เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 639 ทำไมถึงไม่มา? + 640 การดูถูกของอาจารย์

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 639 ทำไมถึงไม่มา? + 640 การดูถูกของอาจารย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 639 ทำไมถึงไม่มา?

ผู้ดูแลซุนเอ่ยพลางยื่นชุดสีฟ้าของสำนักยาเซียนสองชุดให้เฟิ่งจิ่ว บอกว่า “สำนักศึกษามีข้อกำหนดไว้ นักเรียนอยู่ในสำนักศึกษาต้องสวมเครื่องแบบสำนัก เครื่องแบบแต่ละสำนักสีจะไม่เหมือนกัน ของสำนักเราเป็นชุดสีฟ้า”

“ขอรับ ข้าทราบแล้ว” เฟิ่งจิ่วรับชุดสีฟ้าสองชุดนั้นมา

ผู้ดูแลซุนให้เธอตรวจดูกฎสำนักยาเซียนในป้ายหยก กำชับอะไรอีกหน่อยถึงจะออกไป

เธอเก็บชุดสีฟ้าสองชุดเข้าห้วงมิติ เข้าอาศรมหยิบป้ายหยกออกมาแล้วแทรกดวงจิตเข้าไปตรวจดู หลังจำกฎสำนักด้านในได้ขึ้นใจ ก็รู้ว่านักเรียนใหม่เข้าสำนักในวันต่อไปต้องไปรับเมล็ดพันธุ์สมุนไพรถุงเล็กที่สำนักยาเซียน และฟังอาจารย์สั่งสอนชี้แนะ

สำหรับเรื่องนี้ เธอค่อนข้างเฝ้ารออยู่บ้าง ยามนี้เก็บกวาดอาศรมเสียใหม่ คิดว่าอาศรมแห่งนี้ก็ไม่เลวเลย สิ่งของต่างๆ ครบครัน แม้แต่อาบน้ำยังไม่ต้องยกน้ำ แค่กดหัวเปิดปิดบนกำแพงก็มีน้ำร้อนใช้

เธออาบน้ำเปลี่ยนมาสวมชุดสีฟ้าของสำนักยาเซียน เมื่อชุดสีฟ้าอยู่บนร่าง ถึงพบว่าบนเสื้อผ้ามีกลิ่นอายพลังวิญญาณจางๆ ซ้ำยังมีผลป้องกันด้วย

จุดเดียวที่รู้สึกไม่ดีคือ สำนักศึกษาเตรียมให้แค่อาหารของเหล่าอาจารย์ ส่วนพวกผู้เล่าเรียนต้องจัดการเอง ข้อนี้ไม่ค่อยดีเลยจริงๆ

โชคดีที่ตรงเชิงเขาสำนักยาเซียนมีร้านค้า สิ่งของบางอย่างยังหาซื้อได้

ดังนั้นเธอจึงออกไปซื้อของต่างๆ ที่ต้องใช้กลับมา วุ่นวายมาตลอดจนถึงเย็นจึงไม่มีเวลาออกไปสอบถามว่าพี่ชายเธอมาหรือยัง

“เดิมทีนึกว่าเข้าสำนักศึกษาเดียวกันจะเจอหน้ากันบ่อยๆ ใครจะรู้ว่าเข้ามาในนี้กลับมีระยะห่างเท่าภูเขาใหญ่สองสามลูกขวางกั้นไว้ แค่อยากรู้ข่าวคราวอะไรบ้างหรือจะหาคนยังยากเลย!”

เธอนอนทอดถอนใจอยู่ในห้องนอนพลางลูบท้องที่เริ่มหิว หลังนึกได้ว่าห้วงมิติยังมีของกินจึงหยิบออกมาเติมท้องให้อิ่ม และรีบพักผ่อนแต่หัวค่ำ รอรวมพลนักเรียนใหม่สำนักยาเซียนวันพรุ่งนี้

ขณะที่เฟิ่งจิ่วหลับอยู่ในอาศรม ยามนี้รองเจ้าสำนักที่รออยู่ในสนามสอบประเมินสำนักพลังวิญญาณมาเต็มๆ ตลอดทั้งวันกลับถลึงตา จับจ้องอาจารย์คนที่มาส่งรายชื่อนักเรียนสำนักยาเซียนซึ่งรับเข้ามาให้แก่เขา

“ทำไมถึงไม่มี? หรือพวกเจ้าคัดเขาออก? เป็นไปไม่ได้! เขามีป้ายสำนักศึกษาหมอกดารา ไม่ต้องประเมินก็เข้าสำนักศึกษาหมอกดาราได้เลย หรือว่าเขาไม่มา?” พูดถึงท้ายสุด เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นพึมพำเบาๆ กับตนเอง

อาจารย์คนนั้นเช็ดๆ เหงื่อ บอกว่า “ท่านรองเจ้าสำนัก นักเรียนคนนั้นไปที่สำนักพลังเร้นลับหรือไม่ขอรับ ท่านไม่ไปถามทางสำนักพลังเร้นลับเสียหน่อยเล่า?”

รองเจ้าสำนักได้ยินก็พยักหน้า “มีเหตุผล ไม่แน่ว่าเขาอาจจะวิ่งไปสำนักพลังเร้นลับ เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะไปดูสักหน่อย” เขาสะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวเดินออกจากสำนักพลังวิญญาณ และแปลงกายเป็นลำแสงพุ่งไปยังทิศทางที่ตั้งสำนักพลังเร้นลับ

อาจารย์คนนั้นเห็นว่าเขาไปแล้ว จึงถอนหายใจเบาๆ ทันที แอบคิดว่า ‘นักเรียนที่ชื่อเฟิ่งจิ่วคนนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่? ไม่นึกว่ารองเจ้าสำนักจะบอกว่าในมือเขามีป้ายสำนักศึกษาหมอกดาราไว้ในครอบครอง?’

ภายในสำนักพลังเร้นลับ คนที่ลงชื่อสอบประเมินมีมากมาย ยามนี้ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง จึงมีนักเรียนเจ็ดแปดคนที่ยังไม่ได้ลงชื่อประเมิน ยามนี้อาจารย์ด้านหน้าที่รับผิดชอบการประเมินกวาดมองคนพวกนั้นแล้ว ก็จัดการข้อมูลที่ลงชื่อไว้บนโต๊ะ แล้วเอ่ยปากว่า “การลงชื่อประเมินในวันนี้จบลงเพียงเท่านี้ พวกเจ้าที่ยังไม่ได้ลงชื่ออีกสามปีค่อยมาแล้วกัน!”

“อะไรนะ? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราต่อแถวตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้”

“เลยเวลาประเมินแล้ว” อาจารย์คนนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เก็บข้อมูลจะจากไป ทว่าฝีเท้าถูกนักเรียนผู้แข็งแรงบึกบึนขวางเอาไว้

…………………

ตอนที่ 640 การดูถูกของอาจารย์

“ท่านอาจารย์ พวกเราต่างเร่งมาจากต่างถิ่น โอกาสที่สามปีมีครั้งหนึ่งสำคัญสำหรับพวกเรามาก ยามนี้ฟ้ายังไม่มืดสนิท ท่านอาจารย์ให้พวกเราลงชื่อประเมินก่อนค่อยไปเถอะ!”

กวนสีหลิ่นในชุดสีดำ กล้ามเนื้อแข็งแรง ชุดคลุมถูกดึงจนยับยู่ยี่ เพราะวิ่งตากแดดข้างนอกบ่อยๆ สีผิวจึงกลายเป็นสีน้ำตาลแก่ค่อนข้างเข้ม ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและหาญกล้าไม่กลัวตาย

ครั้นเห็นว่านักเรียนคนหนึ่งที่เข้ามาลงชื่อประเมินกล้าขวางทางเขา สีหน้าอาจารย์คนนั้นถมึงทึงทันที กวาดมองกวนสีหลิ่นอย่างเย็นชา แล้วตะคอกอย่างเหลืออด “ไสหัวออกไปซะ!”

เมื่อคำพูดเปล่งไป แรงกดดันบรรพชนนักรบก็เอ่อล้นตามมา น้ำเสียงดุจสายฟ้าผลักกวนสีหลิ่นตรงหน้าถอยออกไปไกลหลายเมตรเสียดื้อๆ เลือดลมในร่างพลุ่งพล่านขึ้นมาเพราะเสียงตะโกนเคร่งขรึมที่แฝงด้วยแรงกดดันบรรพชนนักรบ ข้างในอกยังปั่นป่วนจนเลือดพุ่งขึ้นมาตรงลำคอและไหลออกจากมุมปาก

เห็นภาพเช่นนี้ สีหน้านักเรียนคนอื่นๆ ที่เดิมคิดจะเข้าไปก็เปลี่ยนไป ฝีเท้าที่เคยจะก้าวชะงักลงทันที สีหน้าพวกเขาดูไม่ได้อยู่บ้าง

ในหมู่พวกเขาส่วนมากเป็นปรมาจารย์นักรบ ไหนเลยจะทนต่อเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดุจสายฟ้าของอาจารย์ระดับบรรพชนนักรบได้? แต่อาจารย์คนนี้จะทำกันเกินไปแล้ว ใช้แรงกดดันโจมตีคนอื่นได้อย่างไร? หนำซ้ำยังเป็นนักเรียนที่เข้ามาลงชื่อประเมิน ด้วยกำลังพวกเขาย่อมต้านทานเสียงตะโกนที่มีแรงกดดันจากเขาได้ไม่ไหวแน่นอน

ชายอายุน้อยสองสามคนใช้สายตามองชายหนุ่มชุดดำผู้มีร่างกำยำคนนั้น ดูท่าทางเขาจะอายุประมาณพวกเขา แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกคาดไม่ถึง

เสียงตะคอกด้วยความโกรธที่มีแรงกดดันจากอาจารย์คนนั้นล้วนพุ่งไปหาเขา พวกเขาอยู่ตรงนี้ยังฟังเสียจนแก้วหูสะเทือน เลือดลมในร่างปั่นป่วน แต่ชายหนุ่มชุดดำคนนั้นกลับต้านรับไว้ได้ ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าจะไม่ล้มลงไป

กวนสีหลิ่นยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก สายตาคร่ำเคร่งจ้องอาจารย์คนนั้น เนิ่นนานถึงจะบอกว่า “ได้ยินว่าหมอกดาราเป็นสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นเหินเวหา กลับไม่เคยคิดว่าอาจารย์ที่นี่จะมีธาตุแท้เช่นนี้ ช่างทำให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ”

ได้ยินคำพูดเสียดสีเช่นนี้ สีหน้าอาจารย์คนนั้นเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงปนกัน ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย สีหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดดำตรงลำคอปรากฏ หมัดใต้แขนเสื้อยิ่งกำแน่นจนส่งเสียงกรอบแกรบ

เห็นเช่นนี้ สีหน้านักเรียนพวกนั้นที่รอลงชื่อประเมินก็เปลี่ยนไป นัยน์ตาเผยความเป็นกังวล

เพราะท้องฟ้ามืดลงแล้ว คนด้านหน้าที่มาประเมินไม่ว่าจะสอบผ่านหรือไม่ผ่านจึงต่างออกไปหมด เดิมทีที่นี่มีอาจารย์สองคน อีกคนหนึ่งออกไปก่อนแล้ว การประเมินทางด้านสำนักพลังวิญญาณก็เสร็จสิ้นไปนานแล้ว ยามนี้ที่นี่จึงเหลือเพียงพวกเขาและอาจารย์คนนั้น แม้แต่นักเรียนคนอื่นของสำนักศึกษาหมอกดารายังไม่เห็นเลยสักคน หากอาจารย์ท่านนี้ลงมือจริงๆ เช่นนั้น…

นึกถึงตรงนี้ พวกเขามองหน้ากัน คิดว่าต้องไปหาดูรอบๆ เสียหน่อยว่ายังมีอาจารย์สำนักศึกษาท่านอื่นหรือไม่ เผื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วจัดการไม่ได้ ถึงอย่างไรหากอาจารย์คนนั้นลงมือจริง เกรงว่าชายหนุ่มชุดดำถึงไม่ตายก็พิการ

อาจารย์คนนั้นมองกวนสีหลิ่นอย่างโกรธเคือง ขณะที่สบเข้ากับสายตาเยาะเย้ยจากเขา ความโกรธในใจราวกับถูกจุดระเบิด กลิ่นอายพลังเร้นลับทั่วร่างต่างพรั่งพรูขึ้นมา น้ำเสียงทั้งทุ้มเข้มและโกรธเกรี้ยว

“เจ้าอยากสอบประเมินใช่หรือไม่? ดี เช่นนั้นข้าจะประเมินเจ้าเอง ดูซิว่าเจ้าจะมีฝีมือสักแค่ไหน ถึงกล้าเหิมเกริมโอหังไม่เคารพผู้ใหญ่ในสำนักศึกษาหมอกดาราแห่งนี้!”

น้ำเสียงทุ้มเข้มเจือความขุ่นเคืองกล่าวจบ ก็เห็นร่างอาจารย์คนนั้นพุ่งไป ฝ่ามือซึ่งมีกลิ่นอายพลังเร้นลับแข็งแกร่งโจมตีไปทางกวนสีหลิ่น

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 639 ทำไมถึงไม่มา? + 640 การดูถูกของอาจารย์

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 639 ทำไมถึงไม่มา? + 640 การดูถูกของอาจารย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 639 ทำไมถึงไม่มา?

ผู้ดูแลซุนเอ่ยพลางยื่นชุดสีฟ้าของสำนักยาเซียนสองชุดให้เฟิ่งจิ่ว บอกว่า “สำนักศึกษามีข้อกำหนดไว้ นักเรียนอยู่ในสำนักศึกษาต้องสวมเครื่องแบบสำนัก เครื่องแบบแต่ละสำนักสีจะไม่เหมือนกัน ของสำนักเราเป็นชุดสีฟ้า”

“ขอรับ ข้าทราบแล้ว” เฟิ่งจิ่วรับชุดสีฟ้าสองชุดนั้นมา

ผู้ดูแลซุนให้เธอตรวจดูกฎสำนักยาเซียนในป้ายหยก กำชับอะไรอีกหน่อยถึงจะออกไป

เธอเก็บชุดสีฟ้าสองชุดเข้าห้วงมิติ เข้าอาศรมหยิบป้ายหยกออกมาแล้วแทรกดวงจิตเข้าไปตรวจดู หลังจำกฎสำนักด้านในได้ขึ้นใจ ก็รู้ว่านักเรียนใหม่เข้าสำนักในวันต่อไปต้องไปรับเมล็ดพันธุ์สมุนไพรถุงเล็กที่สำนักยาเซียน และฟังอาจารย์สั่งสอนชี้แนะ

สำหรับเรื่องนี้ เธอค่อนข้างเฝ้ารออยู่บ้าง ยามนี้เก็บกวาดอาศรมเสียใหม่ คิดว่าอาศรมแห่งนี้ก็ไม่เลวเลย สิ่งของต่างๆ ครบครัน แม้แต่อาบน้ำยังไม่ต้องยกน้ำ แค่กดหัวเปิดปิดบนกำแพงก็มีน้ำร้อนใช้

เธออาบน้ำเปลี่ยนมาสวมชุดสีฟ้าของสำนักยาเซียน เมื่อชุดสีฟ้าอยู่บนร่าง ถึงพบว่าบนเสื้อผ้ามีกลิ่นอายพลังวิญญาณจางๆ ซ้ำยังมีผลป้องกันด้วย

จุดเดียวที่รู้สึกไม่ดีคือ สำนักศึกษาเตรียมให้แค่อาหารของเหล่าอาจารย์ ส่วนพวกผู้เล่าเรียนต้องจัดการเอง ข้อนี้ไม่ค่อยดีเลยจริงๆ

โชคดีที่ตรงเชิงเขาสำนักยาเซียนมีร้านค้า สิ่งของบางอย่างยังหาซื้อได้

ดังนั้นเธอจึงออกไปซื้อของต่างๆ ที่ต้องใช้กลับมา วุ่นวายมาตลอดจนถึงเย็นจึงไม่มีเวลาออกไปสอบถามว่าพี่ชายเธอมาหรือยัง

“เดิมทีนึกว่าเข้าสำนักศึกษาเดียวกันจะเจอหน้ากันบ่อยๆ ใครจะรู้ว่าเข้ามาในนี้กลับมีระยะห่างเท่าภูเขาใหญ่สองสามลูกขวางกั้นไว้ แค่อยากรู้ข่าวคราวอะไรบ้างหรือจะหาคนยังยากเลย!”

เธอนอนทอดถอนใจอยู่ในห้องนอนพลางลูบท้องที่เริ่มหิว หลังนึกได้ว่าห้วงมิติยังมีของกินจึงหยิบออกมาเติมท้องให้อิ่ม และรีบพักผ่อนแต่หัวค่ำ รอรวมพลนักเรียนใหม่สำนักยาเซียนวันพรุ่งนี้

ขณะที่เฟิ่งจิ่วหลับอยู่ในอาศรม ยามนี้รองเจ้าสำนักที่รออยู่ในสนามสอบประเมินสำนักพลังวิญญาณมาเต็มๆ ตลอดทั้งวันกลับถลึงตา จับจ้องอาจารย์คนที่มาส่งรายชื่อนักเรียนสำนักยาเซียนซึ่งรับเข้ามาให้แก่เขา

“ทำไมถึงไม่มี? หรือพวกเจ้าคัดเขาออก? เป็นไปไม่ได้! เขามีป้ายสำนักศึกษาหมอกดารา ไม่ต้องประเมินก็เข้าสำนักศึกษาหมอกดาราได้เลย หรือว่าเขาไม่มา?” พูดถึงท้ายสุด เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นพึมพำเบาๆ กับตนเอง

อาจารย์คนนั้นเช็ดๆ เหงื่อ บอกว่า “ท่านรองเจ้าสำนัก นักเรียนคนนั้นไปที่สำนักพลังเร้นลับหรือไม่ขอรับ ท่านไม่ไปถามทางสำนักพลังเร้นลับเสียหน่อยเล่า?”

รองเจ้าสำนักได้ยินก็พยักหน้า “มีเหตุผล ไม่แน่ว่าเขาอาจจะวิ่งไปสำนักพลังเร้นลับ เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะไปดูสักหน่อย” เขาสะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวเดินออกจากสำนักพลังวิญญาณ และแปลงกายเป็นลำแสงพุ่งไปยังทิศทางที่ตั้งสำนักพลังเร้นลับ

อาจารย์คนนั้นเห็นว่าเขาไปแล้ว จึงถอนหายใจเบาๆ ทันที แอบคิดว่า ‘นักเรียนที่ชื่อเฟิ่งจิ่วคนนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่? ไม่นึกว่ารองเจ้าสำนักจะบอกว่าในมือเขามีป้ายสำนักศึกษาหมอกดาราไว้ในครอบครอง?’

ภายในสำนักพลังเร้นลับ คนที่ลงชื่อสอบประเมินมีมากมาย ยามนี้ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง จึงมีนักเรียนเจ็ดแปดคนที่ยังไม่ได้ลงชื่อประเมิน ยามนี้อาจารย์ด้านหน้าที่รับผิดชอบการประเมินกวาดมองคนพวกนั้นแล้ว ก็จัดการข้อมูลที่ลงชื่อไว้บนโต๊ะ แล้วเอ่ยปากว่า “การลงชื่อประเมินในวันนี้จบลงเพียงเท่านี้ พวกเจ้าที่ยังไม่ได้ลงชื่ออีกสามปีค่อยมาแล้วกัน!”

“อะไรนะ? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราต่อแถวตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้”

“เลยเวลาประเมินแล้ว” อาจารย์คนนั้นเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เก็บข้อมูลจะจากไป ทว่าฝีเท้าถูกนักเรียนผู้แข็งแรงบึกบึนขวางเอาไว้

…………………

ตอนที่ 640 การดูถูกของอาจารย์

“ท่านอาจารย์ พวกเราต่างเร่งมาจากต่างถิ่น โอกาสที่สามปีมีครั้งหนึ่งสำคัญสำหรับพวกเรามาก ยามนี้ฟ้ายังไม่มืดสนิท ท่านอาจารย์ให้พวกเราลงชื่อประเมินก่อนค่อยไปเถอะ!”

กวนสีหลิ่นในชุดสีดำ กล้ามเนื้อแข็งแรง ชุดคลุมถูกดึงจนยับยู่ยี่ เพราะวิ่งตากแดดข้างนอกบ่อยๆ สีผิวจึงกลายเป็นสีน้ำตาลแก่ค่อนข้างเข้ม ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและหาญกล้าไม่กลัวตาย

ครั้นเห็นว่านักเรียนคนหนึ่งที่เข้ามาลงชื่อประเมินกล้าขวางทางเขา สีหน้าอาจารย์คนนั้นถมึงทึงทันที กวาดมองกวนสีหลิ่นอย่างเย็นชา แล้วตะคอกอย่างเหลืออด “ไสหัวออกไปซะ!”

เมื่อคำพูดเปล่งไป แรงกดดันบรรพชนนักรบก็เอ่อล้นตามมา น้ำเสียงดุจสายฟ้าผลักกวนสีหลิ่นตรงหน้าถอยออกไปไกลหลายเมตรเสียดื้อๆ เลือดลมในร่างพลุ่งพล่านขึ้นมาเพราะเสียงตะโกนเคร่งขรึมที่แฝงด้วยแรงกดดันบรรพชนนักรบ ข้างในอกยังปั่นป่วนจนเลือดพุ่งขึ้นมาตรงลำคอและไหลออกจากมุมปาก

เห็นภาพเช่นนี้ สีหน้านักเรียนคนอื่นๆ ที่เดิมคิดจะเข้าไปก็เปลี่ยนไป ฝีเท้าที่เคยจะก้าวชะงักลงทันที สีหน้าพวกเขาดูไม่ได้อยู่บ้าง

ในหมู่พวกเขาส่วนมากเป็นปรมาจารย์นักรบ ไหนเลยจะทนต่อเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดุจสายฟ้าของอาจารย์ระดับบรรพชนนักรบได้? แต่อาจารย์คนนี้จะทำกันเกินไปแล้ว ใช้แรงกดดันโจมตีคนอื่นได้อย่างไร? หนำซ้ำยังเป็นนักเรียนที่เข้ามาลงชื่อประเมิน ด้วยกำลังพวกเขาย่อมต้านทานเสียงตะโกนที่มีแรงกดดันจากเขาได้ไม่ไหวแน่นอน

ชายอายุน้อยสองสามคนใช้สายตามองชายหนุ่มชุดดำผู้มีร่างกำยำคนนั้น ดูท่าทางเขาจะอายุประมาณพวกเขา แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกคาดไม่ถึง

เสียงตะคอกด้วยความโกรธที่มีแรงกดดันจากอาจารย์คนนั้นล้วนพุ่งไปหาเขา พวกเขาอยู่ตรงนี้ยังฟังเสียจนแก้วหูสะเทือน เลือดลมในร่างปั่นป่วน แต่ชายหนุ่มชุดดำคนนั้นกลับต้านรับไว้ได้ ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าจะไม่ล้มลงไป

กวนสีหลิ่นยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก สายตาคร่ำเคร่งจ้องอาจารย์คนนั้น เนิ่นนานถึงจะบอกว่า “ได้ยินว่าหมอกดาราเป็นสำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นเหินเวหา กลับไม่เคยคิดว่าอาจารย์ที่นี่จะมีธาตุแท้เช่นนี้ ช่างทำให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ”

ได้ยินคำพูดเสียดสีเช่นนี้ สีหน้าอาจารย์คนนั้นเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงปนกัน ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย สีหน้าแดงก่ำ เส้นเลือดดำตรงลำคอปรากฏ หมัดใต้แขนเสื้อยิ่งกำแน่นจนส่งเสียงกรอบแกรบ

เห็นเช่นนี้ สีหน้านักเรียนพวกนั้นที่รอลงชื่อประเมินก็เปลี่ยนไป นัยน์ตาเผยความเป็นกังวล

เพราะท้องฟ้ามืดลงแล้ว คนด้านหน้าที่มาประเมินไม่ว่าจะสอบผ่านหรือไม่ผ่านจึงต่างออกไปหมด เดิมทีที่นี่มีอาจารย์สองคน อีกคนหนึ่งออกไปก่อนแล้ว การประเมินทางด้านสำนักพลังวิญญาณก็เสร็จสิ้นไปนานแล้ว ยามนี้ที่นี่จึงเหลือเพียงพวกเขาและอาจารย์คนนั้น แม้แต่นักเรียนคนอื่นของสำนักศึกษาหมอกดารายังไม่เห็นเลยสักคน หากอาจารย์ท่านนี้ลงมือจริงๆ เช่นนั้น…

นึกถึงตรงนี้ พวกเขามองหน้ากัน คิดว่าต้องไปหาดูรอบๆ เสียหน่อยว่ายังมีอาจารย์สำนักศึกษาท่านอื่นหรือไม่ เผื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วจัดการไม่ได้ ถึงอย่างไรหากอาจารย์คนนั้นลงมือจริง เกรงว่าชายหนุ่มชุดดำถึงไม่ตายก็พิการ

อาจารย์คนนั้นมองกวนสีหลิ่นอย่างโกรธเคือง ขณะที่สบเข้ากับสายตาเยาะเย้ยจากเขา ความโกรธในใจราวกับถูกจุดระเบิด กลิ่นอายพลังเร้นลับทั่วร่างต่างพรั่งพรูขึ้นมา น้ำเสียงทั้งทุ้มเข้มและโกรธเกรี้ยว

“เจ้าอยากสอบประเมินใช่หรือไม่? ดี เช่นนั้นข้าจะประเมินเจ้าเอง ดูซิว่าเจ้าจะมีฝีมือสักแค่ไหน ถึงกล้าเหิมเกริมโอหังไม่เคารพผู้ใหญ่ในสำนักศึกษาหมอกดาราแห่งนี้!”

น้ำเสียงทุ้มเข้มเจือความขุ่นเคืองกล่าวจบ ก็เห็นร่างอาจารย์คนนั้นพุ่งไป ฝ่ามือซึ่งมีกลิ่นอายพลังเร้นลับแข็งแกร่งโจมตีไปทางกวนสีหลิ่น

………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+