เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 89 ข้าแค่ถามอย่างเดียวไม่ได้งั้นหรือ? (ต้น)

Now you are reading เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] Chapter บทที่ 89 ข้าแค่ถามอย่างเดียวไม่ได้งั้นหรือ? (ต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 89 ข้าแค่ถามอย่างเดียวไม่ได้งั้นหรือ? (ต้น)

ซูอัน ไม่แยแสเลยกับท่าทีขู่เข็ญของฝั่งตรงข้าม กลับกัน ซูอัน

กลับยื่นมือออกไปเหมือนกันและเอ่ยขึ้นว่า “มอบหินพลังชี่ทั้งหมดที่เจ้ามีมา

ให้ข้าแล้วข้าจะถือว่าวันนี้พวกเจ้าไม่เคยมาล่วงเกินข้า”

“ไอ้เด็กใหม่ เจ้าวอนซะแล้ว!” ม่านอวี้ ระเบิดอารมณ์ทันที เขายกกำปั้นขนาดเท่าครกขึ้นมาแล้วส่งมันตรงไปที่ใบหน้าของซูอันอย่างสุดแรง หมัดนี้เขาใช้มันมานับครั้งไม่ถ้วนเพื่อกำราบนักศึกษาที่เคยแข็งข้อมานับไม่ถ้วน

ที่ผ่านมาแค่เพียงหมัดเดียวก็สามารถลบความเชื่อมั่นของเหยื่อของเขาได้ทั้งหมดภายในพริบตา!

ท่านยั่วยุ ม่านอวี้ สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +177!

ซูอัน ขมวดคิ้วรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ไอ้หมูอ้วนนี่แสดงสีหน้าโกรธ

จะเป็นจะตายแต่ไหงกลับให้คะแนนความโกรธแค่นี้กัน?

ซูอัน รับหมัดของ ม่านอวี้ ด้วยมือเปล่าพร้อมกับสีหน้าเหนื่อยใจซึ่งหมัดที่กำลังตรงเข้ามาก็ถูกหยุดราวกับมายากล

ม่านอวี้ ตกใจจนขนหัวลุก แต่แล้วเมื่อถึงตอนที่เขาพยายาม

จะชักมือกลับ เขาก็ยิ่งขนหัวลุกมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเขาไม่สามารถ

ดึงมันกลับได้เลย!

ซูอัน ถอนหายใจยาวก่อนจะพูดว่า “ข้าอุตส่าห์พูดกับเจ้าอย่างสุภาพ

แต่เจ้ากลับดื้อรั้นจริง ๆ เอาล่ะตอนนี้เจ้ายินดีที่จะมอบหินพลังชี่

ของเจ้ามาให้ข้าได้แล้วรึยัง?”

ระดับการบ่มเพาะของซูอันตอนนี้ได้มาอยู่ในระดับ 3 แล้ว ซึ่งคนที่อยู่ชั้นเรียนสีเหลืองคนอย่าง ม่านอวี้ อย่างมากที่สุดก็น่าจะมีระดับการบ่มเพาะแค่ระดับ 2 ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ ซูอัน จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ม่านอวี้ ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นกัน เขายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นและปล่อยหมัดไปหา ซูอัน อีกรอบซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม

หมัดที่ปล่อยออกไปถูกหยุดลงอย่างง่ายดาย

ซูอันรู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ไอ้เจ้าหมูอ้วนผู้นี้ยอมจำนน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจบีบกำปั้นไอ้เด็กคนนี้ให้แรงขึ้น

“โอ๊ย โอ๊ย โอย! เจ็บ ๆ ๆ ปล่อย ปล่อยข้านะ!” ม่านอวี้ เจ็บปวด

จนน้ำตาไหล เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะถูกลิงผอมแบบนี้เอาชนะได้

ท่านยั่วยุ ม่านอวี้ สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +66!

“ยังคิดสั่งข้าอีกงั้นเหรอ หยุดพูดจาไร้สาระและมอบหินพลังชี่ของเจ้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้ไม่งั้นข้าจะขยี้กำปั้นเจ้าให้แหลก!” ซูอัน ตวาดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับเพิ่มแรงบีบขึ้นไปอีก

“ข้าจะมอบมัน ข้าจะมอบมันให้…!” ม่านอวี้ ทั้งรู้สึกเจ็บปวดทั้งรู้สึกสยองที่ได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองดังลั่นเอี๊ยดอ๊าด เขาเหลือบมองถุงผ้าที่ห้อย

อยู่ที่เอวและพูดว่า “พวกมันทั้งหมดอยู่ในนั้น!”

ซูอัน กังวลว่ามันอาจจะยังมีกับดักบางอย่างซ่อนอยู่ในกระเป๋า

ดังนั้นเขาจึงปล่อยมือของ ม่านอวี้ และพูดว่า “เทหินพลังชี่ทั้งหมด

ออกมาใส่มือข้า!”

ม่านอวี้ รีบปลดถุงผ้าที่เอวอย่างรวดเร็วและเทหินพลังชี่ที่อยู่ข้างในออกมาใส่มือของ ซูอัน ทีละก้อน ๆ

ท่านยั่วยุ ม่านอวี้ สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +9 +9 +9 +9…

“หะ? แค่ 7 ก้อน?” ซูอัน รู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง เขาคิดว่าอย่างน้อย ๆก็ต้องได้หลักสิบหากนับจากจำนวนคนในชั้นเรียน เขาไม่นึกเลยว่าไอ้หมูอ้วนตัวนี้มันจะไร้ความสามารถถึงขนาดนี้?

“นี่คือมากที่สุดที่ข้าสามารถรวบรวมได้แล้ว! เจ้าก็รู้ว่าจำนวนทรัพยากรการบ่มเพาะที่ชั้นเรียนของเราได้นั้นน้อยมาก ๆ! และนี่คือทั้งหมดที่ข้ารวบรวมได้จากคนที่ข้าสามารถจัดการได้!” ม่านอวี้ รีบอธิบายด้วยสีหน้ากังวล

“แล้วหินพลังชี่รอบก่อนหน้านี้ที่เจ้าเก็บมาได้ล่ะอยู่ที่ไหน?” ซูอัน กวักมือเรียกร้องด้วยสีหน้าชั่วร้าย

ท่านยั่วยุ ม่านอวี้ สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!

สีหน้าของ ม่านอวี้ น่าเกลียดขึ้นถึงขีดสุดพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่มีหินพลังชี่เหลืออยู่แล้วจริง ๆ ส่วนหินพลังชี่รอบก่อนหน้านี้ที่ข้ารวบรวมได้

แทบทั้งหมดข้าก็ส่งให้กับลูกพี่ของข้าหมดแล้ว! งั้นเอาแบบนี้ได้ไหม ข้าจะให้หินพลังชี่กับเจ้าเพิ่มอีก 2 ก้อนจากนั้นพวกเราถือว่าเลิกแล้วต่อกัน? ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้กับคนที่คอยหนุนหลังข้าอยู่ให้รู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นถ้าหากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของลูกพี่เย่แล้วล่ะก็ มันจะเป็นเจ้า

ที่เดือดร้อนหนัก!”

“โอ้โห ๆ นี่พวกเจ้าถึงขนาดสร้างธุรกิจลูกโซ่กันเลยงั้นเหรอ?” ซูอัน รู้สึกขบขัน “ว่าแต่ใครคือ ไอ้ลูกพี่เย่ ที่เจ้าพูดถึง?”

“ลูกพี่ของข้าคือ เย่เฉินเหลียง เขาอยู่ในชั้นเรียนปฐพีปีที่ 3 ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับ 3 ขั้นปลาย นักศึกษาชั้นเรียนสีเหลืองปีแรก

อย่างเจ้าไม่มีทางต่อกรกับลูกพี่ของข้าได้อย่างแน่นอน!” ม่านอวี้ เอ่ยขึ้น

ด้วยสีหน้าได้ใจ

ซูอัน ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไอเด็กนั่นมันออกจะแข็งแกร่งกว่าข้าอยู่สักหน่อย นี่น่าจะเป็นปัญหาอยู่บ้างจริง ๆ

เมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาของซูอัน ม่านอวี้ ยิ่งได้ใจมากเข้าไปใหญ่

เขาหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ตอนนี้เจ้าเริ่มกลัวแล้วล่ะสิ? ฮ่าฮ่าฮ่า เอาล่ะตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องคืนของของ ข้ามาพร้อมกับมอบทุกอย่างที่เจ้ามีมอบมาให้ข้าด้วย!”

นี่คือเรื่องปกติของลักษณะการกดขี่ของมนุษย์ที่มีต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า ทันทีที่ม่านอวี้สังเกตเห็นความลังเลใจของ ซูอัน เขาก็ไม่กลัวคำขู่ของซูอัน

อีกต่อไป แทนที่ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะให้หินพลังชี่ 2 ก้อนแก่ซูอัน

เขากลับคืนคำและเลือกที่จะเรียกร้องทุกอย่างแทน

“ไอ้หมูตอนเจ้าพูดมากเกินไปแล้ว!” ซูอัน ตบหน้าของ ม่านอวี้ ไปเต็มแรงจนฟันไปหลายซี่ จากนั้นซูอันค้นตัว ม่านอวี้อีกรอบและเอาของมีค่าไปทั้งหมดก่อนที่จะพูดกับฝั่งตรงข้ามว่า “ข้าจะเอาของของ เจ้าไปทั้งหมดแต่ถ้าเจ้าติดใจก็ไปฟ้องให้ลูกพี่ของเจ้ามาหาข้าได้ทุกเมื่อ!”

“ไอ้คนสารเลว! ข้าขอให้เจ้าตกนรกหมกไหม้ ข้าขอให้…”

“ถ้ายังไม่เลิกพูดพร่ามอีกข้าจะเลาะฟันเจ้าทั้งปาก!”

“…”

ท่านยั่วยุ ม่านอวี้ สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!

ต่อมาเมื่อ ซูอัน กลับมาที่ห้องเรียน เขาสังเกตเห็น เว่ยสั่ว มองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า ทันทีที่ ซูอัน นั่งลงกับโต๊ะ เว่ยสั่ว ก็รีบเอ่ยถามทันที

“เจ้าเป็นยังไงบ้าง? ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม?”

ซูอัน ระเบิดเสียงหัวเราะ “ถ้าเจ้าเป็นห่วงจริง ๆ ทำไมเจ้าไม่ตามข้า

ไปในป่าเจ้าจะมาถามข้าตอนนี้เพื่ออะไร?”

เว่ยสั่ว ยักไหล่และพูดว่า “ข้าอ่อนแอขนาดนี้ ต่อให้ข้าไปด้วยข้าก็ทำได้แค่เพียงเป็นตัวถ่วงเจ้าเปล่า ๆ ถ้าข้าถูกจับเป็นตัวประกัน เจ้าก็จะต้องเสียแรงมาช่วยข้าอีก”

“เจ้าไม่ใช่เจ้าหญิงสักหน่อย ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าด้วย?” ซูอัน กลอกตาจากนั้นเขาโยนหินพลังชี่ไปให้กับ เว่ยสั่ว ก้อนหนึ่ง

“นะ..นี่…มัน” เว่ยสั่ว จ้องไปที่หินพลังชี่ในมือของตัวเองด้วยความงุนงง “เจ้าไปเอามาจากไหน?”

“ไอ้เจ้าอ้วนนั่นมันเห็นว่าข้าหล่อมาก มันเลยมอบมาให้ข้าหลายก้อน”

ซูอัน ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

“จะเป็นไปได้ยังไง?” เว่ยสั่ว อุทาน “เจ้ารู้รึเปล่าว่า ม่านอวี้ มีรุ่นพี่

หนุนหลังอยู่ นับจากนี้เจ้าต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิมเจ้ารู้ไหม!”

ซูอันไม่ได้คิดอะไรมาก “หนุนหลัง? ไอ้คนหนุนหลังของเจ้าอ้วนนั่นใหญ่กว่าอ๋องฉู่รึเปล่า?”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการยกย่องในตระกูลฉู่ แต่อย่างน้อย ๆ คนนอก

ก็ไม่มีใครรู้ในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงสามารถอวดอ้างชื่อตระกูลฉู่ได้อย่างอิสระเมื่ออยู่ข้างนอก

“เอ่อ…งั้นเจ้าก็คงมีคนหนุนหลังที่เหนือกว่า…” เว่ยสั่วพยักหน้าเห็นด้วย “เฮ้อ…การได้แต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ ช่างล้ำค่าดั่งได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดจริง ๆ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *