Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 534

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 534 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.534 – เพื่อความยุติธรรม

 

กู่ฉิงซานกกวาดสายตาอ่านบรรทัดแสงตัวอักษรบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ทั้งคนทั้งร่างนิ่งงัน ลืมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง

 

เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online!

 

ถ้าแม้ว่ามันจะมีสถานะเป็นแค่ ‘เชื้อไฟ’ แต่ในชีวิตนี้ ที่สุดแล้วตนเองก็พบเจอกับมันอีกครั้งจนได้!

 

ดูเหมือนว่าเพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้รอบคอบและระมัดระวัง บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม บรรทัดแสงตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้มันถูกย้อมไปด้วยสีเลือด

 

“คำเตือนพิเศษ : ระบบเทพสงครามเริ่มสัมผัสได้ถึง ‘เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : เชื้อไฟ’ !”

 

ทันทีหลังจากนั้น เส้นแสงสีเลือดบรรทัดต่อไปก็เด้งออกมา

 

“เชื้อไฟได้ตรวจพบถึงตัวตนของคุณที่พึ่งเข้าร่วมภารกิจของทริสเต้ ที่มาทีหลังคนอื่นๆแล้ว”

 

“คุณได้เข้ามาในเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online -ระบบของเชื้อไฟกำลังเริ่มทำการประมวลผล”

 

“มันสายเกินไปแล้วที่จะถอนตัวออกจากโลกใบนี้ ดังนั้นช่วยแกล้งทำเป็นไม่ตระหนักถึงมันสักครู่หนึ่งด้วย เพื่อระบบเทพสงครามจะได้ทำการวิเคราะห์สถานการณ์ว่าสมควรทำอย่างไรต่อไป”

 

กู่ฉิงซานที่พึ่งอ่านบรรทัดนี้จบ และก่อนที่เขาจะทันได้ลงมือทำอะไร เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของเขา

 

-เป็นเสียงการเรียกขานของวิหคหนาม

 

นี่คือเสียงที่คอยรับหน้าที่อธิบายถึงภารกิจของวิหคหนาม นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามายังโลกใบนี้

 

“อ้างอิงจากตำแหน่งของคุณ ทิศทางในภารกิจต่อไปได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”

 

มันยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงโทนเดิม ที่ไม่แตกต่างไปจากในภารกิจแรกเลย

 

“โปรดมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 63 กิโลเมตร แล้วคุณจะได้รับภารกิจต่อไป”

 

กู่ฉิงซานเริ่มกังวลเล็กน้อย

 

เนื่องเพราะเวลานี้ ไม่เพียงมีระบบเทพสงครามผุดแจ้งเตือนขึ้นมา แต่ภารกิจของทริสเต้ก็ปรากฏขึ้นมาอีกแล้วเช่นกัน

 

สถานการณ์ได้พัฒนาขึ้นไปเกินกว่าความคาดหวังเดิมของเขา

 

ทุกอย่างเต็มไปด้วยตัวแปรที่ไม่รู้จัก

 

แม้เบื้องหลังเวลานี้จะดูเหมือนกำลังสงบ ทว่ามันกลับซ่อนสถานการณ์ที่อันตรายสุดหยั่งถึง ร้ายแรงที่สุดเลยนับตั้งแต่ที่เขาได้กลับมาจุติใหม่

 

และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะถอนตัว

 

กู่ฉิงซานส่ายหัว

 

—เพราะแม้ว่าเขาจะสามารถถอนตัวได้ทัน แต่ตนคงไม่คิดจะทำแบบนั้นอย่างแน่นอน

 

เพื่อที่จะค้นหาร่องรอยของซูเซี่ยเอ๋อ เขาจะต้องมุ่งหน้า ปฏิบัติตามเส้นทางภารกิจของทริสเต้ต่อไป!

 

“ไปกันเถอะ”

 

กู่ฉิงซานกล่าว

 

“ก็ไปสิ ว่าแต่ทำไมท่าทีของเจ้าถึงได้ดูกังวลจัง?” ลอร่าถาม

 

“พอดีว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่เกินความคาดหมายของกระหม่อมไปนิดๆหน่อยๆเกิดขึ้นน่ะ”

 

ว่าแล้วร่างของทั้งสองก็เห็นแค่เพียงเงา กระโจนข้ามผ่านผาชัน และมุ่งตรงไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเพียงทุ่งน้ำแข็งไกลออกไปสุดสายตารอคอยอยู่เบื้องหน้า

 

แม้จะเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกล แต่นั่นมันสำหรับมนุษย์ธรรมดาๆเท่านั้น เพราะเพียงไม่นาน กู่ฉิงซานก็ได้มาถึงสถานที่เป้าหมายในที่สุด

 

เบื้องหน้าเขากับลอร่า มันเป็นดินแดนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันหนา

 

ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือจิตสัมผัสเทวะ ก็มิอาจเจาะเข้าไปภายในนั้นได้

 

กู่ฉิงซานยืนอยู่ตรงขอบที่ขวางกั้นไปด้วยหมอกหนา ปากเอ่ยถามลอร่า “ฝ่าบาทเคยเห็นสถานที่เช่นนี้มาก่อนหรือไม่?”

 

“อื้ม นี่มันเป็นโลกที่ถูกสร้างขึ้นในมิติอื่นๆน่ะ”

 

ลอร่าลองสัมผัสถึงมัน และบอกเขา

 

มองไปยังท่าทีงงงวยที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู่ฉิงซาน เธอจึงอธิบายต่อว่า “ในบางช่องว่างมิติอื่นๆ มันยังคงมีโลกอีกมากมายที่ยังคงไม่เคยถูกค้นพบ ซึ่งโลกเหล่านี้เดิมทีอยู่ในดินแดนอัศจรรย์ นอกเหนือไปจากสิ่งมีชีวิตในดินแดนอัศจรรย์แล้ว สิ่งมีชีวิตจากดินแดนอื่นๆนับว่ามีโอกาสน้อยนักที่จะได้เห็นโลกแบบนี้”

 

“ถ้าอย่างนั้น โลกเหล่านั้นก็อยู่ในสถานะของหมอกสีเทางั้นหรือ?”

 

“เปล่า หมอกสีเทาเป็นเทคนิคมนตราของทริสเต้ มีไว้เพื่อคุ้มครองให้โลกใบนี้ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับโลกภายนอก”

 

“ความขัดแย้ง?”

 

“ใช่ หากโลกหนึ่งซ้อนทับกันอยู่ในอีกโลกหนึ่ง มันจะเกิดการปฏิเสธซึ่งกันและกัน และเกิดการขัดแย้งบางอย่างขึ้น”

 

ลอร่าถอนหายใจและกล่าวต่อ “แต่ไม่คาดคิดเลยว่าในโลกของเอสเต้ จะยังมีโลกอื่นในดินแดนอัศจรรย์ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อยู่อีก”

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังกล่าว การเรียกขานของวิหคหนามก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

“ภารกิจใหม่ถูกจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว”

 

“ตอนนี้ คุณได้รับการยอมรับว่ามีคุณสมบัติมากพอที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของทริสเต้”

 

“ภายในหมอกสีเทานี้ มีสิ่งปลูกสร้างที่สูงกว่า 600 ชั้นตั้งอยู่”

 

ฟู่วววว!

 

พร้อมกันกับเสียงนี้ ร่างของกู่ฉิงซานก็ถูกยกสูงขึ้น

 

สายลมหวิวพัดพาเขา ยกทั้งคนทั้งร่างและพื้นหิมะและน้ำแข็งรอบตัว ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากนั้นหลายสิบลมหายใจ การลอยตัวในแนวตั้งก็หยุดลง และเริ่มโฉบไปในแนวขนาน มุ่งตรงไปยังทิศทางหนึ่งบนท้องฟ้า

 

ตัวเขาพุ่งผ่านชั้นหมอกเมฆหนา และในที่สุดก็ร่างของตนก็เริ่มต้องกับแสงอาทิตย์อีกครั้ง

 

กู่ฉิงซานก้มลงดู

 

และพบว่าชั้นน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าของเขาเริ่มละลาย มันจึงค่อนข้างลื่น ทำให้การที่เขาจะเคลื่อนไหวไปในแต่ละก้าว มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย

 

แต่โชคยังดีที่พื้นน้ำแข็งยังคงบินไปอย่างต่อเนื่อง มันรองรับกู่ฉิงซาน พาบินเข้าไปท่ามกลางหมอกสีเทา

 

หมอกปิดกั้นสายตาอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ช้าทิวทัศน์อันคับแคบก็เริ่มเปิดกว้างขึ้น

 

กู่ฉิงซานเห็นแค่เพียงตึกสูง 600 ชั้น

 

มันเป็นอาคารสูงตระหง่านที่ดูแปลกตา เกินกว่าจะจินตนาการได้ หากมองจากภายนอก

 

อย่างเช่น มีอยู่ชั้นหนึ่งที่ตลอดทั้งชั้นประกอบขึ้นมาจากไม้ คล้ายกับสิ่งปลูกสร้างสมัยโบราณ เพียงเพ่งมอง ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลึกลับและทรงเสน่ห์ของมัน

 

ขณะที่สิ่งปลูกสร้างอื่นๆอีกหลายสิบชั้น บ้างก็ประกอบขึ้นมาจากเหล็ก บ้างก็มาจากโลหะผสมแต่ขณะเดียวกันมันกลับมีภาพโฮโลแกรมแสดงผลข้อมูลต่างๆออกมาอย่างน่าฉงน

 

ส่วนบางชั้นก็ดูมีลักษณะคล้ายกันกับปราสาท

 

นอกจากนี้ยังมีที่ทั่วทั้งชั้นก่อขึ้นมาจากอิฐและกระเบื้อง บ้างบนพื้นปูไปด้วยน้ำแข็ง , อัญมณี และทองคำสลับๆกันไป

 

และมันเป็นแบบนี้เรียงยาวๆกันไปกว่า 600 ชั้น ดังนั้น เพียงแค่รูปลักษณ์ที่ปรากฏออกมา ก็ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกตื่นตา ประทับใจตั้งแต่แรกพบ

 

“ทำไมเจ้าตึกนี่มันถึงได้ดูประหลาดนัก?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“ไม่ใช่แค่ตึก แต่มันคือโลก” ลอร่ากล่าว

 

เธอกำไหล่ของกู่ฉิงซานแน่น

 

กู่ฉิงซาน “ทำไมหรือ เกิดอะไรขึ้น?”

 

ลอร่า “เปล่าหรอก เราแค่รู้สึกกลัวความสูงนิดหน่อยน่ะ”

 

กู่ฉิงซานจึงโอมเธอไว้ในอ้อมแขน ทะยานตัวออกจากพื้นน้ำแข็ง และไปร่อนตกลงบนตึก 600 ชั้น

 

เขายืนอยู่บนขอบของยอดตึกสูง และหันไปสำรวจรอบๆ

 

มองไกลออกไป เป็นท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด

 

อาาา แสงแดดแบบนี้กำลังดีเลย

 

แต่น่าเสียดาย ที่มันดันเป็นโลกเพชฌฆาต มีแต่การฆ่าล้างกันไปซะได้

 

ระบบราชามาร ซุกซ่อนอยู่ที่นี่

 

แต่น่ากลัวว่าเพียงเพราะมันระบบเดียว คงมิแคล้วก่อให้เกิดเลือดสดๆของสิ่งมีชีวิตนับสิบล้าน ร้อยล้านเอ่อนองเป็นสายธารเป็นแน่

 

“เข้าไปข้างในอีกหน่อยเถอะ เราไม่อยากอยู่ตรงขอบๆแบบนี้เลย มันน่ากลัว”

 

ลอร่ากล่าว

 

กู่ฉิงซานเลยตามใจเธอ เดินกลับเข้าไปที่ใจกลางของยอดหลังคาตึก

 

ลอร่าจึงค่อยกระโดดออกจากอ้อมแขนเขา กลับมานั่งลงบนไหล่ดังเดิม

 

ในขณะนั้นเอง เสียงประกาศเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง

 

“เริ่มอธิบายภารกิจ”

 

“ภารกิจนี้ง่ายดายมาก ขอแค่คุณสามารถข้ามผ่านตลอดทั้ง 600 ชั้น ลงไปจนถึงภาคพื้นดินได้ แค่นี้ก็นับว่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว”

 

“คำเตือน คุณไม่สามารถเลือกที่จะบินลงมาจากภายนอกอาคารเลยโดยตรงได้ หากกระทำการอันดูเกียจคร้าน หย่อนหยานเช่นนั้น -คุณก็จะถูกปฏิเสธ ให้ไม่ได้รับของรางวัลจากทริสเต้”

 

“ภารกิจได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”

 

ว่าจบ เสียงนั้นก็หายไป

 

ขณะเดียวกัน ใต้ฝ่าเท้าของกู่ฉิงซาน ก็ผุดบานประตูไม้ปรากฏขึ้น

 

บนบานประตูไม้ มีเลขเขียนเอาไว้ว่า : 600

 

นี่ดูเหมือนว่าเขาจะต้องผ่านประตูลงไป ทีละชั้นๆ

 

–สงสัยจังว่าถ้ามีลิฟต์ติดตั้งเอาไว้ด้วย ภารกิจในครั้งนี้คงจะรวดเร็วกว่านี้ไม่น้อยเลย

 

กู่ฉิงซานลองคิดขำๆ เขากำดาบพิภพในมือแล้วกำลังเตรียมที่จะเปิดประตูลงไป

 

ติ๊งต่อง!

 

ทว่าทันนั้นเอง ก็บังเกิดเสียงอันคมชัดขึ้น

 

หลายตัวอักษรขนาดเล็กสีขาวปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน

 

“ขอแสดงความยินดีด้วย คุณคือผู้โชคดีได้ถูกรับเลือกให้เป็นผู้เบิกทาง – นี่คือของขวัญจากวิหคหนาม โปรดยืนยันทำการดาวโหลดระบบด้วย”

 

ทันใดนั้นแถบตัวเลือกก็ปรากฏขึ้นมา

 

“ยืนยัน / ปฏิเสธ”

 

-นี่เป็นตัวเลือกเดียวกันกับที่ซูเซี่ยเอ๋อพบเจอมาก่อนหน้านี้

 

แม้ระบบเทพสงครามจะบอกแล้วว่า‘เชื้อไฟ’ได้ตรวจพบเขา แต่นี่มันกลับถึงขั้นสามารถเชื่อมต่อกู่ฉิงซานเลยตรงๆ โดยไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนใดๆล่วงหน้าเลย

 

กู่ฉิงซานมองไปยังแถบตัวเลือกนี้ ในจิตใจลอบหัวเราะออกมาทันที

 

ไอ้นี่น่ะหรอคือเชื้อไฟที่ว่า?

 

หรืออีกชื่อนึงมันก็คือเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online สินะ?

 

แต่กระบวนการของมันดูจะไม่เหมือนกับในช่วงชีวิตก่อนหน้า …

 

“แต่ส่งคำล่อลวงใจง่อยๆแบบนี้มา .. มันจะไม่เป็นการดูถูกฉันเกินไปหน่อยหรอ?”

 

กู่ฉิงซานบ่นพึมพำ

 

ในขณะนั้นเอง บนหน้าต่างระบบเทพสงครามที่เงียบไปครู่หนึ่ง ก็เด้งตัวอักษรขนาดเล็กสีเลือดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“จงระวัง!”

 

“เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : เชื้อไฟ ได้มาเยือนแล้ว!”

 

“แต่ระบบเทพสงครามก็ได้ทำการตัดสินใจวางกลยุทธ์ที่ครอบคลุมไว้แล้วเช่นกัน”

 

“โปรดทำการเลือกมัน และจดจำเอาไว้ด้วยว่า การตัดสินใจนี้ จะเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของคุณไปตลอดกาล”

 

“ทางเลือกแรก : ละทิ้งภารกิจ เลือกที่จะหาที่หลบซ่อนตัว ยามเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้นในอีกสองวัน ระบบจะส่งคุณกลับไป และโชคชะตาของคุณก็จะเป็นดั่งที่ซูเซี่ยเอ๋อเคยทำนายเอาไว้ -ว่าในอีกไม่กี่ปี คุณจะกลายเป็นตัวตนทรงพลานุภาพ สามารถระเบิดอำนาจระบือไกลไปตลอดทั้งโลก 900 ล้านชั้น”

 

“ทางเลือกที่สอง : ตามหาซูเซี่ยเอ๋อ พยายามช่วยชีวิตเธอแล้วค่อยจากไป ซึ่งในกรณีนี้ โชคชะตาอันข่มขื่นที่ซูเซี่ยเอ๋อแบกรับจะกลับคืนมาสู่คุณอีกครั้ง และนับตั้งแต่นั้นไป ในอนาคต เป็นไปได้มากทีเดียว ที่ชะตากรรมของคุณก็จะพบเผชิญกับความเสี่ยงและอันตรายนานับไม่ถ้วน”

 

“คำเตือนพิเศษ!”

 

“นี่คือทางเลือกที่หากเลือกแล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับได้”

 

“เนื่องจากสงครามเต็มรูปแบบกำลังจะปะทุขึ้นในเร็วๆนี้ ดังนั้นเมื่อคุณได้ตัดสินใจเลือกแล้ว ระบบเทพสงครามก็จะมุ่งมั่นทำการปรับสมดุลและกลยุทธ์ของตนเองให้เหมาะสม สอดคล้องกับทางเลือกนั้นๆ”

 

“ได้โปรดช่วยพิจารณาเกี่ยวกับมันอย่างจริงจังและตัดสินใจอย่างรอบคอบด้วย”

 

กู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่านตัวเลือกทั้งสองและจมลงสู่ความเงียบ

 

แล้วฉันจะเลือกข้อไหนดี?

 

ดูเหมือนว่าสมควรที่จะเลือกข้อที่สองนะ

 

แต่ตัวเลือกนี้ ยามเมื่อมองมัน กลับส่งผลให้กู่ฉิงซานรู้สึกไม่สบายใจอย่างที่มิอาจอธิบายได้

 

เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

 

“ระบบเทพสงคราม คุณพอจะช่วยสร้างทางเลือกใหม่ให้ฉันอีกสักครั้งได้รึเปล่า?” เขาเอ่ยถามอย่างเงียบๆในจิตใจ

 

ติ๊ง!

 

บังเกิดเสียงอันคมชัด ระบบเทพสงครามตอบกลับ “มีเพียงสองทางเลือกนี้ ที่ระบบสามารถรับประกันได้ว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดี และเหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ในปัจจุบัน”

 

“อ้อ ฟังจากที่บอกมา นั่นหมายความว่ายังพอที่จะสามารถสร้างทางเลือกอื่นขึ้นมาได้อีกสินะ งั้นฉันขอเพิ่มเข้าไปอีกสักทางก็แล้วกัน”

 

“ทางเลือกอื่นที่คุณต้องการคืออะไร?” ระบบถาม

 

“ฉันต้องการที่จะกำจัดเชื้อไฟ”

 

กู่ฉิงซานลองไตร่ตรองดูเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ “ใช่แล้วล่ะ นี่ต่างหากคือทางเลือกที่ดีที่สุด มันเหมือนกับเป็นการขว้างหินก้อนเดียว ฆ่านกได้สองตัว ตราบใดที่ฉันกำจัดเชื้อไฟได้ ซูเซี่ยเอ๋อก็จะปลอดภัย อย่าลืมสิ ว่าในชีวิตก่อนหน้า เจ้าเกมๆนี้มันยังมีหนี้แค้นกับฉันอยู่อีกนะ”

 

ระบบเทพสงครามอธิบาย “ในการประเมินเชิงกลยุทธ์ของระบบ ทางเลือกดังกล่าวนับว่ายากเย็นที่สุดที่จะบรรลุ และคุณจะตายโดยไม่ทันได้ระวัง ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าสู่วิถีมารอย่างง่ายดาย”

 

“แล้วจากการประเมินของคุณ มีความหวังที่ฉันจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้รึเปล่า?”

 

“ย่อมมี … แต่มันน้อยนิดเหลือเกิน”

 

“แต่นั่นก็ยังนับว่าเป็นความหวัง” กู่ฉิงซานกล่าว “และหากยังคงมีความหวัง ฉันก็จะคว้าโอกาสนั่น แล้วกำจัดมันซะ!”

 

ระบบถึงกับเงียบไปครู่หนึ่ง จึงค่อยเอ่ยถาม “จริงๆแล้วคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย เพราะอะไรถึงยืนกรานที่จะเลือกทางดังกล่าว?”

 

“เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องทำน่ะสิ”

 

“ต้องทำอย่างนั้นหรือ?”

 

“ใช่”

 

กู่ฉิงซานพูดจบก็สูดหายใจลึก

 

เขาเหม่อมองไปในความว่างเปล่า คล้ายกับกำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์บางอย่าง

 

ในช่วงเวลานั้นเอง ดวงตาของเขาก็ข้ามผ่านห้วงกาลเวลา มองย้อนกลับไปยังช่วงอดีต

 

ผู้คนที่คอยติดตามและยืนหยัดร่วมต่อสู้เคียงข้างกันกับเขา …

 

ผู้ที่มองไม่เห็นซึ่งความหวัง และร่ำไห้อยู่ท่ามกลางความมืดมิด …

 

ผู้ที่ก้าวเดินไปด้วยกันกับเขาตลอดทั้งเส้นทาง และในท้ายที่สุดก็ต้องแยกจากกันไป …

 

“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นเด็กกำพร้า แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวเลยในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตก่อนหน้า”

 

น้ำเสียงของกู่ฉิงซานต่ำลง แต่ขณะเดียวกันมันก็ฟังดูเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

“ตั้งแต่จุติใหม่อีกครั้ง ฉันก็ตระหนักอยู่เสมอมา ว่าชีวิตนี้ของฉันไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเองอีกต่อไป”

 

“หากเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง และคุณก็รู้ดีว่าอย่างไรก็ต้องเผชิญกับมัน ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ สู้เอาเวลาไปคิดหาวิธีการและลงมือเอาชนะมันให้จงได้ซะไม่ดีกว่าเหรอ!”

 

“ใช่แล้วล่ะ ฉันต้องการที่จะไขว่คว้าความยุติธรรม แล้วนำมันมามอบให้แก่เหล่าสหายทุกๆคนที่เคยได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมา กลับคืนดังเดิม”

 

หลังจากที่เอ่ยกับตัวเอง เขาก็ถอนหายใจยาวและกล่าวต่อ “ดังนั้น คุณช่วยเพิ่มตัวเลือกอื่นให้ฉันเถอะ นั่นแหละคือวิธีที่ฉันจะสามารถต่อสู้ได้เด็ดขาด ไร้ความกังวลใดๆ”

 

“แต่ถ้าคุณไม่สามารถเพิ่มทางเลือกอื่นได้แล้วล่ะก็ …”

 

“ฉันคงต้องละทิ้งมันทั้งสองทางเลือก และออกไปเผชิญหน้ากับเชื้อไฟด้วยตนเองโดยลำพัง!”

 

“และแน่นอนว่าจะทุ่มสุดกำลัง!”

 

ระบบพอได้ฟังก็เงียบไป

 

มันเงียบไปนานกว่าปกติเลยทีเดียว

 

แต่ทันใดนั้นเอง บรรทัดเส้นแสง ที่ร้อยเรียงไปด้วยตัวอักษรสีเลือดก็ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอีกครั้ง

 

“คุณเป็นบุรุษที่เลือดในตัว ลุกโชนไปด้วยประกายแห่งการต่อสู้อย่างแท้จริง การตัดสินใจของคุณได้ทำลายห่วงโซ่แห่งโชคชะตา ไม่ว่าผลลัพธ์ของมันจะนำไปสู่ความตายหรือไม่ก็ตามที –แต่เวลานี้ อย่างไรเสียก็นับได้ว่าคุณคือคนที่คู่ควรกับสมญาเทพสงครามอย่างแท้จริง!”

 

“ทางเลือกของคุณได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าคุณเหมาะสมกับสมญาเทพสงคราม”

 

“เมื่อครู่ ระบบได้ทำการปรับปรุงกลยุทธ์ที่สอดคล้องจนเสร็จสิ้นแล้ว”

 

“นับตั้งแต่วันนี้ไป ‘ภารกิจแห่งโชคชะตา’ จะถูกยกเลิก”

 

“อีกสามวินาทีต่อจากนี้ ระบบจะเริ่มทำการอัปเดตใหม่”

 

3

 

2

 

1

 

“ ‘ภารกิจระบบเทพสงคราม’ ได้เปิด Online ขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด