เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 757 สองสัตว์อสูรติดกับ + 758 ช่วยด้วย

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 757 สองสัตว์อสูรติดกับ + 758 ช่วยด้วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 757 สองสัตว์อสูรติดกับ + ตอนที่ 758 ช่วยด้วย
ตอนที่ 757 สองสัตว์อสูรติดกับ

เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจ ชะงักไปเล็กน้อย เจ้าสำนักเพียงบอกว่า “เช่นนั้นฝากทักทายอาจารย์เจ้าแทนข้าด้วย”

“ขอรับ” โม่เฉินขานรับ สายตามองไปบนท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร

ส่วนอีกด้านหนึ่ง กวนสีหลิ่นที่แบกเฟิ่งจิ่วกลับมาถึงยอดเขาสำนักยาเซียนไม่ได้สังเกตว่าเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาหายไป แต่เฟิ่งจิ่วที่นอนบนหลังเขากลับสังเกตพบ

“ทำไมเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาไม่อยู่? พี่สีหลิ่น ประเดี๋ยวท่านช่วยข้าหาหน่อย อาจจะอาศัยโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่วิ่งแจ้นไปก่อเรื่องถึงยอดเขาสำนักยา”

“ได้ เดี๋ยวข้าจะลองไปหาดู”

กวนสีหลิ่นกล่าว แบกนางเข้าไปวางไว้ห้องนอนหลังจากเฟิ่งจิ่วเปิดเขตอาคมอาศรมและให้เยี่ยจิงดูแล จากนั้นจึงออกไปตามหาเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาสองสัตว์อสูรในละแวกใกล้เคียง

ทว่าหาไปรอบหนึ่งยังไม่เจอสัตว์อสูรทั้งสอง ดังนั้นจึงไปตามหาที่ยอดเขาสำนักยา แต่ก็ไม่เห็นเงา สุดท้ายต้องมาสอบถามกับทางสำนักพลังเร้นลับ

“อะไรนะ? เจ้ากำลังตามหาม้าประหลาดตัวนั้นกับเจ้าก้อนเนื้อกลมนั่นรึ? พวกมันออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เหมือนจะออกไปก่อนที่พวกเจ้าสำนักร่อนกระบี่ไปช่วยเฟิ่งจิ่วเสียอีก แต่เห็นแค่ออกไปไม่เห็นกลับมา”

นักเรียนคนหนึ่งเอ่ย ชะงักไปนิด แล้วถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ใครกันแน่คิดจะฆ่าเฟิ่งจิ่ว ทำไมแม้แต่เจ้าสำนักกับท่านอาจารย์ทั้งหลายถึงเดินทัพไปกันหมด? พวกเจ้าตามไปดู คงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกระมัง?”

กวนสีหลิ่นไม่แยแสความสงสัยของเขา แต่กลับตกตะลึง “เจ้าบอกว่าออกไป? ออกจากสำนักศึกษาหรือ” สิ้นเสียงก็ไม่รอนักเรียนคนนั้นตอบกลับ ไปถามคนเฝ้าประตูต่อ

“โอ้ เจ้าหมายถึงม้าประหลาดตัวนั้นกับก้อนเนื้อกลมนั่นรึ? พวกมันออกไปแล้ว พุ่งออกจากประตูข้างของสำนักพลังวิญญาณ ไวเสียจนข้าคิดจะรั้งไว้ยังทำไม่ได้ แต่ออกไปได้สักพัก จนพวกเจ้าสำนักกลับมา ก็ไม่เห็นสัตว์อสูรสองตัวนั้นกลับมาด้วย”

กวนสีหลิ่นได้ยินคำพูดของคนเฝ้าประตู ก็เอ่ยทันทีว่า “ข้าจะออกไปหาเสียหน่อย”

“เฮ้ยๆๆ ไม่ได้! นักเรียนยังไม่ได้รับอนุญาต ออกไปพลการไม่ได้ นี่เป็นกฎ” คนเฝ้าประตูขวางเขาไว้ กล่าวว่า “แม้ม้าตัวนั้นแปลกไปหน่อย แต่จะดีจะเลวก็เป็นสัตว์วิญญาณ คงรู้ทางกลับมา ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

กวนสีหลิ่นเห็นว่าโดนขวางไว้ไม่ให้ออกไปก็ชะงักเล็กน้อย จากนั้นหันกายตรงไปหารองเจ้าสำนักที่ยอดเขาหลัก เล่าเรื่องราวให้เขาฟัง พร้อมยื่นคำร้องขอออกไปตามหาเหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆา

“สัตว์วิญญาณต่างรู้ทาง เอาเช่นนี้แล้วกัน! หากพรุ่งนี้เช้ายังไม่กลับมา ข้าจะให้เจ้าออกไปตามหา วันนี้เจ้าก็บาดเจ็บเช่นกัน พักรักษาตัวก่อนเถอะ ไม่แน่ว่าเย็นๆ สัตว์อสูรสองตัวนั้นอาจกลับมาแล้ว”

เสียงหยุดไป เจ้าสำนักเอ่ยว่า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะสั่งคนเฝ้าประตูไว้ว่าหากสองสัตว์อสูรกลับมาจะไม่รั้งไว้”

กวนสีหลิ่นได้ยินเช่นนี้ถึงจะพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดีขอรับ ข้าขอไปบอกเฟิ่งจิ่วที่อาศรมก่อน นางจะได้ไม่เป็นห่วง”

“อืม ไปเถอะ! ข้าจะสั่งคนส่งข้าวต้มยาเข้าไปให้นาง อย่าลืมให้นางกินเล่า”

“ขอบคุณท่านรองเจ้าสำนักมากขอรับ” เขาประสานมือคารวะแล้วจึงถอยออกไป

เวลาเดียวกันนี้ ภายในป่าที่ห่างจากสำนักศึกษาไม่ไกล เหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาที่หลงเข้ามาในค่ายกลถูกขังอยู่ด้านใน เดินมาสองสามชั่วยามยังออกไปไม่ได้ ทำให้สัตว์อสูรทั้งสองที่เป็นห่วงเฟิ่งจิ่วยิ่งรู้สึกหงุดหงิด

“ไหนบอกว่าเจ้ารู้ทางและแยกทิศเป็น ตอนนี้ดีนัก บุกเข้ามาภายในค่ายกลนี้ วนอยู่ตั้งนานยังไม่ได้ออกไป รอจนพวกเราออกไปได้ไม่แน่นายท่านคงตายไปแล้ว” อสูรกลืนเมฆาโมโหไม่น้อย ไฟโกรธจากการที่ต้องติดอยู่ในค่ายกลล้วนแผ่ลามไปบนร่างเหล่าไป๋

เหล่าไป๋พ่นลมหายใจออกจมูก กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ใครรู้ว่าสถานที่บ้านี่จะมีค่ายกลด้วย หากรู้แต่แรกคงไม่เดินมาทางนี้หรอก”

………………………………………………….

ตอนที่ 758 ช่วยด้วย

เหล่าไป๋เดินวนด้านในรอบหนึ่ง เอ่ยว่า “ทำอย่างไรดี? พวกเราติดอยู่ข้างในนี้นานมากแล้ว นายท่านคงไม่ตายไปแล้วจริงๆ หรอกกระมัง?”

“ฮึ! รู้จักเป็นห่วงด้วยหรือ”

อสูรกลืนเมฆาแค่นเสียงหยัน นอนอยู่บนหลังมันไม่ขยับเขยื้อน คิดๆ แล้วยังบอกอีกว่า “ข้ากับนายท่านมีพันธสัญญากัน หากนายท่านมีเรื่องอันตรายถึงชีวิตจะรู้สึกถึงได้ ตอนนี้ข้าไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น น่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต

ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านยังมีสัตว์พันธสัญญาคู่ชีวิต นั่นคือสัตว์เทวะโบราณ ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นก็คงปกป้องนายท่านได้ ก่อนหน้านี้พวกเราออกมาก็กังวลกันเกินไป ควรจะถามเสียก่อน”

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกัน รอคนมาช่วยหรือ? สถานที่บ้านี่ปกติอาจจะไม่มีคนเข้ามาเสียด้วยซ้ำ” เหล่าไป๋พูดพลางกระทืบกีบม้า

“ที่นี่วางค่ายกลไว้ หากเป็นเขตอาคมเราสองคนอาจยังร่วมแรงชนได้ แต่ค่ายกลนี้กลับชนไม่ได้ ต้องทำลายเท่านั้น จะทำลายค่ายกลต้องตามหาดวงตาค่ายกลพวกนั้นก่อน แต่ข้าไม่คุ้นเคยกับค่ายกล ไม่มีทางแก้จริงๆ”

“เช่นนั้นต้องรอหรือ?”

“รอเถอะ!”

“จะไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือหน่อยรึ?” เหล่าไป๋แนะนำ คิดว่าน่าจะเอาอย่างพวกมนุษย์

“เรื่องขายหน้าเพียงนี้ จะตะโกนเจ้าก็ตะโกนไปเถอะ” อสูรกลืนเมฆาเบ้ปากแล้วหันหน้าไปอีกทาง

“ไม่รอดชีวิตสิถึงจะขายหน้า”

เหล่าไป๋พ่นลมหายใจ เดินวนไปมา ก่อนจะแหกปากตะโกนว่า “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! มีใครอยู่บ้าง? รีบมาช่วยเร็ว…”

เช้าตรู่วันต่อมา เพราะไม่เห็นสองสัตว์อสูรกลับมาเสียที กวนสีหลิ่นกับเยี่ยจิงจึงพานักเรียนสิบคนออกจากสำนักศึกษาไปถามในเมืองว่ามีใครเห็นร่องรอยสัตว์อสูรทั้งสองหรือไม่

ทว่าจนกระทั่งเที่ยงวันกลับมายังหาไม่เจอ ระหว่างทางกวนสีหลิ่นกระซิบบอกว่า “ในเมืองไม่มีใครเห็นพวกมัน หรือว่าพวกมันจะไม่ได้ไปในเมือง?”

“พวกมันออกจากสำนักศึกษาไป หรือว่า…”

เยี่ยจิงมองไปยังป่าฝั่งตะวันออกของสำนักศึกษา เอ่ยคล้ายกำลังครุ่นคิด “ป่าผืนตรงหน้าวางค่ายกลไว้ไม่น้อย พวกมันคงไม่ได้หลงเข้าไปด้านในกระมัง?”

“ไปดูหน่อยเถอะ”

“ด้านในมีค่ายกลไม่น้อย ตอนหาต้องระวังหน่อย อย่าติดกับอยู่ในนั้นเชียว” นางกล่าวเตือน

“ได้” กวนสีหลิ่นขานรับ แยกกับนางออกไปตามหาพลางตะโกน “เหล่าไป๋ อสูรกลืนเมฆา…”

สองสัตว์อสูรที่ติดอยู่ในป่าเดิมทีกำลังนอนหลับ เมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นก็กระโดดผลุงขึ้นมาทันที

“เยี่ยจิงคนงาม” เหล่าไป๋ดวงตาเป็นประกาย เอ่ยด้วยความประหลาดใจ

“คล้ายจะยังมีพี่ชายของนายท่านด้วย” อสูรกลืนเมฆากล่าว

“ต้องมาตามหาพวกเราแน่ๆ” เหล่าไป๋เดินวนไปมาด้วยความระรื่น พลางแหกปากตะโกนว่า “พวกเราอยู่ที่นี่ พวกเราอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงคนงาม พวกเราอยู่ตรงนี้!”

เยี่ยจิงที่พานักเรียนสิบคนมาตามหาในป่าพลันได้ยินเสียงที่ทั้งแหบแห้งและตื่นเต้นดีใจ นางถามนักเรียนด้านหลังว่า “พวกเจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่ ทำไมข้าได้ยินคล้ายว่ามีคนกำลังตะโกนเรียกข้า?”

“หรือจะเป็นนักเรียนสำนักศึกษาที่หลงเข้าค่ายกลมา?”

นักเรียนคนหนึ่งถาม ไม่ได้นึกเลยว่าจะเป็นสัตว์อสูรสองตัวนั้น ถึงอย่างไรสัตว์อสูรที่ระดับไม่ถึงสัตว์เทวะล้วนไม่เอ่ยปากพูดภาษามนุษย์ เหล่าไป๋เป็นเพียงม้าประหลาด เจ้าตัวเล็กนั่นก็ยังเป็นแค่สัตว์เลี้ยงตัวน้อย ไม่ว่าใครก็ไม่คิดไปทางนั้น

“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ก็ต้องเข้าไปดูเสียหน่อย” เยี่ยจิงพูดจบก็ตามหาไปทางเสียงนั้น ยิ่งเข้าใกล้เสียงนั้นยิ่งชัดเจน

“เยี่ยจิงคนงาม เยี่ยจิงคนงาม ช่วยด้วย ช่วยด้วย เยี่ยจิงคนงาม…”

“เจ้าอย่าตะโกนได้หรือไม่ หนวกหูจะตายอยู่แล้ว”

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *