Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 769 พัฒนา

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 769 พัฒนา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดาบยาวหลายร้อยเมตรลอยอยู่ด้านหลังของเขาอย่างเงียบงัน

กู่ฉิงซานสามารถรู้สึกถึงสภาพ รู้สึกถึงการสั่นไหวและตำแหน่งของดาบแต่ละเล่มได้

ตราบที่จิตเคลื่อนไหว ดาบเหล่านี้จะสังหารศัตรูทุกคนตามที่เขาบัญชา

ดาบเหล่านี้เปรียบเสมือนแขนขาของเขา เหมือนกับการก่อเกิดของจิตก็ไม่ปาน

สองชั่วอายุคนที่ผ่านมา กู่ฉิงซานไม่เคยประสบกับอะไรแบบนี้มาก่อน

ในใจเกิดความรู้แจ้งขึ้นมา

การพัฒนา

ใช่แล้ว ในภาพซ้อนทับของยุคโบราณนี้ เขาเหนือกว่าภูตดาบในด้านการรับรู้ทั่วไป

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวข้อความขนาดเล็กปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“การไปถึงระดับเบิกเนตรมิติจะทำให้สามารถควบคุมดาบบินได้ดังใจนึกมากถึงเจ็ดร้อยเล่ม”

“ครั้งต่อไปที่รากฐานการฝึกฝนพัฒนาจะสามารถควบคุมดาบบินได้หนึ่งพันถึงสองพันเล่ม”

“นี่คือการพัฒนาแบบก้าวกระโดด…ในที่สุดท่านก็เป็นอิสระจากพันธนาการนักดาบจนไปถึงสภาพที่จิตกับดาบรวมกันเป็นหนึ่งได้”

“นับจากนี้ไป ท่านจะสามารถใช้ดาบบินได้หลายพันเล่มดังใจนึก ควบคุมดาบด้วยจิตของท่าน สามารถปลดปล่อยวิชาดาบลับนานาชนิดหรือแม้กระทั่งค่ายกลดาบทรงพลังได้”

“นี่คือระดับยอดเซียนดาบ!”

กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย

นี่คือภาพซ้อนทับอันหนาหนักของยุค เพราะมันเป็นเพียงชิ้นส่วน จึงไม่สามารถส่งผลกับทิศทางสุดท้ายของยุคโบราณได้

แต่ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นของจริง

แม้แต่กู่ฉิงซานก็สามารถฝึกฝนที่นี่ได้ ทั้งสั่งสมพลังวิญญาณและพัฒนากำลังของตัวเอง

เหตุผลที่ทำไมชิ้นส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญก็เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณพยายามสุดความสามารถที่จะเปิดโลกคู่ขนานที่สมบูรณ์อีกแห่งขึ้นมา มีชิ้นส่วนไม่กี่ชิ้นที่สามารถสร้างได้

ถึงกระนั้น ความสามารถนี้เกินกว่าความเข้าใจของคนธรรมดา แม้กระทั่งเทพก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นแม้แต่พวกเขาก็ยังใช้เวลาหลายหมื่นปีเพื่อที่จะเปิดความลับนี้

ความสามารถการสร้างมิติและเวลานี้มาจากที่ใด

กู่ฉิงซานไม่มีเวลาที่จะมาคิด

การเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงของดาบบินทำให้สัตว์ประหลาดบรรพกาลสังเกตเห็นทันที

สัตว์ประหลาดหลายสิบตนที่มีหนามยาวต่างดึงหนามออกจากร่างกายก่อนขว้างใส่กู่ฉิงซาน

หนามแหลมคมพุ่งเข้าหากู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไป

ปีกดาบขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ด้านหลังกระจายออกเป็นเงาดาบบินทันทีก่อนมาปรากฏตัวที่ด้านหน้าในพริบตา

ดาบบินรวมตัวกันจนก่อเกิดเป็นมือยักษ์อันคมปลาบที่ถือประกายดาบเย็นเยือกเอาไว้

กู่ฉิงซานสะบัดมือสบายๆ

มือยักษ์ที่เกิดจากดาบบินสะบัดตาม

‘ตัง ตัง ตัง ตัง ตัง!’

หนามยาวล้วนถูกมือยักษ์พัดขึ้นฟ้าไป

กู่ฉิงซานชำเลืองมองนภา

หนามยาวทั้งหมดหยุดนิ่ง

แสงอสนีบาตสีครามออกมาจากหนามยาว

กู่ฉิงซานหยิบหนามยาวเหล่านี้มาใช้แทนดาบบินก่อนควบคุมพวกมัน!

‘ฟิ่ว’

‘ฟิ่ว’

‘ฟิ่ว’

ลำแสงข้ามผ่านความว่างเปล่า

หนามยาวบินกลับไปยังตำแหน่งของสัตว์ประหลาดบรรพกาลด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าก่อนทะลวงใส่ร่างของสัตว์ประหลาดจนยึดติดเข้าไว้ด้วยกัน

กู่ฉิงซานไม่รออีกต่อไป

ค่ายกลดาบพร้อมแล้ว

เขาสลับไปใช้วิชาดาบไท่อี่ขณะควบคุมดาบบินทุกเล่มให้แยกออกในฉับพลัน พวกมันจมเข้าสู่ความว่างเปล่าแล้วพุ่งออกไปตามสายลม

ค่ายกลดาบตกลงมาจากท้องนภา

ลมฟ้าคำรามมาเยือน!

มีเสียงคำรามของสายลมดังไม่ขาดสาย

นี่คือเสียงที่เกิดจากดาบบินจำนวนนับไม่ถ้วนที่กักเก็บพลังของวิญญาณอสนีบาตเอาไว้ขณะบินผ่านความว่างเปล่าด้วยความเร็วที่สูงมาก

ความจริง ต่อให้เป็นเช่นนี้ สัตว์ประหลาดบรรพกาลย่อมไม่หวาดกลัว

แต่สถานการณ์มันเกินกว่าที่คาดเอาไว้

สัตว์ประหลาดตัวใดที่ถูกสายลมซัดจะต้องหยุดนิ่งจนไม่สามารถขยับไปไหนได้

หลังจากนั้นไม่นาน ดาบบินในความว่างเปล่าจะปรากฏขึ้นทันทีก่อนโคจรรอบสัตว์ประหลาดแล้วฟาดฟันร่างกายด้วยความเร็วอันสูงลิบ

ท่ามกลางเสียงหึ่งที่เสียดแทงอากาศ สัตว์ประหลาดค่อย ๆ ถูกกลืนกินโดยประกายดาบ

พายุดาบกลายเป็นโลหิต

สายลมยังคงพัดพาต่อไป

สายลมพัดเข้าหากลุ่มสัตว์ประหลาดที่แออัด

หลังผ่านไปห้าอึดใจ

ทุกคนหยุดมือราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

พื้นที่โล่งขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนสมรภูมิ

สัตว์ประหลาดโบราณในพื้นที่นั้นล้วนถูกลบล้างด้วยค่ายกลดาบ

กู่ฉิงซานดึงวิชาลับกลับ

ค่ายกลดาบสิ้นสุดลงแล้ว

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ข้อมูลการต่อสู้กำลังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

“ท่านฆ่าครีปเปอร์โบราณ ได้รับพลังวิญญาณห้าหมื่นแต้ม”

“ท่านฆ่าสัตว์ประหลาดหนามบรรพกาล ได้รับพลังวิญญาณเก้าหมื่นแต้ม”

“ท่านฆ่าผู้พิทักษ์บรรพกาล ได้รับพลังวิญญาณหนึ่งแสนแปดหมื่นแต้ม”

ถึงแม้นี่จะเป็นสัตว์ประหลาดระดับทหาร แต่จำนวนที่มากของพวกมันนำมาซึ่งการได้พลังวิญญาณให้แก่กู่ฉิงซาน

นักพรตมนุษย์ส่งเสียงยินดีก่อนบุกขึ้นมา!

“นายท่าน ยินดีด้วยที่พัฒนาสำเร็จ แต่ท่านใช้วิญญาณอสนีบาตที่โลกใบนี้ไม่มีออกไปจนฆ่าทหารบรรพกาลจำนวนมากเพียงชั่วอึดใจ ข้าเกรงว่าสถานการณ์จะอันตรายมากยิ่งขึ้น” ฉานนู่เตือน

“อืม ข้ารู้” กู่ฉิงซานตอบ

ถ้ามีเทพกำลังติดตามเขาอยู่ที่โลกใบนี้ อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแค่สอบถามเรื่องสงคราม เขาก็จะถูกจับตัวได้อย่างรวดเร็ว

ถึงตอนนั้นก็คงต้องพูดเรื่องความเป็นความตาย

ต่อให้ไม่มีคนแกะรอย แต่หลังจบการต่อสู้ กู่ฉิงซานยังต้องเผชิญหน้ากับเรื่องตัวตนและปัญหาต่างๆ นานา

ในช่วงเวลาการต่อสู้อันตึงเครียด ตราบที่เขายังอยู่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ย่อมไม่มีใครสนใจที่จะสนทนาเรื่องพลังวิญญาณหรือแม้กระทั่งตัวตน แต่ถ้าสงครามจบลง เทพและเผ่าพันธุ์มนุษย์ของโลกใบนี้จะต้องสังเกตเห็นเขาแน่นอน

พลังทำลายล้างขนาดนั้นจนถึงขั้นยับยั้งสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้ พลังนี้มันคืออะไรกัน

สำหรับกู่ฉิงซาน นี่คือราคาที่ใช้มันออกมา

แต่ต้องบอกว่าหากไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นที่อยากเผชิญหน้ากับความเชื่อในใจ กู่ฉิงซานย่อมไม่สามารถใช้มันจนประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้

เขานิ่งไปสักพักขณะมองสถานการณ์ในสมรภูมิอย่างไม่ใส่ใจ

ตอนนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เปรียบ หลายแห่งยังอับจนหนทางจนต้องส่งดาบบินเพื่อปลดปล่อยประกายดาบวิญญาณอสนีบาตจึงสามารถปัดป้องสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้

กู่ฉิงซานทะยานขึ้นสูง ทั้งร่างของเขาหลอมรวมกับดาบบินหลายร้อยเล่ม พลังของวิญญาณอสนีบาตส่งเสียงคำรามกึกก้องทั่วสมรภูมิที่ดาบบินผ่าน

สัตว์ประหลาดทั้งหมดที่ถูกเขาฟาดฟันตกอยู่ในสภาพที่เคลื่อนไหวไม่ได้ก่อนถูกพรากชีวิตด้วยดาบยาวที่บินผ่านไป

ชัยชนะเริ่มเอนเอียงไปทางเผ่าพันธุ์มนุษย์

“ลุยกันเถอะ”

กู่ฉิงซานกล่าวกับฉานนู่

เขาพาดาบหลายร้อยเล่มข้ามผ่านสมรภูมิขณะบินตรงไปสู่เส้นทางอันไกลลิบ

นั่นคือจุดหมายปลายทางของเขา

นักพรตมนุษย์ทรงพลังและเทพร่วมแรงกัน ณ จุดเชื่อมต่อของทั้งสองโลกเพื่อต่อต้านผู้ปกครองโลกบรรพกาล

เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมากจนเกินไปเข้าสู่แนวหน้าเพื่อสังหารนักพรตมนุษย์ เทพจึงสั่งห้ามไม่ให้นักพรตทั่วไปข้ามแนวหน้า

เพราะผู้ปกครองโลกบรรพกาลคือตัวตนที่นักพรตธรรมดาไม่สามารถต่อกรได้

จุดเชื่อมต่อนั้นสามารถคุ้มกันได้ด้วยนักพรตมนุษย์ที่แข็งแกร่งและเทพเท่านั้น

ขณะบินไป กู่ฉิงซานนึกถึงพิชัยสงครามที่เขาได้อ่าน

ตามบันทึกที่ได้อ่าน จุดเชื่อมต่อของทั้งสองอาณาจักรในคราวนี้คือดินแดนทุรกันดารทางตะวันตกในโลกบรรพกาลและป่าหยกเย็นเยือกในสวรรค์

สงครามเทพเกิดขึ้นในดินแดนกว้างใหญ่แห่งนั้น

ส่วนสถานที่ที่เทพล่วงลับนั้น…

กู่ฉิงซานยืนยันทิศทางตามลักษณะภูมิประเทศอย่างรวดเร็ว

เขาบินไปยังป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี

ใช่แล้ว นี่คือสถานที่ที่เทพต่อสู้และล่วงลับเพราะสัตว์ประหลาดบรรพกาล ป่าหยกเย็นเยือกในสวรรค์!

กู่ฉิงซานมองป่าบนภูเขา ฉับพลันก็รู้สึกถึงบางสิ่ง

ไม่ใช่

เหล่าวิหคบินอย่างอิสระในป่า

มีสัตว์น้อยใหญ่จำนวนมากในป่าเช่นกัน

ถึงแม้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากในโลกใบนี้จะเห็นพลังวิญญาณและนักพรตที่กำลังต่อสู้กันอยู่ แต่พวกมันก็ไม่มีโอกาสที่จะรอดจากการต่อสู้อันดุเดือดนี้ไปได้

กู่ฉิงซานเรียกดาบบินทุกเล่มที่อยู่ไกลลิบกลับมาก่อนกลายร่างเป็นนกขนวายุแล้วบินตรงสู่ท้องนภา

เขาปะปนไปกับฝูงนกขนวายุเหล่านั้นก่อนบินโฉบ

หลังจากบินมาได้สักพัก ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นในป่า ไม่มีแม้แต่เทพหรือสัตว์ประหลาด

นี่ความจำเขาคลาดเคลื่อนหรือเปล่า

ไม่ ไม่ใช่

เทพล่วงลับในครึ่งหลังของสงคราม ประมาณช่วงใกล้ ๆ เที่ยงวัน

กู่ฉิงซานมองพระอาทิตย์ก่อนพลันได้สติขึ้นมา

เวลายังไม่ถึงช่วงนั้นเลยนี่!

แบบนี้ก็เยี่ยมไปเลย

แต่จะอยู่ในป่าโดยไม่ถูกพบจากเทพและสัตว์ประหลาดได้อย่างไร

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างหนักขณะบิน

‘โฮก!’

ฉับพลันนั้นเอง มีเสียงคำรามสะเทือนโลกดังขึ้น

สัตว์ประหลาดบรรพกาลกำลังมา!

ทันทีที่เสียงดังขึ้น สัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนในป่าต่างหมดสติด้วยความตกตะลึง

วิหคบนท้องนภาส่งเสียงร้องก่อนร่วงลงมา

เมื่อกู่ฉิงซานมองดูสถานการณ์ เขากล่าวอย่างยินดีว่า “แบบนี้สิถึงจะดี!”

เขาส่งเสียงร้องเช่นกันก่อนร่วงลงสู่ป่าพร้อมกับวิหคเหล่านั้น

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 769 พัฒนา

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 769 พัฒนา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดาบยาวหลายร้อยเมตรลอยอยู่ด้านหลังของเขาอย่างเงียบงัน

กู่ฉิงซานสามารถรู้สึกถึงสภาพ รู้สึกถึงการสั่นไหวและตำแหน่งของดาบแต่ละเล่มได้

ตราบที่จิตเคลื่อนไหว ดาบเหล่านี้จะสังหารศัตรูทุกคนตามที่เขาบัญชา

ดาบเหล่านี้เปรียบเสมือนแขนขาของเขา เหมือนกับการก่อเกิดของจิตก็ไม่ปาน

สองชั่วอายุคนที่ผ่านมา กู่ฉิงซานไม่เคยประสบกับอะไรแบบนี้มาก่อน

ในใจเกิดความรู้แจ้งขึ้นมา

การพัฒนา

ใช่แล้ว ในภาพซ้อนทับของยุคโบราณนี้ เขาเหนือกว่าภูตดาบในด้านการรับรู้ทั่วไป

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวข้อความขนาดเล็กปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“การไปถึงระดับเบิกเนตรมิติจะทำให้สามารถควบคุมดาบบินได้ดังใจนึกมากถึงเจ็ดร้อยเล่ม”

“ครั้งต่อไปที่รากฐานการฝึกฝนพัฒนาจะสามารถควบคุมดาบบินได้หนึ่งพันถึงสองพันเล่ม”

“นี่คือการพัฒนาแบบก้าวกระโดด…ในที่สุดท่านก็เป็นอิสระจากพันธนาการนักดาบจนไปถึงสภาพที่จิตกับดาบรวมกันเป็นหนึ่งได้”

“นับจากนี้ไป ท่านจะสามารถใช้ดาบบินได้หลายพันเล่มดังใจนึก ควบคุมดาบด้วยจิตของท่าน สามารถปลดปล่อยวิชาดาบลับนานาชนิดหรือแม้กระทั่งค่ายกลดาบทรงพลังได้”

“นี่คือระดับยอดเซียนดาบ!”

กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย

นี่คือภาพซ้อนทับอันหนาหนักของยุค เพราะมันเป็นเพียงชิ้นส่วน จึงไม่สามารถส่งผลกับทิศทางสุดท้ายของยุคโบราณได้

แต่ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นของจริง

แม้แต่กู่ฉิงซานก็สามารถฝึกฝนที่นี่ได้ ทั้งสั่งสมพลังวิญญาณและพัฒนากำลังของตัวเอง

เหตุผลที่ทำไมชิ้นส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญก็เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณพยายามสุดความสามารถที่จะเปิดโลกคู่ขนานที่สมบูรณ์อีกแห่งขึ้นมา มีชิ้นส่วนไม่กี่ชิ้นที่สามารถสร้างได้

ถึงกระนั้น ความสามารถนี้เกินกว่าความเข้าใจของคนธรรมดา แม้กระทั่งเทพก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นแม้แต่พวกเขาก็ยังใช้เวลาหลายหมื่นปีเพื่อที่จะเปิดความลับนี้

ความสามารถการสร้างมิติและเวลานี้มาจากที่ใด

กู่ฉิงซานไม่มีเวลาที่จะมาคิด

การเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงของดาบบินทำให้สัตว์ประหลาดบรรพกาลสังเกตเห็นทันที

สัตว์ประหลาดหลายสิบตนที่มีหนามยาวต่างดึงหนามออกจากร่างกายก่อนขว้างใส่กู่ฉิงซาน

หนามแหลมคมพุ่งเข้าหากู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไป

ปีกดาบขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ด้านหลังกระจายออกเป็นเงาดาบบินทันทีก่อนมาปรากฏตัวที่ด้านหน้าในพริบตา

ดาบบินรวมตัวกันจนก่อเกิดเป็นมือยักษ์อันคมปลาบที่ถือประกายดาบเย็นเยือกเอาไว้

กู่ฉิงซานสะบัดมือสบายๆ

มือยักษ์ที่เกิดจากดาบบินสะบัดตาม

‘ตัง ตัง ตัง ตัง ตัง!’

หนามยาวล้วนถูกมือยักษ์พัดขึ้นฟ้าไป

กู่ฉิงซานชำเลืองมองนภา

หนามยาวทั้งหมดหยุดนิ่ง

แสงอสนีบาตสีครามออกมาจากหนามยาว

กู่ฉิงซานหยิบหนามยาวเหล่านี้มาใช้แทนดาบบินก่อนควบคุมพวกมัน!

‘ฟิ่ว’

‘ฟิ่ว’

‘ฟิ่ว’

ลำแสงข้ามผ่านความว่างเปล่า

หนามยาวบินกลับไปยังตำแหน่งของสัตว์ประหลาดบรรพกาลด้วยความเร็วที่มากยิ่งกว่าก่อนทะลวงใส่ร่างของสัตว์ประหลาดจนยึดติดเข้าไว้ด้วยกัน

กู่ฉิงซานไม่รออีกต่อไป

ค่ายกลดาบพร้อมแล้ว

เขาสลับไปใช้วิชาดาบไท่อี่ขณะควบคุมดาบบินทุกเล่มให้แยกออกในฉับพลัน พวกมันจมเข้าสู่ความว่างเปล่าแล้วพุ่งออกไปตามสายลม

ค่ายกลดาบตกลงมาจากท้องนภา

ลมฟ้าคำรามมาเยือน!

มีเสียงคำรามของสายลมดังไม่ขาดสาย

นี่คือเสียงที่เกิดจากดาบบินจำนวนนับไม่ถ้วนที่กักเก็บพลังของวิญญาณอสนีบาตเอาไว้ขณะบินผ่านความว่างเปล่าด้วยความเร็วที่สูงมาก

ความจริง ต่อให้เป็นเช่นนี้ สัตว์ประหลาดบรรพกาลย่อมไม่หวาดกลัว

แต่สถานการณ์มันเกินกว่าที่คาดเอาไว้

สัตว์ประหลาดตัวใดที่ถูกสายลมซัดจะต้องหยุดนิ่งจนไม่สามารถขยับไปไหนได้

หลังจากนั้นไม่นาน ดาบบินในความว่างเปล่าจะปรากฏขึ้นทันทีก่อนโคจรรอบสัตว์ประหลาดแล้วฟาดฟันร่างกายด้วยความเร็วอันสูงลิบ

ท่ามกลางเสียงหึ่งที่เสียดแทงอากาศ สัตว์ประหลาดค่อย ๆ ถูกกลืนกินโดยประกายดาบ

พายุดาบกลายเป็นโลหิต

สายลมยังคงพัดพาต่อไป

สายลมพัดเข้าหากลุ่มสัตว์ประหลาดที่แออัด

หลังผ่านไปห้าอึดใจ

ทุกคนหยุดมือราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

พื้นที่โล่งขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนสมรภูมิ

สัตว์ประหลาดโบราณในพื้นที่นั้นล้วนถูกลบล้างด้วยค่ายกลดาบ

กู่ฉิงซานดึงวิชาลับกลับ

ค่ายกลดาบสิ้นสุดลงแล้ว

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ข้อมูลการต่อสู้กำลังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

“ท่านฆ่าครีปเปอร์โบราณ ได้รับพลังวิญญาณห้าหมื่นแต้ม”

“ท่านฆ่าสัตว์ประหลาดหนามบรรพกาล ได้รับพลังวิญญาณเก้าหมื่นแต้ม”

“ท่านฆ่าผู้พิทักษ์บรรพกาล ได้รับพลังวิญญาณหนึ่งแสนแปดหมื่นแต้ม”

ถึงแม้นี่จะเป็นสัตว์ประหลาดระดับทหาร แต่จำนวนที่มากของพวกมันนำมาซึ่งการได้พลังวิญญาณให้แก่กู่ฉิงซาน

นักพรตมนุษย์ส่งเสียงยินดีก่อนบุกขึ้นมา!

“นายท่าน ยินดีด้วยที่พัฒนาสำเร็จ แต่ท่านใช้วิญญาณอสนีบาตที่โลกใบนี้ไม่มีออกไปจนฆ่าทหารบรรพกาลจำนวนมากเพียงชั่วอึดใจ ข้าเกรงว่าสถานการณ์จะอันตรายมากยิ่งขึ้น” ฉานนู่เตือน

“อืม ข้ารู้” กู่ฉิงซานตอบ

ถ้ามีเทพกำลังติดตามเขาอยู่ที่โลกใบนี้ อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแค่สอบถามเรื่องสงคราม เขาก็จะถูกจับตัวได้อย่างรวดเร็ว

ถึงตอนนั้นก็คงต้องพูดเรื่องความเป็นความตาย

ต่อให้ไม่มีคนแกะรอย แต่หลังจบการต่อสู้ กู่ฉิงซานยังต้องเผชิญหน้ากับเรื่องตัวตนและปัญหาต่างๆ นานา

ในช่วงเวลาการต่อสู้อันตึงเครียด ตราบที่เขายังอยู่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ย่อมไม่มีใครสนใจที่จะสนทนาเรื่องพลังวิญญาณหรือแม้กระทั่งตัวตน แต่ถ้าสงครามจบลง เทพและเผ่าพันธุ์มนุษย์ของโลกใบนี้จะต้องสังเกตเห็นเขาแน่นอน

พลังทำลายล้างขนาดนั้นจนถึงขั้นยับยั้งสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้ พลังนี้มันคืออะไรกัน

สำหรับกู่ฉิงซาน นี่คือราคาที่ใช้มันออกมา

แต่ต้องบอกว่าหากไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นที่อยากเผชิญหน้ากับความเชื่อในใจ กู่ฉิงซานย่อมไม่สามารถใช้มันจนประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้

เขานิ่งไปสักพักขณะมองสถานการณ์ในสมรภูมิอย่างไม่ใส่ใจ

ตอนนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เปรียบ หลายแห่งยังอับจนหนทางจนต้องส่งดาบบินเพื่อปลดปล่อยประกายดาบวิญญาณอสนีบาตจึงสามารถปัดป้องสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้

กู่ฉิงซานทะยานขึ้นสูง ทั้งร่างของเขาหลอมรวมกับดาบบินหลายร้อยเล่ม พลังของวิญญาณอสนีบาตส่งเสียงคำรามกึกก้องทั่วสมรภูมิที่ดาบบินผ่าน

สัตว์ประหลาดทั้งหมดที่ถูกเขาฟาดฟันตกอยู่ในสภาพที่เคลื่อนไหวไม่ได้ก่อนถูกพรากชีวิตด้วยดาบยาวที่บินผ่านไป

ชัยชนะเริ่มเอนเอียงไปทางเผ่าพันธุ์มนุษย์

“ลุยกันเถอะ”

กู่ฉิงซานกล่าวกับฉานนู่

เขาพาดาบหลายร้อยเล่มข้ามผ่านสมรภูมิขณะบินตรงไปสู่เส้นทางอันไกลลิบ

นั่นคือจุดหมายปลายทางของเขา

นักพรตมนุษย์ทรงพลังและเทพร่วมแรงกัน ณ จุดเชื่อมต่อของทั้งสองโลกเพื่อต่อต้านผู้ปกครองโลกบรรพกาล

เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมากจนเกินไปเข้าสู่แนวหน้าเพื่อสังหารนักพรตมนุษย์ เทพจึงสั่งห้ามไม่ให้นักพรตทั่วไปข้ามแนวหน้า

เพราะผู้ปกครองโลกบรรพกาลคือตัวตนที่นักพรตธรรมดาไม่สามารถต่อกรได้

จุดเชื่อมต่อนั้นสามารถคุ้มกันได้ด้วยนักพรตมนุษย์ที่แข็งแกร่งและเทพเท่านั้น

ขณะบินไป กู่ฉิงซานนึกถึงพิชัยสงครามที่เขาได้อ่าน

ตามบันทึกที่ได้อ่าน จุดเชื่อมต่อของทั้งสองอาณาจักรในคราวนี้คือดินแดนทุรกันดารทางตะวันตกในโลกบรรพกาลและป่าหยกเย็นเยือกในสวรรค์

สงครามเทพเกิดขึ้นในดินแดนกว้างใหญ่แห่งนั้น

ส่วนสถานที่ที่เทพล่วงลับนั้น…

กู่ฉิงซานยืนยันทิศทางตามลักษณะภูมิประเทศอย่างรวดเร็ว

เขาบินไปยังป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี

ใช่แล้ว นี่คือสถานที่ที่เทพต่อสู้และล่วงลับเพราะสัตว์ประหลาดบรรพกาล ป่าหยกเย็นเยือกในสวรรค์!

กู่ฉิงซานมองป่าบนภูเขา ฉับพลันก็รู้สึกถึงบางสิ่ง

ไม่ใช่

เหล่าวิหคบินอย่างอิสระในป่า

มีสัตว์น้อยใหญ่จำนวนมากในป่าเช่นกัน

ถึงแม้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากในโลกใบนี้จะเห็นพลังวิญญาณและนักพรตที่กำลังต่อสู้กันอยู่ แต่พวกมันก็ไม่มีโอกาสที่จะรอดจากการต่อสู้อันดุเดือดนี้ไปได้

กู่ฉิงซานเรียกดาบบินทุกเล่มที่อยู่ไกลลิบกลับมาก่อนกลายร่างเป็นนกขนวายุแล้วบินตรงสู่ท้องนภา

เขาปะปนไปกับฝูงนกขนวายุเหล่านั้นก่อนบินโฉบ

หลังจากบินมาได้สักพัก ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นในป่า ไม่มีแม้แต่เทพหรือสัตว์ประหลาด

นี่ความจำเขาคลาดเคลื่อนหรือเปล่า

ไม่ ไม่ใช่

เทพล่วงลับในครึ่งหลังของสงคราม ประมาณช่วงใกล้ ๆ เที่ยงวัน

กู่ฉิงซานมองพระอาทิตย์ก่อนพลันได้สติขึ้นมา

เวลายังไม่ถึงช่วงนั้นเลยนี่!

แบบนี้ก็เยี่ยมไปเลย

แต่จะอยู่ในป่าโดยไม่ถูกพบจากเทพและสัตว์ประหลาดได้อย่างไร

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างหนักขณะบิน

‘โฮก!’

ฉับพลันนั้นเอง มีเสียงคำรามสะเทือนโลกดังขึ้น

สัตว์ประหลาดบรรพกาลกำลังมา!

ทันทีที่เสียงดังขึ้น สัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนในป่าต่างหมดสติด้วยความตกตะลึง

วิหคบนท้องนภาส่งเสียงร้องก่อนร่วงลงมา

เมื่อกู่ฉิงซานมองดูสถานการณ์ เขากล่าวอย่างยินดีว่า “แบบนี้สิถึงจะดี!”

เขาส่งเสียงร้องเช่นกันก่อนร่วงลงสู่ป่าพร้อมกับวิหคเหล่านั้น

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+