เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ + 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ + 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ

หลินป๋อเหิงใช้ชีวิตใกล้จะร้อยปีแล้ว จะไม่รู้ได้หรือว่าในใจเขากำลังวางแผนอะไร? เขาเพียงมองซานหยวนแวบหนึ่ง บอกยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้ได้แน่นอน เจ้าจะออกไปก็ให้ซู่ซีไปเป็นเพื่อนแล้วกัน! เจ้าไม่ได้มาตั้งหลายปีเพียงนี้ที่นี่เปลี่ยนไปมากนัก ไปเดินดูเดินเล่นเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

“พี่ใหญ่ บอกตามความจริง! ตอนนี้ข้าเห็นซู่ซีก็คิดเพียงจะหลบซ่อน ข้ากลัวนางมากจริงๆ” ผู้เฒ่าเฟิ่งไม่ได้ดื่มชา แต่หยิบน้ำเต้าเหล้ามาดื่ม บอกว่า “ท่านว่าหากให้ลูกชายกับหลานสาวข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ที่ใด?”

ได้ยินคำพูดนี้หลินป๋อเหิงก็ไม่ค่อยชอบใจนัก จึงทำหน้าถมึงทึงขึ้นทันใด “ทำไม? น้องสาวข้าซู่ซีไม่เข้าตาเจ้าถึงเพียงนั้นเชียว? เจ้าเสียหน้าหรือ? เจ้าไม่ลองคิดเล่าว่าใครให้นางรอตั้งหลายปีเพียงนี้ เจ้าคิดถึงแต่หน้าแก่ๆ ของเจ้า ทำไมไม่ลองคิดว่าหลายปีนี้ผู้หญิงคนเดียวอย่างซู่ซีต้องทนรับคำครหามาเท่าไหร่? ทำไมไม่ลองคิดว่านางทำถึงขนาดนี้ต้องยากเย็นเพียงใด?”

“พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ผู้เฒ่าเฟิ่งทอดถอนใจ ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว หากพูดต่อไปจะกลายเป็นยิ่งพูดยิ่งวุ่นวาย

หลินป๋อเหิงวางถ้วยชาลงลุกยืนขึ้น บอกว่า “ป่าแห่งนี้เจ้าเองก็คุ้นเคย นอกจากไม่หวังให้เจ้าไปภายในจวนก็เดินเหินได้ไม่จำกัด เจ้าอยากเดินไปไหนก็ไป อยากไปดูที่ไหนก็ไป ข้ากำชับไว้อย่างดี คนในจวนไม่กล้าไม่เคารพเจ้า ยังมีอะไรไม่พอใจอีก?”

“นอกนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น พวกเราพี่น้องไม่เจอกันตั้งหลายปีเช่นนี้ ยามนี้เจ้าอยู่ในตระกูลหลินก็ควรหาโอกาสมารวมตัวกันดื่มเหล้าเสียหน่อยใช่หรือไม่? แล้วดูสิเจ้าเหมือนอะไร? หลบอยู่ในเรือนนี้ทั้งวันไม่ออกไป ข้าละอายใจแทนเจ้านัก”

“อีกอย่าง ไม่ได้เจอซู่ซีมาหลายปีเจ้าจะไม่คุยกับนางดีๆ หน่อยหรือ? ลองถามนางว่าหลายปีนี้เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเองก็ลองคิดดีๆ เถอะ! อย่าคิดแต่จะหนี หากเจ้าหนีไปข้าจะช่วยซู่ซีไปจับตัวถึงราชวงศ์เฟิ่งหวง”

หลังจากพูดเป็นชุดๆ หลินป๋อเหิงก็ไม่ได้หยุดลง แต่ก้าวเดินจากไป คิดจะให้ตัวเขาเองลองไตร่ตรองดีๆ

ผู้เฒ่าเฟิ่งถอนใจ นั่งดื่มเหล้าในลานบ้าน องครักษ์ลับพวกนั้นในมุมมืดเห็นแล้วก็มองหน้ากัน ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องดีๆ เช่นนี้มีอะไรยุ่งยากนัก

ผ่านไปสองสามวันเรื่องเหาะลำหนึ่งค่อยๆ เข้าใกล้ชายแดนแคว้นมหาสันติ เดิมทีเฟิ่งจิ่วไม่อยากดึงดูดความสนใจเกินไปนัก เลยจะให้พวกเขาลงจากเรือเหาะให้หมดแล้วเดินหน้าไปบริเวณประตูเมือง ใครจะรู้ว่าหลิงโม่หานกลับบอกว่าไม่ต้องรีบ ดังนั้นเรือเหาะจึงจอดอยู่นอกประตูเมืองนั้นทันที

สำหรับแคว้นระดับสามเรือเหาะเป็นอะไรที่เห็นบ่อยมาก ไม่เหมือนกับคนแคว้นเล็กระดับเก้าที่เห็นว่ามีเรือเหาะก็จะเข้ามาล้อม แต่ยังโดนคนรอบข้างพินิจมองเหมือนเดิม เพราะนอกจากเรือเหาะลำหรูหรา เสื้อผ้าการแต่งตัว และรูปโฉมท่าทางพวกเขาล้วนโดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่อยากดึงดูดความสนใจนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้จริงๆ

คนคุ้มกันเมืองก็เห็นพวกเขาเป็นลูกชายจากตระกูลสูงศักดิ์ ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขาเดินไปใกล้ๆ คนที่รับผิดชอบตรวจสอบตัวตนจึงอำนวยความสะดวกให้พวกเขามายังด้านหน้าป้ายหยกตรวจสอบตัวตนโดยไม่ต้องคัดออก

หลิงโม่หานยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วตลอดไม่เดินหน้าเข้าไป มีเพียงฮุยหลางเดินไปข้างหน้า หลังจากยื่นของบางอย่างคนที่คุ้มกันประตูเมืองก็มีท่าทีตกใจ คาราวะพวกเขาด้วยความเคารพ ก่อนจะเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว

ท่าทางยำเกรงของทหารอารักขา รวมถึงความสะดวกสบายที่ไม่ต้องตรวจสอบตัวตนอื่นๆ ก็เข้าไปได้ทันที ทำให้คนพวกนั้นที่ยังต่อแถวอิจฉาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

………………………………………………….

ตอนที่ 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ

“ของอะไรของพวกท่านน่ะ? ทำไมแค่เอาออกมาก็เข้ามาได้ทันทีโดยไม่แม้แต่จะต้องถามอะไรเลย?” เฟิ่งจิ่วที่เข้ามาในเมืองพลิกตัวขึ้นนั่งขี่บนหลังเหล่าไป๋ ชุดสีแดงม้าสีขาวช่างงดงามเสียไม่มี

ในใจมีความอยากรู้อยากเห็น ตอนนั้นก็เห็นของที่ฮุยหลางถือไว้ไม่ชัด รู้เพียงว่าคล้ายกับป้ายหยกชิ้นหนึ่ง เป็นป้ายหยกแสดงตัวตนแบบไหนถึงทำให้ทหารอารักขาตรงประตูเมืองเผยท่าทียำเกรงเช่นนั้นได้?

“แน่นอนว่าเป็นของแทนตัวตนข้า” เขาเหลือบมองนางผู้แพรวพราวน่าหลงใหลที่นั่งขี่อยู่บนม้า เพียงคิดว่าชุดสีแดงกับม้าสีขาวช่างเหมาะสมกับนางมากจริงๆ

โดยเฉพาะที่นางแต่งกายชุดผู้ชาย ท่าทางองอาจห้าวหาญ แต่กลับยังมีกลิ่นอายที่ชั่วร้ายทรงเสน่ห์ หางตาเชิดขึ้นน้อยๆ มนตร์เสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากแววตาราวกับทำให้สวรรค์ปั่นป่วน นางที่รู้แจ้งว่าเสน่ห์อันไร้ที่ติของตนฆ่าได้ทั้งชายหญิงยามนี้นั่งขี่บนหลังม้า ซ้ำยังโปรยเสน่ห์ผ่านดวงตาแวววาวไปทางเหล่าสาวน้อยวัยแรกแย้มสองข้างทางบ่อยครั้ง เขามองเสียจนทั้งใบหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้เดินไปเดินมาด้วยตัวตนที่แต่งเป็นชาย เป็นดังคำนางพูดตามคาด เพื่อออกมายั่วยวนไปทั่วหนแห่ง

แววตาลึกล้ำกวาดมองผ่านถนนใหญ่ที่คึกคักตรงหน้า แล้วหยุดลงตรงโรงเหล้าแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร ในน้ำเสียงทุ้มต่ำมีความเย็นเยียบ “ไปนั่งทางนั้นสักพักก่อน ให้ฮุยหลางไปซื้อแผนที่อาณาเขตแคว้นมหาสันติ พวกเราจะได้รู้ว่าสมาคมนักปรุงยาอยู่ที่ไหน”

ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วที่นั่งบนหลังเหล่าไป๋อย่างเอ้อระเหยก็กระพริบตา กำลังจะขานรับก็เห็นข้าวของกองหนึ่งโยนมาทางเธอ จึงรับไว้ตามสัญชาตญาณ เมื่อก้มหน้ามองก็อึ้งไปพักหนึ่ง มันคือผ้าเช็ดหน้าที่ห่อพวกผลไม้ตามฤดูกาลไว้

เธอเงยหน้ามองไปรอบๆ เพียงเห็นผู้หญิงสองสามคนตรงชั้นสองข้างๆ มองมาอย่างเขินอายแต่ดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นเธอมองไปผู้หญิงพวกนั้นจึงส่งรอยยิ้มเหนียมอายมาให้

เห็นเช่นนี้ดวงตาวงคิ้วเธอก็เลิกขึ้นน้อยๆ มุมปากยกขึ้นเบาๆ แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหล ไม่ทันไรยังหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อชมพู่น้ำดอกไม้ขึ้นมาดมกลิ่นสักพักด้วยสีหน้าสุขสำราญ ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นดีใจเสียจนร้องเสียงหลง ก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าในมือห่อพวกผลหมากรากไม้โยนมาทางเธออย่างบ้าคลั่งอยู่บ้าง

ทันใดนั้นบนถนนใหญ่ก็ปรากฏภาพที่น่าตกตะลึง เพียงเห็นผู้หญิงข้างทาง หรือแม้แต่หญิงสาววัยแรกแย้มพวกนั้นบนตึกร้านค้าโรงน้ำชาสองฝั่งต่างพากันใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อผลไม้ฟักแฟงโยนไปหาคุณชายสูงศักดิ์ชุดแดงผู้หล่อเหลาที่นั่งขี่บนหลังม้าขาว

เพื่อไม่ให้โดนชนเฟิ่งจิ่วทำได้เพียงยื่นมือไปรับมาเก็บลงกระเป๋าทีละชิ้นสองชิ้น เปิดออกดูล้วนเป็นของจำพวกผลไม้ต่างๆ เห็นเช่นนี้บนใบหน้ารูปงามจึงมีความภาคภูมิใจน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าช่างมีเสน่ห์ไร้ที่ติดังคาด ผลหมากรากไม้ตั้งมากมายเพียงนี้ ไม่ต้องซื้อแล้วล่ะ”

เหลิ่งหวาหยิบผลไม้พวกนั้นมาใส่ตะกร้าด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เก็บเสียจนตะกร้าเต็มไปด้วยสีแดงสีเขียว รวมถึงผ้าเช็ดหน้าพวกนั้น ทำให้พวกเจ้าของร้านค้าสองฝั่งและหาบเร่บนถนนหนทางพากันส่งเสียงกระซิบกระซาบอย่างแปลกใจในทันใด

“นั่นใครกัน? เป็นคุณชายสูงศักดิ์รูปงามมาจากไหน? คนพวกนี้ดูแล้วคงเพิ่งเข้าเมืองมากระมัง? ทำให้ผู้หญิงกว่าครึ่งเมืองต่างวิ่งออกมา ช่างมีความสามารถจริงๆ”

ฮุยหลางกับอิ่งอีข้างๆ เห็นแล้วมุมปากกระตุก เห็นสีหน้าที่ถมึงทึงของนายท่าน ทั่วร่างมีไอเย็นหนาวเหน็บผุดขึ้น จึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้างโดยฉับพลัน

ภูตหมอนี่จริงๆ เลย ชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงกลับไม่ชอบกระโปรงผู้หญิงแต่ชอบเสื้อผ้าผู้ชาย เปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายก็เปลี่ยนไปเถอะ! แต่การเกี้ยวพาผู้หญิงพวกนั้นระหว่างทางนี่มันเรื่องอะไรกัน หากหญิงพวกนั้นรู้ว่าคุณชายสูงศักดิ์ที่ทำให้พวกนางหลงจนหัวปั่นแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง ไม่รู้จริงๆ ว่าสีหน้าจะประหลาดใจเพียงใด?

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ + 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ + 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ

หลินป๋อเหิงใช้ชีวิตใกล้จะร้อยปีแล้ว จะไม่รู้ได้หรือว่าในใจเขากำลังวางแผนอะไร? เขาเพียงมองซานหยวนแวบหนึ่ง บอกยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้ได้แน่นอน เจ้าจะออกไปก็ให้ซู่ซีไปเป็นเพื่อนแล้วกัน! เจ้าไม่ได้มาตั้งหลายปีเพียงนี้ที่นี่เปลี่ยนไปมากนัก ไปเดินดูเดินเล่นเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

“พี่ใหญ่ บอกตามความจริง! ตอนนี้ข้าเห็นซู่ซีก็คิดเพียงจะหลบซ่อน ข้ากลัวนางมากจริงๆ” ผู้เฒ่าเฟิ่งไม่ได้ดื่มชา แต่หยิบน้ำเต้าเหล้ามาดื่ม บอกว่า “ท่านว่าหากให้ลูกชายกับหลานสาวข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ที่ใด?”

ได้ยินคำพูดนี้หลินป๋อเหิงก็ไม่ค่อยชอบใจนัก จึงทำหน้าถมึงทึงขึ้นทันใด “ทำไม? น้องสาวข้าซู่ซีไม่เข้าตาเจ้าถึงเพียงนั้นเชียว? เจ้าเสียหน้าหรือ? เจ้าไม่ลองคิดเล่าว่าใครให้นางรอตั้งหลายปีเพียงนี้ เจ้าคิดถึงแต่หน้าแก่ๆ ของเจ้า ทำไมไม่ลองคิดว่าหลายปีนี้ผู้หญิงคนเดียวอย่างซู่ซีต้องทนรับคำครหามาเท่าไหร่? ทำไมไม่ลองคิดว่านางทำถึงขนาดนี้ต้องยากเย็นเพียงใด?”

“พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ผู้เฒ่าเฟิ่งทอดถอนใจ ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว หากพูดต่อไปจะกลายเป็นยิ่งพูดยิ่งวุ่นวาย

หลินป๋อเหิงวางถ้วยชาลงลุกยืนขึ้น บอกว่า “ป่าแห่งนี้เจ้าเองก็คุ้นเคย นอกจากไม่หวังให้เจ้าไปภายในจวนก็เดินเหินได้ไม่จำกัด เจ้าอยากเดินไปไหนก็ไป อยากไปดูที่ไหนก็ไป ข้ากำชับไว้อย่างดี คนในจวนไม่กล้าไม่เคารพเจ้า ยังมีอะไรไม่พอใจอีก?”

“นอกนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น พวกเราพี่น้องไม่เจอกันตั้งหลายปีเช่นนี้ ยามนี้เจ้าอยู่ในตระกูลหลินก็ควรหาโอกาสมารวมตัวกันดื่มเหล้าเสียหน่อยใช่หรือไม่? แล้วดูสิเจ้าเหมือนอะไร? หลบอยู่ในเรือนนี้ทั้งวันไม่ออกไป ข้าละอายใจแทนเจ้านัก”

“อีกอย่าง ไม่ได้เจอซู่ซีมาหลายปีเจ้าจะไม่คุยกับนางดีๆ หน่อยหรือ? ลองถามนางว่าหลายปีนี้เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเองก็ลองคิดดีๆ เถอะ! อย่าคิดแต่จะหนี หากเจ้าหนีไปข้าจะช่วยซู่ซีไปจับตัวถึงราชวงศ์เฟิ่งหวง”

หลังจากพูดเป็นชุดๆ หลินป๋อเหิงก็ไม่ได้หยุดลง แต่ก้าวเดินจากไป คิดจะให้ตัวเขาเองลองไตร่ตรองดีๆ

ผู้เฒ่าเฟิ่งถอนใจ นั่งดื่มเหล้าในลานบ้าน องครักษ์ลับพวกนั้นในมุมมืดเห็นแล้วก็มองหน้ากัน ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องดีๆ เช่นนี้มีอะไรยุ่งยากนัก

ผ่านไปสองสามวันเรื่องเหาะลำหนึ่งค่อยๆ เข้าใกล้ชายแดนแคว้นมหาสันติ เดิมทีเฟิ่งจิ่วไม่อยากดึงดูดความสนใจเกินไปนัก เลยจะให้พวกเขาลงจากเรือเหาะให้หมดแล้วเดินหน้าไปบริเวณประตูเมือง ใครจะรู้ว่าหลิงโม่หานกลับบอกว่าไม่ต้องรีบ ดังนั้นเรือเหาะจึงจอดอยู่นอกประตูเมืองนั้นทันที

สำหรับแคว้นระดับสามเรือเหาะเป็นอะไรที่เห็นบ่อยมาก ไม่เหมือนกับคนแคว้นเล็กระดับเก้าที่เห็นว่ามีเรือเหาะก็จะเข้ามาล้อม แต่ยังโดนคนรอบข้างพินิจมองเหมือนเดิม เพราะนอกจากเรือเหาะลำหรูหรา เสื้อผ้าการแต่งตัว และรูปโฉมท่าทางพวกเขาล้วนโดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่อยากดึงดูดความสนใจนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้จริงๆ

คนคุ้มกันเมืองก็เห็นพวกเขาเป็นลูกชายจากตระกูลสูงศักดิ์ ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขาเดินไปใกล้ๆ คนที่รับผิดชอบตรวจสอบตัวตนจึงอำนวยความสะดวกให้พวกเขามายังด้านหน้าป้ายหยกตรวจสอบตัวตนโดยไม่ต้องคัดออก

หลิงโม่หานยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วตลอดไม่เดินหน้าเข้าไป มีเพียงฮุยหลางเดินไปข้างหน้า หลังจากยื่นของบางอย่างคนที่คุ้มกันประตูเมืองก็มีท่าทีตกใจ คาราวะพวกเขาด้วยความเคารพ ก่อนจะเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว

ท่าทางยำเกรงของทหารอารักขา รวมถึงความสะดวกสบายที่ไม่ต้องตรวจสอบตัวตนอื่นๆ ก็เข้าไปได้ทันที ทำให้คนพวกนั้นที่ยังต่อแถวอิจฉาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

………………………………………………….

ตอนที่ 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ

“ของอะไรของพวกท่านน่ะ? ทำไมแค่เอาออกมาก็เข้ามาได้ทันทีโดยไม่แม้แต่จะต้องถามอะไรเลย?” เฟิ่งจิ่วที่เข้ามาในเมืองพลิกตัวขึ้นนั่งขี่บนหลังเหล่าไป๋ ชุดสีแดงม้าสีขาวช่างงดงามเสียไม่มี

ในใจมีความอยากรู้อยากเห็น ตอนนั้นก็เห็นของที่ฮุยหลางถือไว้ไม่ชัด รู้เพียงว่าคล้ายกับป้ายหยกชิ้นหนึ่ง เป็นป้ายหยกแสดงตัวตนแบบไหนถึงทำให้ทหารอารักขาตรงประตูเมืองเผยท่าทียำเกรงเช่นนั้นได้?

“แน่นอนว่าเป็นของแทนตัวตนข้า” เขาเหลือบมองนางผู้แพรวพราวน่าหลงใหลที่นั่งขี่อยู่บนม้า เพียงคิดว่าชุดสีแดงกับม้าสีขาวช่างเหมาะสมกับนางมากจริงๆ

โดยเฉพาะที่นางแต่งกายชุดผู้ชาย ท่าทางองอาจห้าวหาญ แต่กลับยังมีกลิ่นอายที่ชั่วร้ายทรงเสน่ห์ หางตาเชิดขึ้นน้อยๆ มนตร์เสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากแววตาราวกับทำให้สวรรค์ปั่นป่วน นางที่รู้แจ้งว่าเสน่ห์อันไร้ที่ติของตนฆ่าได้ทั้งชายหญิงยามนี้นั่งขี่บนหลังม้า ซ้ำยังโปรยเสน่ห์ผ่านดวงตาแวววาวไปทางเหล่าสาวน้อยวัยแรกแย้มสองข้างทางบ่อยครั้ง เขามองเสียจนทั้งใบหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้เดินไปเดินมาด้วยตัวตนที่แต่งเป็นชาย เป็นดังคำนางพูดตามคาด เพื่อออกมายั่วยวนไปทั่วหนแห่ง

แววตาลึกล้ำกวาดมองผ่านถนนใหญ่ที่คึกคักตรงหน้า แล้วหยุดลงตรงโรงเหล้าแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร ในน้ำเสียงทุ้มต่ำมีความเย็นเยียบ “ไปนั่งทางนั้นสักพักก่อน ให้ฮุยหลางไปซื้อแผนที่อาณาเขตแคว้นมหาสันติ พวกเราจะได้รู้ว่าสมาคมนักปรุงยาอยู่ที่ไหน”

ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วที่นั่งบนหลังเหล่าไป๋อย่างเอ้อระเหยก็กระพริบตา กำลังจะขานรับก็เห็นข้าวของกองหนึ่งโยนมาทางเธอ จึงรับไว้ตามสัญชาตญาณ เมื่อก้มหน้ามองก็อึ้งไปพักหนึ่ง มันคือผ้าเช็ดหน้าที่ห่อพวกผลไม้ตามฤดูกาลไว้

เธอเงยหน้ามองไปรอบๆ เพียงเห็นผู้หญิงสองสามคนตรงชั้นสองข้างๆ มองมาอย่างเขินอายแต่ดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นเธอมองไปผู้หญิงพวกนั้นจึงส่งรอยยิ้มเหนียมอายมาให้

เห็นเช่นนี้ดวงตาวงคิ้วเธอก็เลิกขึ้นน้อยๆ มุมปากยกขึ้นเบาๆ แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหล ไม่ทันไรยังหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อชมพู่น้ำดอกไม้ขึ้นมาดมกลิ่นสักพักด้วยสีหน้าสุขสำราญ ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นดีใจเสียจนร้องเสียงหลง ก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าในมือห่อพวกผลหมากรากไม้โยนมาทางเธออย่างบ้าคลั่งอยู่บ้าง

ทันใดนั้นบนถนนใหญ่ก็ปรากฏภาพที่น่าตกตะลึง เพียงเห็นผู้หญิงข้างทาง หรือแม้แต่หญิงสาววัยแรกแย้มพวกนั้นบนตึกร้านค้าโรงน้ำชาสองฝั่งต่างพากันใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อผลไม้ฟักแฟงโยนไปหาคุณชายสูงศักดิ์ชุดแดงผู้หล่อเหลาที่นั่งขี่บนหลังม้าขาว

เพื่อไม่ให้โดนชนเฟิ่งจิ่วทำได้เพียงยื่นมือไปรับมาเก็บลงกระเป๋าทีละชิ้นสองชิ้น เปิดออกดูล้วนเป็นของจำพวกผลไม้ต่างๆ เห็นเช่นนี้บนใบหน้ารูปงามจึงมีความภาคภูมิใจน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าช่างมีเสน่ห์ไร้ที่ติดังคาด ผลหมากรากไม้ตั้งมากมายเพียงนี้ ไม่ต้องซื้อแล้วล่ะ”

เหลิ่งหวาหยิบผลไม้พวกนั้นมาใส่ตะกร้าด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เก็บเสียจนตะกร้าเต็มไปด้วยสีแดงสีเขียว รวมถึงผ้าเช็ดหน้าพวกนั้น ทำให้พวกเจ้าของร้านค้าสองฝั่งและหาบเร่บนถนนหนทางพากันส่งเสียงกระซิบกระซาบอย่างแปลกใจในทันใด

“นั่นใครกัน? เป็นคุณชายสูงศักดิ์รูปงามมาจากไหน? คนพวกนี้ดูแล้วคงเพิ่งเข้าเมืองมากระมัง? ทำให้ผู้หญิงกว่าครึ่งเมืองต่างวิ่งออกมา ช่างมีความสามารถจริงๆ”

ฮุยหลางกับอิ่งอีข้างๆ เห็นแล้วมุมปากกระตุก เห็นสีหน้าที่ถมึงทึงของนายท่าน ทั่วร่างมีไอเย็นหนาวเหน็บผุดขึ้น จึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้างโดยฉับพลัน

ภูตหมอนี่จริงๆ เลย ชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงกลับไม่ชอบกระโปรงผู้หญิงแต่ชอบเสื้อผ้าผู้ชาย เปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายก็เปลี่ยนไปเถอะ! แต่การเกี้ยวพาผู้หญิงพวกนั้นระหว่างทางนี่มันเรื่องอะไรกัน หากหญิงพวกนั้นรู้ว่าคุณชายสูงศักดิ์ที่ทำให้พวกนางหลงจนหัวปั่นแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง ไม่รู้จริงๆ ว่าสีหน้าจะประหลาดใจเพียงใด?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ + 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ + 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ

หลินป๋อเหิงใช้ชีวิตใกล้จะร้อยปีแล้ว จะไม่รู้ได้หรือว่าในใจเขากำลังวางแผนอะไร? เขาเพียงมองซานหยวนแวบหนึ่ง บอกยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้ได้แน่นอน เจ้าจะออกไปก็ให้ซู่ซีไปเป็นเพื่อนแล้วกัน! เจ้าไม่ได้มาตั้งหลายปีเพียงนี้ที่นี่เปลี่ยนไปมากนัก ไปเดินดูเดินเล่นเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

“พี่ใหญ่ บอกตามความจริง! ตอนนี้ข้าเห็นซู่ซีก็คิดเพียงจะหลบซ่อน ข้ากลัวนางมากจริงๆ” ผู้เฒ่าเฟิ่งไม่ได้ดื่มชา แต่หยิบน้ำเต้าเหล้ามาดื่ม บอกว่า “ท่านว่าหากให้ลูกชายกับหลานสาวข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ที่ใด?”

ได้ยินคำพูดนี้หลินป๋อเหิงก็ไม่ค่อยชอบใจนัก จึงทำหน้าถมึงทึงขึ้นทันใด “ทำไม? น้องสาวข้าซู่ซีไม่เข้าตาเจ้าถึงเพียงนั้นเชียว? เจ้าเสียหน้าหรือ? เจ้าไม่ลองคิดเล่าว่าใครให้นางรอตั้งหลายปีเพียงนี้ เจ้าคิดถึงแต่หน้าแก่ๆ ของเจ้า ทำไมไม่ลองคิดว่าหลายปีนี้ผู้หญิงคนเดียวอย่างซู่ซีต้องทนรับคำครหามาเท่าไหร่? ทำไมไม่ลองคิดว่านางทำถึงขนาดนี้ต้องยากเย็นเพียงใด?”

“พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ผู้เฒ่าเฟิ่งทอดถอนใจ ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว หากพูดต่อไปจะกลายเป็นยิ่งพูดยิ่งวุ่นวาย

หลินป๋อเหิงวางถ้วยชาลงลุกยืนขึ้น บอกว่า “ป่าแห่งนี้เจ้าเองก็คุ้นเคย นอกจากไม่หวังให้เจ้าไปภายในจวนก็เดินเหินได้ไม่จำกัด เจ้าอยากเดินไปไหนก็ไป อยากไปดูที่ไหนก็ไป ข้ากำชับไว้อย่างดี คนในจวนไม่กล้าไม่เคารพเจ้า ยังมีอะไรไม่พอใจอีก?”

“นอกนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น พวกเราพี่น้องไม่เจอกันตั้งหลายปีเช่นนี้ ยามนี้เจ้าอยู่ในตระกูลหลินก็ควรหาโอกาสมารวมตัวกันดื่มเหล้าเสียหน่อยใช่หรือไม่? แล้วดูสิเจ้าเหมือนอะไร? หลบอยู่ในเรือนนี้ทั้งวันไม่ออกไป ข้าละอายใจแทนเจ้านัก”

“อีกอย่าง ไม่ได้เจอซู่ซีมาหลายปีเจ้าจะไม่คุยกับนางดีๆ หน่อยหรือ? ลองถามนางว่าหลายปีนี้เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเองก็ลองคิดดีๆ เถอะ! อย่าคิดแต่จะหนี หากเจ้าหนีไปข้าจะช่วยซู่ซีไปจับตัวถึงราชวงศ์เฟิ่งหวง”

หลังจากพูดเป็นชุดๆ หลินป๋อเหิงก็ไม่ได้หยุดลง แต่ก้าวเดินจากไป คิดจะให้ตัวเขาเองลองไตร่ตรองดีๆ

ผู้เฒ่าเฟิ่งถอนใจ นั่งดื่มเหล้าในลานบ้าน องครักษ์ลับพวกนั้นในมุมมืดเห็นแล้วก็มองหน้ากัน ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องดีๆ เช่นนี้มีอะไรยุ่งยากนัก

ผ่านไปสองสามวันเรื่องเหาะลำหนึ่งค่อยๆ เข้าใกล้ชายแดนแคว้นมหาสันติ เดิมทีเฟิ่งจิ่วไม่อยากดึงดูดความสนใจเกินไปนัก เลยจะให้พวกเขาลงจากเรือเหาะให้หมดแล้วเดินหน้าไปบริเวณประตูเมือง ใครจะรู้ว่าหลิงโม่หานกลับบอกว่าไม่ต้องรีบ ดังนั้นเรือเหาะจึงจอดอยู่นอกประตูเมืองนั้นทันที

สำหรับแคว้นระดับสามเรือเหาะเป็นอะไรที่เห็นบ่อยมาก ไม่เหมือนกับคนแคว้นเล็กระดับเก้าที่เห็นว่ามีเรือเหาะก็จะเข้ามาล้อม แต่ยังโดนคนรอบข้างพินิจมองเหมือนเดิม เพราะนอกจากเรือเหาะลำหรูหรา เสื้อผ้าการแต่งตัว และรูปโฉมท่าทางพวกเขาล้วนโดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่อยากดึงดูดความสนใจนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้จริงๆ

คนคุ้มกันเมืองก็เห็นพวกเขาเป็นลูกชายจากตระกูลสูงศักดิ์ ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขาเดินไปใกล้ๆ คนที่รับผิดชอบตรวจสอบตัวตนจึงอำนวยความสะดวกให้พวกเขามายังด้านหน้าป้ายหยกตรวจสอบตัวตนโดยไม่ต้องคัดออก

หลิงโม่หานยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วตลอดไม่เดินหน้าเข้าไป มีเพียงฮุยหลางเดินไปข้างหน้า หลังจากยื่นของบางอย่างคนที่คุ้มกันประตูเมืองก็มีท่าทีตกใจ คาราวะพวกเขาด้วยความเคารพ ก่อนจะเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว

ท่าทางยำเกรงของทหารอารักขา รวมถึงความสะดวกสบายที่ไม่ต้องตรวจสอบตัวตนอื่นๆ ก็เข้าไปได้ทันที ทำให้คนพวกนั้นที่ยังต่อแถวอิจฉาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

………………………………………………….

ตอนที่ 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ

“ของอะไรของพวกท่านน่ะ? ทำไมแค่เอาออกมาก็เข้ามาได้ทันทีโดยไม่แม้แต่จะต้องถามอะไรเลย?” เฟิ่งจิ่วที่เข้ามาในเมืองพลิกตัวขึ้นนั่งขี่บนหลังเหล่าไป๋ ชุดสีแดงม้าสีขาวช่างงดงามเสียไม่มี

ในใจมีความอยากรู้อยากเห็น ตอนนั้นก็เห็นของที่ฮุยหลางถือไว้ไม่ชัด รู้เพียงว่าคล้ายกับป้ายหยกชิ้นหนึ่ง เป็นป้ายหยกแสดงตัวตนแบบไหนถึงทำให้ทหารอารักขาตรงประตูเมืองเผยท่าทียำเกรงเช่นนั้นได้?

“แน่นอนว่าเป็นของแทนตัวตนข้า” เขาเหลือบมองนางผู้แพรวพราวน่าหลงใหลที่นั่งขี่อยู่บนม้า เพียงคิดว่าชุดสีแดงกับม้าสีขาวช่างเหมาะสมกับนางมากจริงๆ

โดยเฉพาะที่นางแต่งกายชุดผู้ชาย ท่าทางองอาจห้าวหาญ แต่กลับยังมีกลิ่นอายที่ชั่วร้ายทรงเสน่ห์ หางตาเชิดขึ้นน้อยๆ มนตร์เสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากแววตาราวกับทำให้สวรรค์ปั่นป่วน นางที่รู้แจ้งว่าเสน่ห์อันไร้ที่ติของตนฆ่าได้ทั้งชายหญิงยามนี้นั่งขี่บนหลังม้า ซ้ำยังโปรยเสน่ห์ผ่านดวงตาแวววาวไปทางเหล่าสาวน้อยวัยแรกแย้มสองข้างทางบ่อยครั้ง เขามองเสียจนทั้งใบหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้เดินไปเดินมาด้วยตัวตนที่แต่งเป็นชาย เป็นดังคำนางพูดตามคาด เพื่อออกมายั่วยวนไปทั่วหนแห่ง

แววตาลึกล้ำกวาดมองผ่านถนนใหญ่ที่คึกคักตรงหน้า แล้วหยุดลงตรงโรงเหล้าแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร ในน้ำเสียงทุ้มต่ำมีความเย็นเยียบ “ไปนั่งทางนั้นสักพักก่อน ให้ฮุยหลางไปซื้อแผนที่อาณาเขตแคว้นมหาสันติ พวกเราจะได้รู้ว่าสมาคมนักปรุงยาอยู่ที่ไหน”

ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วที่นั่งบนหลังเหล่าไป๋อย่างเอ้อระเหยก็กระพริบตา กำลังจะขานรับก็เห็นข้าวของกองหนึ่งโยนมาทางเธอ จึงรับไว้ตามสัญชาตญาณ เมื่อก้มหน้ามองก็อึ้งไปพักหนึ่ง มันคือผ้าเช็ดหน้าที่ห่อพวกผลไม้ตามฤดูกาลไว้

เธอเงยหน้ามองไปรอบๆ เพียงเห็นผู้หญิงสองสามคนตรงชั้นสองข้างๆ มองมาอย่างเขินอายแต่ดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นเธอมองไปผู้หญิงพวกนั้นจึงส่งรอยยิ้มเหนียมอายมาให้

เห็นเช่นนี้ดวงตาวงคิ้วเธอก็เลิกขึ้นน้อยๆ มุมปากยกขึ้นเบาๆ แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหล ไม่ทันไรยังหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อชมพู่น้ำดอกไม้ขึ้นมาดมกลิ่นสักพักด้วยสีหน้าสุขสำราญ ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นดีใจเสียจนร้องเสียงหลง ก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าในมือห่อพวกผลหมากรากไม้โยนมาทางเธออย่างบ้าคลั่งอยู่บ้าง

ทันใดนั้นบนถนนใหญ่ก็ปรากฏภาพที่น่าตกตะลึง เพียงเห็นผู้หญิงข้างทาง หรือแม้แต่หญิงสาววัยแรกแย้มพวกนั้นบนตึกร้านค้าโรงน้ำชาสองฝั่งต่างพากันใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อผลไม้ฟักแฟงโยนไปหาคุณชายสูงศักดิ์ชุดแดงผู้หล่อเหลาที่นั่งขี่บนหลังม้าขาว

เพื่อไม่ให้โดนชนเฟิ่งจิ่วทำได้เพียงยื่นมือไปรับมาเก็บลงกระเป๋าทีละชิ้นสองชิ้น เปิดออกดูล้วนเป็นของจำพวกผลไม้ต่างๆ เห็นเช่นนี้บนใบหน้ารูปงามจึงมีความภาคภูมิใจน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าช่างมีเสน่ห์ไร้ที่ติดังคาด ผลหมากรากไม้ตั้งมากมายเพียงนี้ ไม่ต้องซื้อแล้วล่ะ”

เหลิ่งหวาหยิบผลไม้พวกนั้นมาใส่ตะกร้าด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เก็บเสียจนตะกร้าเต็มไปด้วยสีแดงสีเขียว รวมถึงผ้าเช็ดหน้าพวกนั้น ทำให้พวกเจ้าของร้านค้าสองฝั่งและหาบเร่บนถนนหนทางพากันส่งเสียงกระซิบกระซาบอย่างแปลกใจในทันใด

“นั่นใครกัน? เป็นคุณชายสูงศักดิ์รูปงามมาจากไหน? คนพวกนี้ดูแล้วคงเพิ่งเข้าเมืองมากระมัง? ทำให้ผู้หญิงกว่าครึ่งเมืองต่างวิ่งออกมา ช่างมีความสามารถจริงๆ”

ฮุยหลางกับอิ่งอีข้างๆ เห็นแล้วมุมปากกระตุก เห็นสีหน้าที่ถมึงทึงของนายท่าน ทั่วร่างมีไอเย็นหนาวเหน็บผุดขึ้น จึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้างโดยฉับพลัน

ภูตหมอนี่จริงๆ เลย ชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงกลับไม่ชอบกระโปรงผู้หญิงแต่ชอบเสื้อผ้าผู้ชาย เปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายก็เปลี่ยนไปเถอะ! แต่การเกี้ยวพาผู้หญิงพวกนั้นระหว่างทางนี่มันเรื่องอะไรกัน หากหญิงพวกนั้นรู้ว่าคุณชายสูงศักดิ์ที่ทำให้พวกนางหลงจนหัวปั่นแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง ไม่รู้จริงๆ ว่าสีหน้าจะประหลาดใจเพียงใด?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ + 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ + 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 503 เข้าสู่แคว้นมหาสันติ

หลินป๋อเหิงใช้ชีวิตใกล้จะร้อยปีแล้ว จะไม่รู้ได้หรือว่าในใจเขากำลังวางแผนอะไร? เขาเพียงมองซานหยวนแวบหนึ่ง บอกยิ้มๆ ว่า “เรื่องนี้ได้แน่นอน เจ้าจะออกไปก็ให้ซู่ซีไปเป็นเพื่อนแล้วกัน! เจ้าไม่ได้มาตั้งหลายปีเพียงนี้ที่นี่เปลี่ยนไปมากนัก ไปเดินดูเดินเล่นเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

“พี่ใหญ่ บอกตามความจริง! ตอนนี้ข้าเห็นซู่ซีก็คิดเพียงจะหลบซ่อน ข้ากลัวนางมากจริงๆ” ผู้เฒ่าเฟิ่งไม่ได้ดื่มชา แต่หยิบน้ำเต้าเหล้ามาดื่ม บอกว่า “ท่านว่าหากให้ลูกชายกับหลานสาวข้ารู้เรื่องนี้ ข้าจะเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ที่ใด?”

ได้ยินคำพูดนี้หลินป๋อเหิงก็ไม่ค่อยชอบใจนัก จึงทำหน้าถมึงทึงขึ้นทันใด “ทำไม? น้องสาวข้าซู่ซีไม่เข้าตาเจ้าถึงเพียงนั้นเชียว? เจ้าเสียหน้าหรือ? เจ้าไม่ลองคิดเล่าว่าใครให้นางรอตั้งหลายปีเพียงนี้ เจ้าคิดถึงแต่หน้าแก่ๆ ของเจ้า ทำไมไม่ลองคิดว่าหลายปีนี้ผู้หญิงคนเดียวอย่างซู่ซีต้องทนรับคำครหามาเท่าไหร่? ทำไมไม่ลองคิดว่านางทำถึงขนาดนี้ต้องยากเย็นเพียงใด?”

“พี่ใหญ่ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ผู้เฒ่าเฟิ่งทอดถอนใจ ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว หากพูดต่อไปจะกลายเป็นยิ่งพูดยิ่งวุ่นวาย

หลินป๋อเหิงวางถ้วยชาลงลุกยืนขึ้น บอกว่า “ป่าแห่งนี้เจ้าเองก็คุ้นเคย นอกจากไม่หวังให้เจ้าไปภายในจวนก็เดินเหินได้ไม่จำกัด เจ้าอยากเดินไปไหนก็ไป อยากไปดูที่ไหนก็ไป ข้ากำชับไว้อย่างดี คนในจวนไม่กล้าไม่เคารพเจ้า ยังมีอะไรไม่พอใจอีก?”

“นอกนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น พวกเราพี่น้องไม่เจอกันตั้งหลายปีเช่นนี้ ยามนี้เจ้าอยู่ในตระกูลหลินก็ควรหาโอกาสมารวมตัวกันดื่มเหล้าเสียหน่อยใช่หรือไม่? แล้วดูสิเจ้าเหมือนอะไร? หลบอยู่ในเรือนนี้ทั้งวันไม่ออกไป ข้าละอายใจแทนเจ้านัก”

“อีกอย่าง ไม่ได้เจอซู่ซีมาหลายปีเจ้าจะไม่คุยกับนางดีๆ หน่อยหรือ? ลองถามนางว่าหลายปีนี้เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเองก็ลองคิดดีๆ เถอะ! อย่าคิดแต่จะหนี หากเจ้าหนีไปข้าจะช่วยซู่ซีไปจับตัวถึงราชวงศ์เฟิ่งหวง”

หลังจากพูดเป็นชุดๆ หลินป๋อเหิงก็ไม่ได้หยุดลง แต่ก้าวเดินจากไป คิดจะให้ตัวเขาเองลองไตร่ตรองดีๆ

ผู้เฒ่าเฟิ่งถอนใจ นั่งดื่มเหล้าในลานบ้าน องครักษ์ลับพวกนั้นในมุมมืดเห็นแล้วก็มองหน้ากัน ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องดีๆ เช่นนี้มีอะไรยุ่งยากนัก

ผ่านไปสองสามวันเรื่องเหาะลำหนึ่งค่อยๆ เข้าใกล้ชายแดนแคว้นมหาสันติ เดิมทีเฟิ่งจิ่วไม่อยากดึงดูดความสนใจเกินไปนัก เลยจะให้พวกเขาลงจากเรือเหาะให้หมดแล้วเดินหน้าไปบริเวณประตูเมือง ใครจะรู้ว่าหลิงโม่หานกลับบอกว่าไม่ต้องรีบ ดังนั้นเรือเหาะจึงจอดอยู่นอกประตูเมืองนั้นทันที

สำหรับแคว้นระดับสามเรือเหาะเป็นอะไรที่เห็นบ่อยมาก ไม่เหมือนกับคนแคว้นเล็กระดับเก้าที่เห็นว่ามีเรือเหาะก็จะเข้ามาล้อม แต่ยังโดนคนรอบข้างพินิจมองเหมือนเดิม เพราะนอกจากเรือเหาะลำหรูหรา เสื้อผ้าการแต่งตัว และรูปโฉมท่าทางพวกเขาล้วนโดดเด่นอย่างยิ่ง ไม่อยากดึงดูดความสนใจนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ค่อยได้จริงๆ

คนคุ้มกันเมืองก็เห็นพวกเขาเป็นลูกชายจากตระกูลสูงศักดิ์ ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเขาเดินไปใกล้ๆ คนที่รับผิดชอบตรวจสอบตัวตนจึงอำนวยความสะดวกให้พวกเขามายังด้านหน้าป้ายหยกตรวจสอบตัวตนโดยไม่ต้องคัดออก

หลิงโม่หานยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วตลอดไม่เดินหน้าเข้าไป มีเพียงฮุยหลางเดินไปข้างหน้า หลังจากยื่นของบางอย่างคนที่คุ้มกันประตูเมืองก็มีท่าทีตกใจ คาราวะพวกเขาด้วยความเคารพ ก่อนจะเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปก่อนอย่างรวดเร็ว

ท่าทางยำเกรงของทหารอารักขา รวมถึงความสะดวกสบายที่ไม่ต้องตรวจสอบตัวตนอื่นๆ ก็เข้าไปได้ทันที ทำให้คนพวกนั้นที่ยังต่อแถวอิจฉาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

………………………………………………….

ตอนที่ 504 เสน่ห์ไร้ที่ติ

“ของอะไรของพวกท่านน่ะ? ทำไมแค่เอาออกมาก็เข้ามาได้ทันทีโดยไม่แม้แต่จะต้องถามอะไรเลย?” เฟิ่งจิ่วที่เข้ามาในเมืองพลิกตัวขึ้นนั่งขี่บนหลังเหล่าไป๋ ชุดสีแดงม้าสีขาวช่างงดงามเสียไม่มี

ในใจมีความอยากรู้อยากเห็น ตอนนั้นก็เห็นของที่ฮุยหลางถือไว้ไม่ชัด รู้เพียงว่าคล้ายกับป้ายหยกชิ้นหนึ่ง เป็นป้ายหยกแสดงตัวตนแบบไหนถึงทำให้ทหารอารักขาตรงประตูเมืองเผยท่าทียำเกรงเช่นนั้นได้?

“แน่นอนว่าเป็นของแทนตัวตนข้า” เขาเหลือบมองนางผู้แพรวพราวน่าหลงใหลที่นั่งขี่อยู่บนม้า เพียงคิดว่าชุดสีแดงกับม้าสีขาวช่างเหมาะสมกับนางมากจริงๆ

โดยเฉพาะที่นางแต่งกายชุดผู้ชาย ท่าทางองอาจห้าวหาญ แต่กลับยังมีกลิ่นอายที่ชั่วร้ายทรงเสน่ห์ หางตาเชิดขึ้นน้อยๆ มนตร์เสน่ห์ที่แผ่ออกมาจากแววตาราวกับทำให้สวรรค์ปั่นป่วน นางที่รู้แจ้งว่าเสน่ห์อันไร้ที่ติของตนฆ่าได้ทั้งชายหญิงยามนี้นั่งขี่บนหลังม้า ซ้ำยังโปรยเสน่ห์ผ่านดวงตาแวววาวไปทางเหล่าสาวน้อยวัยแรกแย้มสองข้างทางบ่อยครั้ง เขามองเสียจนทั้งใบหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมา

ผู้หญิงคนนี้เดินไปเดินมาด้วยตัวตนที่แต่งเป็นชาย เป็นดังคำนางพูดตามคาด เพื่อออกมายั่วยวนไปทั่วหนแห่ง

แววตาลึกล้ำกวาดมองผ่านถนนใหญ่ที่คึกคักตรงหน้า แล้วหยุดลงตรงโรงเหล้าแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร ในน้ำเสียงทุ้มต่ำมีความเย็นเยียบ “ไปนั่งทางนั้นสักพักก่อน ให้ฮุยหลางไปซื้อแผนที่อาณาเขตแคว้นมหาสันติ พวกเราจะได้รู้ว่าสมาคมนักปรุงยาอยู่ที่ไหน”

ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วที่นั่งบนหลังเหล่าไป๋อย่างเอ้อระเหยก็กระพริบตา กำลังจะขานรับก็เห็นข้าวของกองหนึ่งโยนมาทางเธอ จึงรับไว้ตามสัญชาตญาณ เมื่อก้มหน้ามองก็อึ้งไปพักหนึ่ง มันคือผ้าเช็ดหน้าที่ห่อพวกผลไม้ตามฤดูกาลไว้

เธอเงยหน้ามองไปรอบๆ เพียงเห็นผู้หญิงสองสามคนตรงชั้นสองข้างๆ มองมาอย่างเขินอายแต่ดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นเธอมองไปผู้หญิงพวกนั้นจึงส่งรอยยิ้มเหนียมอายมาให้

เห็นเช่นนี้ดวงตาวงคิ้วเธอก็เลิกขึ้นน้อยๆ มุมปากยกขึ้นเบาๆ แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหล ไม่ทันไรยังหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อชมพู่น้ำดอกไม้ขึ้นมาดมกลิ่นสักพักด้วยสีหน้าสุขสำราญ ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นดีใจเสียจนร้องเสียงหลง ก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าในมือห่อพวกผลหมากรากไม้โยนมาทางเธออย่างบ้าคลั่งอยู่บ้าง

ทันใดนั้นบนถนนใหญ่ก็ปรากฏภาพที่น่าตกตะลึง เพียงเห็นผู้หญิงข้างทาง หรือแม้แต่หญิงสาววัยแรกแย้มพวกนั้นบนตึกร้านค้าโรงน้ำชาสองฝั่งต่างพากันใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อผลไม้ฟักแฟงโยนไปหาคุณชายสูงศักดิ์ชุดแดงผู้หล่อเหลาที่นั่งขี่บนหลังม้าขาว

เพื่อไม่ให้โดนชนเฟิ่งจิ่วทำได้เพียงยื่นมือไปรับมาเก็บลงกระเป๋าทีละชิ้นสองชิ้น เปิดออกดูล้วนเป็นของจำพวกผลไม้ต่างๆ เห็นเช่นนี้บนใบหน้ารูปงามจึงมีความภาคภูมิใจน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าช่างมีเสน่ห์ไร้ที่ติดังคาด ผลหมากรากไม้ตั้งมากมายเพียงนี้ ไม่ต้องซื้อแล้วล่ะ”

เหลิ่งหวาหยิบผลไม้พวกนั้นมาใส่ตะกร้าด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม เก็บเสียจนตะกร้าเต็มไปด้วยสีแดงสีเขียว รวมถึงผ้าเช็ดหน้าพวกนั้น ทำให้พวกเจ้าของร้านค้าสองฝั่งและหาบเร่บนถนนหนทางพากันส่งเสียงกระซิบกระซาบอย่างแปลกใจในทันใด

“นั่นใครกัน? เป็นคุณชายสูงศักดิ์รูปงามมาจากไหน? คนพวกนี้ดูแล้วคงเพิ่งเข้าเมืองมากระมัง? ทำให้ผู้หญิงกว่าครึ่งเมืองต่างวิ่งออกมา ช่างมีความสามารถจริงๆ”

ฮุยหลางกับอิ่งอีข้างๆ เห็นแล้วมุมปากกระตุก เห็นสีหน้าที่ถมึงทึงของนายท่าน ทั่วร่างมีไอเย็นหนาวเหน็บผุดขึ้น จึงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้างโดยฉับพลัน

ภูตหมอนี่จริงๆ เลย ชัดเจนว่าเป็นผู้หญิงกลับไม่ชอบกระโปรงผู้หญิงแต่ชอบเสื้อผ้าผู้ชาย เปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายก็เปลี่ยนไปเถอะ! แต่การเกี้ยวพาผู้หญิงพวกนั้นระหว่างทางนี่มันเรื่องอะไรกัน หากหญิงพวกนั้นรู้ว่าคุณชายสูงศักดิ์ที่ทำให้พวกนางหลงจนหัวปั่นแท้จริงแล้วเป็นผู้หญิง ไม่รู้จริงๆ ว่าสีหน้าจะประหลาดใจเพียงใด?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+