เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 705 ท่านกลายเป็นบรรพชนนักรบแล้ว? + 706 หอคอยพลังเร้นลับชั้นเก้า

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 705 ท่านกลายเป็นบรรพชนนักรบแล้ว? + 706 หอคอยพลังเร้นลับชั้นเก้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 705 ท่านกลายเป็นบรรพชนนักรบแล้ว? + ตอนที่ 706 หอคอยพลังเร้นลับชั้นเก้า
ตอนที่ 705 ท่านกลายเป็นบรรพชนนักรบแล้ว?

รองเจ้าสำนักได้ยินก็ลูบๆ เคราหรี่ตาลง “หากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นก็ดี”

เขาเผยรอยยิ้มออกมา “สำนักยาเซียนของหมอกดาราเราใกล้จะถูกลืมแล้ว โดยเฉพาะการแข่งขันแลกเปลี่ยนเชื่อมสัมพันธ์กับพวกสำนักศึกษาระดับหกขึ้นไป พวกเราถึงกับไม่มีแม้แต่นักเรียนที่เข้าแข่งได้ หากเขาชำนาญด้านกลั่นยาเซียนจริง ต่อให้อนาคตไม่มีทางสร้างรากฐานได้ แต่ถ้าประสบความสำเร็จด้านยาเซียนคงไม่โดนใครดูถูก”

เช้าตรู่วันต่อมา ขณะที่เฟิ่งจิ่วยังนอนตื่นสาย ด้านนอกอาศรมก็มีเสียงกวนสีหลิ่นแว่วมา

“เสี่ยวจิ่ว? เสี่ยวจิ่ว?”

เขาสวมชุดนักเรียนสีน้ำเงินของสำนักพลังเร้นลับ รูปร่างสูงโปร่งบึกบึน ท่าทางฮึกเหิมองอาจ ท่ามกลางความเฉียบแหลมในดวงตายังซ้อนเร้นคมมีดไว้ ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายเช่นผู้แข็งแกร่ง

ใช่แล้ว ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสามเดือน เขาผ่านหอคอยพลังเร้นลับชั้นเก้าแล้ว ศักยภาพเพิ่มพูนขึ้น ยามนี้เป็นผู้ฝึกตนระดับบรรพชนนักรบ พลังเช่นนี้ในหมู่นักเรียนสำนักพลังเร้นลับมีน้อยคนนักจะเทียบได้

หลังออกจากหอคอยพลังเร้นลับ ไม่ถึงหนึ่งวันชื่อเสียงของกวนสีหลิ่นก็กระจายไปทั่วสำนักพลังเร้นลับ เพราะเขาที่เป็นนักเรียนใหม่แทบจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของสำนักพลังเร้นลับภายในเวลาไม่กี่เดือน

เรียกไปสองสามครั้งยังไม่ได้ยินความเคลื่อนไหว คิดว่าหลับสนิท เขาจึงยิ้มๆ แล้วนั่งลงใต้ต้นไม้ มองไปยังหมีดำตัวใหญ่ที่เฝ้าอยู่ข้างอาศรม ยิ้มเอ่ยด้วยว่า “เจ้าเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวที่เสี่ยวจิ่วพากลับมาจากเทือกเขาหมื่นอสูรสินะ? นึกไม่ถึงว่าตัวใหญ่เพียงนี้นางก็ยังเก็บไว้”

“กรร!”

โดนเขม่นเข้าแล้ว เสี่ยวเฮยคำรามแต่ไม่ได้โจมตีเขา เพียงหมอบจ้องมองอย่างระวังตัว

“ไม่ต้องคำรามเลย เจ้าขู่ข้าไม่ได้หรอก ข้าเป็นพี่ชายของนายเจ้า เข้าใจหรือไม่?” กวนสีหลิ่นกล่าวยิ้มๆ สายตาเหลือบมองไปโดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นเหล่าไป๋โผล่ออกมาจากพงหญ้าไม่ไกล

“ฮี่! กวนกวน เจ้ามาแล้ว!”

เหล่าไป๋เห็นกวนสีหลิ่นก็ทักทายด้วยความตื่นเต้นดีใจอย่างอดไม่ได้ พลางส่ายสะบัดหางย่างกีบม้าเดินเข้ามา ทั้งภูมิใจและเย่อหยิ่ง “กวนกวน ข้าเหล่าไป๋พูดได้แล้ว ตกใจหรือไม่? ฮ่าๆๆๆๆ!”

ครั้นได้ยินเหล่าไป๋เอ่ยปากพูดภาษามนุษย์ ซ้ำยังหัวเราะฮี่ๆ และเรียกเขาว่ากวนกวนอะไรนั่น กวนสีหลิ่นเพียงรู้สึกว่าหน่ายใจ สีหน้ายังแปลกๆ ขึ้นมา เห็นมันเดินเข้ามาใกล้ก็พินิจมองจากหัวจรดเท้า ถามว่า “เหล่าไป๋ เจ้าก็ยังเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่สัตว์เทวะ แล้วจะพูดได้อย่างไร?”

“ทำไมจะพูดไม่ได้? เดิมทีข้าเหล่าไป๋ไม่ใช่ม้าทั่วไป อีกทั้งยังมีนายท่านที่ไม่ธรรมดา จะพูดภาษามนุษย์ก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว”

น้ำเสียงของมันมีความอวดดีที่ยากจะปกปิด หากเปล่งจากปากคนก็ไม่แปลกอะไรนัก แต่ดันมาจากปากม้าตัวนี้ พอเข้าคู่กับสายตาแสนย่ามใจ มองอย่างไรก็ทำให้มุมปากกระตุก รู้สึกแต่ว่าน่าเหลือเชื่อ

“พี่สีหลิ่น? ท่านออกมาจากหอคอยพลังเร้นลับแล้วหรือ”

เสียงงัวเงียของเฟิ่งจิ่วดังขึ้น กวนสีหลิ่นมองไปเห็นนางเดินหาวออกมา ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง ท่าทางยังไม่ตื่นดี ดังนั้นจึงยิ้มเอ่ยว่า “ข้าออกมาเมื่อคืน ได้ยินเรื่องเจ้าในสำนักศึกษาช่วงนี้ เช้านี้จึงมาหา เจ้าเนี่ยนะ ไปที่ไหนก็เด่นสะดุดตาเสียจริง มาซ่อนตัวถึงสำนักยาเซียนที่แทบจะร้างยังก่อเรื่องได้มากมายเพียงนั้นอีก”

“โทษข้าไม่ได้นะ พวกเขามาหาเรื่องข้าทั้งนั้น”

เธอกล่าวอย่างเกียจคร้าน มานั่งลงข้างกายเขา เบิกตาเล็กน้อยพลางพินิจจ้องมองเขา ไม่นานนักก็ถามอย่างแปลกใจ “พี่สีหลิ่น ท่านกลายเป็นบรรพชนนักรบแล้ว?”

………………………………………………….

ตอนที่ 706 หอคอยพลังเร้นลับชั้นเก้า

กวนสีหลิ่นพยักหน้ายิ้มๆ “อืม ถูกต้อง ข้าบรรลุเป็นบรรพชนนักรบภายในหอคอยพลังเร้นลับ อันที่จริงตอนข้าตามกลุ่มทหารรับจ้างไปฝึกวิชาสองสามเดือน ไม่ว่าความเร็ว ศิลปะการต่อสู้ หรือการโต้ตอบแบบทันท่วงทีก็ล้วนพัฒนาขึ้นตลอด ขาดแค่จุดพลิกผันบรรลุขั้นเท่านั้น การผ่านหอคอยพลังเร้นลับครั้งนี้ช่วยได้อีกแรงพอดี ถึงขั้นทำให้ข้าบรรลุเข้าสู่ระดับบรรพชนนักรบได้รวดเร็วเพียงนี้”

“หอคอยพลังเร้นลับนั้นคืออะไรกันแน่? ด้านในนั้นเป็นอย่างไร? คนเยอะหรือเปล่า?” เฟิ่งจิ่วถามอย่างอยากรู้อยู่บ้าง แค่ได้ยินว่าหอคอยพลังเร้นลับนั้นเป็นสถานที่ให้นักเรียนสำนักพลังเร้นลับพัฒนาศักยภาพตัวเอง เธอเข้าสำนักศึกษามาตั้งนานกลับไม่เคยเห็น

“ด้านในคนไม่เยอะ พวกที่เข้าไปล้วนเป็นนักเรียนระดับยอดปรมาจารย์นักรบ ภายในแบ่งเป็นเก้าชั้น ยิ่งสูงยิ่งผ่านยาก นักเรียนบางคนติดอยู่ชั้นสามชั้นสี่ไม่มีทางผ่านได้อีก ข้างในนี้นอกจากศิลปะการต่อสู้ ยังพัฒนาความเร็วท่าร่างและการยกระดับพลังเร้นลับของนักเรียนได้เร็วยิ่ง ส่วนที่ลึกลับยากคาดเดาที่สุดคือชั้นเก้า หอคอยพลังเร้นลับชั้นที่เก้าจะเปลี่ยนไปตามทุกคนที่เข้าไป ตอนนั้นข้าเข้าไปเจอแดนมายา ใช้เวลาครึ่งเดือนเต็มๆ ถึงจะเดินออกมาจากแดนมายาได้”

“ร้ายกาจเพียงนี้เชียว?” เธอลูบๆ คาง แววตาสั่นไหวเล็กน้อย

“ใช่ ข้าคิดว่าเจ้าหาเวลาไปลองที่หอคอยพลังเร้นลับเสียหน่อยได้” เขากล่าวจบก็เล่าเรื่องต่างๆ ที่เจอมาระหว่างฝึกวิชาด้านนอก สุดท้ายยังถามว่า “เจ้ายังไม่ได้สร้างรากฐานหรือ? ข้าจำได้ว่าเจ้าชะงักอยู่ระดับยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณนานมากแล้ว”

“ยังเลย เมื่อวานคิดจะรับภารกิจออกไปเดินเล่น ใครรู้ว่าจะเจอเรื่องแม่ดอกไม้ขาวน้อยนั่นเข้าถึงได้ล่าช้า สำนักศึกษานี้ปล่อยคนออกไปตามใจชอบไม่ได้ ซ้ำยังไม่มีของกิน ช่วงนี้ข้าหิวโหยแทบตายแล้ว”

กวนสีหลิ่นได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มขึ้นมา “สำนักศึกษานี้ไม่มี แต่ข้าได้ยินว่าเจ้าเคยไปเทือกเขาหมื่นอสูรไม่ใช่หรือ ไปฝึกบำเพ็ญที่นั่นยังมีหมูป่าอะไรต่างๆ จับมาย่างได้”

“ข้าไปมาแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแคว้นระดับหก สัตว์อสูรระดับสูงสุดมีแค่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่สัตว์เทวะยังไม่เคยเห็น ไม่ได้ลำบากอะไรสำหรับข้าเลย ไปแล้วรู้สึกน่าเบื่อ” เธอโบกมือ เห็นเหล่าไป๋ที่เดิมทีเดินเล่นอยู่รอบๆ บิดบั้นท้ายส่ายหางวิ่งไปไม่ไกลด้วยท่าทางดีอกดีใจ

“ฮี่! เยี่ยจิงคนงาม เจ้าสวยขึ้นทุกวันเลย…”

มุมปากเฟิ่งจิ่วกับกวนสีหลิ่นกระตุกพร้อมกัน เยี่ยจิงมองเหล่าไป๋แล้วมองเฟิ่งจิ่ว ถามว่า “เหล่าไป๋เป็นอะไรไป? ทำไมถึงพูดได้?” ม้าประหลาดบ้ากามเพียงนี้ไม่พูดยังน้ำลายไหลใส่หญิงงามได้ หากพูดได้จะแย่สักเท่าไร?

เขาถึงกับคาดการณ์ได้ว่า ภายหน้าหากเฟิ่งจิ่วขี่มันไปบนถนน มันจะผิวปากหยอกล้อพวกสาวๆ ตามทางหรือไม่?

เฟิ่งจิ่วมองเยี่ยจิงที่นิ่งกับที่อย่างตกใจเล็กน้อย บอกอย่างจนปัญญาว่า “เมื่อวานมันกินยาสัจจะผิดแปลกที่ข้ากลั่นออกมาใหม่จึงกลายเป็นเช่นนี้ เหล่าไป๋ ข้าสั่งแล้วว่าไม่ให้เจ้าพูดต่อหน้าคนอื่นจะได้ไม่ทำให้ตกใจ แต่ดูท่าทางแค่เห็นสาวงามเจ้าก็ลืมไปหมดแล้ว”

เธอพูดพลางใช้ศอกกระทุ้งคนข้างกาย แล้วเผยรอยยิ้มเฝ้ารอออกมา “พี่สีหลิ่น ข้าขอบอกท่าน เยี่ยจิงคนนี้ไม่เลวเลย นางเป็นสาวงามอันอับหนึ่งของสำนักพลังวิญญาณ นิสัยใจคอไม่เลว วรยุทธ์ก็เช่นกัน ข้าคิดว่าน่ามองยิ่ง ครั้งก่อนว่าจะแนะนำให้ท่านรู้จักเสียหน่อย จริงด้วย แม่นางคนนี้ใจกว้างนัก แม้แต่เรื่องที่ข้าเป็นหญิงแต่งชายยังรู้เลย”

กวนสีหลิ่นได้ยินจึงยิ้มเอ่ย “คนที่ทำให้เจ้ารู้สึกเจริญตาได้ เห็นได้ชัดว่าต้องดีแน่นอน”

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *