เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 715 เจ้าเด็กเหลือขอเฟิ่งจิ่ว! + 716 เขามีทักษะการแพทย์หรือไม่?

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 715 เจ้าเด็กเหลือขอเฟิ่งจิ่ว! + 716 เขามีทักษะการแพทย์หรือไม่? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 715 เจ้าเด็กเหลือขอเฟิ่งจิ่ว! + ตอนที่ 716 เขามีทักษะการแพทย์หรือไม่?
ตอนที่ 715 เจ้าเด็กเหลือขอเฟิ่งจิ่ว!

หัวหน้ากงที่ดื่มชาได้ยินมือก็ชะงักเล็กน้อย ดวงตาฉายแววแปลกใจ มองไปยังรองเจ้าสำนักกวนที่มีสีหน้าวิตก และถามว่า “ทำไมรองเจ้าสำนักกวนถึงอยากตามหาภูตหมอ?”

“ไม่ปิดบังหัวหน้ากง สำนักศึกษาเรามีอาจารย์ล้มป่วยกะทันหัน อาการร่อแร่ นักปรุงยา นักเล่นแร่แปรธาตุ รวมถึงหมอภายในสำนักศึกษาต่างไม่มีวิธีช่วย ด้วยเหตุนี้จึงนึกถึงชื่อเสียงภูตหมอ ตามรายงานบอกว่าทักษะการแพทย์เขาแม้แต่คนตายยังช่วยชีวิตไว้ได้ เจ้าสำนักเราไม่มีทางเลือก จึงสั่งให้ข้าเข้ามาสอบถามที่อยู่ภูตหมอ หากเขาอยู่เมืองซิงอวิ๋นพอดี เช่นนั้นอาจจะช่วยชีวิตอาจารย์สำนักข้าได้”

“เหอะๆ ความสัมพันธ์ของตลาดมืดเรากับภูตหมอธรรมดาก็จริง เพียงแต่เขาเคยสั่งไว้ว่าจะเปิดเผยข้อมูลที่อยู่ของเขาไม่ได้ คำขอนี้ของรองเจ้าสำนักกวน ขออภัยด้วยที่ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ!” เขาส่ายหน้า แล้วบอกอีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้น น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ตัว พวกท่านตามหาหมอคนอื่นเถอะ!”

“หัวหน้ากง นี่คือชีวิตคนเชียว ขอหัวหน้ากงโปรดช่วยด้วยเถอะ!” รองเจ้าสำนักลุกขึ้นพูดพลางคารวะ

หัวหน้ากงเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ช่วย แต่ไม่มีทางช่วยต่างหาก ข้ามีฐานะเป็นหัวหน้าตลาดมืด แน่นอนว่าต้องรับผิดชอบดูแลตลาดมืด ฐานะของเขาในตลาดมืด แม้แต่ข้าเจอยังต้องคารวะอย่างเชื่อฟังและทำอะไรไร้มารยาทไม่ได้เลย

พวกท่านไม่รู้จักภูตหมอ เขาช่วยคนตามใจชอบทั้งนั้น ต่อให้ท่านหาเขาพบแล้วอย่างไร? มีแต่จะเสียแรงไปเปล่าๆ ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อเบื้องบนสั่งการลงมา เช่นนั้นข้อมูลของเขาอยู่กับพวกเราที่นี่ก็ต้องเก็บเป็นความลับ จะเปิดเผยแก่ภายนอกไม่ได้”

“ท่านหัวหน้ากง…”

หัวหน้ากงสาวก้าวเดินออกไป ก่อนออกจากห้องก็ชะงักฝีเท้า หันกลับไปมองรองเจ้าสำนักกวน เอ่ยอย่างมีความหมายแฝงว่า “หากอยากจะช่วยคน ไยต้องทิ้งสิบเบี้ยใกล้มือด้วย?”

ได้ยินคำพูดนี้ รองเจ้าสำนักกวนเผยสีหน้าตกใจ ฝีเท้าที่เดิมทีจะไล่ตามหยุดลงทันควัน ฟังคำพูดแฝงนัยของหัวหน้ากงก่อนออกไปแล้ว ก็อดพึมพำไม่ได้ “อยากจะช่วยคน ไยต้องทิ้งสิบเบี้ยใกล้มือ? สิบเบี้ยใกล้มือ? สิบเบี้ยใกล้มือ… คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร ทิ้งสิบเบี้ยใกล้มือ… สิบเบี้ยใกล้มือ… ใกล้…”

ห้วงความคิดพลันสว่างวาบ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง พึมพำว่า “หรือว่าจะอยู่ในสำนักศึกษาเรา?” ทิ้งสถานที่ใกล้ตัวไป แต่ดันวิ่งโร่มาร้องถามถึงที่นี่ หากเข้าใจจริงๆ เช่นนั้นก็ได้แต่เข้าใจเช่นนี้แล้ว

แต่คนของสำนักศึกษาพวกเขาส่วนมากเคยลองกันแล้ว หรือว่ายังมีใครมีความสามารถเช่นนี้อีก?

ในใจนึกสงสัย กลับไม่กล้าประวิงเวลา จึงมุ่งไปยังสำนักศึกษาอย่างรวดเร็ว

หลังจากเขาเดินออกประตูใหญ่ตลาดมืดไป หัวหน้ากงที่เดินมาจากด้านในยิ้มน้อยๆ เวลานี้เอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นถามไถ่ข้างกาย

“หัวหน้า ทำไมต้องเปิดเผยที่อยู่ภูตหมอกับเขาขอรับ?” ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวข้างกายเขาพลางถามด้วยความสงสัย

“ข้าแค่บอกว่าทำไมต้องทิ้งสิบเบี้ยใกล้มือ หากเขาเดาออกจริงก็นับว่ามีฝีมือ” เขากล่าวด้วยเสียงกลั้วยิ้ม และเอ่ยอีกว่า “แค่รู้สึกว่าน่าสนใจยิ่งนัก ภูตหมอกลายเป็นนักเรียนของสำนักศึกษา พวกเขากลับไม่รู้ ซ้ำยังวิ่งมาตามหาถึงตลาดมืด เหอะๆ น่าสนใจจริงๆ”

เวลาเดียวกัน ตรงหน้าอาศรมเฟิ่งจิ่ว อาจารย์หลี่ว์เหวี่ยงพลังวิญญาณหลายสายออกไปโจมตีรัวๆ ก็ยังทำลายเขตอาคมไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะถลึงตา กัดฟันกรอดด่าว่าอย่างขายหน้า อับอาย และกังวลอยู่บ้าง

“เจ้าเด็กเหลือขอเฟิ่งจิ่ว! ไม่เพียงวางเขตอาคมกันเสียงด้านใน แม้แต่เขตอาคมด้านนอกยังเสริมความแข็งแกร่งด้วย! นี่เขาป้องกันโจรหรือนักฆ่ากันเนี่ย?”

………………………………………………….

ตอนที่ 716 เขามีทักษะการแพทย์หรือไม่?

อาศรมพวกนี้ของสำนักยาเซียนมีเขตอาคมป้องกันไว้ไม่ผิด แต่เขตอาคมไม่ได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้! แม้แต่อาจารย์ระดับหลอมแก่นพลังเช่นเขายังทำลายเขตอาคมนี้ไม่ได้ นี่ต้องให้เขาหงุดหงิดใจสักเพียงใด?

นอกจากนักเรียนสองคนนั้นที่ตามมา พวกนักเรียนระดับสวรรค์คนอื่นก็ตามมาด้วย ยามนี้เมื่อเห็นอาจารย์หลี่ว์ระเบิดโจมตีตั้งหลายครั้งยังทำลายเขตอาคมนั้นไม่ได้ แต่ละคนจึงตาค้างไปทันที

เฟิ่งจิ่วคนนี้มีฝีมือพอจะเสริมพลังเขตอาคมให้แข็งแกร่งถึงระดับนี้เชียว? แม้แต่อาจารย์หลี่ว์ระดับหลอมแก่นพลังยังตีไม่แตก? ยามเห็นเขตอาคมที่ลวดลายสายลมแทบจะไม่ขยับ มุมปากพวกเขาก็กระตุก อยากถามว่า ‘เอาไว้ป้องกันโจรหรือนักฆ่ากันแน่?’

อันที่จริง เฟิ่งจิ่วไม่คิดจะป้องกันอะไร เธอเสริมเขตอาคมเพียงเพราะกลัวว่าเสียงกลั่นยาเซียนจะดังออกไป ส่วนเขตอาคมกันเสียง นั่นก็แค่เพราะเธออยากนอนสบายๆ โดยไม่ถูกรบกวน ใครจะนึกว่าคนพวกนี้จะมาหานางแต่เช้าเล่า?

“ตู้ม! เปรี้ยงๆๆ!”

เสียงการโจมตีดังขึ้นไม่ขาดสาย เหล่านักเรียนโดยรอบเห็นอาจารย์หลี่ว์เหงื่อออกเปียกซ่กหอบหายใจไม่หยุด จึงมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้ หนึ่งคนในนั้นเดินเข้าไปแนะนำอย่างระมัดระวัง

“ทะ ท่านอาจารย์หลี่ว์?”

เขตอาคมทำลายไม่ได้ ใบหน้าไร้อารมณ์ เมื่อนึกถึงอาจารย์หลูอาการใกล้สิ้นใจที่รออยู่ทางนั้น ทำให้เขาระเบิดอารมณ์ทันใด ครั้นเห็นนักเรียนคนนั้นเข้ามาก็พลันตะโกนเสียงเกรี้ยวกราด “ทำอะไร!”

นักเรียนคนนั้นโดนตะคอกจนไหล่ห่อ พูดว่า “ท่านอาจารย์หลี่ว์ ต้องให้พวกเราไปเชิญเจ้าสำนักมาหรือไม่ขอรับ?”

อาจารย์หลี่ว์หน้าแดงก่ำ ถลึงตามองอาศรมที่ไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิดอย่างโกรธจัด จากนั้นสะบัดแขนเสื้อกล่าวว่า “ข้าจะไปเอง!” สิ้นเสียงก็มุ่งไปยังห้องแนะแนวการสอนอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ารีรอแม้แต่นิด

กวนสีหลิ่นซึ่งเรียกหมีดำตัวใหญ่กับเหล่าไป๋มานั่งด้วยกันใต้ต้นไม้ไม่ไกลเหลือบมองอาจารย์คนนั้นที่กลับไป แววตาวูบไหวเล็กน้อย ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่

อาจารย์หลี่ว์ที่รีบร้อนกลับถึงห้องแนะแนวมาหาเจ้าสำนักทั้งใบหน้าแดงก่ำ “ท่านเจ้าสำนัก เจ้าเด็กเหลือขอนั่นนอนหลับ ไม่เพียงวางเขตอาคมกันเสียง ยังเสริมพลังเขตอาคมตรงอาศรมอีก ขะ ข้าทำลายเขตอาคมเขาไม่ได้”

เจ้าสำนักได้ยินก็แปลกใจเล็กน้อย “เขาเสริมพลังเขตอาคม? หนำซ้ำแม้แต่เจ้ายังทำลายไม่ได้?”

ในใจเขาตกตะลึง เป็นแค่นักเรียนทำไมถึงมีความสามารถเช่นนั้นได้? ควรรู้ไว้ว่าอาจารย์หลี่ว์เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง แม้แต่เขตอาคมของนักเรียนยังทำลายไม่ได้ นี่มัน…

“ข้าจะไปดูเสียหน่อย! เจ้าเฝ้าที่นี่ไว้” เจ้าสำนักสั่งการ แล้วมายังอาศรมที่เฟิ่งจิ่วพักอยู่ภายใต้การนำทางของนักเรียน

เมื่อเขามาถึงอาศรม สายตามองผ่านนักเรียนสำนักพลังวิญญาณและสำนักพลังเร้นลับไม่น้อยที่ล้อมอยู่รอบๆ ก่อนจะหยุดลงบนร่างหมีดำตัวใหญ่กับม้าประหลาดใต้ต้นไม้ นี่เป็นอสูรสัตว์เลี้ยงของเฟิ่งจิ่วหรือ?

ขณะมองม้าประหลาดตัวนั้น พลันเห็นมันที่ไม่รู้เป็นพันธุ์ใดฉีกยิ้มเผยฟันม้าเรียงกันออกมาให้เห็น

ดวงตาเฉียบแหลมของเขาสั่นไหวเบาๆ หลังจากมองม้าประหลาดตัวนั้น สายตาก็หันไปหยุดลงบนร่างนักเรียนสวมเครื่องแบบสำนักพลังเร้นลับ ไม่ไปทำลายเขตอาคมอาศรมก่อน แต่สาวก้าวเดินไปทางเขา

“เจ้าคือกวนสีหลิ่น พี่ชายของเฟิ่งจิ่วเป็นแน่” เจ้าสำนักเอ่ยปาก คำพูดมีความมั่นใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา

กวนสีหลิ่นมองเจ้าสำนัก ลุกยืนขึ้นคารวะด้วยความเคารพ “กวนสีหลิ่นคารวะท่านเจ้าสำนัก”

“ในเมื่อเจ้าเป็นพี่ชายเฟิ่งจิ่ว ก็น่าจะรู้ว่าเขามีทักษะการแพทย์หรือไม่กระมัง?” เจ้าสำนักมองเขาพลางถาม

ได้ยินคำพูดนี้ กวนสีหลิ่นแววตาวูบไหว แล้วมองเจ้าสำนักตรงหน้าเงียบๆ

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *