เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 388 ด่าอย่างไม่ไว้หน้า

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 388 ด่าอย่างไม่ไว้หน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 388 ด่าอย่างไม่ไว้หน้า
บทที่ 388 ด่าอย่างไม่ไว้หน้า

“ท่านหมายถึงอะไร ‘ไม่จำเป็น’?” ซูอันหันศีรษะไปถามนาง

ฉินหว่านหรูกลั้นหายใจอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าคงไม่โง่พอที่จะไม่รู้เรื่องแบบนี้ใช่ไหม?”

ซูอันยักไหล่ “พวกเขาเป็นอาของชูเหยียนทั้งคู่ แล้วทำไมข้าถึงบอกอะไรพวกเขาไม่ได้?”

“เจ้าบอกพวกเขาไปแล้วเหรอ?” ดวงตาของฉินหว่านหรูเบิกกว้างด้วยความโกรธ

“ข้าไม่ได้บอก ข้าแค่อยากรู้ว่าทำไมข้าไม่สามารถบอกพวกเขาได้?” ซูอันถามกลับอีกครั้ง เขาต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นภายในตระกูลฉู่

“ก็ได้” อาการเกรี้ยวกราดของฉินหว่านหรูบรรเทาลง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลฉู่เรา ดังนั้นเราต้องรักษาความลับนี้เอาไว้ให้ได้”

เมื่อฉินหว่านหรูคิดว่าไม่ว่ายังไงพวกเขาก็อาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงที่จะติดต่อกับทั้งสองในอนาคตจึงทำได้ยาก นางกล่าวเสริมว่า “แม้ว่าพวกเขาจะเป็นอาของชูเหยียน แต่พวกเขาเป็นอีกกิ่งสายของตระกูล ดังนั้นทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตัวเองที่แตกต่างกัน เราจึงต้องระมัดระวังให้ดี”

ซูอันพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านแม่ยาย”

ดูเหมือนว่าสายทั้งสามของตระกูลฉู่จะเข้ากันได้เพียงผิวเผิน…แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่ ในตระกูลใหญ่ การขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ทำให้พี่น้องร่วมสายเลือดเป็นศัตรูกันมานักต่อนักแล้ว นับประสาอะไรกับฉู่เทียนเซิง ฉู่เยว่พั่ว และฉู่จงเทียนที่เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้อง

ทั้งสองคนมาถึงห้องของฉู่ชูเหยียนที่ซึ่งได้รับการคุ้มกันโดยพ่อบ้านหงจงอย่างรวดเร็ว

หงจงมีสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเขาเห็นซูอันมาด้วยกันกับฉินหว่านหรู แต่เขาก็ทำสีหน้าให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว และรีบเปิดประตูเพื่อให้นายหญิงและชายหนุ่มเข้าไป

ทั้งสองเดินเข้าไปภายในห้องนอน ฉู่จงเทียนนั่งห่างจากเตียงเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด จี้เติ้งถูอยู่ที่อีกด้านหนึ่งติดกับเตียง ถือเส้นบาง ๆ คล้ายเส้นด้ายสามเส้นที่ถูกมัดเข้ากับข้อมือของฉู่ชูเหยียน ดวงตาของเขาปิดสนิท พลางลูบเคราไปมาอย่างช้า ๆ ในขณะที่ตรวจสอบชีพจรของนางผ่านเส้นบาง ๆ เหล่านั้น

เปาโหย่วหลูยืนข้าง ๆ จี้เติ้งถูด้วยสีหน้าอิจฉาริษยา วิธีการตรวจสอบชีพจรระดับสูงเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝันอยากจะเรียนรู้มาโดยตลอด แต่ก็เขาไม่มีวันเอื้อมถึง สมกับเป็นหมอเทวะที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน!

ฉู่ฮวนเจานั่งข้างพี่สาวของนางในอีกด้านหนึ่ง ท่าทางของนางดูประหม่า แม้ว่าวันก่อนซูอันจะให้ความมั่นใจกับนาง แต่นางก็ไม่สามารถขจัดความวิตกกังวลออกไปได้อย่างเต็มที่

ฉู่จงเทียนพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการรับทราบการมาถึงของพวกเขา ก่อนที่จะหันกลับไปทำท่าทางครุ่นคิดตามเดิม

จี้เติ้งถูหันศีรษะไปมองฉินหว่านหรูด้วยสายตาเจ้าชู้อย่างไร้ยางอาย

ฉินหว่านหรูขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่านางก็ไม่ได้อารมณ์เสีย เพียงแต่นั่งเงียบ ๆ ข้าง ๆ ฉู่จงเทียน โดยจับมือของเขาเอาไว้

เมื่อเห็นสิ่งนี้ จี้เติ้งถูก็เดาะลิ้นของตัวเอง เป็นการแสดงออกว่าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

ซูอันเฝ้าดูละครสดดำเนินเรื่องต่อไปอย่างสงบ ดูเหมือนข่าวลือที่ว่าจี้เติ้งถูเคยไล่ตามฉินหว่านหรูสมัยยังหนุ่มจะเป็นเรื่องจริง! อย่างไรก็ตาม ฉินหว่านหรูดูจะทุ่มเทความรักให้กับฉู่จงเทียนอย่างน่าประหลาดใจ

นี่มันทำให้รู้ได้ว่า ไม่เพียงแต่ฉู่จงเทียนจะหล่อเหลาเท่านั้น แต่เขายังเป็นถึงท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ สุดยอดชายในใต้หล้า แม้ว่าจี้เติ้งถูจะไม่ได้ดูแย่มากนัก แต่เขาก็ค่อนข้างทำตัวเลอะเทอะและเป็นเพียงหมอ ไม่มีทางที่จะเปรียบกับท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบนี้ได้

เห็นได้ชัดเจนว่าผู้หญิงจะเลือกใคร…

ซูอันถอนหายใจ การมีภรรยาสวยหมายความว่าเจ้าจะตกเป็นเป้าอิจฉาของผู้อื่นเสมอ! ไม่ว่าจะเป็นฉู่เทียนเซิงเมื่อก่อน จี้เติ้งถูในตอนนี้ แม้แต่เมื่อวานสด ๆ ร้อน ๆ อย่างซือเล่อจื่อ!

พ่อตา ท่านต้องระวังอย่าให้ผู้อื่นตีท้ายครัวท่านได้!

เมื่อจี้เติ้งถูละมือจากเส้นบาง ๆ เหล่านั้น สมาชิกของตระกูลฉู่ต่างลุกขึ้นยืนในทันทีและถามว่า “หมอเทวะจี้ อาการของนางเป็นยังไงบ้าง?”

จี้เติ้งถูตอบกลับ “ข้าเพิ่งเสร็จสิ้นการตรวจชีพจรของคุณหนูฉู่ แม้ว่าความเย็นยะเยือกจะเข้าสู่ร่างกายของนางและสภาพภายนอกจะดูสิ้นหวัง แต่ข้าก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงสัญญาณแห่งชีวิตที่กำลังฟื้นฟูตัวเอง มันไม่เลวร้ายอย่างที่พวกเจ้าทุกคนอธิบายให้ข้าฟังก่อนหน้านี้”

ซูอันสังเกตเห็นร่างกายของจี้เติ้งถูเปล่งประกายออกมาในขณะที่เขาพูด แม้ว่าจะดูเลอะเทอะอยู่เสมอ แต่ดูเหมือนว่ารัศมีของเขาจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อพูดถึงเรื่องที่เขาเชี่ยวชาญ

สัตว์ร้ายเลอะเทอะตัวนี้ล่อลวงแม่ของจี้เสี่ยวซีด้วยทักษะพวกนี้หรือไม่? ไม่อย่างนั้น มันยากเกินไปที่จะจินตนาการว่าแม่ของจี้เสี่ยวซีที่ทั้งสวยและน่ารักขนาดนั้นจะลงเอยกับคนเพี้ยนอย่างนี้ได้ยังไง!

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จี้เสี่ยวซียังไม่เคยพูดถึงอะไรเกี่ยวกับแม่ของนางเลย ครั้งสุดท้ายที่ข้าไปเยี่ยมบ้านของนาง ก็ไม่ได้เจอภรรยาของหมอจอมเพี้ยนคนนี้…นี่ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแม่ของสาวน้อยที่แสนดีของข้าเลย…

“เป็นเช่นนั้นจริงเหรอ?” ฉู่จงเทียนกระโดดด้วยความปิติยินดี

เปาโหย่วหลูยังคงไม่เชื่อ เขาได้ตรวจสอบชีพจรของฉู่ชูเหยียนเมื่อวันก่อน อาการนางนั้นเกินกว่าจะรักษาได้ ทว่าชื่อเสียงของจี้เติ้งถูนั้นยิ่งใหญ่เกินไป…แม้จะเต็มไปด้วยข้อสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ สูญเสียความมั่นใจในการวินิจฉัยของตัวเอง

จี้เติ้งถูมองฉู่จงเทียนด้วยท่าทางหงุดหงิด “เจ้าฉู่โง่! เจ้าสงสัยทักษะในด้านการแพทย์ของข้าอย่างนั้นเหรอ?”

เมื่อถูกเรียกชื่อเล่นในอดีตของตัวเองต่อหน้าผู้คนในตระกูล ใบหน้าของ ฉู่จงเทียนก็แดงก่ำ หากเป็นเวลาอื่นเขาคงจะชกจี้เติ้งถูไปแล้ว ทว่าตอนนี้สุขภาพของลูกสาวตัวเองกำลังย่ำแย่ ดังนั้นจึงกลืนความอยากที่จะตอบโต้ลงคอไป “แล้วเราจะดูแลนางยังไง?”

“อย่าเพิ่งดีใจเร็วนัก” จี้เติ้งถูทำท่าทางเคร่งขรึม “อาการของลูกสาวเจ้าแปลกมาก ถึงแม้ว่าชีพจรของนางจะมีพลังชีวิต แต่พลังชีวิตนี้ดูเหมือนจะไม่มีรากฐาน ราวกับว่ามันอาจจะหายไปเมื่อใดก็ได้ ความเย็นจัดในร่างกายของนางได้แทรกซึมเข้าไปในอวัยวะภายในทั้งหมดแล้ว ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสกัดกั้นด้วยวิธีการจากภายนอก อวัยวะเหล่านั้นอ่อนแอเกินไป ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจากภายนอกจะทิ้งบาดแผลที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และอาจถึงขั้นจบชีวิตของนางทันที”

ทางด้านฉู่ชูเหยียน เมื่อนางฟังแล้วรู้สึกสั่นไหวกับสิ่งที่จี้เติ้งถูพูด มันเหมือนกับที่อาซูพูดเมื่อคืนนี้ ว่าแต่…อาซูเล่าเรียนความรู้ทางการแพทย์มาจากที่ไหนกัน?

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้านางพยายามกำจัดน้ำแข็งด้วยตัวเอง?” ฉู่จงเทียนซักถาม “การบ่มเพาะของชูเหยียนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันกับนางเสมอมา”

ใบหน้าของฉู่จงเทียนเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในขณะที่พูด

จี้เติ้งถูพ่นลมหายใจ “เจ้าโง่ฉู่ เจ้านี่มันไม่รู้อะไรเลย! ฉู่ชูเหยียน ลูกสาวเจ้าบ่มเพาะธาตุน้ำแข็ง ดังนั้น…พลังชี่ของนางก็เป็นแบบที่ใช้น้ำแข็งเช่นกัน การใช้ความเย็นเพื่อต่อสู้กับความเย็นรังแต่จะทำให้อาการบาดเจ็บของนางแย่ลง และเร่งให้นางตายเร็วขึ้น!”

หลังจากได้ฟังจี้เติ้งถูพูดเหมือนแช่งลูกสาวของเขา ฉู่จงเทียนก็ยังยับยั้งตัวเอง อ่า…ข้าสมควรโดนด่าแล้วล่ะ ข้ามีความคิดโง่ ๆ แบบนั้นได้ยังไง?

จี้เติ้งถูได้เห็นท่าทางเหมือนท้องผูกของฉู่จงเทียน เขาไม่เคยรู้สึกสดชื่นเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าของอ๋องฉู่แดงก่ำ แต่ไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธคำตักเตือนของจี้เติ้งถูได้

เมื่อเห็นสามีของนางถูกรังแก ฉินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย นางจึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเราไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ก็ขอให้ท่านหมอเทวะจี้ แนะนำอะไรอย่างฉลาด ๆ หน่อย!”

จี้เติ้งถูชะงักตัวแข็งทื่อ เขาพูดด้วยความเขินอาย “นั่น… นั่นเป็นสิ่งที่ข้ายังต้องไตร่ตรอง แม้ว่านางจะได้รับการรักษาที่เหมาะสม แต่ระดับการบ่มเพาะของคุณหนูฉู่ อย่างน้อยที่สุดมันก็จะด้อยกว่าเมื่อก่อนมาก”

“อะไรนะ?!” คำพูดของเขาทำให้ทุกคนตกใจ แต่ปฏิกิริยาของฉินหว่านหรูรุนแรงที่สุด “ไม่ได้นะ เรื่องนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน! ชูเหยียนแข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นเดียวกับนางเสมอมา ถ้า…ถ้า…”

นางไม่สามารถจบประโยคได้…

การแสดงออกของจี้เติ้งถูเปลี่ยนไปเป็นจริงจัง “ท่านต้องเข้าใจว่า ด้วยสภาพปัจจุบันของคุณหนูฉู่ การรักษาชีวิตของนางไว้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบอย่างที่ใจเราต้องการทั้งหมดหรอก”

เปาโหย่วหลูระบายความรู้สึกของเขา “เฮ้อ…ช่างน่าละอายจริง ๆ ที่ทักษะของตาเฒ่าผู้นี้ต่ำต้อย และไม่เพียงพอที่จะช่วยชีวิตคุณหนูฉู่ การที่หมอเทวะจี้สามารถช่วยรักษาชีวิตนางได้นั้นมันเกินความคาดหมายของข้าไปด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงการรักษาระดับการบ่มเพาะของนางไว้ให้คงเดิม ซึ่งมันคงไปไม่ได้แน่นอนแม้ว่าปรมาจารย์ผู้ให้กำเนิดเต๋าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์และรักษาด้วยตัวเอง”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *