เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1705 ระดับเหนือเซียนเหิน / 1706 ผลวิญญาณสุกแล้ว

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1705 ระดับเหนือเซียนเหิน / 1706 ผลวิญญาณสุกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1705 ระดับเหนือเซียนเหิน / ตอนที่ 1706 ผลวิญญาณสุกแล้ว

ตอนที่ 1705 ระดับเหนือเซียนเหิน

“ข้ารู้แล้ว! เป็นเม็ดบัวเขียว!”

หงส์ไฟพึมพำ มันรู้ว่าเฟิ่งจิ่วมีเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดหนึ่งเม็ด เม็ดบัวเขียวนี้มีพลังอัศจรรย์เกิดใหม่ได้ ตอนนี้นางทะลวงขั้นสู่ระดับเซียนเหินขั้นสูงสุดแล้วยังทะลวงขั้นได้อีก ต้องเป็นเพราะเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดนั่นแน่ๆ!

ระดับของผู้ฝึกตน เหนือระดับกำเนิดวิญญาณก็คือระดับเซียนเหิน เหนือระดับเซียนเหินก็คือปราชญ์เซียน ถ้าอย่างนั้น หากนางทะลวงขั้นสำเร็จอีกครั้ง จากระดับเซียนเหินขั้นสูงสุดก็จะกลายเป็นระดับปราชญ์เซียน?

ปราชญ์เซียน!

ทั่วทั้งแปดจักรวรรดิใหญ่มีไม่ถึงห้าคน หากนางกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับปราชญ์เซียนจริงๆ เช่นนั้นก็จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังจริงๆ แล้ว!

นึกมาถึงตรงนี้ หงส์ไฟอดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ จ้องเฟิ่งจิ่วที่กำลังทะลวงขั้นอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา มันอยากให้เธอทะลวงขั้นอีก หากเป็นเช่นนั้น แม้จะไปถึงแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ต้นน้ำ ก็สามารถยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว

ทว่า การทะลวงขั้นในครั้งนี้ กลับไม่ได้ง่ายเช่นนั้น หลายวันผ่านไปแล้ว ก็ยังไม่มีสัญญาณของการทะลวงขั้น เหล่าสัตว์วิญญาณเฝ้าอยู่ไม่ไกล ผ่านไปอีกครึ่งเดือน ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ยังคงทะลวงขั้นไม่สำเร็จ

เห็นอย่างนั้น พวกมันเดาว่าการทะลวงขั้นครั้งนี้คงไม่ได้เร็วอย่างนั้น จึงต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ไม่ได้ให้ความสนใจกับความคืบหน้าในการทะลวงขั้นของเจ้านายของพวกมันอีก

ขณะเดียวกันข้างนอก กวนสีหลิ่นกับเฟิ่งเซียวฝึกฝนองครักษ์ประจำตระกูลเฟิ่ง เพื่อช่วยให้พวกเขาพัฒนาพลัง ไม่เห็นเฟิ่งจิ่วนานถึงครึ่งเดือน พวกเขาก็ไม่ได้ไปรบกวน เพราะเฟิ่งจิ่วกำชับไว้แล้ว หากเธอไม่ออกมา ใครก็ห้ามไปรบกวนเธอ

กอปรกับ เรือนที่เธออาศัยอยู่ร่ายเขตอาคมและค่ายกลไว้ พวกเขาอยากเข้าไปก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี

บางทีอาจเพราะการจากไปของสหายและคนในครอบครัว ทำให้พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน แม้การฝึกฝนจะยากลำบากอีกแค่ไหน เหล่าองครักษ์ก็ไม่เคยบ่นลำบาก

พวกเขาฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งทุกคืนวัน ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ภายใต้การช่วยเหลือของยา พลังของพวกเขาแต่ละคนล้วนพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทว่าหนึ่งเดือนผ่านไป สามเดือนผ่านไป พริบตาเดียวผ่านไปถึงหกเดือน พลังต่อสู้และระดับพลังขององครักษ์แต่ละคนล้วนพัฒนาขึ้นสองระดับ

เพียงแต่ ฝึกฝนอย่างยากลำบากมาครึ่งปี ยามนี้ กลับยังคงไม่เห็นนายท่านของพวกเขาออกมา ทำให้พวกเขาเริ่มกังวลขึ้นมา

“นายท่านเก็บตัวมาก็ครึ่งปีแล้ว? นานขนาดนี้ก็ยังไม่ออกมา คงไม่ได้เป็นอะไรกระมัง?”

“พูดอะไรของเจ้า? นายท่านเก็บตัวจะเป็นอะไรได้อย่างไรกัน?”

“แต่นี่ก็นานมากแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้ยินเสียงตอนทะลวงขั้นด้วย! อีกอย่าง ใช่ว่าไม่เคยมีผู้ฝึกตนที่ตายตกระหว่างทะลวงขั้น…โอ๊ย! เจ้าตีข้าทำไม!”

องครักษ์นายนั้นลูบหัว หันไปมองกลับพบว่าเป็นหัวหน้าของพวกเขา ก็รีบหุบปากไม่กล้าพูดอะไรอีก

“มัวพูดจาเหลวไหลอะไรกันอยู่ที่นี่? ว่างเกินไปแล้วกระมัง? หากว่างเกินไปก็ไปฝึกต่อ!” หลัวอวี่ตวาดพวกที่กำลังพูดคุยกันอยู่

“หัวหน้า พวกข้าไม่ได้หมายความอย่างอื่น ก็แค่เป็นห่วงเท่านั้น” องครักษ์นายนั้นบอก

“ห่วงอะไร? มีอะไรให้ห่วงกัน? พวกเจ้าห่วงว่านายท่านออกมาแล้วจะทดสอบพลังต่อสู้ของพวกเจ้าเถิด!” หลัวอวี่แค่นเสียง บอกว่า “ก่อนเก็บตัวนางบอกไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาสิบอันดับแรกจะมีรางวัลให้ สิบอันดับสุดท้ายก็มีบทลงโทษเช่นกัน!”

ได้ยินอย่างนั้น องครักษ์กลุ่มนั้นรีบรับคำ แล้วแยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว กลับไปฝึกฝนต่อ

“แต่ที่พวกเขาพูดก็จริง นี่นายท่านก็เก็บตัวนานถึงครึ่งปีแล้ว” พวกฟั่นหลินเดินเข้ามาจากข้างหลัง บอกว่า “เรื่องนี้ควรไปหาผู้นำตระกูลแล้วถามหน่อยหรือไม่?”

………………………………….

ตอนที่ 1706 ผลวิญญาณสุกแล้ว

“ถามอย่างไร? ถามไปเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เรือนของนายท่านร่ายเขตอาคมกับวางค่ายกลไว้ นางไม่ออกมา ก็ไม่มีใครเข้าไปได้” หลัวอวี่ตอบ ก่อนจะหาที่นั่ง

หยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขาก็ยิ้ม “อีกอย่าง ข้าเชื่อในตัวนายท่าน นางไม่เป็นอะไรหรอก ข้าเชื่อว่าพอนางออกมา จะต้องทำให้เราประหลาดใจแน่”

ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนมองหน้ากัน แล้วอดยิ้มไม่ได้ ใช่แล้ว! เรื่องราวมากมายขนาดนั้นยังผ่านมาแล้ว จะมาเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นตอนทะลวงขั้นพลังได้อย่างไรกัน?

เหมือนอย่างที่พวกเขาคิด เฟิ่งจิ่วไม่ได้พบเจออันตรายใดระหว่างทะลวงขั้น ตรงกันข้าม การทะลวงขั้นราบรื่นกว่าที่คิด

วันนี้ ในห้วงมิติ หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งปี สายอัสนีบาตสามเส้นฟาดลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง ฝึกฝนร่างกายและชีพจรของเธออย่างหนักอีกครั้ง สิ่งที่ต่างจากครั้งก่อนคือ การทะลวงขั้นครั้งนี้ของเธอส่งผลดีต่อเหล่าสัตว์คู่พันธะสัญญาของเธอด้วย

เธอทะลวงขั้นจากระดับเซียนเหินขั้นสูงสุดถึงระดับปราชญ์เซียนขั้นกลาง กลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์เซียนขั้นกลาง

พลังของหงส์ไฟพัฒนาขึ้นหนึ่งขั้น ส่วนกลืนเมฆาก็ได้กลายเป็นราชาสูงสุดในหมู่สุดยอดสัตว์เทวะ แม้แต่เสี่ยวเฮยจากสัตว์เทวะก็กลายเป็นสุดยอดสัตว์เทวะ มีเพียงเหล่าไป๋ที่ยังเหมือนเดิม ราวกับการทะลวงขั้นของเธอไม่ได้ส่งผลถึงมัน อีกทั้งครึ่งปีมานี้ มีเพียงระดับพลังของมันที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงเลย

ถึงแม้อย่างนั้น แต่การทะลวงขั้นของเธอ ก็ได้กระตุ้นเหล่าสัตว์คู่พันธสัญญาของเธอยกเว้นเสี่ยวไป๋ สัตว์คู่พันธสัญญาในยามนี้ แต่ละตัวล้วนมีพลังต่อสู่ที่น่าทึ่ง

กลางอากาศ เมื่อกลิ่นอายพลังวิญญาณจางไป เฟิ่งจิ่วค่อยๆ ลืมตา เธอมองท้องฟ้าและแผ่นดินผืนนี้ ราวกับแผ่นดินทุกระเบียดนิ้วในที่แห่งนี้เป็นหนึ่งเดียวกับตัวเธอ เธอสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของพวกมันอย่างชัดเจน และรับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ที่บอกไม่ถูก

“นายท่าน เหตุใดพวกมันทะลวงขั้น แต่ข้าไม่ทะลวงขั้นเล่า?” เห็นเฟิ่งจิ่วลอยตัวลงมาจากกลางอากาศ เหล่าไป๋เดินเข้ามาถามอย่างผิดหวัง

หงส์ไฟกับกลืนเมฆาทะลวงขั้นมันยังพอเข้าใจได้ แต่เหตุใดแม้แต่เสี่ยวเฮยก็ยังทะลวงขั้น มันกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยเล่า? หรือเพราะมันกลายเป็นอสูรกลายพันธ์? ถึงได้ทะลวงขั้นช้า?

ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วมองเหล่าไป๋ เผยยิ้มแล้วตบหัวมันเบาๆ บอกว่า “ไม่เป็นไร แค่พยายามก็ดีพอแล้ว” เธอหันไปมองหงส์ไฟกับกลืนเมฆารวมถึงเสี่ยวเฮย ยิ้มบอกว่า “อยู่ที่นี่มาตั้งนาน ออกไปยืดเส้นยืดสาย ผ่อนคลายกันหน่อยเถิด!”

“ดีเลย!” เหล่าสัตว์คู่พันธสัญญารับคำ ตอนนั้นเอง กลืนเมฆาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ บอกว่า “นายท่าน ข้าเห็นผลไม้บนต้นไม้ต้นนั้นเหมือนจะสุกแล้ว”

ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยังไม่ทันพูดอะไร ก็เห็นเหล่าไป๋ที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาเพราะอารมณ์ไม่ค่อยดีดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา มันเงยหน้า น้ำลายไหล “สุกแล้ว? จริงหรือ? ข้าไปดูสักหน่อย!”

พูดจบ ก็เห็นรอบกายมีพายุหมุนก่อนตัว เมื่อดูอีกที ก็ไม่เห็นเงาร่างของเหล่าไป๋แล้ว

เฟิ่งจิ่วชะงัก ได้สติทันที รีบตามไป “โรคตะกละของเหล่าไป๋กำเริบอีกแล้ว! นี่คิดจะขโมยกินผลวิญญาณของข้าหรือ? รีบตามไปเร็ว ผลไม้ต้นนั้นมีลูกแค่ห้าลูก อย่าปล่อยให้มันขโมยกินหมด!”

ได้ยินอย่างนั้น หงส์ไฟกับกลืนเมฆาโฉบร่างไปยังต้นไม้ต้นนั้น ตามหลังเฟิ่งจิ่วไปติดๆ ส่วนเสี่ยวเฮยที่กำลังงงงันได้แต่เอียงคอ แล้ววิ่งตามหลังพวกมันไป

“ผลไม้…ผลวิญญาณ…สุกแล้วจริงด้วย!”

ใต้ต้นไม้ เหล่าไป๋สะบัดหางม้าด้วยความตื่นเต้นดีใจ มองผลวิญญาณสีแดงสดขนาดเท่าลูกกำปั้นที่ห้อยอยู่บนต้นไม้เหล่านั้นอย่างน้ำลายไหล…

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด