เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1475 ซักถาม + 1476 หวั่นหรงทะลวงขั้น

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1475 ซักถาม + 1476 หวั่นหรงทะลวงขั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1475 ซักถาม + ตอนที่ 1476 หวั่นหรงทะลวงขั้น

ตอนที่ 1475 ซักถาม

เฟิ่งจิ่วกับลั่วเหิงได้ยินอย่างนั้น ก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะ ใช่แล้ว เขาเป็นอย่างนี้ เฉินเต้าคนที่ชอบลูบหนวดเลขแปดด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

พอนึกถึงหนวดสองเส้นนั้นของเขา เฟิ่งจิ่วมองหน้าเขายิ้มๆ “ศิษย์พี่เฉิน หนวดสองเส้นนั้นของท่านถูกศิษย์พี่ลั่วโกนทิ้งแล้ว ดูเหมือนว่าท่านต้องไว้ใหม่แล้วล่ะ”

เห็นเฉินเต้าอึ้งงันไปครู่หนึ่งแล้วยกมือขึ้นลูบหนวดสองเส้นบนปากโดยจิตใต้สำนึก ลั่วเหิงอดยิ้มเหยเกไม่ได้ “ฮี่ๆ ข้าคิดว่าโกนทิ้งเสียจะทำความสะอาดง่ายกว่า ก็เลย เลย…”

“ไม่เป็นไร หนวดไว้ใหม่ก็ได้” เขาบอกอย่างไม่ถือสา เผยรอยยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณทั้งสองคนด้วยความจริงใจ “ช่วงที่ผ่านมานี้ต้องขอบคุณพวกเจ้ามากจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ อย่าพูดอย่างนั้นเลย ดูห่างเหินเกินไปแล้ว” ลั่วเหิงยิ้มๆ

“นั่นสิขอรับ ศิษย์พี่เฉินก็ช่วยข้าไว้ไม่น้อยเหมือนกัน ข้าดีใจมากที่ตัวเองได้ช่วยศิษย์พี่เฉินบ้าง” เฟิ่งจิ่วเองก็พูดพร้อมยิ้มตาหยี

“เฟิ่งจิ่ว เจ้าเหมือนให้ชีวิตใหม่กับข้า บุญคุณครั้งนี้ ข้าเฉินเต้าจะจดจำไว้ตลอดชีวิต ภายหน้าหากมีอะไรให้เฉินเต้าคนนี้ช่วยเหลือ ข้าจะไม่มีวันปฏิเสธแน่นอน”

“ศิษย์พี่เฉินกล่าวหนักเกินไปแล้ว”

เธอยิ้มๆ บอกว่า “ความจริงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ศิษย์พี่เฉินไม่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจ” เธอหยุดพูดครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “ในเมื่อศิษย์พี่เฉินฟื้นแล้ว เช่นนั้นข้ากลับก่อนล่ะ”

เฉินเต้าพยักหน้า แล้วพูดกับลั่วเหิงว่า “ศิษย์น้องลั่ว เจ้าช่วยออกไปส่งเฟิ่งจิ่วแทนข้าที”

“ขอรับ” ลั่วเหิงรับคำ แล้วออกไปส่งเฟิ่งจิ่ว

มองดูเฟิ่งจิ่วจากไป เฉินเต้าที่นอนอยู่บนเตียงต่อยๆ หลับตาลง เฟิ่งจิ่ว เขารู้ตั้งแต่พบกันครั้งแรกแล้วว่าเขาไม่ธรรมดา นึกไม่ถึงว่าอาการป่วยที่แม้แต่นักเล่นแร่แปรธาตุและหมอในสำนักยังรักษาไม่ได้ เมื่อถึงมือเขากลับบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่

ต้องรู้ว่านักเล่นแร่แปรธาตุและหมอในสำนักไม่ว่าอยู่ที่ใดล้วนถือเป็นผู้มีความสามารถอันดับต้นๆ แต่คนระดับนี้ กลับเทียบกับเขาที่เป็นศิษย์ชั้นล่างไม่ได้ด้วยซ้ำ

หรืออันที่จริงแล้ว เขา ไม่ใช่ศิษย์ชั้นล่างแต่แรกแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไร เฟิ่งจิ่วรักษาเขาจนหายดี มีพระคุณที่ชุบชีวิตเขาขึ้นมาอีกครั้ง บุญคุณครั้งนี้เขาจะจดจำไปตลอดชีวิต

ด้านนอก เฟิ่งจิ่วทลายเขตอาคมที่เธอสร้างขึ้น แล้วบอกลั่วเหิงว่า “อีกสองสามวันข้าจะเอายาขี้ผึ้งมาให้ วันนี้ข้ากลับก่อนแล้ว มีเรื่องอะไรก็ให้คนไปเรียกข้า”

“ได้ เจ้ากลับไปเถิด!” ลั่วเหิงโบกมือ รู้เพียงว่าพักนี้เขายุ่งมาก แต่กลับไม่รู้ว่าเขากำลังยุ่งอะไรอยู่กันแน่?

เฟิ่งจิ่วพยักหน้า แล้วจึงค่อยหมุนตัวจากไป ตอนที่เธอเดินออกจากยอดเขาชั้นที่เจ็ดแล้วตั้งใจจะเดินกลับถ้ำ กลับเห็นต้วนมู่ไป๋ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ไม่ไกล ยามเห็นเธอ เขาก็หันตัวออกเดินทันที ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียว

“ตามข้ามา”

เธอชะงักเล็กน้อย แล้วเดินตามหลังเขาไป กระทั่งมาถึงป่าด้านหลังยอดเขาชั้นที่เจ็ด ต้วนมู่ไป๋ที่อยู่ข้างหน้าจึงค่อยหยุดเดินแล้วหันกลับมาจ้องเธอ

เห็นอย่างนั้น เธอจึงคารวะก่อน “คารวะอาจารย์อาต้วน อาจารย์อาต้วนเรียกศิษย์มา มีเรื่องใดจะกำชับหรือขอรับ?”

“เฟิ่งจิ่ว เจ้าเป็นใครกันแน่?” ต้วนมู่ไป๋ถามเสียงเข้ม

ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วชะงักไปเล็กน้อย ทำหน้าไม่เข้าใจ “ข้าก็คือเฟิ่งจิ่วอย่างไรเล่าขอรับ อาจารย์อาต้วนก็รู้นานแล้วไม่ใช่หรือขอรับ?”

ต้วนมู่ไป๋จ้องเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาคมปลาบ “ข้ารู้ว่าเจ้าคือเฟิ่งจิ่ว แต่สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือ เจ้าเข้ามาในสำนักโอสถตะวันเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่? เจ้าคิดจะเข้ามาทำอะไรในยอดเขาซานหยางแห่งนี้? อีกอย่าง เหตุใดเจ้าต้องตีสนิทกับซั่งกวนหวั่นหรง? ระหว่างเจ้ากับนางเกิดอะไรขึ้นในดินแดนลับกันแน่?”

………………………………….

ตอนที่ 1476 หวั่นหรงทะลวงขั้น

“อาจารย์อาต้วน ข้าเข้ามาในสำนักตะวันโอสถก็ย่อมต้องเป็นเพราะอยากฝึกฝนทักษะอยู่แล้วสิขอรับ! เพียงแต่ไม่นึกว่าตนเองจะได้เป็นเพียงศิษย์ชั้นล่างเท่านั้น แต่อย่างไรศิษย์ชั้นล่างก็ถือว่าเป็นศิษย์ในสำนักอยู่ดี อีกอย่าง ข้าไม่ได้ตีสนิทอาจารย์อาซั่งกวนนะขอรับ ข้าเพียงได้พูดคุยกับนางเวลามาส่งยาทิพย์ให้นาง แล้วก็ได้พบนางในดินแดนลับจึงติดตามอยู่ข้างกายนางเท่านั้น

หากจะบอกว่ามีอะไร เช่นนั้นก็คงเป็นเพราะอาจารย์อาซั่งกวนเห็นข้ายังเด็ก จึงดูแลข้ามากหน่อย อาจารย์อาต้วนเหตุใดจึงถามแปลกๆ เช่นนี้เล่าขอรับ?”

เธอทำหน้าไร้เดียงสา แล้วบอกว่า “หากอาจารย์อาต้วนไม่เชื่อ ไปถามอาจารย์อาซั่งกวนก็ได้ขอรับ แต่ดูเหมือนว่าตั้งแต่กลับมาอาจารย์ซั่งกวนก็เก็บตัวฝึกบำเพ็ญมาตลอด นานแล้วที่นางไม่ได้เรียกข้าไปส่งยาทิพย์ ข้าเองก็ไม่ได้เจอนางนานแล้วเช่นกัน”

“มีแค่นี้จริงหรือ?” ต้วนมู่ไป๋ยังคงสงสัย

“จริงสิขอรับ ไม่เช่นนั้นอาจารย์อาต้วนคิดว่าจะมีอะไรได้อีก?” เธอถามด้วยความไม่เข้าใจ เอียงคอครุ่นคิด แล้วพูดว่า “หรือว่าอาจารย์อาซั่งกวนอ่อนโยนต่อข้าเล็กน้อยแล้วมันแปลกหรือขอรับ? อาจารย์ซั่งกวนเป็นคนอ่อนโยนเช่นนั้น นางไม่ได้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วหรอกหรือขอรับ? เหตุใดอาจารย์อาต้วนจึงมีความคิดแปลกๆ เช่นนี้ คิดว่าข้าตั้งใจตีสนิทอาจารย์อาซั่งกวนด้วยเหตุใดเล่าขอรับ?”

เธอถามอีกครั้ง เผชิญหน้ากับสายตาของเขาด้วยท่าทางตรงไปตรงมา ดวงตากระจ่างใสไม่ปรากฏแววขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

ต้วนมู่ไป๋จ้องพิจารณาเฟิ่งจิ่วครู่หนึ่ง เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้ามีแววตาตรงไปตรงมาไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น จึงละสายตากลับมา แล้วกำชับเสียงขรึมว่า “ต่อไปอยู่ห่างจากนางหน่อย” สิ้นเสียง ก็หันตัวเดินจากไป

เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริกจ้องมองต้วนมู่ไป๋หันตัวเดินจากไป มองดูเงาร่างที่ค่อยๆ ห่างออกไป มุมปากของเธอกระตุกเล็กน้อย เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายออกมา ท่าทางใสซื่อก่อนหน้านั้นหายวับไปกับตา เหลือแต่ความเฉลียวฉลาดและเจ้าเล่ห์

“ความจริงประโยคนี้ควรบอกเจ้ามากกว่า ไม่มีอะไรก็อยู่ให้ห่างท่านแม่ของข้าหน่อย ไม่เช่นนั้น ข้าไม่เกรงใจเจ้าหรอกนะ”

เสียงใสเอื้อนเอ่ยออกจากปาก เธอละสายตากลับมา กลีบปากแฝงรอยยิ้มแล้วเดินลงจากยอดเขาไป…

วันเวลาหลังจากนั้น เธอเคยไปหาท่านแม่ของเธอที่ถ้ำ แม้ค่ายกลที่ถ้ำของนางจะเปิดใช้งานอยู่ แต่เธอมีป้ายหยกที่ท่านแม่ของเธอให้ไว้ จึงเข้าออกที่นี่ได้อย่างสะดวกสบาย

ท่ามกลางความเงียบ เวลาล่วงเลยไปทีละวันๆ อาการบาดเจ็บของเฉินเต้าดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่ลงจากเตียงไม่ได้ ตอนนี้เขาลงจากเตียงเดินไปเดินมาได้แล้ว ฟื้นตัวได้เร็วมาก ตอนนี้เรื่องที่เขาลงจากเตียงและเดินได้แล้วยังคงถูกปิดไว้อยู่ นอกจากเฟิ่งจิ่วกับลั่วเหิง คนอื่นยังไม่มีใครรู้

เรื่องนี้ เฉินเต้ายิ่งรู้สึกทึ่งในตัวเฟิ่งจิ่วมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นอย่างที่เขาบอกไว้จริงๆ ยังไม่ถึงสามเดือนเขาก็แทบจะหายดีแล้ว ขอเพียงพักอีกไม่กี่วัน เขาก็น่าจะหายดีแล้ว

วันนี้ เสียงฟ้าผ่าดังเลื่อนลั่นลงมาจากบนท้องฟ้า ราวกับมีคนกำลังทะลวงขั้น เสียงสายฟ้าดังก้อง ทำให้ยอดเขาซานหยาง กระทั่งทุกคนในสำนักโอสถตะวันตะลึงพรึงเพริด

ยิ่งเมื่อนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงในสำนักโอสถตะวันรู้ว่าซั่งกวนหวั่นหรงศิษย์ใต้อาณัติของซานหยางจื่อทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ ก็พากันอิจฉาและตกตะลึง

“ผู้หญิงคนนี้เพิ่งเข้าสำนักมาได้ไม่นาน พลังของนางกลับพัฒนาได้รวดเร็วมาก ตอนแรกยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับเข้าสู่ระดับกำเนิดวิญญาณแล้ว ช่างน่าทึ่งจริงๆ”

“ใช่ ยังเป็นศิษย์ปิดสำนักของซานหยางจื่ออีกด้วย ก็ถือว่าเป็นคนในสำนักเรา คนเช่นนี้นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์จริงๆ!”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด