เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 186 สร้างความประทับใจ

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 186 สร้างความประทับใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 186 สร้างความประทับใจ

หลังจากยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวแถมต่อให้คิดออกก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา ซูอันจึงส่ายหัวไม่ใส่ใจกับคำพูดของฉู่ฮวนเจาอีกต่อไป

ถัดจากนี้เขาจะต้องไปสอนคณิตศาสตร์ที่ชั้นเรียนนภา เขาควรจะเอาสมองมาสร้างความประทับใจให้นักศึกษาของเขาจะดีกว่า!

ว่าแต่ข้าควรจะทำยังไงให้ไอ้เด็กพวกนั้นมันอ้าปากค้างในความน่าทึ่งของข้าดี?

ข้าควรจะไปขอคำปรึกษาจากอาจารย์ที่มีแต่นักศึกษาชื่นชอบใช่ไหม?

ว่าแต่ใครกันล่ะที่เป็นอาจารย์ที่นักศึกษาชื่นชอบที่สุด?

ลู่เต๋อ? ถุย ๆๆๆ ไอ้โล้นนั่นน่าจะเป็นอาจารย์ที่มีคนเกลียดที่สุดมากกว่า!

ไป๋ซู่ซู่? ไม่! ไม่ใช่แน่!

จริงด้วย! ซางหลิวอวี้! ใช่แล้วต้องเป็นนาง!

ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารู้แล้วว่าจะต้องทำยังไงไอ้เด็กพวกนั้นมันจะต้องอ้าปากค้างในความอลังการของข้าแน่ ๆ โดยเฉพาะภรรยาสุดสวยของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า!

หลังจากคิดได้เช่นนี้ สีหน้าของซูอันก็กลายเป็นเบิกบานจนเหมือนคนบ้า เขารีบเดินไปที่อาคารสำนักงาน แต่เจ้าหน้าที่ที่นั่นกลับแจ้งเขาว่าซางหลิวอวี้ไม่ได้อยู่ในสำนักงาน แต่อยู่ในบ้านพักอาจารย์ที่สถาบันจัดเอาไว้ให้กับนาง หลังจากกล่าวคำขอบคุณ ซูอันก็รีบตรงดิ่งไปหานางทันที

เมื่อเขาจากไป พวกเจ้าหน้าที่สถาบันต่างก็พากันเยาะเย้ยลับหลัง

“นี่ก็อีกคนสินะที่คลั่งไคล้อาจารย์ซาง?”

“เสน่ห์ของอาจารย์ซางนี่ช่างเหนือล้ำจริง ๆ เจ้ารู้รึเปล่าว่าแม้แต่อาจารย์ลู่ที่แสนเข้มงวดก็ยังพยายามเอาใจนางสุดฤทธิ์!”

“เดี๋ยวนะ ลู่เต๋อมีภรรยาแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“โธ่เจ้าไม่เคยได้ยินคำว่าวิกฤตวัยกลางคนรึไง?”

“มันคงไม่แปลกอะไรถ้าคนระดับอย่างอาจารย์ลู่จะพยายามเอาอกเอาใจอาจารย์ซาง แต่ไอ้เด็กคนนี้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่กลับเข้าหาอาจารย์ซางอย่างออกนอกหน้าแบบนี้ถือว่าไม่เจียมตัวเอาซะเลย”

“ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงไม่เตือนเขาไปสักหน่อยว่าอาจารย์ซางไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้าไปในบ้านพักของนาง? การที่เขาเข้าไปแบบนี้ผลลัพธ์มันมีแต่ล้มเหลวก็เท่านั้น”

“เฮอะ! เขาก็แค่นักศึกษาชั้นเรียนสีเหลืองที่ขึ้นเป็นอาจารย์ได้โดยใช้เส้นสายกับอาจารย์ใหญ่ ทำไมข้าจะต้องเตือนเขาด้วย ? เป็นเรื่องดีซะอีกที่เขาจะต้องทนทุกข์สักหน่อยกับการถูกปฏิเสธ!”

อีกด้านหนึ่ง

ซูอัน ผู้ซึ่งไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังโดนนินทาลับหลัง ตอนนี้เขาเดินมาถึงหน้าบ้านพักของซางหลิวอวี้เรียบร้อยแล้ว

*ก๊อก ก๊อก ก๊อก*

ซูอันเคาะประตูของนาง

“ใคร?”

เสียงที่ดูสงบนิ่งดังออกมาจากด้านในลานบ้าน

“พี่สาวซาง ข้าเอง ซูอัน!” ซูอันได้ตอบกลับ

แน่นอน เขาจะไม่เรียกนางว่าอาจารย์ซางเหมือนที่คนอื่นเรียก เพราะนั่นเป็นทางการและดูห่างไกลกันเกินไป!

“เจ้าต้องการอะไร?” ซางหลิวอวี้ถามกลับจากด้านใน

ซูอันจ้องไปที่ประตูที่ยังคงปิดอยู่และสงสัยว่านางกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่เปิดประตูให้เขาสักที จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา..

อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ควรเปิดประตูให้ข้าจริงไหม?

แต่แล้วเมื่อเขาคิดว่าการมาครั้งนี้ของเขาคือการมาขอร้องให้นางช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้ามีท่วงทำนองของเพลงหนึ่งที่ข้าต้องการพี่สาวซางช่วยเล่นให้ข้า”

หลังจากซูอันพูดจบ ซางหลิวอวี้ก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบด้วยเสียงอันเยือกเย็น “เข้ามา”

เมื่อเห็นว่าประตูเปิดออกแล้ว ซูอันจึงเดินเข้าไปพร้อมกับกวาดสายตาดูรอบ ๆ ด้านในบ้านของซางหลิวอวี้ ซึ่งมันก็ดูงดงามกว่าของเขามาก มีแม้กระทั่งสระน้ำในลานบ้านของนาง และน้ำในสระนั้นก็ใสเสียจนเห็นก้นสระเลยด้วยซ้ำ

สระว่ายน้ำส่วนตัว? หรูหราเกินไปแล้ว!

ซูอันรู้สึกหดหู่เล็กน้อยกับสิทธิพิเศษที่ซางหลิวอวี้ได้รับเมื่อเทียบของตัวเอง หลังจากนี้เขาคงต้องไปคุยกับเจียงลั่วฝูอีกรอบ! เงินเจ็ดล้านตำลึงที่เขาให้ไปมันจะต้องทำให้เขาได้บ้านพักที่หรูแบบนี้สิ!

“เจ้าคิดทำนองใหม่มางั้นเหรอ” เสียงอันไพเราะขัดจังหวะความคิดของเขา

ซูอันหันกลับมาและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที

ซางหลิวอวี้สวมเสื้อคลุมหลวม ๆ ซึ่งเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าของนาง นางกำลังยุ่งอยู่กับการเช็ดผมที่เปียกของนาง แต่ยังคงมีหยดน้ำไหลตามผิวหนัง ซึ่งมันทำให้เดาได้ไม่ยากว่านางเพิ่งอาบน้ำเสร็จมาหมาด ๆ เสื้อคลุมของนางมีความยาวพอดี เผยให้เห็นเรียวขาที่งดงาม เล็บของนางทาสีชมพูอ่อนๆ ซึ่งดึงดูดความสนใจไปที่นิ้วเรียวของนาง หญิงสาวสะบัดผมไปด้านข้างก่อนจะนอนลงบนเก้าอี้หวายที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้

นางมองซูอันอย่างสงบนิ่งและถามว่า “เจ้าคงไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อมาจ้องข้าใช่ไหม?”

“อา แน่นอนไม่! ข้ามีท่วงทำนองที่ข้าต้องการให้เจ้าเล่นให้ข้า”

ใบหน้าของซูอันเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อโดนนางทัก

เมื่อเผชิญกับการจ้องมองจากผู้ชาย ผู้หญิงส่วนใหญ่อาจจะอายหรือโกรธก็ได้ อย่างไรก็ตาม ซางหลิวอวี้กลับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ราวกับว่านางเป็นแม่ชีที่ตัดอารมณ์ออกไปได้หมดแล้ว

“เจ้าจะให้ข้าเล่นเพลงอะไร?” ซางหลิวอวี้ถามกลับ

ผู้คนจำนวนมากใช้ข้ออ้างนี้เพื่อเข้าหานาง แทบไม่เป็นความลับเลยในเรื่องที่นางชอบท่วงทำนองดนตรีดี ๆ แต่ท่วงทำนองส่วนใหญ่ที่ผู้คนแนะนำให้นางฟังนั้นแทบไม่มีค่าพอที่นางจะสนใจ อย่างไรก็ตาม ท่วงทำนองของซูอันที่เขาเคยเล่นในศาลาให้นางฟังนั้นดึงดูดใจนางเป็นอย่างมาก มันสัมผัสความรู้สึกที่อยู่ลึกที่สุดที่นางได้ซ่อนไว้ในก้นบึ้งของหัวใจได้!

ท่วงทำนองของเขาไม่ใช่รูปแบบที่มักใช้กันในโลก แต่ดนตรีทั้งหมดมีเป้าหมายร่วมกัน… พวกมันต่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อสัมผัสจิตวิญญาณของบุคคล ซึ่งการเล่นของเขาก็ทำให้นางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาดีต่อเขา นางนึกไม่ออกว่าคนที่อายุน้อยอย่างเขาสามารถเล่นท่วงทำนองที่ไพเราะเช่นนี้ได้อย่างไร!

“ชื่อของทำนองดนตรีที่ข้าอยากให้ท่านเล่นให้ก็คือ ‘เทพเจ้าแห่งการพนัน’!”

**ปล.เทพเจ้าแห่งการพนันหรือคนตัดคน(God of Gambler) ก็คือภาพยนตร์สุดโด่งดังของโจวเหวินฟะ ที่รับบทเป็นโคตรเซียนเกาจิ้ง นักพนันที่เก่งกาจที่สุดในปฐพี**

ก่อนหน้านี้ ซูอันคิดมาอย่างดีแล้วว่าการที่เขาจะเปิดตัวได้อย่างอลังการเขาจะต้องมีดนตรีประกอบเบื้องหลังในระหว่างที่เดินเข้าไปในห้องเรียน ซึ่งดนตรีจากหนังเรื่องคนตัดคนนั้นเหมาะสมที่สุด!

น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีเครื่องบันทึกเสียง และไม่มีทางที่เขาจะเล่นดนตรีประกอบนี้ของตัวเองขณะเดินเข้าไปได้เพราะมันจะดูน่าตลกซะมากกว่า ดังนั้นเขาต้องหาคนมาเล่นแทนเขา ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่เขารู้จัก คนเดียวที่สามารถช่วยเขาได้คือซางหลิวอวี้

“’เทพเจ้าแห่งการพนัน’ งั้นเหรอ ? ซางหลิวอวี้ แสดงสีหน้าแปลกประหลาด ในระหว่างที่เอ่ยขึ้น “อืม…ชื่อนี้ดูเหมือนจะเหมาะกับเจ้ามากทีเดียว ว่าแต่ท่วงทำนองของมันเป็นยังไง?”

แน่นอนว่านางเคยได้ยินวีรกรรมของซูอัน เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในบ่อนโกยเงิน

“งั้นเดี๋ยวข้าจะฮัมเพลงให้ท่านฟัง” ซูอันจำได้คร่าว ๆ ว่าท่วงทำนองดำเนินไปอย่างไร แต่การฮัมเพลงนั้นคนละเรื่อง เพราะดนตรีประกอบในโลกก่อนหน้านี้ของเขาไม่ได้เกิดจากเครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียว แต่ประกอบกันด้วยเสียงของเครื่องดนตรีหลายชิ้นที่นำมาผสมผสานกันอย่างพิถีพิถัน

ในตอนแรก ซางหลิวอวี้สนใจนิดหน่อยเกี่ยวกับคำขอของซูอัน อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ซูอันเริ่มฮัมเพลง นางก็พลันนั่งตัวตรงและตั้งใจฟัง

หลังจากที่ซูอันฮัมเพลงจบ เขามองไปที่นางด้วยแววตากังวล “เป็นยังไงบ้าง?”

ซางหลิวอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า “ท่วงทำนองนี้มันกระตุ้นให้ใจเต้นแรงอย่างน่าประหลาด ผู้ใดที่ได้ยินมันจะต้องใจสั่น มันฟังดูคล้ายกับท่วงทำนองปลุกใจในยามสู้รบของพวกเผ่านักรบ เจ้าไปเอาท่วงทำนองนี้มาจากไหนกัน?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้มันมาจากไหนไม่สำคัญหรอกในตอนนี้ ว่าแต่ท่านพอจะเล่นมันได้รึเปล่า” ซูอันถามอย่างกังวล

เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาของซางหลิวอวี้ ว่าจะสนใจต่อท่วงทำนองนี้รึเปล่า เพราะท่วงทำนองนี้เป็นที่ยอมรับกันอยู่แล้วในโลกก่อนหน้าของเขาว่ามันยอดเยี่ยมสุด ๆ ตอนนี้เขากังวลแค่ว่านางจะสามารถเล่นมันได้อย่างถูกต้องรึเปล่าก็เท่านั้น

“ท่วงทำนองนี้ค่อนข้างแปลกข้าต้องลองดูก่อน เจ้าช่วยฮัมเพลงให้ข้าอีกครั้งได้ไหม” ซางหลิวอวี้ดึงเครื่องดนตรีแปลก ๆ ออกมาจากบ้านของนาง ซึ่งมันดูเหมือนพิณขนาดเล็ก วัสดุที่สร้างมันเป็นมันวาวเหมือนหยก และมีแสงสีฟ้าจางๆ แผ่ออกมา

นิ้วที่สง่างามของซางหลิวอวี้ดีดสายบนเครื่องดนตรีแต่เสียงที่เกิดขึ้นนั้นแตกต่างจากพิณมาก มันสามารถสร้างเสียงที่เครื่องดนตรีในชีวิตก่อนของเขาทำไม่ได้

ซางหลิวอวี้ทวนความจำถึงท่วงทำนองที่นางเพิ่งได้ยินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนิ้วมือของนางก็เริ่มบรรเลงลงบนเครื่องดนตรีของนางไปเรื่อย ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า มีบางครั้งที่นางหันไปหา ซูอันเพื่อสอบถามบางส่วนของท่วงทำนองที่นางยังไม่แน่ใจ

ในขณะที่เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ดนตรีประกอบหนังเรื่อง ‘คนตัดคน’ ก็ถูกบรรเลงขึ้นอย่างสมบูรณ์ในโลกแห่งการบ่มเพาะ!

“ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงอยากให้ข้าเล่นเพลงนี้ล่ะ?” ซางหลิวอวี้ ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ในเวลาเดียวกับที่นางเล่นท่วงทำนองเสร็จสิ้น

ซูอันที่ได้ยินแบบนั้นจึงตอบกลับอย่างเขินอายเล็กน้อย “เอ่อ…ข้าจะใช้มันเป็นเพลงประกอบสำหรับการเปิดตัวของข้า…”

จากนั้นซูอันก็เริ่มอธิบายว่าเขากำลังจะไปสอนคณิตศาสตร์ในชั้นเรียนนภา…

ซางหลิวอวี้หัวเราะเบา ๆ กับคำตอบของเขา “นี่เจ้ากำลังพยายามสร้างความประทับใจให้กับภรรยาของเจ้าใช่ไหม?”

“ไม่ใช่แค่สำหรับนางเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเข้าไปสอนในชั้นเรียนนั้น ดังนั้นข้าจึงอยากสร้างความประทับใจให้กับทุกคนในห้องเรียน เอ่อ ว่าแต่เจ้าคิดว่าข้าควรแต่งหน้าไหม? คิดว่าการใส่แว่นจะทำให้ข้าดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นรึเปล่า?”

อย่างไรก็ตามก่อนที่ซางหลิวอวี้จะทันได้ตอบซูอันกลับ เสียงของหญิงสาวนางหนึ่งก็พลันดังขึ้นที่ด้านนอกขัดจังหวะนาง “ซางหลิวอวี้! ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ข้างในนั้น จงออกมาคุยกับข้าเดี๋ยวนี้!”

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของหญิงสาวจะฟังดูไพเราะ แต่มันก็เต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *