เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1513 นายท่านของเจ้าเล่า + 1514 การมาของเขา

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1513 นายท่านของเจ้าเล่า + 1514 การมาของเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1513 นายท่านของเจ้าเล่า + ตอนที่ 1514 การมาของเขา

ตอนที่ 1513 นายท่านของเจ้าเล่า

เฟิ่งจิ่วตวัดมองสองคนที่เก็บกระบี่แล้วถอยหนีไป ในเมื่อไม่เป็นศัตรูกับเธอ เธอย่อมไม่ลงมือกับพวกเขา ด้วยเหตุนี้ เธอเพียงเหลือบมองพวกเขาแวบเดียวแล้วละสายตาออกไป สายตาจับจ้องไปยังเงาร่างกลุ่มหนึ่งที่กำลังพุ่งมาทางนี้

หกคน ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณสามคน ผู้ฝึกตนระดับเซียนเหินสามคน พลังต่อสู้อย่างนี้จะต้องน่ากลัวมากแน่นอน เธอไม่รู้ว่าตนเองจะรับมือได้หรือไม่?

นัยน์ตาของเธอไหวระริก ส่วนลึกข้างในมีประกายมืดมนพาดผ่าน ดูท่าคงต้องใช้อุบายสักหน่อยเสียแล้ว

นัยน์ตาสุกใสกวาดมองผ่านใบหน้าที่เป็นห่วงของเฉินเต้าที่ลอยอยู่กลางอากาศไม่ไกลนัก เธอกระตุกมุมปากเล็กน้อย พลันยกกระบี่คมพยับขึ้นควงแล้วหมุนตัวพุ่งขึ้นข้างบน บินขึ้นไปสูงหลายจั้งจึงค่อยหยุด น้ำเสียงกระจ่างใสดังก้องกังวานในยามนี้

“ข้าไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับสำนักโอสถตะวันของพวกท่าน สังหารซานหยางจื่อ เพราะเขาสมควรตาย หากพวกท่านปล่อยให้ข้าไปตอนนี้ สำนักโอสถตะวันของพวกท่านจะไม่มีใครต้องตายอีก ไม่เช่นนั้น ดาบกระบี่ไร้ดวงตา พวกท่านบาดเจ็บล้มตายอย่างไรก็รับผิดชอบกันเอง!”

น้ำเสียงกระจ่างชัดและเย็นชาแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งดังก้องไปทั่วผืนฟ้าราตรี คลื่นพลังกระเพื่อมออกไปราวกับริ้วน้ำ ลอยออกไปกระทบโสตประสาทของคนทุกผู้ในสำนัก กลิ่นอายอันแข็งแกร่งเช่นนั้น รวมถึงคำเตือนของเฟิ่งจิ่ว ล้วนทำให้พวกเขาหัวใจบีบรัด ต่างอดแตกตื่นไม่ได้

ลูกศิษย์ทั้งสำนักแตกตื่นลนลานเพราะคำพูดของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำเดือดดาลของเจ้าสำนักดังตามมา ก้องกังวานอยู่กลางท้องฟ้า

“แฝงตัวเข้ามาในสำนักของข้า สังหารซานหยางจื่อ วางเพลิงทั่วสำนัก หากไม่ฆ่าเจ้า ผู้คนใต้หล้าจะไม่ครหาว่าสำนักโอสถตะวันของข้าล่วงเกินได้ง่ายหรือ? วันนี้ ถึงเจ้าจะมีสามหัวหกแขน ก็ไม่มีทางหนีออกไปจากอาณาเขตของสำนักเราได้”

เจ้าสำนักที่ยืนมือไพล่หลังอยู่กลางอากาศตะโกนเสียงทุ้ม เสียงที่แฝงไปด้วยแรงกดดันอันแข็งแกร่งกระจายออกไปทั่วทั้งสำนัก สิ้นประโยคนั้น ก็ได้ยินเขาตะโกนสั่งอย่างเกรี้ยวโกรธอีกครั้ง

“เปิดค่ายกลใหญ่ของสำนัก! ขังผู้หญิงจองหองคนนี้ไว้! ห้ามปล่อยให้นางหนีไปได้เด็ดขาด!”

