เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 787 เสี่ยวไป๋ นักคุมสัตว์ทรงเกียรติ + 788 เจ้ามีรสนิยมด้านนั้นจริงหรือ?

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 787 เสี่ยวไป๋ นักคุมสัตว์ทรงเกียรติ + 788 เจ้ามีรสนิยมด้านนั้นจริงหรือ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 787 เสี่ยวไป๋ นักคุมสัตว์ทรงเกียรติ + ตอนที่ 788 เจ้ามีรสนิยมด้านนั้นจริงหรือ?
ตอนที่ 787 เสี่ยวไป๋ นักคุมสัตว์ทรงเกียรติ

จะฟื้นฟูแก่นพลัง นอกจากช่วยฟื้นฟูด้วยยายังต้องฝังเข็มทองตรงจุดชีพจร และใช้กลิ่นอายพลังวิญญาณช่วยฟื้นฟูควบคู่กันไป ถึงจะได้ผลลัพธ์น่ามหัศจรรย์ ส่วนการฝังเข็มทองตรงจุดชีพจรนี้เป็นวิธีฝังเข็มเฉพาะตัวเฟิ่งจิ่วแต่เดิม แม้อยู่ในโลกผู้ฝึกวิชาเซียนนี้ ก็หาคนที่ฝังเข็มเช่นนี้เป็นไม่ได้

หมายความว่าแก่นพลังที่เสียหายนี้เธอรักษาได้ คนอื่นกลับไม่แน่ว่าจะทำได้

ไป๋เสี่ยวยืนกลั้นหายใจมองอยู่ข้างๆ ไม่กล้ารบกวนสักนิด สังเกตเห็นว่าบนเข็มทองทุกเล่มล้วนหลอมรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณที่เห็นด้วยตาเปล่าไว้ กลิ่นอานพลังวิญญาณนั้นแทรกซึมเข้าร่างไปพร้อมกับการหมุนขยับเข็มทอง

สุดท้ายเห็นเฟิ่งจิ่วเคลื่อนมือออก เข็มทองนั้นกลับยังคงฝังตรงนั้นและสั่นๆ เล็กน้อย ยังเห็นเฟิ่งจิ่วหยิบเข็มทองอีกเล่มออกมาอีก แล้วฝังเข้าตรงจุดชีพจรอื่นด้วยวิธีเดียวกัน บนเข็มทองทุกเล่มยังคงมีกลิ่นอายพลังวิญญาณที่เห็นได้ด้วยตา

เซี่ยงหวาที่หมดสติท่อนบนเปลือยเปล่า บนร่างมีเหงื่อเม็ดใหญ่เท่าถั่วไหลออก ใบหน้านั้นแดงก่ำเป็นครั้งคราว เมื่อเข็มทองค่อยๆ ฝังลงไปมากขึ้น บนร่างเขาก็รวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณ กลิ่นอายพลังวิญญาณนี้คล้ายจะถูกกระตุ้นขึ้นมาด้วยเข็มทอง กำลังตอบสนองกันกับเข็มทองทุกเล่ม

“เช็ดเหงื่อที” เฟิ่งจิ่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ในมือกำลังบีบขยับเข็มทองเล่มหนึ่ง

ไป๋เสี่ยวได้ยินเช่นนี้ก็รีบร้อนเข้าไปเช็ดเหงื่อบนหน้าผากเขา อืม หน้าที่เขาตรงนี้คือเช็ดเหงื่อให้เซี่ยงหวา

ตลอดจนถึงเวลาเที่ยงคืน เฟิ่งจิ่วถึงจะดึงเข็มทองทั้งหมดบนร่างเซี่ยงหวาออกมา ป้อนยาให้เขาอีกครั้ง ถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปหาที่พักผ่อนข้างๆ สักพัก

“เฟิ่งจิ่ว น้ำ” ไป๋เสี่ยวยื่นน้ำให้ พลางถามว่า “เขาเป็นอย่างไรบ้าง? ไหวหรือเปล่า?”

“คืนนี้เป็นช่วงเวลาฟื้นฟู พรุ่งนี้เช้าเดาว่าคงฟื้นสภาพได้” เธอเอ่ยหลังจากดื่มน้ำไป กล่าวอีกว่า “คืนนี้ข้าจะเฝ้าที่นี่ เจ้าก็หาที่พักผ่อนตามสะดวกเถอะ!”

“พูดเช่นนี้ แก่นพลังที่เสียหายก็ฟื้นฟูได้จริงสิ?” เขาตะลึงไปบ้าง เพราะตั้งแต่เริ่มมาเขายังไม่ค่อยเชื่อ แม้เห็นเขาฝังเข็มเสียดิบดี ก็ยังคงเคลือบแคลงนิดหน่อย

เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็เลิกคิ้ว “ทำไม? ยังคิดว่าข้าหลอกเจ้าจริงหรือ?” เธอส่งเสียงหัวเราะเบาๆ “มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเหล่าไป๋ทำไมถึงพูดได้?”

“เจ้าบอกว่าเหล่าไป๋กินยาอายุวัฒนะผิดไปไม่ใช่…” เขากล่าวจบก็ตะลึงไปบ้าง จริงด้วย! หากเขาไม่มีฝีมือจริงจะกลั่นยาอายุวัฒนะออกมาได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นยาที่ทำให้สัตว์อสูรพูดได้เช่นนั้น

“ดังนั้นข้าจึงบอก ว่าติดตามข้าจะมีเนื้อกินใช่หรือไม่?” เธอตบๆ ไหล่เขา ยิ้มเอ่ยว่า “เสี่ยวไป๋…”

“ข้าไป๋เสี่ยว” เขาไม่พอใจนิดหน่อย

“เสี่ยวไป๋เหมาะกับเจ้ามากกว่า” เธอหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ ข้าขอบอกเจ้า ว่าติดตามข้าได้ประโยชน์มากนัก เจ้าดูสิ รอข้ากำราบวังกำเนิดสวรรค์ ข้าให้เจ้าเป็นผู้พิทักษ์เป็นอย่างไร? อีกหน่อยเจ้าจะเป็นนักฝึกสัตว์อสูรของวังกำเนิดสวรรค์เรา ความสามารถนี้ต้องเร่งฝึกฝน ภายหลังแม้สู้คนอื่นไม่ได้ ยังคุมสัตว์อสูรมาต่อสู้ได้ รู้หรือเปล่า?”

“แต่ข้าเป็นเพียงนักฝึกสัตว์อสูร ไม่ใช่นักควบคุมสัตว์อสูร!”

“ดังนั้นถึงบอกว่าเจ้าโง่ ฝึกสัตว์อสูรกับควบคุมสัตว์อสูรเป็นแขนงเดียว แยกจากกันไม่ได้ ขอแค่เจ้าฝึกสัตว์อสูรให้เชื่อง สั่งพวกมันทำอะไรยังต้องฟังเจ้าหมดไม่ใช่หรือ? นักคุมสัตว์อสูรฝึกบำเพ็ญถึงแก่นแท้ยังไม่แย่ไปกว่าผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง เจ้าดูสิ หากเจ้าอยากบิน ตนเองบินไม่ได้? ไม่เป็นไร ฝึกสัตว์อสูรบินได้สักตัวมาเป็นพาหนะเจ้ายังได้”

………………………………………………….

ตอนที่ 788 เจ้ามีรสนิยมด้านนั้นจริงหรือ?

“หากเจ้าสู้คนอื่นไม่ชนะก็ไม่เป็นไร ฝึกสัตว์อสูรให้มันช่วยเจ้าสู้ คงซัดคนร่วงเป็นดอกไม้ ไหลเป็นสายน้ำแน่ๆ ถึงเวลานั้นเจ้าจะมีเกียรติ อนาคตกลับตระกูลเจ้าไปแต่ละคนเห็นยังต้องประจบเจ้าไม่ใช่หรือ? เจ้าว่าใช่หรือไม่?”

ไป๋เสี่ยวได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่ว จิตใจเบิกบานอยู่ในอนาคตที่เฟิ่งจิ่ววาดแผนให้เขา ฟังไปรู้สึกว่าจริงก็เรื่องหนึ่ง หัวใจยังตื่นเต้นตามอย่างอดไม่ได้

“พูดเช่นนี้ แม้ข้าต่อสู้ไม่ได้ ขอแค่กลายเป็นนักคุมสัตว์อสูร ยังสั่งสัตว์อสูรมาช่วยข้าสู้ได้หรือ?” ดวงตาเขาเป็นประกาย ในคำพูดมีความตื่นเต้นที่ยากจะปิดบัง

“แน่นอน”

เฟิ่งจิ่วพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ดังนั้นถึงบอก ว่านักคุมสัตว์อสูรมีอนาคตยิ่ง”

“เฟิ่งจิ่ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะขยันแน่นอน และจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง!” เขาเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม ความไม่มั่นใจและขลาดกลัวเล็กน้อยนั้นในหัวใจ ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นและดีใจไปนานแล้ว

“อืม ข้าจะดูเจ้าอย่างดี สู้ๆ ล่ะ” เธอตบๆ ไหล่เขาพลางพูด “ข้าจะพักผ่อนสักพักก่อน” กล่าวจบก็หยิบผ้าคลุมมาห่มบนร่าง และนั่งพิงหลับตาพักผ่อน

หนึ่งคืนดูเหมือนผ่านไปอย่างเงียบสงบ คืนนี้ตู้ฝานสำเร็จหน้าที่ที่เฟิ่งจิ่วสั่งไว้ได้ดีมาก เฝ้าค่ายกล ไม่ให้ใครเหยียบย่างเข้ามาด้านใน

เมื่อคืนมีชายร่างใหญ่สองคนคิดสบโอกาสเข้าไปตอนเขาพักผ่อน ต่างถูกเขาฆ่าตาย อาจเพราะการนองเลือดทำให้ทุกคนตกใจ คนอื่นๆ แต่ละคนจึงหยุดความคิดไว้

กระทั่งเวลาฟ้าสว่าง หลังจากตรวจร่างกายเซี่ยงหวา เฟิ่งจิ่วในบ้านต้นไม้ใช้ฝ่ามือปิดตรงจุดตันเถียน ขณะตรวจสอบแก่นพลังที่เสียหายแตกร้าว เมื่อดวงจิตตรวจพบว่าแก่นพลังทั้งหมดฟื้นสภาพโดยสมบูรณ์ กลิ่นอายทั่วร่างเซี่ยงหวาพัฒนากลับจากยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณไประดับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง ถึงจะเก็บมือกลับอย่างพอใจ

“เฟิ่งจิ่ว กลิ่นอายเขาตอนนี้ฟื้นคืนสู่ระดับหลอมแก่นพลังแล้วหรือ?” ไป๋เสี่ยวหมอบอยู่ข้างๆ พลางเอ่ยถาม

“อืม ฟื้นสภาพแล้ว ภายใต้การช่วยเหลือจากยา จึงกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด” กลางหว่างคิ้วเธอเผยรอยยิ้มมั่นใจ และรู้ว่าไม่มีเรื่องใดที่เฟิ่งจิ่วทำไม่สำเร็จ

ไป๋เสี่ยวได้ยินคำพูดนี้ แววตาเป็นประกายเล็กน้อย ถามว่า “เฟิ่งจิ่ว ขอเจ้าช่วยรักษาพ่อข้าหน่อยได้หรือไม่?”

“หือ?” เธอเลิกคิ้วขึ้น “พ่อเจ้าบาดเจ็บถึงแก่นพลังหรือ?”

“ข้าเคยบอกเจ้าไม่ใช่หรือ? ข้ามาจากตระกูลนักคุมสัตว์ อันที่จริงในตระกูลเราบอกว่าคุมสัตว์ แต่แท้จริงคนที่เข้าใจการคุมสัตว์อสูรมีเพียงอาจารย์ในตระกูล เขารู้จักการคุมสัตว์อสูรจริงๆ คนรุ่นหลังอย่างพวกเราหรือแม้แต่รุ่นพ่อข้านั้น ยังได้แต่เป็นนักฝึกสัตว์อสูร ไม่ถือว่าเป็นนักคุมสัตว์อสูร”

“เดิมทีพ่อข้ามีหวังมากที่สุดว่าจะกลายเป็นนักคุมสัตว์อสูร แต่ปีหนึ่งถูกสัตว์ร้ายชนบาดเจ็บถึงแก่นพลัง จากนั้นก็ไม่มีภายหน้าอีก ดังนั้นข้าคิดว่า เจ้าฟื้นฟูแก่นพลังได้จริงๆ เช่นนั้นก็ช่วยพ่อข้ารักษาเสียหน่อยแล้วกัน!” เขามองเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้ามีความหวัง

เธอได้ยินเช่นนี้ ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ยิ้มอย่างมีความเจ้าเล่ห์บางส่วน “เรื่องนี้เอง! จริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ แหะๆ”

“แต่อะไร?”

“เจ้าบอกข้าก่อน ว่าเจ้าเป็นคนของข้าใช่หรือไม่?” เธอจ้องเขาราวกับจิ้งจอกพลางเอ่ยถาม

“หา? คนของเจ้าอะไรกัน? จะ เจ้าอย่าบอกข้านะ ว่าเจ้ามีรสนิยมด้านนั้นจริงๆ” เขามองเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แล้วก้าวถอยหลังไปอย่างอดไม่ได้

ทว่าคำพูดเพิ่งกล่าวจบ ก็โดนเธอตบหัวอย่างแรง “รสนิยมด้านนั้นอะไรกัน? ข้ายังคิดว่าเหล่าไป๋เหมือนใครกันแน่? ที่แท้เป็นเจ้านี้ที่สมองมีปัญหาและแสร้งทำเป็นวุ่นวายสอนมันไม่ดี มันไม่หื่นกามถึงจะแปลก”

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *