Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 768 ปีกดาบ

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 768 ปีกดาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงกลองสั่นสะเทือนไปถึงท้องนภา

เสียงแตรดังก้อง

ลำแสงระยิบระยับแพรวพราวสว่างไสวตรงสุดขอบฟ้า

กู่ฉิงซานกลายเป็นวิหคขณะทะยานไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี

เมื่อใดที่ผ่านการต่อสู้อันตึงเครียด ดาบบินจะปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

สะเทือนฝัน!

นี่คือพลังอสนีบาตและเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยับยั้งสัตว์ประหลาดบรรพกาล

ด้วยการควบคุมเวลาห้าวินาที ไม่ว่านักพรตจะโง่แค่ไหนก็มีหนทางพลิกกลับมาเสมอ

ความจริง วิถีปรมาจารย์เสียงสามารถยับยั้งสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้เช่นกัน แต่วิธีการใช้เสียงนั้นช่างคลุมเครือและยุ่งยาก โดยทั่วไปแล้วนักพรตผู้คุ้นเคยกับการฝึกฝนธาตุทั้งห้าก็ไม่สามารถปรับตัวได้

วิถีเสียงวายุ อสนีบาต แสงและความมืดคือหนึ่งในองค์ประกอบพิเศษของธาตุทั้งห้า เป็นพลังจิตเพียงชุดเดียวที่ปรากฏในโลกโบราณ

วิถีอสนีบาตของกู่ฉิงซานเป็นกรณีพิเศษ

เขาบินข้ามท้องนภา ดิ่งลงสู่ส่วนลึกของแนวหน้า กลับคืนสู่ร่างมนุษย์อีกครั้งก่อนลงสู่สมรภูมิ

ตอนนี้เขามาอยู่แนวหน้าแล้ว

หากไม่นับกองกำลังเทพและมนุษย์ที่กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบรรพกาลอันทรงพลังแล้ว นี่เป็นแนวต้านสัตว์ประหลาดบรรพกาลจุดแรก

การต่อสู้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

สัตว์ประหลาดบรรพกาลทั้งหมดกดดันเข้ามา

เผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังถอยอย่างมั่นคง

นี่ไม่เหมือนกับกองกำลังเนตรปีศาจในตอนแรก

นี่คือการรุกรานอย่างเต็มกำลังของสัตว์ประหลาด!

กู่ฉิงซานไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนเข้าร่วมการต่อสู้ทันที

เสียงของฉานนู่ดังขึ้น

“นายท่าน พวกเราต้องรอจนถึงช่วงเวลาที่เทพถูกฆ่าไม่ใช่หรือ”

“ไม่” กู่ฉิงซานกล่าว “ชะตากรรมของเทพถูกกำหนดแล้ว พวกเราช่วงชิงไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ในกรณีที่มีใครตามติดมายังภาพซ้อนทับนี้แล้วพบว่าการกระทำของพวกเราไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ตัวตนจะถูกเปิดเผยทันที”

“ถ้าเช่นนั้นพวกเรามาทำอะไรที่นี่ล่ะ” ฉานนู่ถาม

“มาดูว่าเทพตายได้อย่างไร ข้าฆ่ามาแล้วหลายสิ่งแต่ไม่เคยฆ่าเทพสักครั้ง ข้าต้องสังเกตวิธีการของสัตว์ประหลาดบรรพกาล” กู่ฉิงซานกล่าว

ดาบบินลอยกลับมา

สัตว์ประหลาดบรรพกาลถูกสังหารโดยกลุ่มนักพรต

กู่ฉิงซานลงดาบสุดท้าย

ขณะมองข้อความที่แจ้งว่า “ได้รับพลังวิญญาณหนึ่งแสนแต้ม” ที่หลงเหลือบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เราจะสู้ขณะที่รอนี่แหละ”

“ได้ นายท่าน” ฉานนู่ตอบ

ดาบสองเล่ม

กู่ฉิงซานควบคุมดาบสองเล่มเพียงลำพังก่อนเข้าไปในกลุ่มแปลกประหลาด

สัตว์ประหลาดทรงพลังอย่างงูสองปีกหกขาเข้าร่วมศึกของเทพและนักพรตมนุษย์แล้ว

ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ประหลาดบรรพกาลที่มีพละกำลังเทียบเท่าระดับทหารเพื่อใช้จัดการกับนักพรตมนุษย์ที่มีจำนวนมากที่สุดโดยเฉพาะ

การตอบสนองของกู่ฉิงซานไม่ยากจนเกินไป

ด้วยพละกำลังของเขา ทำให้สามารถรับมือการต่อสู้ภายในระยะหลายสิบไมล์ได้และยังสามารถตรวจสอบสถานการณ์อย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อสนับสนุนเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อีกด้วย

ทว่าทั้งแนวหน้ามีความยาวหลายร้อยไมล์ พลังของเขาในสมรภูมิไม่ต่างกับหยดน้ำในมหาสมุทร ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ทั้งหมดได้

‘ตูม!’

เหนือขอบฟ้าไกลลิบ ลำแสงสายหนึ่งพลันพุ่งเข้ามาก่อนระเบิดตรงจุดตัดของทั้งสองฝ่ายที่กำลังทำสงคราม ส่งผลให้สัตว์ประหลาดและนักพรตถูกสังหารเป็นจำนวนมาก

เดิมกู่ฉิงซานยืนอยู่ตรงนั้น ต้องขอบคุณการตอบสนองอันรวดเร็วของเขาที่ทำให้เปิดใช้วิชาเคลื่อนย้ายเพื่อสลับตำแหน่งกับสัตว์ประหลาดโดยตรงได้ทัน

ถึงแม้เขาจะเอาชีวิตรอดมาได้ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อสงครามดำเนินต่อไป

กู่ฉิงซานกัดฟัน ยัดยาเม็ดวิญญาณเข้าปากก่อนเรียกใช้งานวิชาดาบอย่างเต็มกำลัง

ดาบสองเล่มลากประกายอสนีบาตสีน้ำเงินสองสาย เคลื่อนไหวไปมาในสมรภูมิ

“เจ้าเป็นใคร!”

นักพรตคนหนึ่งพลันพุ่งเข้าหา กู่ฉิงซานก่อนตะโกนถาม

“ข้าคือศิษย์ของสำนักเซียนธารจันทรา” กู่ฉิงซานตอบเสียงดังเช่นกัน

“โอ้ ก็ว่าเจ้าหน้าดูคุ้นนัก แต่ทำไมถึงไม่สวมเกราะล่ะ”

“เกราะของข้าหายไปน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“มา สวมของข้า นี่คือเกราะประจำตระกูลข้า ตั้งแต่สวมมาก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน”

นักพรตอดที่จะกล่าวเช่นนั้นไม่ได้ เมื่อเขาทุบหน้าอก เกราะทั้งชุดลอกออกจากตัวก่อนรวมตัวเป็นชุดเกราะเต็มรูปแบบที่สวยงามต่อหน้าทั้งสองอัตโนมัติ

กู่ฉิงซานตกตะลึง

เขามองนักพรตก่อนถามว่า “หากข้าสวมชุดนี้ แล้วเจ้าล่ะ”

นักพรตยื่นมือออกไปลูบเกราะ “ข้าไม่เป็นไร ข้าเป็นเพียงผู้ใช้วิชาวิญญาณอัคคี แค่ซ่อนอยู่ด้านหลังแล้วโจมตีก็พอแล้ว”

เมื่อเห็นว่ากู่ฉิงซานจะค้านต่อ นักพรตกล่าวว่า “เจ้าน่ะไม่ใช่ ตราบที่มีเกราะ เจ้าสามารถเพิ่มเวลาหายใจให้กับทุกคนได้มากขึ้นด้วยการพุ่งเข้าหาศัตรู เจ้ากล้าสวมเกราะของข้าเพื่อทำเช่นนั้นสักพักหรือไม่ล่ะ”

กู่ฉิงซานตอบว่า “ทำไมจะไม่กล้า!”

นักพรตยิ้มให้เขาก่อนเอามือออกจากเกราะ

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปก่อนแนบกับเกราะโลหะหนักและเย็นเยือกเพื่อถ่ายพลังวิญญาณเข้าไป

อักขระพลังวิญญาณจำนวนมากส่องแสงบนพื้นผิวของเกราะศึก

‘ตูม!’

เกราะศึกทั้งชุดหายไปทันที มันประกอบเข้ากับตัวเขาทีละชิ้นจนเกิดเป็นชุดเกราะที่สมบูรณ์

เสียงของฉานนู่กล่าวเตือนว่า “นายท่าน ไม่ต้องรีบร้อน จำไม่ได้หรือว่าพวกเราต้องรออยู่ที่นี่เพื่อดูว่าเทพตายได้อย่างไร”

“ข้ารู้ เกือบลืมไปเลย” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาสวมหมวก ยื่นมือออกไปเรียกดาบสองเล่ม เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ข้าคือผู้ใช้วิชาดาบ ทุกคนตามข้ามา”

เขาพุ่งเข้าหากลุ่มสัตว์ประหลาดบรรพกาล

ใจกลางเส้นทาง ประกายดาบอสนีบาตแพรวพราวพรูพรั่งจนไม่อาจหยุดยั้ง ทำให้ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้

สัตว์ประหลาดบรรพกาลพลันเผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยอสนีบาตจนไม่สามารถรุดหน้าไปต่อได้ ส่งผลให้ต้องถอยกลับอย่างระวัง

ขวัญกำลังใจของนักพรตมนุษย์เพิ่มขึ้นมาก่อนส่งเสียงตะโกน

“โอ้!”

“ลุยเลย!”

“ฆ่าพวกมัน!”

เผ่าพันธุ์มนุษย์เริ่มทะลวงตำแหน่งของสัตว์ประหลาดบรรพกาล

นี่คือการโต้กลับ!

ดาบสองเล่มของกู่ฉิงซานฟาดฟัน ดาบเล่มหนึ่งไวกว่าอีกเล่ม

ด้วยชุดเกราะที่ทนทานนี้ เขาแค่ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!

นักพรตเผ่าพันธุ์มนุษย์ติดตามเขาราวคลื่นน้ำขณะโจมตีแนวหน้าของสัตว์ประหลาดอย่างบ้าคลั่ง

จำนวนสัตว์ประหลาดที่เสียชีวิตเริ่มเพิ่มขึ้นเพราะเหตุนั้น

ซากศพของสัตว์ประหลาดกองอยู่แทบเท้าของนักพรต

ในเวลาเดียวกัน กู่ฉิงซานพลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง มีเสียงคำรามลุกลี้ลุกลนดังขึ้น

นักพรตธาตุทั้งห้าผู้ให้เขายืมเกราะตายแล้ว

ในบรรดาสัตว์ประหลาดโบราณ มีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งขว้างหนามยาวที่ดึงออกจากร่างกายได้อย่างแม่นยำ

นักพรตธาตุทั้งห้าไร้เกราะ จึงถูกหนามยาวทะลวงจนถึงแก่ความตาย

นี่คือสมรภูมิ นี่คือแนวหน้า สถานที่ที่ผู้คนตายสามารถตายได้ทุกที่ทุกเวลา

แต่ว่า

“พวกแก ตาย!” กู่ฉิงซานคำราม

‘ตูม!’

แสงอสนีบาตระเบิดขึ้นราวฟ้าผ่า ฉีกร่างของสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้เป็นจำนวนมาก

กู่ฉิงซานไม่มีเวลามาระบายอารมณ์มากไปกว่านี้แล้ว เขาให้ต้องความสนใจเรื่องตัวเองก่อนเพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบเดียวกัน

เขาสงบสติตัวเองอีกครั้ง

ทว่า เสียงของนักพรตยังดังก้องในหูของเขา

“เจ้าน่ะไม่ใช่ ตราบที่มีเกราะ เจ้าสามารถเพิ่มเวลาหายใจให้กับทุกคนได้มากขึ้นด้วยการพุ่งเข้าหาศัตรู เจ้ากล้าสวมเกราะของข้าเพื่อทำเช่นนั้นสักพักหรือไม่ล่ะ” เขาถาม

“ทำไมจะไม่กล้า!”

บัดซบ!

ทำไมกัน

เห็นได้ชัดว่าข้าพยายามอย่างหนักแล้ว พยายามอย่างหนักที่จะพัฒนาพลังของตัวเองแล้ว

ทำไมข้ายังไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้อีก

ดวงตาของกู่ฉิงซานแดงก่ำ

เขาเงียบไปสักพัก

นักพรตรอบข้างต่างคิดว่าเขาเหนื่อยล้าจึงรีบมารวมตัวเพื่อคอยคุ้มกันและขัดขวางฝ่ายตรงข้าม

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้วิชาดาบที่จะวิ่งเข้าใส่ ทันทีที่ทำ ทุกคนจะต้องตามติดเพื่อให้การสนับสนุนให้ทันท่วงที

เพราะผู้ใช้วิชาดาบไม่เคยทำให้พวกพ้องผิดหวังจนกว่าตัวจะตาย

“อะไรกัน”

บนสมรภูมิ เสียงร้องโหยหวนยาวอย่างเจ็บปวดของกู่ฉิงซานดังขึ้น

พลังวิญญาณทั่วร่างของเขาพลันสลายก่อนกวาดไปยังด้านหลังของสมรภูมิ

ดาบที่อยู่ข้างซากศพ ดาบที่แน่นิ่งในแอ่งโลหิต ดาบที่สูญหายในสมรภูมิ ดาบที่เสียบอยู่กับสัตว์ประหลาด

ดาบทุกเล่ม

หึ่ง

พวกมันทุกเล่มส่งเสียงหึ่ง

ดาบเล่มแรกเป็นอิสระจากมือของนักพรตที่ตายแล้ว มันบินรอบตัวนักพรตอย่างเงียบงันก่อนพลันทะยานขึ้นในอากาศ หลังจากทะลวงผ่านอาคมชั้นวายุ มันบินมาอยู่ด้านหลังกู่ฉิงซาน

ดาบเล่มที่สองกระเด็นลงไปในแอ่งโลหิต มันส่งเสียงกรีดร้องก่อนบินมาที่ด้านหลังกู่ฉิงซาน

ดาบเล่มที่สามพุ่งออกจากร่างของสัตว์ประหลาดก่อนบินมาอยู่ด้านหลังกู่ฉิงซาน

ดาบเล่มที่สี่…

ดาบยาวทุกเล่มที่ถูกเรียกโดยผู้ใช้วิชาดาบมาอยู่ที่ด้านหลังของกู่ฉิงซานก่อนกลายเป็นปีกดาบสองข้างที่ยังแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ

พวกมันปะทะกันอย่างแผ่วเบาขณะส่งแรงกระเพื่อมแล้วรอคอย

กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ฉานนู่…ขอโทษด้วย ข้ามีหลายวิธีที่จะรู้ว่าเทพตายได้อย่างไร แต่ตอนนี้ข้ายังไปไม่ได้”

ฉานนู่กล่าวว่า “ไม่เป็นไร นายท่าน ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ข้าจะให้การสนับสนุน ข้าเป็นดาบของท่าน”

กู่ฉิงซานพลันเงยศีรษะขึ้นขณะมองกลุ่มสัตว์ประหลาดที่อยู่หน้าภูเขาราวกับทะเล

“เอาล่ะ เลือกใช้ค่ายกลดาบวิญญาณอสนีบาตไท่อี่” เขาพึมพำอย่างแผ่วเบา

สายลมพัดแรงกล้า

ฟ้าร้องอย่างเกรี้ยวกราด

ค่ายกลดาบเริ่มทำงาน

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 768 ปีกดาบ

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 768 ปีกดาบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงกลองสั่นสะเทือนไปถึงท้องนภา

เสียงแตรดังก้อง

ลำแสงระยิบระยับแพรวพราวสว่างไสวตรงสุดขอบฟ้า

กู่ฉิงซานกลายเป็นวิหคขณะทะยานไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี

เมื่อใดที่ผ่านการต่อสู้อันตึงเครียด ดาบบินจะปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

สะเทือนฝัน!

นี่คือพลังอสนีบาตและเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยับยั้งสัตว์ประหลาดบรรพกาล

ด้วยการควบคุมเวลาห้าวินาที ไม่ว่านักพรตจะโง่แค่ไหนก็มีหนทางพลิกกลับมาเสมอ

ความจริง วิถีปรมาจารย์เสียงสามารถยับยั้งสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้เช่นกัน แต่วิธีการใช้เสียงนั้นช่างคลุมเครือและยุ่งยาก โดยทั่วไปแล้วนักพรตผู้คุ้นเคยกับการฝึกฝนธาตุทั้งห้าก็ไม่สามารถปรับตัวได้

วิถีเสียงวายุ อสนีบาต แสงและความมืดคือหนึ่งในองค์ประกอบพิเศษของธาตุทั้งห้า เป็นพลังจิตเพียงชุดเดียวที่ปรากฏในโลกโบราณ

วิถีอสนีบาตของกู่ฉิงซานเป็นกรณีพิเศษ

เขาบินข้ามท้องนภา ดิ่งลงสู่ส่วนลึกของแนวหน้า กลับคืนสู่ร่างมนุษย์อีกครั้งก่อนลงสู่สมรภูมิ

ตอนนี้เขามาอยู่แนวหน้าแล้ว

หากไม่นับกองกำลังเทพและมนุษย์ที่กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบรรพกาลอันทรงพลังแล้ว นี่เป็นแนวต้านสัตว์ประหลาดบรรพกาลจุดแรก

การต่อสู้มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

สัตว์ประหลาดบรรพกาลทั้งหมดกดดันเข้ามา

เผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังถอยอย่างมั่นคง

นี่ไม่เหมือนกับกองกำลังเนตรปีศาจในตอนแรก

นี่คือการรุกรานอย่างเต็มกำลังของสัตว์ประหลาด!

กู่ฉิงซานไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนเข้าร่วมการต่อสู้ทันที

เสียงของฉานนู่ดังขึ้น

“นายท่าน พวกเราต้องรอจนถึงช่วงเวลาที่เทพถูกฆ่าไม่ใช่หรือ”

“ไม่” กู่ฉิงซานกล่าว “ชะตากรรมของเทพถูกกำหนดแล้ว พวกเราช่วงชิงไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ในกรณีที่มีใครตามติดมายังภาพซ้อนทับนี้แล้วพบว่าการกระทำของพวกเราไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ตัวตนจะถูกเปิดเผยทันที”

“ถ้าเช่นนั้นพวกเรามาทำอะไรที่นี่ล่ะ” ฉานนู่ถาม

“มาดูว่าเทพตายได้อย่างไร ข้าฆ่ามาแล้วหลายสิ่งแต่ไม่เคยฆ่าเทพสักครั้ง ข้าต้องสังเกตวิธีการของสัตว์ประหลาดบรรพกาล” กู่ฉิงซานกล่าว

ดาบบินลอยกลับมา

สัตว์ประหลาดบรรพกาลถูกสังหารโดยกลุ่มนักพรต

กู่ฉิงซานลงดาบสุดท้าย

ขณะมองข้อความที่แจ้งว่า “ได้รับพลังวิญญาณหนึ่งแสนแต้ม” ที่หลงเหลือบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เราจะสู้ขณะที่รอนี่แหละ”

“ได้ นายท่าน” ฉานนู่ตอบ

ดาบสองเล่ม

กู่ฉิงซานควบคุมดาบสองเล่มเพียงลำพังก่อนเข้าไปในกลุ่มแปลกประหลาด

สัตว์ประหลาดทรงพลังอย่างงูสองปีกหกขาเข้าร่วมศึกของเทพและนักพรตมนุษย์แล้ว

ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ประหลาดบรรพกาลที่มีพละกำลังเทียบเท่าระดับทหารเพื่อใช้จัดการกับนักพรตมนุษย์ที่มีจำนวนมากที่สุดโดยเฉพาะ

การตอบสนองของกู่ฉิงซานไม่ยากจนเกินไป

ด้วยพละกำลังของเขา ทำให้สามารถรับมือการต่อสู้ภายในระยะหลายสิบไมล์ได้และยังสามารถตรวจสอบสถานการณ์อย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อสนับสนุนเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อีกด้วย

ทว่าทั้งแนวหน้ามีความยาวหลายร้อยไมล์ พลังของเขาในสมรภูมิไม่ต่างกับหยดน้ำในมหาสมุทร ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ทั้งหมดได้

‘ตูม!’

เหนือขอบฟ้าไกลลิบ ลำแสงสายหนึ่งพลันพุ่งเข้ามาก่อนระเบิดตรงจุดตัดของทั้งสองฝ่ายที่กำลังทำสงคราม ส่งผลให้สัตว์ประหลาดและนักพรตถูกสังหารเป็นจำนวนมาก

เดิมกู่ฉิงซานยืนอยู่ตรงนั้น ต้องขอบคุณการตอบสนองอันรวดเร็วของเขาที่ทำให้เปิดใช้วิชาเคลื่อนย้ายเพื่อสลับตำแหน่งกับสัตว์ประหลาดโดยตรงได้ทัน

ถึงแม้เขาจะเอาชีวิตรอดมาได้ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อสงครามดำเนินต่อไป

กู่ฉิงซานกัดฟัน ยัดยาเม็ดวิญญาณเข้าปากก่อนเรียกใช้งานวิชาดาบอย่างเต็มกำลัง

ดาบสองเล่มลากประกายอสนีบาตสีน้ำเงินสองสาย เคลื่อนไหวไปมาในสมรภูมิ

“เจ้าเป็นใคร!”

นักพรตคนหนึ่งพลันพุ่งเข้าหา กู่ฉิงซานก่อนตะโกนถาม

“ข้าคือศิษย์ของสำนักเซียนธารจันทรา” กู่ฉิงซานตอบเสียงดังเช่นกัน

“โอ้ ก็ว่าเจ้าหน้าดูคุ้นนัก แต่ทำไมถึงไม่สวมเกราะล่ะ”

“เกราะของข้าหายไปน่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว

“มา สวมของข้า นี่คือเกราะประจำตระกูลข้า ตั้งแต่สวมมาก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน”

นักพรตอดที่จะกล่าวเช่นนั้นไม่ได้ เมื่อเขาทุบหน้าอก เกราะทั้งชุดลอกออกจากตัวก่อนรวมตัวเป็นชุดเกราะเต็มรูปแบบที่สวยงามต่อหน้าทั้งสองอัตโนมัติ

กู่ฉิงซานตกตะลึง

เขามองนักพรตก่อนถามว่า “หากข้าสวมชุดนี้ แล้วเจ้าล่ะ”

นักพรตยื่นมือออกไปลูบเกราะ “ข้าไม่เป็นไร ข้าเป็นเพียงผู้ใช้วิชาวิญญาณอัคคี แค่ซ่อนอยู่ด้านหลังแล้วโจมตีก็พอแล้ว”

เมื่อเห็นว่ากู่ฉิงซานจะค้านต่อ นักพรตกล่าวว่า “เจ้าน่ะไม่ใช่ ตราบที่มีเกราะ เจ้าสามารถเพิ่มเวลาหายใจให้กับทุกคนได้มากขึ้นด้วยการพุ่งเข้าหาศัตรู เจ้ากล้าสวมเกราะของข้าเพื่อทำเช่นนั้นสักพักหรือไม่ล่ะ”

กู่ฉิงซานตอบว่า “ทำไมจะไม่กล้า!”

นักพรตยิ้มให้เขาก่อนเอามือออกจากเกราะ

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปก่อนแนบกับเกราะโลหะหนักและเย็นเยือกเพื่อถ่ายพลังวิญญาณเข้าไป

อักขระพลังวิญญาณจำนวนมากส่องแสงบนพื้นผิวของเกราะศึก

‘ตูม!’

เกราะศึกทั้งชุดหายไปทันที มันประกอบเข้ากับตัวเขาทีละชิ้นจนเกิดเป็นชุดเกราะที่สมบูรณ์

เสียงของฉานนู่กล่าวเตือนว่า “นายท่าน ไม่ต้องรีบร้อน จำไม่ได้หรือว่าพวกเราต้องรออยู่ที่นี่เพื่อดูว่าเทพตายได้อย่างไร”

“ข้ารู้ เกือบลืมไปเลย” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาสวมหมวก ยื่นมือออกไปเรียกดาบสองเล่ม เขาตะโกนด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ข้าคือผู้ใช้วิชาดาบ ทุกคนตามข้ามา”

เขาพุ่งเข้าหากลุ่มสัตว์ประหลาดบรรพกาล

ใจกลางเส้นทาง ประกายดาบอสนีบาตแพรวพราวพรูพรั่งจนไม่อาจหยุดยั้ง ทำให้ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้

สัตว์ประหลาดบรรพกาลพลันเผชิญหน้ากับการโจมตีด้วยอสนีบาตจนไม่สามารถรุดหน้าไปต่อได้ ส่งผลให้ต้องถอยกลับอย่างระวัง

ขวัญกำลังใจของนักพรตมนุษย์เพิ่มขึ้นมาก่อนส่งเสียงตะโกน

“โอ้!”

“ลุยเลย!”

“ฆ่าพวกมัน!”

เผ่าพันธุ์มนุษย์เริ่มทะลวงตำแหน่งของสัตว์ประหลาดบรรพกาล

นี่คือการโต้กลับ!

ดาบสองเล่มของกู่ฉิงซานฟาดฟัน ดาบเล่มหนึ่งไวกว่าอีกเล่ม

ด้วยชุดเกราะที่ทนทานนี้ เขาแค่ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!

นักพรตเผ่าพันธุ์มนุษย์ติดตามเขาราวคลื่นน้ำขณะโจมตีแนวหน้าของสัตว์ประหลาดอย่างบ้าคลั่ง

จำนวนสัตว์ประหลาดที่เสียชีวิตเริ่มเพิ่มขึ้นเพราะเหตุนั้น

ซากศพของสัตว์ประหลาดกองอยู่แทบเท้าของนักพรต

ในเวลาเดียวกัน กู่ฉิงซานพลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง มีเสียงคำรามลุกลี้ลุกลนดังขึ้น

นักพรตธาตุทั้งห้าผู้ให้เขายืมเกราะตายแล้ว

ในบรรดาสัตว์ประหลาดโบราณ มีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งขว้างหนามยาวที่ดึงออกจากร่างกายได้อย่างแม่นยำ

นักพรตธาตุทั้งห้าไร้เกราะ จึงถูกหนามยาวทะลวงจนถึงแก่ความตาย

นี่คือสมรภูมิ นี่คือแนวหน้า สถานที่ที่ผู้คนตายสามารถตายได้ทุกที่ทุกเวลา

แต่ว่า

“พวกแก ตาย!” กู่ฉิงซานคำราม

‘ตูม!’

แสงอสนีบาตระเบิดขึ้นราวฟ้าผ่า ฉีกร่างของสัตว์ประหลาดบรรพกาลได้เป็นจำนวนมาก

กู่ฉิงซานไม่มีเวลามาระบายอารมณ์มากไปกว่านี้แล้ว เขาให้ต้องความสนใจเรื่องตัวเองก่อนเพื่อไม่ให้เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบเดียวกัน

เขาสงบสติตัวเองอีกครั้ง

ทว่า เสียงของนักพรตยังดังก้องในหูของเขา

“เจ้าน่ะไม่ใช่ ตราบที่มีเกราะ เจ้าสามารถเพิ่มเวลาหายใจให้กับทุกคนได้มากขึ้นด้วยการพุ่งเข้าหาศัตรู เจ้ากล้าสวมเกราะของข้าเพื่อทำเช่นนั้นสักพักหรือไม่ล่ะ” เขาถาม

“ทำไมจะไม่กล้า!”

บัดซบ!

ทำไมกัน

เห็นได้ชัดว่าข้าพยายามอย่างหนักแล้ว พยายามอย่างหนักที่จะพัฒนาพลังของตัวเองแล้ว

ทำไมข้ายังไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้อีก

ดวงตาของกู่ฉิงซานแดงก่ำ

เขาเงียบไปสักพัก

นักพรตรอบข้างต่างคิดว่าเขาเหนื่อยล้าจึงรีบมารวมตัวเพื่อคอยคุ้มกันและขัดขวางฝ่ายตรงข้าม

ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้วิชาดาบที่จะวิ่งเข้าใส่ ทันทีที่ทำ ทุกคนจะต้องตามติดเพื่อให้การสนับสนุนให้ทันท่วงที

เพราะผู้ใช้วิชาดาบไม่เคยทำให้พวกพ้องผิดหวังจนกว่าตัวจะตาย

“อะไรกัน”

บนสมรภูมิ เสียงร้องโหยหวนยาวอย่างเจ็บปวดของกู่ฉิงซานดังขึ้น

พลังวิญญาณทั่วร่างของเขาพลันสลายก่อนกวาดไปยังด้านหลังของสมรภูมิ

ดาบที่อยู่ข้างซากศพ ดาบที่แน่นิ่งในแอ่งโลหิต ดาบที่สูญหายในสมรภูมิ ดาบที่เสียบอยู่กับสัตว์ประหลาด

ดาบทุกเล่ม

หึ่ง

พวกมันทุกเล่มส่งเสียงหึ่ง

ดาบเล่มแรกเป็นอิสระจากมือของนักพรตที่ตายแล้ว มันบินรอบตัวนักพรตอย่างเงียบงันก่อนพลันทะยานขึ้นในอากาศ หลังจากทะลวงผ่านอาคมชั้นวายุ มันบินมาอยู่ด้านหลังกู่ฉิงซาน

ดาบเล่มที่สองกระเด็นลงไปในแอ่งโลหิต มันส่งเสียงกรีดร้องก่อนบินมาที่ด้านหลังกู่ฉิงซาน

ดาบเล่มที่สามพุ่งออกจากร่างของสัตว์ประหลาดก่อนบินมาอยู่ด้านหลังกู่ฉิงซาน

ดาบเล่มที่สี่…

ดาบยาวทุกเล่มที่ถูกเรียกโดยผู้ใช้วิชาดาบมาอยู่ที่ด้านหลังของกู่ฉิงซานก่อนกลายเป็นปีกดาบสองข้างที่ยังแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ

พวกมันปะทะกันอย่างแผ่วเบาขณะส่งแรงกระเพื่อมแล้วรอคอย

กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ฉานนู่…ขอโทษด้วย ข้ามีหลายวิธีที่จะรู้ว่าเทพตายได้อย่างไร แต่ตอนนี้ข้ายังไปไม่ได้”

ฉานนู่กล่าวว่า “ไม่เป็นไร นายท่าน ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ข้าจะให้การสนับสนุน ข้าเป็นดาบของท่าน”

กู่ฉิงซานพลันเงยศีรษะขึ้นขณะมองกลุ่มสัตว์ประหลาดที่อยู่หน้าภูเขาราวกับทะเล

“เอาล่ะ เลือกใช้ค่ายกลดาบวิญญาณอสนีบาตไท่อี่” เขาพึมพำอย่างแผ่วเบา

สายลมพัดแรงกล้า

ฟ้าร้องอย่างเกรี้ยวกราด

ค่ายกลดาบเริ่มทำงาน

……………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+