คนที่ทำหน้าที่เฝ้าค่ายกลบนยอดเขาได้ยินคำสั่งของเจ้าสำนัก ก็รีบรวมรวบกำลังคน เปิดค่ายกลใหญ่ป้องกันสำนัก ได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังตูม กลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้นบนพื้นและก่อตัวล้อมรอบสำนักโอสถตะวันไว้ทั้งหมด

รัศมีแสงนั้นแข็งแกร่งน่าพรั่นพรึง แรงกดดันน่าเกรงขามกระจายไปทั่วบริเวณในทันใด ทำให้ลูกศิษย์ทั้งสำนักตกตะลึง พวกเขาถึงขนาดลืมว่าต้องไปดับไฟ ได้แต่ยืนอึ้งและเหม่อมองอยู่อย่างนั้น

สวรรค์! นั่นมันค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนัก! ค่ายกลนี้นอกเสียจากว่าจะมีศัตรูตัวฉกาจมาล่วงล้ำถึงจะเปิดใช้งาน หลายปีผ่านไปแล้ว ค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักไม่เคยถูกใช้งานเลยสักครั้ง นึกไม่ถึง วันนี้กลับต้องเอามาใช้รับมือกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

ก็ได้! ถึงแม้พลังของผู้หญิงคนนี้จะแข็งแกร่งและน่ากลัวไปบ้าง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง กลับต้องเปิดใช้งานค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักเช่นนี้ หากข่าวนี้ถูกแพร่ออกไป เดาว่าข้างนอกจะต้องฮือฮาแตกตื่นแน่นอน

ทว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าขณะที่ค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักถูกเปิดใช้งาน อสูรกลืนเมฆาที่แบกซั่งกวนหวั่นหรงขึ้นหลังหนีออกไปทางหลังเขา สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่กระจายออกมา มันหันไปมอง ในดวงตาฉายแววกังวลอย่างอดไม่ได้

นายท่าน ท่านต้องรอข้านะ! รอข้ากลับมา!

ในขณะที่อสูรกลืนเมฆากัดฟันตั้งใจจะส่งซั่งกวนหวั่นหรงออกไปหาพวกเหลิ่งซวงที่กำลังรอรับช่วงต่ออยู่ข้างนอก พลันนั้น เสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดหนึ่งก็ดังขึ้น

“นายท่านของเจ้าเล่า?”

………………………………….

ตอนที่ 1514 การมาของเขา

ได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคย อสูรกลืนเมฆาตกใจ รีบเงยหน้ามอง เห็นเพียงเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่สวมชุดคลุมสีดำรอบกายมีกลิ่นอายแข็งแกร่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะสวมหน้ากากทำให้เห็นหน้าไม่ชัด แต่กลับยังทำให้มันตื่นเต้นยิ่งนัก มันรีบคำรามแล้วกระโดดเข้าไปหา

ซั่งกวนหวั่นหรงที่หมดสติอยู่บนหลังอสูรกลืนเมฆาเพราะอาการบาดเจ็บและแรงกระแทกจากการที่อสูรเมฆากระโดด หน้าผากจึงอาบไปด้วยเหงื่อ แม้นางจะไม่ได้หมดสติ แต่กลับไม่ต่างอะไรจากหมดสติมากนัก

เวลานี้ได้ยินเสียงชายคนหนึ่ง จึงพยายามเงยหน้ามอง กลับเห็นเพียงชายเสื้อคลุมสีดำของคนผู้นั้น รวมถึงใบหน้าที่สวมหน้ากากของเขา

“นายท่านยังอยู่ข้างใน นางให้ข้าพาท่านแม่ของนางออกมาก่อน ท่านเจ้าตำหนัก คนพวกนั้นรังแกคนด้วยคนหมู่มาก เหมือนจะเปิดค่ายกลใหญ่ปกป้องสำนักเพื่อไม่ให้นายท่านหนีด้วย ท่านเจ้าตำหนัก ท่านรีบไปช่วยนายท่านเร็ว ข้ากลัวว่านางจะทนไม่ไหว”

อสูรกลืนเมฆาละล่ำละลักบอก ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอเขาที่นี่ มันรู้แค่ว่าข้างนอกมีพวกเหลิ่งซวงรอรับช่วงต่ออยู่ นั่นเป็นข่าวที่ส่งไปตั้งแต่แรกแล้ว มันรู้นานแล้วว่าพวกเหลิ่งซวงจะรอรับช่วงต่ออยู่ข้างนอก แต่การมาถึงของท่านเจ้าตำหนัก กลับเหนือความคาดหมายของมัน เดาว่าแม้แต่นายท่านก็คงนึกไม่ถึงกระมัง!

เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินอย่างนั้น กลิ่นอายรอบกายพลันมืดดำ กลิ่นอายเย็นเยียบกระจายออกจากตัวเขา ทำให้ป่าทั้งแถบถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันขุมหนึ่ง

เขาก้าวเข้ามา มองดูซั่งกวนหวั่นหรงที่บาดเจ็บไปทั้งตัวบนหลังอสูรกลืนเมฆา ครั้นเห็นบาดแผลทั่วตัวของนาง แววมืดมนพาดผ่านดวงตาเขา ขนาดนางยังบาดเจ็บถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเฟิ่งจิ่วเล่า…

“พวกเหลิ่งซวงอยู่ข้างหน้า พวกเจ้าไปเถิด! ส่งตัวนางออกไปก่อน นายท่านของเจ้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า” เสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดเปล่งออกจากปากของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ หลังจากกำชับ ก็เหาะเข้าไปข้างใน มุ่งหน้าไปยังสำนักโอสถตะวันที่เฟิ่งจิ่วอยู่อย่างรวดเร็ว

ครั้นเห็นว่ามีท่านเจ้าตำหนักไปช่วยแล้ว อารมณ์อันตึงเครียดของอสูรกลืนเมฆาคลายลง ขณะกำลังจะเหาะไปข้างหน้า ก็ได้ยินเสียงไก่ร้อง

“กุ๊กๆๆ! กุ๊กๆๆ!”

มันหันไปมอง เห็นไก่ขนสีเขียวตัวหนึ่งใช้กรงเล็บเขี่ยดินบนพื้น แล้วเอาตัวหย่อนลงไปในหลุมที่ขุดออกมา มันได้แต่มองแล้วมุมปากกระตุก

เหลือบมองไก่ขนเขียวตัวนั้นแวบหนึ่งก็กระโดดมุ่งหน้าไปข้างหน้า

ขณะเดียวกัน ภายในสำนัก เฟิ่งจิ่วกำลังต่อสู้กับคนหลายคน แม้ว่าจะกินยาเพิ่มพลังแล้ว แต่การเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างนี้ แม้มีใจแต่ไม่มีกำลัง ยิ่งไปกว่านั้น คนพวกนี้ตั้งใจจะเอาชีวิตเธอ จึงจู่โจมรุนแรงทุกกระบวนท่า มุ่งสังหารทุกย่างก้าว หากไม่ระวังตัวแม้เพียงนิดเดียวก็อาจตกอยู่ในอันตรายได้

เดิมทีเธอที่ยังเหลือทางเลือกคิดว่า ไม่อยากสังหารคนพวกนี้ที่ไม่มีความแค้นต่อกัน แต่ดูจากสถานการณ์ตรงหน้า หากอยากมีชีวิตรอด ก็คงต้องฆ่าพวกเขาให้หมดแล้ว!

“พวกเจ้าบังคับข้าเองนะ!”

หลังจากหลบหลีกการโจมตีครั้งหนึ่งเงาร่างของเธอถอยหลังอย่างรวดเร็ว ชุดสีแดงพลิ้วไสว เส้นผมสีหมึกลอยสยาย เธอถือกระบี่คมพยับขับเคลื่อนกลิ่นอายพลังวิญญาณของตนเอง กระตุ้นเปลวเพลิงในร่างแล้วถ่ายเทใส่กระบี่คมพยับ

เสียงพรึ่บดังขึ้น เปลวเพลิงร้อนแรงพลันลุกท่วม กระบี่คมพยับที่เดิมทีก็ส่องประกายแสงสีเขียวอยู่แล้วยามนี้ยิ่งเหมือนมังกรพิโรธ พลังกระบี่อันดุดันแข็งแกร่งและเปลวเพลิงตอบรับกันและกัน ภายใต้การส่งเสริมของเปลวเพลิง กระบี่คมพยับมีขนาดใหญ่ขึ้นไม่เพียงหนึ่งเท่า

“ลมกรดสังหาร!”

สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ร่างกายของเธอพลันหมุนคว้าง ไอสังหารอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งพุ่งออกมาจากกระบี่คมพยับในมือของเธอ…

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด