เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 813 ถูกรุกรานอีกครั้ง

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 813 ถูกรุกรานอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 813 ถูกรุกรานอีกครั้ง

บทที่ 813 ถูกรุกรานอีกครั้ง

วันแล้ววันเล่าผ่านไป ทั้งซูอันและเพ่ยเหมียนหมานเริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่าพวกเขาจะสุขสบายกับการเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ซางนี้ แต่ทั้งคู่ก็รู้ดีว่าที่นี่ไม่ใช่โลกแห่งความจริง

ในที่สุดเพ่ยเหมียนหมานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “อาซู สรุปแล้วพวกเราต้องทำอะไรกันแน่?” นางถามซูอันขณะที่ลากเขามาจากอ้อมอกของเสี่ยวถู่ว

เสี่ยวถู่วไม่ได้พูดอะไรเนื่องจากกลัวสถานะของนางในฐานะจักรพรรดินี

ซูอันรู้สึกอับอาย เขารีบสวมเสื้อผ้าแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน! ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าไม่น่าแปลกใจที่ผู้เข้าร่วมการทดสอบในอดีตไม่ประสบความสำเร็จกันเลย ข้าคิดว่ามันเป็นเพราะพวกเขาโง่เขลาเกินไป แต่ตอนนี้ข้าคิดว่าข้าคงประเมินพวกเขาต่ำไป…”

เขาสามารถเปิดเผยเสี่ยวถู่วเป็นสายลับและขจัดเจ้ากรมพิธีการเหลียนและเขาได้แบ่งปันความไว้วางใจร่วมกันเป็นพิเศษกับเพ่ยเหมียนหมาน ทั้งหมดนี้ทำให้เขาอวดดีอย่างมาก

ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มรู้ตัวว่าผู้เข้าทดสอบก่อนหน้านี้บางคนน่าจะทำได้สำเร็จแบบเดียวกันกับเขาอย่างแน่นอน…

“แล้วเราควรทำอย่างไรต่อ?” เพ่ยเหมียนหมานถามอย่างประหม่า

น้ำเสียงของซูอันเริ่มจริงจัง “ข้าได้คิดเกี่ยวกับปัญหานี้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เราน่าจะมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไป เราคงต้องพยายามทบทวนย้อนกลับไปในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบเพื่อดูว่าเราสามารถหากุญแจของการทดสอบนี้ได้ไหม”

การทดสอบแบบเปิดกว้างนี้เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริง ๆ เพราะมันไม่มีสิ่งใดบ่งบอกกับเขาเลยว่าควรจะทำอะไร เขาต้องขุดค้นข้อมูลทุกอย่างด้วยตัวเองซึ่งผลลัพธ์ของการกระทำก็ไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่าเขาทำถูกต้องหรือไม่ หรือมาถูกทางแล้วแต่อย่างใด

เพ่ยเหมียนหมานกัดริมฝีปาก น้ำเสียงของนางขุ่นมัวด้วยความกังวล “ร่างกายจริงของเรานอกการทดสอบจะเป็นอันตรายหรือเปล่า? เราได้ใช้เวลามาสองสามเดือนในการทดสอบนี้แล้ว ใครจะรู้…”

คนธรรมดาคงตายไปนานแล้วโดยปราศจากปัจจัยยังชีพ แม้ว่าร่างกายของผู้บ่มเพาะจะแข็งแกร่งกว่าแต่ก็ยังมีขีดจำกัด

ซูอันตอบว่า “ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้นมากนัก หากความสงสัยของข้าถูกต้อง กระแสของเวลาภายในการทดสอบนี้น่าจะแตกต่างจากภายนอก ไม่กี่เดือนที่นี่อาจจะไม่กี่นาทีข้างนอก ถ้าไม่ใช่แบบนั้น การทดสอบนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สำเร็จและนั่นก็จะทำให้มันไม่มีความหมาย”

หากสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้มันคล้ายกับวลีจากตำนานโบราณ ‘หนึ่งวันในสวรรค์เบื้องบนคือหนึ่งปีของโลกเบื้องล่าง’ ซูอันจะไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย

เพ่ยเหมียนหมานสงบลงด้วยคำพูดของเขา “ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปได้”

ซูอันขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ข้าคิดว่าข้าไม่ได้มองข้ามอะไรไปเลยแม้แต่อย่างเดียว…”

จู่ ๆ ก็มีความคิดเกิดขึ้น และเขาก็หันกลับไปมองเพ่ยเหมียนหมานอย่างรวดเร็ว “บอกข้าทุกเรื่องในการต่อสู้กับแคว้นเชียงอีกครั้ง อย่าข้ามแม้แต่รายละเอียดเดียว”

เนื่องจากนี่เป็นการทดสอบร่วมกันของทั้งชายและหญิง สิ่งที่เกิดขึ้นกับนางก็มีความสำคัญเช่นกัน

“ไม่ใช่ว่าข้าบอกเจ้าไปหมดแล้วอย่างนั้นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” เพ่ยเหมียนหมานบ่น แต่นางยังคงพูดต่อไป “ผู้คนของแคว้นเชียงค่อนข้างแข็งแกร่ง ทุกคนล้วนกล้าหาญ อย่างไรก็ตาม อารยธรรมของพวกเขาล้าหลังกว่าเราในด้านความรู้แทบทุกแขนง เรามีทั้งรถรบและค่ายกลอันมีประสิทธิภาพ ในขณะที่พวกเขากลับเอาแต่ต่อสู้แบบประจัญบานซึ่งหน้า…แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังสู้ไม่ถอย เราติดกับดักและถูกล้อมไว้ในระหว่างการสู้รบครั้งหนึ่ง แต่โชคดีที่เผ่าใกล้เคียงเข้ามาช่วยพวกเราเอาไว้ได้ทัน นี่คือเหตุผลที่เราสามารถเอาชนะแคว้นเชียงได้”

“เผ่า?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจ “เผ่าอะไรที่มาช่วยเจ้าเอาไว้?”

คิ้วของเพ่ยเหมียนหมานขมวดเข้าหากัน “พวกเขาเรียกตัวเองว่าเผ่าโจว อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกและดูเหมือนจะถูกแคว้นเชียงกดขี่มาเป็นเวลานาน นี่คือเหตุผลที่พวกเขามาช่วยเรา”

“เผ่าโจว?” ซูอันก็ยืดตัวขึ้นทันที “ข้ารู้แล้ว! ราชวงศ์ซางถูกกำจัดโดยราชวงศ์โจว! ข้าเชื่อว่าการทดสอบนี้เกี่ยวข้องกับเผ่าโจวเหล่านี้”

“แต่เผ่าโจวก็ค่อนข้างล้าหลัง ไม่มีทางที่พวกเขาจะเป็นอันตรายกับอาณาจักรซางของเรา!”

“พวกเขาอาจจะสู้เราไม่ได้ในตอนนี้ แต่อีกสองสามศตวรรษต่อไปล่ะ?” ความคิดของซูอันแล่นปราดอย่างรวดเร็ว “วัตถุประสงค์ของการทดสอบคือการตัดปัญหานี้ก่อนที่มันจะบานปลายหรือไม่?”

ขณะที่เขาพูด เขาก็เริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเรียกฟู่ซัวมาอย่างรวดเร็ว

“อะไรนะพะย่ะค่ะ? ฝ่าบาทต้องการกวาดล้างเผ่าโจว?” ฟู่ซัวตกใจมาก เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าไม่แนะนำอย่างยิ่ง! ไม่เพียงแต่แผ่นดินของพวกเขาไร้ค่าสำหรับเรา พวกเขายังช่วยเราในการต่อสู้กับแคว้นเชียงหากเราหันดาบไปโจมตีพวกเขา เราจะถูกมองว่าไร้เกียรติไม่สำนึกบุญคุณ! แล้วเผ่าอื่นจะปฏิบัติต่อเราอย่างไร? เราจะทำให้ทุกคนหันมาต่อต้านเราไม่ได้!”

เพ่ยเหมียนหมานเห็นด้วยกับฟู่ซัวเช่นกัน เนื่องจากนางได้ต่อสู้เคียงข้างกับเผ่าโจวเมื่อไม่นานมานี้

ซูอันรู้อยู่แก่ใจว่าการกวาดล้างเผ่าโจวนั้นมีเหตุผลที่ดีสนับสนุน แต่ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะอธิบายเหตุผลที่แท้จริงของเขากับฟู่ซัว เขาจึงทำได้เพียงแสดงสีหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า “ข้าตัดสินใจไปแล้ว ห้ามโต้แย้ง! เตรียมระดมพล!”

ฟู่ซัวกำลังจะพยายามห้ามปรามเขาอีกครั้งเมื่อผู้ส่งสารมาถึงพร้อมกับรายงานด่วน “รายงานตัว! ผู้ปกครองแคว้นจือได้ส่งทูตขอความช่วยเหลือ เผ่ากุ้ยฟางได้บุกรุกดินแดนของพวกเขา พวกเขาร้องความช่วยเหลือขอให้ฝ่าบาทจัดหากำลังเสริมให้พวกเขา”

“แคว้นจือ? เผ่ากุ้ยฟาง?” ซูอันรู้สึกสับสน ทำไมทั้งสองอยู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมา?

ฟู่ซัวเสนอคำอธิบายอย่างรวดเร็ว “แคว้นจือ เป็นแคว้นเล็ก ๆ ทางตอนเหนือ และเรามีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาเสมอมา แคว้นจือได้เปิดเผยต่อสาธารณะว่าพวกเขาเป็นเมืองขึ้นของเรา แคว้นจือเป็นดินแดนกันชนตามธรรมชาติจากการรุกรานจากทางเหนือ เผ่ากุ้ยฟางเป็นชนเผ่าอนารยชนที่อยู่เลยทางเหนือขึ้นไปซึ่งอาจอาศัยโอกาสที่แคว้นเชียงรุกรานเราเข้าซ้ำเติม”

ในที่สุดซูอันก็จำได้ว่ามีการกล่าวถึงเผ่ากุ้ยฟางในเอกสารบางฉบับที่เขาอ่าน เผ่ากุ้ยฟางครอบครองอาณาเขตรอบ ๆ ซานซีและเหอเป่ย และเป็นศัตรูที่สำคัญของราชวงศ์ซาง

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับเผ่ากุ้ยฟางเท่าไรเพราะเขาไม่คิดว่าชนเผ่าต่าง ๆ จะมีผลอะไรกับการทดสอบของเขามากนัก

แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเผ่าเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการทดสอบของเขา ซูอันคิดที่จะส่งแม่ทัพและกองทหารอย่างส่ง ๆ ไปช่วยเหลือแคว้นจือ ในขณะที่เขายังคงมุ่งความสนใจไปที่ตะวันตกและเผ่าโจว

อย่างไรก็ตามฟู่ซัวและขุนนางคนอื่น ๆ คัดค้านแผนนี้ “เราไม่สามารถทำเช่นนี้ได้! เผ่าโจวนั้นอ่อนแอ และไม่มีพรมแดนติดกับเมืองอินซึ่งเป็นเมืองหลวงของเราด้วยซ้ำ! การโจมตีเผ่าโจวนั้นไม่สมเหตุสมผล และจะทำให้เผ่าที่เหลือหันมาต่อต้านเราแทน! เราต้องมุ่งเน้นไปที่เผ่ากุ้ยฟาง อย่างน้อยพวกเขาก็แข็งแกร่งพอ ๆ กับแคว้นเชียง เมื่อพวกเขาฝ่าแนวป้องกันทางเหนือของเราและเคลื่อนทัพลงมาทางใต้ อาณาจักรซางของเราจะตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง!”

ซูอันตกตะลึง

ภัยคุกคามครั้งนี้ร้ายแรงจริง ๆ เหรอ?

ขณะที่พวกเขาไตร่ตรอง ทูตก็ปรากฏตัวขึ้นทีละคน ทั้งหมดมาจากแคว้นจือ แต่ละคนส่งสาส์นที่ดูเร่งด่วนกว่าครั้งล่าสุด มันง่ายที่จะเห็นว่าสถานการณ์ในภาคเหนือนั้นไม่ปลอดภัยเพียงใด

เพ่ยเหมียนหมานดึงซูอันไปด้านข้าง “อาซู ถ้าอาณาจักรซางถูกกำจัด มันจะไม่เป็นการสิ้นสุดการทดสอบเหรอ?”

“แน่นอน” ซูอันรู้ว่านางกำลังพยายามจะพูดอะไร ชาวซางเป็นผู้สร้างการทดสอบนี้ ถ้าเขาปล่อยให้อาณาจักรซางถูกเผ่ากุ้ยฟางทำลาย การทดสอบคงล้มเหลว และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเผ่าโจวอีกต่อไป

เมื่อต้องเผชิญกับทางเลือก เขาจึงต้องตัดสินใจทำลายเผ่ากุ้ยฟางก่อน แล้วจึงหาโอกาสที่จะจัดการกับเผ่าโจวในภายหลัง

บรรดาขุนนางในราชสำนักต่างชื่นชมยินดีและยกย่องจักรพรรดิผู้ปรีชา

ซูอันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดอะไรดี ๆ เขารวบรวมเสนาบดีทั้งหมดเพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางทหารทันที เรื่องอื่น ๆ นั้นง่ายพอที่จะจัดการ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกผู้นำสำหรับกองทัพ

เนื่องจากผลงานล่าสุดที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดในการต่อสู้กับแคว้นเชียง ขุนนางทั้งหมดจึงสนับสนุนจักรพรรดินี ไม่มีใครมีคุณสมบัติมากไปกว่านาง

———————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด