เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1373 ช่างเถอะ + 1374 ถึงเมืองโอสถตะวัน

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1373 ช่างเถอะ + 1374 ถึงเมืองโอสถตะวัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1373 ช่างเถอะ + ตอนที่ 1374 ถึงเมืองโอสถตะวัน

ตอนที่ 1373 ช่างเถอะ

นั่นสิ เจ้าหนุ่มนั่นเล่า?

“มะ เหมือนว่ากลางดึกจะออกไปข้างนอกหนหนึ่ง จากนั้น จากนั้นก็ไม่กลับมาอีกเลย…” เสียงหนึ่งดังมาจากมุมมืด น้ำเสียงตะกุกตะกักเหมือนคนกลัวความผิด

“อะไรนะ?”

ชายแก่สองคนตกใจ ชายแก่ชุดเทาเดือดดาล “เขาออกไปกลางดึกไม่กลับมา พวกเจ้ากลับไม่มีใครไปดูเลยสักคน?”

คนในที่ลับเงียบกริบ พวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มหนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำเพียงเฝ้านายน้อย คิดแค่ว่านายน้อยไม่เป็นไรก็พอแล้ว นึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะหนีไปกลางดึกอย่างนี้

“มัวยืนอึ้งอะไรอยู่ ยังไม่รีบให้คนตามไปอีก? นายน้อยยังไม่ได้ตัดไหมเย็บแผล ถึงเวลานั้นหากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร!” ชายแก่ชุดเทาตะคอกเสียงเกรี้ยว

ตอนที่คนในมุมมืดรับคำ หมอเฒ่ากลับถอนหายใจ “ช่างเถอะ! ไปตามตอนนี้ก็ตามไม่ทันแล้ว เขาสามารถหนีออกไปได้ทั้งที่มีสายตามากมายขนาดนี้จับจ้องอยู่ มีหรือจะถูกจับได้ง่ายๆ!”

คิดดูแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นคงมีความคิดจะหนีแต่แรกแล้ว ไม่เช่นนั้นจะให้พวกเขาส่งเพื่อนเขากลับไปก่อนทำไม?

“แต่ว่านายน้อย…”

“นายน้อยไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว รอแค่เขาฟื้น แผลดีขึ้น ตัดไหมออกก็พอ” หมอเฒ่าลูบหนวดกล่าว

“เช่นนั้นก็ได้!” ชายแก่ชุดเทาสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไป

หมอเฒ่าเองก็ตามออกไปด้วย แต่ในขณะที่เขากำลังก้าวเท้าไปข้างนอก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงไอดังมาจากข้างหลัง จึงรีบหันกลับไปดู “นายน้อย? นายน้อยฟื้นแล้วหรือ” เขาเข้าไปตรวจดูอาการด้วยความตื่นเต้นดีใจ แม้แต่ชายแก่ชุดเทาที่อยู่ข้างนอกก็รีบกลับเข้ามาเมื่อได้ยิน

ชายหนุ่มบนเตียงลืมตาขึ้น มองพวกเขาสองคนแวบหนึ่ง และทำท่าจะลุกขึ้นมา เห็นอย่างนั้นคนทั้งสองก็รีบห้ามปราม “นายน้อย แผลยังไม่หายดี ยังลุกนั่งไม่ได้ขอรับ”

“รายงาน!” เสียงร้อนใจดังมาจากข้างนอก

ชายแก่ชุดเทาได้ยิน ก็หันไปบอกกับหมอเฒ่าว่า “เจ้าดูนายน้อยหน่อย เดี๋ยวข้ามา” พูดจบจึงหันไปคารวะให้คนบนเตียงแล้วออกจากห้องไป

ชายหนุ่มบนเตียงลูบแผลเบาๆ รู้สึกเหมือนตรงนั้นร้อนวูบวาบเล็กน้อย แต่ว่าไม่เจ็บเหมือนตอนแรกแล้ว มุมปากภายใต้หน้ากากขยับเล็กน้อย เสียงแหบแห้งอ่อนแรงดังขึ้นว่า “ตายไม่ได้จริงๆ ด้วย ผู้ใดลงมือช่วยข้าไว้?”

ได้ยินประโยคนี้ หมอเฒ่าตะลึงเล็กน้อย แต่ก็รายงานว่า “นายน้อยช่างปราดเปรื่อง ผู้ที่ผ่าตัดให้นายน้อยเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง เพียงแต่เขาแอบย่องหนีไปกลางดึกคืนที่ผ่านมาแล้ว ทำให้นายน้อยไม่ได้พบเขา ข้ารู้สึกละอายนัก”

เมื่อได้ยิน มือของชายหนุ่มบนเตียงที่ลูบแผลอยู่ชะงัก เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทว่าไม่พูดอะไรอีก

ขณะเดียวกัน ทางด้านนอก

“อะไรนะ? พวกเจ้า พวกเจ้าแต่ละคนมัวทำอะไรกันอยู่? ไม่นึกเลยว่าจะปล่อยให้เขาทำเรื่องอย่างนี้โดยไม่มีใครรู้!” ชายแก่ชุดเทาตะคอกด้วยความเดือดดาล เพลิงโทสะในดวงตาไม่อาจปกปิดไว้ได้ “ยังไม่ไสหัวออกไปอีก!”

หมอเฒ่าเดินออกมา บอกเขาว่า “นายน้อยให้เจ้าเข้าไปหา”

ชายแก่ชุดเทาได้ฟังแล้วจึงข่มกลั้นความโกรธ ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน เมื่อมาถึงตรงหน้าก็ได้ยินนายน้อยถามไถ่

“เกิดอะไรขึ้น?”

ชายแก่ชุดเทาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรายงานว่า “เป็นเด็กหนุ่มคนนั้นที่ช่วยนายน้อยไว้ เมื่อคืนตอนเขาหนีไปกลางดึก ได้ขโมยของไปด้วยจำนวนไม่น้อย นึกไม่ถึงว่าคนในเขตเรือนจะไม่มีใครรู้สักคน กระทั่งเช้านี้ถึงเพิ่งรู้เรื่องขอรับ”

หมอเฒ่าที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งได้ยินก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ขโมยของไปจำนวนไม่น้อย? เจ้าหนุ่มนั่นน่ะหรือ? ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง!

“แค่ของเล็กน้อย มีอะไรให้โหวกเหวกนัก” ชายหนุ่มบนเตียงหลับตาลง “เรื่องนี้ให้เลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้”

คนทั้งสองได้ยินก็มองหน้ากัน ทำได้เพียงรับคำอย่างนอบน้อม “ขอรับ”

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง…

………………………………….

ตอนที่ 1374 ถึงเมืองโอสถตะวัน

เฟิ่งจิ่วที่หลบหนีมาหลายคืนติดกัน กำลังพักอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง อย่างน้อย ถนนบนภูเขาเส้นนี้ก็ปลอดภัยดี นั่งขนนกบินมานานขนาดนี้ คนข้างหลังไม่มีทางตามเธอมาทันแล้ว

เธอหยิบน้ำจากในห้วงมิติออกมาดื่ม พักหายใจครู่หนึ่งแล้วมองสำรวจรอบๆ พบว่าที่นี่เงียบสงบ ไม่มีคนสัญจรผ่าน จึงกระโดดขึ้นไปพักบนต้นไม้ใหญ่ใบดกหนาริมถนนบนภูเขาต้นหนึ่ง ตั้งใจจะงีบเอาแรงสักครู่ค่อยเดินทางต่อ

ถนนบนภูเขาอันเงียบสงบแทบไม่มีผู้คนสัญจรผ่าน เสียงที่ได้ยินเป็นระยะก็มีเพียงเสียงลมพัดและใบไม้เสียดสีกัน ท่ามกลางลมแผ่วเบา ใบไม้เขียวชอุ่ม เงาร่างหนึ่งหรี่ตาพักผ่อนอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้อย่างผ่อนคลาย ราวกับกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้ ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของร่างนั้นแม้แต่น้อย

กระทั่งยามหัวค่ำ เฟิ่งจิ่วบนต้นไม้จึงตื่นขึ้นมา อาศัยตอนที่ฟ้ายังไม่มืดมากนั่งขนนกบินเดินทางต่อ…

หลายวันต่อมา นอกเมืองโอสถตะวัน

เฟิ่งจิ่วที่แต่งตัวด้วยชุดขอท่านเก่าๆ เดินหาวเข้าไปในเมือง ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงที่นี่สักที ตลอดเส้นทางเดี๋ยวหยุดเดี๋ยวพักเสียเวลาไปไม่น้อย คำนวณเวลาดูแล้ว เธอเข้าเมืองไปหาพวกเหลิ่งหวาและพักผ่อนได้เพียงวันเดียว ก็ต้องเดินทางไปที่สำนักโอสถตะวันต่อแล้ว

ในเมืองโอสถตะวันมีคนค่อนข้างเยอะ ผู้คนที่สัญจรบนถนนเบียดเสียดอัดแน่น ไม่รู้ว่าใครเดินชนเธอ ทำให้เธอชนคนข้างหน้า คนคนนั้นหันกลับมา พอเห็นเธอที่ใส่ชุดขอทานก็ด่ายกใหญ่

“ขอทานจากที่ไหนกันเนี่ย? ไสหัวไปไกลๆ หน่อย!” ขณะด่าทอก็ยกเท้าเตะเต็มแรง

เฟิ่งจิ่วเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อย ลูกเตะของเขาจึงไปโดนคนที่อยู่ข้างหลังเธอแทน

“ย่ามันเถอะ! ไอ้หนูนี่กล้าเตะข้าหรือ! รนหาที่ตายกระมัง!” คนที่โดนถีบอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นชายฉกรรจ์ผู้หนึ่ง จู่ๆ ก็โดนเตะ เขาจึงถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วเหวี่ยงหมัดใส่ชายคนที่อยู่ข้างหน้า

“ผัวะ!”

“ซี๊ด! เจ้ากล้ามโตนี่! กล้าต่อยข้าหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?” ชายหนุ่มสูดปาก ยกมือปิดตาพลางตะโกนด่าด้วยความโกรธ จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปอีกครั้ง

ผู้คนรอบข้างแตกกระเจิง เพราะกลัวจะโดนลูกหลง แต่ละคนจึงพากันหลบไปด้านข้าง ท่ามกลางฝูงชน เฟิ่งจิ่วที่เห็นภาพนั้นมุมปากกระตุก ฉวยโอกาสตอนชุลมุนรีบหนีไป

กระทั่งมาถึงบริเวณเรือนแห่งหนึ่ง เธอมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงกระโดดข้ามกำแพงเข้าไป

“กรรซ์! นายท่าน!”

กลืนเมฆาที่กำลังนอนอยู่กลางลานบ้านกระโดดเข้ามาทันที วิ่งเข้าใส่อ้อมแขนของเฟิ่งจิ่ว

“นายท่านๆ ท่านกลับมาแล้ว!” เหล่าไป๋เองก็เดินกระดิกหางมาหาอย่างดีใจ เพียงแต่มันตัวใหญ่ จึงโผเข้าใส่เฟิ่งจิ่วไม่ได้ ทำได้เพียงเอาหัวถูไถใบหน้าเธอด้วยความรักใคร่

“นายท่าน” เสี่ยวเฮยก็วิ่งเข้ามาด้วย สัตว์สามตัวรุมล้อมเธอด้วยความยินดีปรีดา

“ข้ากลับมาแล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้มบอก ไม่นานก็เห็นเหลิ่งหวาเดินออกมา

“นายท่าน” เหลิ่งหวาเดินเข้ามาคารวะ

“อืม ที่บ้านไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” เธอถามไถ่

“ไม่มีขอรับ พวกพี่สาวข้าไปดูร้าน ยังไม่กลับมาเลย” เหลิ่งหวารายงาน เห็นเธอสกปรกมอมแมมไปทั้งตัวก็รีบเอ่ยว่า “นายท่าน ข้าไปเตรียมน้ำให้ท่านอาบก่อนก็แล้วกัน! อีกประเดี๋ยวข้าจะไปดูร้านกับท่านด้วย”

“ได้” เธอพยักหน้า จากนั้นจึงเดินเข้าบ้านไป

หนึ่งชั่วยามต่อมา เฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งหวารวมถึงกลืนเมฆามาที่ร้านค้าแห่งหนึ่งของพวกเขาภายในเมือง พอเห็นว่าข้างนอกมีคนรุมล้อมอยู่ไม่น้อย ทั้งยังชี้นิ้วกระซิบกระซาบ ทั้งสองคนอดมองหน้ากันไม่ได้

“ขอผ่านทางหน่อย”

เหลิ่งหวาพูดกับคนข้างๆ คุ้มกันเฟิ่งจิ่วเดินเข้าไป เมื่อมาถึงด้านหน้า จึงเห็นว่าในร้านก็มีคนอยู่ไม่น้อย คนด้านในกำลังทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดงอย่างไม่มีใครยอมใคร

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด