เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1569 ไอเย็นทั่วร่าง + 1570 ปราชญ์โอสถขวางทาง

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1569 ไอเย็นทั่วร่าง + 1570 ปราชญ์โอสถขวางทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1569 ไอเย็นทั่วร่าง + ตอนที่ 1570 ปราชญ์โอสถขวางทาง

ตอนที่ 1569 ไอเย็นทั่วร่าง

แตกต่างจากบรรยากาศในถ้ำน้ำแข็ง ด้านนอก ผู้นำตระกูลเมิ่งไม่ได้จากไปไหน แต่รออยู่ข้างนอกถ้ำน้ำแข็ง เขามองชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำหน้าประตูหิน ยิ้มถามว่า “ยังไม่ได้ถามเลยว่าท่านชื่ออะไร?”

กวนสีหลิ่นที่ยืนจังก้าเหมือนเทพเฝ้าประตูอยู่ตรงนั้นเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า “ข้าแซ่กวน”

“อ้อ ที่แท้ก็สหายกวนนี่เอง” ผู้นำตระกูลเมิ่งพยักหน้า ยิ้มแล้วชวนสนทนา “ข้าเห็นคุณชายเฟิ่งเชื่อใจท่านมาก หรือว่าสหายกวนเป็นผู้ติดตามของคุณชายเฟิ่ง?”

ได้ยินอย่างนั้น กวนสีหลิ่นยิ้มๆ รู้ว่าเขาต้องการล้วงข้อมูล จึงรับคำ “ถูกต้องแล้ว ข้าเป็นผู้ติดตามของเขาจริงๆ ข้ารับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของเขา”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” ผู้นำตระกูลเมิ่งมองเขา แล้วพูดอีกว่า “แต่ดูจากราศีของสหายกวนแล้ว กลับไม่เหมือนองครักษ์ทั่วไป ดูท่าจะต้องมีภูมิหลังแน่ๆ”

“ฮ่าๆๆ ผู้นำตระกูลเมิ่งมองผิดแล้ว ที่จริงข้าก็เป็นเพียงทหารรับจ้างที่หาเช้ากินค่ำเท่านั้น ไม่ได้มีภูมิหลังอะไร” เขาหัวเราะเสียงดัง หาเรื่องพูดคุยสัพเพเหระกับผู้นำตระกูลเมิ่งเป็นระยะเพื่อคั่นเวลา

ขณะที่ในอีกด้าน ฉวยโอกาสตอนที่พวกเฟิ่งจิ่วไม่ได้อยู่ในจวนเจ้าเมือง ต้วนหลินหลินวิ่งไปที่เรือนของต้วนอิ๋งอิ๋ง ตามหาไปทั่วจนพบว่าพี่สาวฝาแฝดที่หน้าตาคล้ายนางทุกประการกำลังอยู่ในครัว

ต้วนหลินหลินเดินเข้าไปอย่างโกรธเกรี้ยว กระชากแขนแล้วลากนางออกมา พอมาถึงข้างนอกก็ผลักนางออกไปแรงๆ แล้วตะคอกด้วยความเดือดดาล “ข้าถามเจ้า เด็กหนุ่มชุดแดงคนนั้นมาอยู่เรือนเดียวกับเจ้าได้อย่างไร? เจ้าอย่าได้ลืมว่าตนเองเป็นใบ้หูหนวก คนเช่นนั้นเจ้ารับมือไม่ไหวหรอก!”

ต้วนอิ๋งอิ๋งมองนางด้วยความตกใจ ได้ยินคำพูดของน้องสาว นางอดก้มหัวไม่ได้ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเหมือนทำตัวไม่ถูก

“จริงด้วย ข้าลืมไปได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นใบ้หูหนวก? เจ้าได้ยินข้าพูดก็แปลกแล้ว! ด่าเจ้าไปก็เปลืองลิ้นเปลืองแรง!” นางแค่นเสียงขึ้นจมูกแรงๆ ถลึงตาจ้องต้วนอิ๋งอิ๋งแล้วหมุนตัวเดินจากไป

ต้วนอิ๋งอิ๋งเงยหน้ามองดูเงาร่างของนางเดินจ้ำออกไป ได้แต่หลุบตาต่ำอย่างเศร้าใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปทำอาหารในครัวต่อ

นางไม่เคยคิดจะไปเทียบกับใคร ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนแห่งนี้ นางอยู่กับความโดดเดี่ยวเพียงลำพัง แม้ทุกข์ใจนางก็จะทำให้ตนเองยิ้มออกมาให้ได้ ในเรือนแห่งนี้ แต่ก่อนมีเพียงนางอาศัยอยู่คนเดียว

ในบ้านหลังนี้ คนเดียวที่ทำให้นางมีความสุข และทำให้นางคิดถึง มีเพียงพี่ชายคนนั้นที่ปีหนึ่งจะกลับมาเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น ส่วนคนอื่น นางรู้นานแล้ว พวกเขาเห็นนางเป็นเพียงอากาศธาตุ ไม่มีใครชอบให้นางอยู่ที่นี่ ไม่ใช่หรือ? โนเวล-พีดีเอฟ

ตรงกันข้าม เฟิ่งจิ่วเป็นเพียงแขกที่ผ่านมา แต่กลับดีกับนางถึงเพียงนี้ ไม่เพียงรักษาให้นางหายเป็นใบ้หูหนวก แต่ยังสอนให้นางมองคนให้ทะลุปรุโปร่ง เหมือนที่พี่ชายกวนบอก นางช่างโชคดี และเป็นเพราะโชคดี จึงได้พบกับคนที่เปลี่ยนชีวิตนางเช่นเฟิ่งจิ่ว

เลยยามอู่ ประตูถ้ำน้ำแข็งในตระกูลเมิ่งเปิดออกในที่สุด คนที่เดินออกมาเป็นคนแรกคือเฟิ่งจิ่วในชุดแดง สีหน้าของเธอยังคงเหมือนเดิม มีเพียงแววเหนื่อยล้าตรงหัวคิ้วที่เพิ่มมาเล็กน้อย

“เรียบร้อยแล้วหรือ? เหนื่อยแล้วใช่หรือไม่? หากเหนื่อยแล้วก็กลับไปพักผ่อนก่อน” กวนสีหลิ่นเดินเข้าไปรับหน้าคนแรก เขามายืนข้างกายเฟิ่งจิ่ว ครั้นเข้าใกล้ก็สัมผัสถึงไอเย็นทั่วกายของเธอ คิ้วเข้มขมวดทันที

“ไอเย็นบนตัวเจ้าหนาวมาก” ขณะกล่าว เขามองผู้นำตระกูลเมิ่ง แล้วเอ่ยว่า “ผู้นำตระกูลเมิ่ง รบกวนท่านให้คนไปดูว่าน้ำขิงที่ให้ไปต้มเมื่อครู่ได้แล้วหรือยัง?”

“ได้ๆ ข้าจะรีบให้คนไปดูที่ครัวเดี๋ยวนี้ น่าจะได้ที่แล้ว” เขาตอบ แล้วกำชับให้คนข้างกายไปดูที่ห้องครัว

เฟิ่งจิ่วโบกมือ “ไม่เป็นไร พักซักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”

………………………………….

ตอนที่ 1570 ปราชญ์โอสถขวางทาง

“คุณชายเฟิ่ง ถ้าอย่างไรไปพักผ่อนที่เรือนของข้าก่อนดีหรือไม่?” ผู้นำตระกูลเมิ่งถามเชิงเสนอ

“ขอบคุณน้ำใจของผู้นำตระกูลเมิ่ง ข้าไม่เป็นไร พักผ่อนบนรถม้าก็พอแล้ว” เธอยิ้มขอบคุณ พยักหน้าให้เขา แล้วเดินออกไปข้างนอกก่อน

เจ้าเมืองต้วนที่เดินตามออกมาข้างหลังกลับดูสับสนมึนงง หลังจากเห็นภาพนั้นด้วยตาตนเอง ลึกๆ ข้างในกลับไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอย่างไร หลังจากที่เขากำชับให้คนพาท่านพ่อของเขากลับไปที่จวนเจ้าเมืองแล้ว ก็กล่าวอำลาผู้นำตระกูลเมิ่ง จากนั้นก็เดินออกไป โดยมีผู้นำตระกูลเมิ่งเดินออกไปส่งด้วยตนเอง

แต่ทว่า เมื่อพวกเขามาถึงข้างนอก กลับต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นข้างนอก

เห็นเพียงคนกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันอยู่หน้าประตูตระกูลเมิ่งตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ คนพวกนี้แต่ละคนล้วนติดเหรียญตราไว้บนตัว ไม่ใช่นักปรุงยาก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ พวกเขาล้อมรอบถนนไว้ เรียกได้ว่าถึงจะอยากกลับไป ก็ไม่มีวิธีใดทำให้รถม้าเคลื่อนตัวออกไปจากที่นี่ได้

และด้านหน้าสุดของคนพวกนี้ มีสองคนที่พวกเขารู้จัก ซึ่งก็คือนักเล่นแร่แปรธาตุและนักปรุงยาระดับปราชญ์โอสถ เพียงแต่ท่าทางของพวกเขา กลับทำให้เจ้าเมืองต้วนและผู้นำตระกูลเมิ่งแปลกใจ

นี่พวกเขามาทำอะไรกัน?

“หลีกไป! หากยังไม่หลีกทางไปอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”

เสียงทุ้มต่ำแฝงแววโกรธกรุ่นดังเข้ามาในโสตประสาทของพวกเขา พวกเขาจึงสังเกตเห็นในเวลานี้ ว่าเฟิ่งจิ่วกับกวนสีหลิ่นยังนั่งอยู่บนรถม้าคันนั้น อีกทั้งยังถูกล้อมจนไปไหนไม่ได้ จึงรีบสาวเดินไป หยุดยืนอยู่ต่อหน้าปราชญ์โอสถทั้งสอง

“ทั้งสองท่าน นี่มันอะไรกัน? เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?” เจ้าเมืองต้วนถาม ประกายสงสัยพาดผ่านในดวงตา

ทั้งสองเห็นเจ้าเมืองออกมา จึงสบตากันแวบหนึ่ง “ท่านเจ้าเมือง พวกข้าสองคนได้ยินข่าวว่าเมืองเรามีเด็กหนุ่มที่มีเหรียญตราสองเหรียญมาเยือน จึงตั้งใจมาดู เพราะมีนักเล่นแร่แปรธาตุบางคนสงสัย ว่าเหรียญตราสองเหรียญของเขาเป็นของปลอม”

ได้ยินประโยคนี้ ผู้นำตระกูลเมิ่งชะงัก แล้วหันไปมองเจ้าเมืองต้วน

แต่เจ้าเมืองต้วนกลับหัวเราะขึ้นมาหลังจากอึ้งงันไปครู่หนึ่ง “ทั้งสองกังวลมากไปแล้ว แม้ข้าจะไม่ได้นำเหรียญตราสองเหรียญของคุณชายเฟิ่งไปตรวจสอบดู แต่ข้าก็รู้ ว่าเหรียญตราสองเหรียญนั้นไม่มีทางเป็นของปลอมแน่นอน เพราะความสามารถของเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่านั่นไม่มีทางเป็นของปลอมไปได้”

พูดไป เสียงของเขาก็ขาดหายไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมอีกว่า “ทั้งสองท่านไม่ได้ออกมาข้างนอกนานแล้ว อาจยังไม่รู้ วันนี้เป็นวันที่คุณชายเฟิ่งทำการรักษาให้ท่านพ่อของข้าพอดี อีกทั้งยังรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกข้ากำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน หนำซ้ำโรคร้ายของท่านพ่อของข้าก็ถูกรักษาโดยคุณชายเฟิ่งแล้ว ทั้งหมดนี้ ข้าเห็นเองกับตา”

“โรคร้ายของท่านพ่อของท่านรักษาได้แล้ว?” หนึ่งในนั้นถาม

“เรื่องนี้…เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้” เขาลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงไม่อยากเชื่อ

“หากไม่ได้เห็นกับตา จะให้พวกข้าสองคนเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นเรื่องจริง?” อีกคนถามด้วยท่าทางหนักแน่น

“ทำไมต้องให้พวกเจ้าได้เห็นกับตา? พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แล้วเกี่ยวอะไรด้วย?”

เสียงเล็กใสแฝงแววเกียจคร้านดังมาจากรถม้าอีกคัน ทำให้เหล่าคนที่ได้ยินเสียงนั้นต่างไม่พอใจ โดยเฉพาะปราชญ์โอสถสองคนนั้น ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกหมิ่นเกียรติ

“เหอะ! พวกข้าสองคนเป็นปราชญ์โอสถในเมืองนี้ เป็นผู้นำของนักเล่นแร่แปรธาตุและนักปรุงยาทั้งหลาย หากมีคนกล้าสวมรอยเป็นปราชญ์โอสถจริง พวกข้าไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ แน่!”

เฟิ่งจิ่วที่นั่งเอนหลังทำสมาธิอยู่ในรถม้าได้ยินก็เพียงกระตุกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ ไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขาอีก เพียงหันไปบอกพี่ชายเธอว่า “พวกเราไปกันเถิด!” ตาแก่เลอะเลือนพวกนี้ เธอไม่อยากถือสาหาความกับพวกเขาหรอก

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด