน่อยถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้”

ซูอันไม่สามารถเชื่อมโยงหญิงสาวที่ขี้อายคนนี้กับผู้หญิงที่เร่าร้อนเมื่อสองสามวันก่อนได้

ทั้งสองมุ่งหน้าลงจากภูเขาด้วยกัน และเมื่อพวกเขายังอยู่ห่างจากกลุ่มค้นหาสามสิบจ้าง เจิ้งตานก็หยุดซูอันในทันใด “อาซู อย่าตามมา”

“เจ้ากังวลว่าคู่หมั้นของเจ้าจะจับพิรุธเราได้งั้นเหรอ?” ซูอันหัวเราะ

เจิ้งตานส่ายหัวและรีบอธิบาย “ไม่ใช่! เพียงแต่ซ่างเชียนเป็นคนใจแคบและเขาไม่ชอบเจ้าเอาซะเลย ตอนนี้เราอยู่ที่ห่างไกล และไม่มีใครอยู่เลยนอกจากคนของเขา ข้ากังวลว่าเขาจะ…ทำร้ายเจ้า!”

คำพูดของนางฟังดูมีเหตุผลต่อซูอัน มีเพียงทหารของกองทหารลาดตระเวนลำน้ำของซ่างเชียนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ และพื้นที่บริเวณนี้ก็เป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คนไม่มีผู้คนอาศัยอยู่เลย ซ่างเชียนอาจถือโอกาสนี้โจมตีเขาได้

“งั้นข้าส่งเจ้าแค่นี้ก็แล้วกัน ดูแลตัวเองดี ๆ” ซูอันบอกลานางอย่างไม่เต็มใจ

เจิ้งตานโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ก่อนที่จะเขย่งปลายเท้าจูบเขาอย่างลึกซึ้งและเนิ่นนาน และแยกจากเขาไปอย่างไม่เต็มใจเช่นกัน

“ตานเอ๋อร์! ตานเอ๋อร์! เจ้าอยู่ที่ไหน???” เสียงตะโกนของซ่างเชียนดังมาจากระยะไกล

ซูอันซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่เพื่อไม่ให้ซ่างเชียนเห็นเขา

ใบหน้าของเจิ้งตานแดงเล็กน้อยขณะที่ผละออกจากซูอัน นางแอบโบกมืออำลาเขาแล้วเดินออกไปในที่โล่ง “ผู้บัญชาการซ่าง ข้าอยู่ที่นี่!”

ซ่างเชียนทั้งตกใจและดีใจมาก เขารีบวิ่งมาหานางอย่างรวดเร็ว “ ตานเอ๋อร์ เป็นเจ้าจริง ๆ!”

เจิ้งตานรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อนางรู้สึกได้ถึงความกังวลใจในน้ำเสียงของซ่างเชียน “ขออภัยด้วยจริง ๆ ที่ทำให้ผู้บัญชาการซ่างเป็นกังวล”

“อย่าขอโทษเลย! อย่าขอโทษเลย!” ซ่างเชียนหัวเราะเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขมากที่เห็นคู่หมั้นของเขาปลอดภัยดี แต่จู่ ๆ ดวงตาของเขาก็แข็งค้าง “เอ๊ะ? ขาของเจ้า? เจ้าบาดเจ็บงั้นเหรอ?”

เจิ้งตานตกตะลึง “ไม่นะ ทำไมท่านถึงคิดแบบนั้น?”

“ก็เจ้าเดินแบบขาถ่าง ๆ ยังไงไม่รู้ มันต่างไปจากปกติ” ซ่างเชียนเกาหัวของเขา เขาจ้องขาของนางด้วยท่าทางงุนงง

ใบหน้าของเจิ้งตานแดงขึ้นทันที นางคิดถึงภาพที่นางปล่อยตัวปล่อยใจไปกับ ซูอัน ไปวันแล้ววันเล่า…

หัวใจของนางเต้นแรง และนางก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ว่าแต่ ท่านหาที่นี่เจอได้ยังไง?”

ซ่างเชียนหลุดออกจากความงุนงงเมื่อได้ยินคำถามนาง “สายลับของข้าที่แฝงอยู่ในกลุ่มวาฬส่งข้อความมาบอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นบนเกาะ ดังนั้นด้วยความกังวลข้าจึงพาคนมาตามหาเจ้า ฮึ่ม ถ้าข้ารู้ว่าเฉินเซวียนบังอาจกล้าที่จะฮุบกลุ่มวาฬเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันปล่อยมันไว้ต่อให้มันเป็นคนของตระกูลซือก็ตาม!”

เจิ้งตานรู้สึกโล่งใจ ตระกูลซ่างไม่ใช่เพียงพวกเดียวที่มีสายลับบนเกาะวาฬ แม้แต่ตระกูลเจิ้งก็มีเป็นของตัวเองเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยคิดว่าเฉินเซวียนจะปลุกระดมบุคคลระดับสูงของกลุ่มวาฬให้ต่อต้านนาง

สิ่งต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนนางไม่มีโอกาสแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตระกูลซ่างและเจิ้งได้รู้ข่าวแล้ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะนั่งดูเฉย ๆ

“ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มของเฉินเซวียนและหลิวชานไล่ตามเจ้า พวกเขา…ไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่ไหม?” ซ่างเชียนถามอย่างประหม่า ในฐานะที่เป็นผู้ชาย มีบางเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด สถานการณ์เลวร้ายมากมายปรากฏขึ้นในหัวของเขา

ใบหน้าของเจิ้งตานแดงเล็กน้อย และนางก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่!”

เจิ้งตานค่อนข้างรู้สึกผิด แม้ว่ากลุ่มของเฉินเซวียนจะไม่ได้แตะต้องนาง แต่ซูอัน…

ซ่างเชียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำตอบของนาง “แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ที่ไหน? เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้แน่ใจว่าใครก็ตามที่รังแกเจ้า ศพของพวกมันจะต้องแหลกเป็นร้อยเป็นพันชิ้น!”

ซูอันซึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ในขณะที่ใช้วิชาบังบดเร้นซ่อน มีสีหน้าแปลก ๆ สิ่งที่เขาทำในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ถือเป็นการรังแกเจิ้งตานหรือเปล่า?

แต่นางก็ค่อนข้างมีความสุขดีนี่นะ ดังนั้นก็ชัดเจนว่าข้าไม่ใช่คนที่ซ่างเชียนพูดถึงอย่างแน่นอน

“พวกเขาทั้งหมดตายแล้ว” เจิ้งตานตอบ

“ตาย?” ซ่างเชียนไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน หลิวชานและคนอื่น ๆ เขาไม่แคลงใจ แต่บุคคลเช่นเฉินเซวียนที่หลบเลี่ยงการตามล่าของตระกูลฉู่และเจ้าเมืองได้นับครั้งไม่ถ้วนมาหลายปี คนแบบนั้นจะมาตายง่าย ๆ ที่นี่ได้ยังไง?

“ข้าหนีเข้าไปในส่วนลึกของภูเขามังกรซ่อน และจนท้ายที่สุด ข้ากลับบังเอิญเข้าไปในอาณาเขตของมังกรโดยไม่รู้ตัว คนพวกนั้นทั้งหมดถูกมังกรที่โกรธเกรี้ยวสังหาร และนั่นทำให้ข้าได้โอกาสหลบหนี” เจิ้งตานอธิบาย โดยละเว้นข้อเท็จจริงบางส่วน

นางใช้เวลาสองสามวันที่ผ่านมาครุ่นคิดว่าจะให้คำอธิบายอย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นตอนนี้นางจึงตอบได้โดยไม่ลังเล

“มังกร!” ไม่ใช่แค่ซ่างเชียน แต่แม้กระทั่งทหารที่อยู่รอบ ๆ ก็ตกใจ “มีมังกรอยู่ในภูเขามังกรซ่อนจริง ๆ เหรอ??”

เจิ้งตานพยักหน้า “มังกรตัวนั้นแข็งแกร่งมาก มันพ่นเปลวเพลิงเผาหลิวชานและคนอื่น ๆ ให้เป็นเถ้าถ่านได้ภายในชั่วอึดใจเดียว”

นี่คือสิ่งที่ซูอันบอกกับนาง นางเล่าทุกอย่างด้วยแววตาใสซื่อ และถึงกับบรรยายลักษณะของมังกรอย่างละเอียด

ซ่างเชียนพอใจ เขาหัวเราะเสียงดัง “ใครจะไปคิดว่าเราจะได้ประโยชน์จากภัยพิบัติครั้งนี้ด้วย? ข้าจะนำกองกำลังบางส่วนไปล่ามังกรตัวนี้! ตามตำนานทุกส่วนของร่างกายมังกรมันคือสมบัติทั้งหมด!”

ซูอันมีความคิดที่แตกต่างกันมาก ข้ารู้สึกว่าร่างกายของคู่หมั้นเจ้าทั้งหมดนั่นแหละคือสมบัติของจริงไม่ใช่มังกร!

หากเขาพูดออกมาดัง ๆ เขาจะต้องได้รับคะแนนความโกรธแค้นมากมายอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสถานการณ์ของเจิ้งตาน เขาจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *