เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 769 นอแรดวิญญาณ + 770 คนผู้นี้ไม่ควรไปยั่วยุ

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 769 นอแรดวิญญาณ + 770 คนผู้นี้ไม่ควรไปยั่วยุ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 769 นอแรดวิญญาณ + ตอนที่ 770 คนผู้นี้ไม่ควรไปยั่วยุ
ตอนที่ 769 นอแรดวิญญาณ

เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ถามไถ่ถึงอาการและบาดแผลของพวกเขาสามคน

“ได้รับความกรุณาจากคุณชายเฟิ่ง พลังของพวกเราต่างยกระดับขึ้น บาดแผลก็หายดีเช่นกัน เสี่ยวหลิวออกไปทำภารกิจไม่อยู่ด้วย หากเขารู้ว่าท่านมา ไม่รู้จะตื่นเต้นจนเป็นเช่นไร” หัวหน้าตลาดมืดยิ้มพูด

ผู้อาวุโสกงด้านข้างก็พูดคุยทักทายเฟิ่งจิ่วด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า มีเพียงผู้อาวุโสหลี่อีกด้านที่อยากพูดแทรกยังทำไม่ได้ จึงนั่งอึดอัดอยู่ตรงนั้น

“ได้ เช่นนั้นตอนเย็นข้าค่อยเข้ามาอีกแล้วกัน!” เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นบอกลา วางแผนจะเข้าไปเดินเล่นในเมือง

“ดี พวกเราจะไปส่งคุณชายเฟิ่งเอง” หัวหน้าตลาดมืดกับผู้อาวุโสกงเอ่ยขึ้น แล้วออกไปส่งภูตหมอพร้อมๆ กัน

เฟิ่งจิ่วเดินเล่นในเมืองรอบหนึ่ง ซื้อของมาไม่น้อย ขณะคิดจะไปรอที่ตลาดมืด ก็เห็นว่าตรงหน้าไม่ไกลมีร้านค้าขายสมบัติ จึงเดินเข้าไปดู

“คุณชาย ไม่ทราบว่าต้องการสั่งอะไรขอรับ?” เจ้าของร้านถามยิ้มๆ ดวงตามองผ่านชุดสีฟ้าครามบนร่างเฟิ่งจิ่ว แล้วสายตาก็หยุดลงบนขนนกตรงเอว

ครั้นสังเกตเห็นสายตาของเจ้าของร้าน เฟิ่งจิ่วยังไม่สนใจ หลังจากเดินวนรอบหนึ่ง สายตาก็หยุดมองของอย่างหนึ่งในตู้หน้าร้าน จึงเคาะๆ ตู้พลางเอ่ยว่า “เอาเจ้านี่ออกมาที”

เจ้าของร้านมองของในตู้หน้าร้าน เข้าไปบอกว่า “ขอรับ คุณชายโปรดรอสักครู่” เขาเอ่ยพลางเข้าไปด้านในและหยิบของในตู้ออกมา คว้าผ้าผืนหนึ่งมาวางรองไว้ด้านล่าง “นี่เป็นนอแรดวิญญาณขอรับ เหลือชิ้นหนึ่งพอดี คุณชายลองดู”

เฟิ่งจิ่วรับมาดู ก่อนจะพยักหน้า “ข้าซื้อ”

ได้ยินเช่นนั้น เจ้าของร้านก็ยิ้มตาหยี “ในหอเรามีของหลายอย่าง โดยเฉพาะชั้นสองจะวางของล้ำค่าจำพวกของวิเศษไว้ หากคุณชายสนใจไปดูเสียหน่อยก็ได้ขอรับ”

เธอได้ยินแล้วจึงพยักหน้า สาวก้าวเดินขึ้นไปชั้นสอง เมื่อมาถึงชั้นสองค่อยเห็นชุดคลุมสีขาวตัวหนึ่งที่แผ่กางไว้ ยามที่เห็นชุดคลุมสีขาว จู่ๆ ก็นึกถึงชุดไหมสวรรค์ของโม่เฉินที่เธอซักจนขาด

คิดๆ แล้วก็ชี้ยังชุดคลุมสีขาวตัวนั้น เอ่ยว่า “ข้าต้องการเจ้านั่น”

“คุณชายตาดีจริงๆ ตัวนี้เป็นชุดไหมสวรรค์ ให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวทำให้เย็นขึ้นในหน้าร้อน เบาบางดุจขนนก ในหอเรามีแค่ตัวนี้ตัวเดียว” เจ้าของร้านกล่าว แล้วสั่งคนหยิบชุดคลุมตัวนั้นลงมา จากนั้นถือไปข้างล่างและพับเก็บอย่างดี

เมื่อเดินวนรอบหนึ่งยังไม่เห็นของอะไรที่เข้าตาอีก เฟิ่งจิ่วจึงให้เจ้าของร้านคิดเงิน คิดเงินเสร็จยังส่งพวกของจุกจิกเล็กน้อยให้เฟิ่งจิ่วเป็นของแถม หวังว่าครั้งหน้าเขาจะมาอีก

ทว่าเมื่อมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นสองชายหนึ่งหญิงยืนล้อมเสี่ยวเอ้อร์คุยกันอยู่ตรงนั้น เสี่ยวเอ้อร์เห็นเจ้าของร้านลงมาก็รีบเข้าไปหา “เจ้าของร้าน แม่นางท่านนี้บอกว่าก่อนหน้านี้นางถูกใจชุดไหมสวรรค์ ไม่ยอมให้ข้าเก็บไปขอรับ”

เจ้าของร้านได้ฟังก็มองสามคนนั้น จำสองคนด้านหลังไม่ได้ แต่จำหญิงคนนั้นได้ จึงยิ้มเอ่ย “ที่แท้เป็นคุณหนูตระกูลเหอ”

“เจ้าของร้าน ก่อนหน้านี้ข้าถูกใจชุดไหมสวรรค์ตัวนั้น แค่มีเงินติดตัวไม่พอจึงกลับไปหยิบมา ครู่เดียวท่านก็ขายให้คนอื่นได้อย่างไร?” ผู้หญิงคนนั้นจ้องเจ้าของร้านอย่างขุ่นเคือง

“แหะๆ คุณหนูเหออย่าเพิ่งโมโหไป คุณหนูเหอไม่ได้สั่งให้ข้าเก็บไว้ หนำซ้ำยังไม่จ่ายเงินมัดจำ ข้าย่อมไม่รู้ว่าคุณหนูเหอต้องการ แล้วคุณชายท่านนี้ก็ถูกใจเข้าพอดี”

“เช่นนั้นเขาจ่ายเงินหรือยัง?”

“จ่ายแล้วขอรับ” เจ้าของร้านยิ้มตอบ เดินเข้าไปห่อชุดคลุมให้เรียบร้อยด้วยตนเอง แล้วยื่นให้เฟิ่งจิ่วพร้อมๆ กับนอแรดชิ้นนั้น

เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ให้ ขณะจะรับมาเก็บกลับถูกผู้หญิงคนนั้นกดมือไว้

เธอมองมือผู้หญิงที่กดบนหลังมือตน ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา “แม่นางท่านนี้ ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันนะ”

………………………………………………….

ตอนที่ 770 คนผู้นี้ไม่ควรไปยั่วยุ

โดนพูดเช่นนี้ด้วย ผู้หญิงคนนั้นราวกับเพิ่งสังเกตว่ามือตัวเองกดอยู่บนมือหนุ่มน้อย จึงรีบร้อนดึงกลับมา มองเฟิ่งจิ่วพลางถามว่า “เจ้าขายชุดนี้ให้ข้าเถอะ! ข้าถูกใจตั้งแต่เช้าแล้ว”

“ขออภัยด้วย ข้าจะเอามาไปคนอื่น ไม่ขาย” เธอยิ้มๆ พลางเก็บของไปอย่างง่ายดาย

ขณะเดียวกันนี้เอง ชายสองคนด้านหลังที่ไม่ปริปากมาตลอดพินิจมองเฟิ่งจิ่วอย่างเงียบๆ เห็นอีกฝ่ายสวมชุดนักเรียนของสำนักศึกษาหมอกดารา ข้างเอวแขวนขนนกเคลือบหลากสีไว้ แววตาก็อดสั่นไหวเล็กน้อยไม่ได้ ยามหญิงคนนั้นจะเอ่ยปากอีก หนึ่งคนในนั้นก็ห้ามปราม

“น้องเล็ก ในเมื่อคุณชายท่านนี้ซื้อแล้ว พวกเราก็มองหาอย่างอื่นเถอะ ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายให้เสียอารมณ์เพราะเสื้อผ้าตัวเดียว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วมองชายคนนั้นก่อนยิ้มๆ สาวก้าวเตรียมจะเดินออกไป กลับยังถูกเขาเรียกไว้อีก

“คุณชายท่านนี้ช้าก่อน” ชายผู้นั้นก้าวมาหา ประสานมือคารวะและถามว่า “ขอบังอาจถามคุณชาย เฟิ่งจิ่วจากสำนักยาเซียนใช่หรือไม่?”

“คล้ายว่าข้าจะไม่รู้จักท่าน” เฟิ่งจิ่วมองเขาพลางตอบกลับ

“เหอะๆ คุณชายไม่รู้จักข้า แต่ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณชาย ในฐานะนักเรียนใหม่ของสำนักศึกษา คุณชายไม่เพียงเป็นผู้มีอิทธิพลในหมู่นักเรียนใหม่ ความโดดเด่นยิ่งล้ำหน้าผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรกของสำนักศึกษา ข้าอยากจะทำความรู้จักด้วยมาตลอด แต่เสียดายที่ไม่มีโอกาส ไม่สู้ให้ข้าเป็นเจ้ามือเชิญคุณชายไปดื่มที่เหลาสุราด้านหน้าสักแก้ว?”

พูดถึงตรงนี้ เขาเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ จึงกล่าวว่า “ข้าลืมแนะนำตัวเอง ข้าแซ่เหอ เป็นลูกหลานตระกูลเหอ หนึ่งในแปดตระกูลใหญ่เมืองซิงอวิ๋น”

“ไม่ละ ข้ายังมีธุระอีก ไม่สะดวกจะอยู่นาน” เฟิ่งจิ่วโบกๆ มือตอบ เพิ่งสาวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ก็เห็นผู้หญิงคนนั้นมาขวางอยู่เบื้องหน้าด้วยความโกรธเคือง

“เจ้าคนผู้นี้ เหตุใดไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้ได้? พี่ชายข้าเชื้อเชิญถือว่าให้ความสำคัญกับเจ้า เจ้า…” นางมองหนุ่มน้อยอย่างขุ่นเคือง เมื่อสบสายตาของเด็กหนุ่มที่ลึกล้ำราวกับไม่เห็นก้นบึ้ง คำพูดช่วงท้ายก็ด่าไม่ออกในทันที

“แม่นาง รบกวนหลีกทางด้วย” ภายในน้ำเสียงนาบเนิบของเฟิ่งจิ่วเจือความเฉยชาไว้ ตรงริมฝีปากปรากฏรอยยิ้ม ทว่ารอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา

ชายคนนั้นเห็นเช่นนี้จึงลากน้องสาวมาข้างๆ ทันที “น้องเล็ก อย่าเสียมารยาท”

เขาตำหนิเบาๆ กำลังจะเอ่ยปากก็เห็นเฟิ่งจิ่วเดินออกไปแล้ว ไม่นานนักก็เข้าไปในหมู่ฝูงชน

“พี่ชาย ท่านจะสุภาพเช่นนี้ไปทำไม? คนคนนั้นมองข้ามความหวังดีจริงๆ หนำซ้ำเขายังซื้อชุดไหมสวรรค์ไปอีก” กล่าวถึงตรงนี้ นางกระทืบเท้าอย่างโมโห

ชายอีกคนหนึ่งเป็นลูกหลานของแปดตระกูลใหญ่เช่นกัน ยามนี้เดินไปเอ่ยกับหญิงคนนั้นว่า “คนผู้นี้ไม่ธรรมดา แม้ไม่อาจสานสัมพันธ์ ก็จะไปยั่วยุเขาไม่ได้”

“ข้าไม่เห็นเลยว่าไม่ธรรมดาตรงไหน” ผู้หญิงคนนั้นเบ้ปากพูด

“สองเดือนก่อนคนที่เจ้าสำนักกับพวกอาจารย์สำนักศึกษาหมอกดาราขี่กระบี่ไปช่วย ก็คือคนนามว่าเฟิ่งจิ่วคนนี้เอง คนผู้นี้ในตระกูลเพียงสืบได้ว่าเขามาจากแคว้นระดับเก้า เรื่องอื่นๆ ราวกับถูกลบเงื่อนงำ สรุปคือคนผู้นี้อย่าไปยั่วยุจะดีที่สุด” ชายคนนั้นพูดจบก็นำหน้าเดินออกไป

“ได้ยินหรือไม่? ทีหลังเจอเขาก็เลี่ยงๆ หน่อย” ชายแซ่เหอกำชับไว้เช่นกัน แล้วจึงเดินตามคนข้างหน้า

“หึ!” ผู้หญิงคนนั้นกระทืบเท้าพลางแค่นเสียงหยันหนักๆ หันกลับไปถลึงมองเจ้าของร้านที่ยืนข้างๆ จากนั้นค่อยวิ่งตามคนข้างหน้าไป

รอจนพวกเขาไปแล้ว เจ้าของร้านก็ยิ้มๆ มองยังทิศทางที่เฟิ่งจิ่วจากไป แล้วยุ่งกับงานต่อ

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *