Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 582

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 582 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.582 – เสียงของผู้หญิง

 

นอกเหนือไปจากผีร้ายกลืนวิญญาณที่ตายลงไปแล้ว

 

กู่ฉิงซานกับอีเลียก็ไม่ได้ค้นพบอะไรอีกเลย

 

หุบเขาทั้งลูกได้แปรสภายกลายเป็นเทือกเขาสูงตระหง่าน ขณะเดียวกันสัตว์ประหลาดผีทั้งหมดก็หายตัวไป

 

เบาะแสเดียวก็คือนเสียงแปลกๆของผู้หญิง

 

อย่างไรก็ตาม จะตัดสินได้ยังไงว่านี่เป็นเสียงผู้หญิงของใคร?

 

“เจ้าเชื่อคำกล่าวของสัตว์ประหลาดผีตนนี้หรือไม่?” อีเลียเอ่ยถาม

 

“มันไม่คุ้มค่าที่จะเชื่อ แต่ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกภาคภูมิใจในเฮือกสุดท้ายของมัน” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“แล้วกองทัพผีล่ะ? เมื่อครู่นี้พวกเราได้ยินว่ามีบางสิ่งสั่งให้มันล่าถอย อย่าบอกนะว่าพวกมันล้มเลิกความคิดที่จะโจมตีแล้วจริงๆ?” อีเลียเอ่ยถาม

 

“ผมไม่คิดแบบนั้น สำหรับต้นกำเนิดน่ะ มันไม่ใส่ใจกับความล้มเหลวใดๆ ตรงกันข้าม มันกลับทุ่มเทอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะได้สิ่งที่มันต้องการมาครอบครอง” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“แต่กองทัพของพวกมันทั้งหมดได้หายไป”

 

“หรือบางทีที่พวกเราไม่เจอพวกมันจะเป็นเพราะ … ”

 

กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ปากเอ่ยกล่าวต่อ “พวกมันอาจจะออกจากโลกใบนี้ แล้วกลับไปยังชั้นน้ำแข็งก็เป็นได้”

 

ในโลกสมบัติของทริสเต้ โดยสิ้นเชิงแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น โดยแต่ละชั้นแยกจากกัน คือ ชั้นน้ำแข็ง , ชั้นทะเล และสุดท้ายชั้นของสายพันธุ์เทพ

 

หากสัตว์ประหลาดผีออกจากชั้นสายพันธุ์เทพ ที่ๆพวกมันจะไปได้ ก็คงมีเพียงชั้นน้ำแข็งที่อยู่นอกสุดเท่านั้น

 

และผู้เข้าสู่วิถีมารทั้งหมดก็อยู่ในชั้นที่ว่านั่นเช่นกัน

 

อีเลีย “แต่ข้าได้ใช้สมบัตที่สามารถแทรกซึมผ่านกำแพงอุปสรรคได้เพียงครั้งเดียวไปแล้ว เกรงว่าหากออกไป ข้าจะไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีก”

 

“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล ผมสามารถรับประกันว่าพวกเราจะเดินทางกลับมาได้”

 

“งั้นก็ดี พวกเราไปตรวจสอบต่อกันเถิด”

 

ร่างของทั้งสองทะยานตัวขึ้น ปะทะกับสายลมอย่างรุนแรง เตรียมมุ่งหน้าออกจากโลกชั้นในสุด

 

เมื่อมาถึงกำแพงอุปสรรคของเหล่าทวยเทพ กู่ฉิงซานก็วาดดาบเช่าหยินออกไป

 

กำแพงอุปสรรคเปิดออกทันที เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ทั้งสอง

 

เมื่อออกมา เขาก็เหวี่ยงดาบยาวไปอีกครั้ง และทะเลก็วิ่งผ่านเจ้ามาในกำแพงอุปสรรค กลบทางเข้าที่เคยเปิดออก ให้หุบลงดังเดิม

 

“ที่แท้ดาบยาวของเจ้าก็ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทวยเทพ และมีพลังที่สามารถใช้ในการควบคุมจิตวิญญาณแห่งน้ำนี่เอง” อีเลียถอนหายใจ “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดลอร่าจึงเอาแต่คิดถึงดาบของเจ้าอยู่เสมอๆ”

 

“มาเถอะ ไปดูกันว่าข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้นกันบ้าง” กู่ฉิงซานกล่าว

 

ทั้งสองบินขึ้นไป

 

เมื่อใกล้จะไปถึงชั้นเปลือกน้ำแข็ง กู่ฉิงซานก็หยุด

 

“มีอะไรงั้นหรือ?” อีเลียเอ่ยถาม

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องทำการสำรวจขึ้นไปจากทะเลเบื้องล่าง ไม่ขึ้นไปใกล้บนบกมากเกินไป เพราะเดี๋ยวจะถูกจับสังเกตได้” กู่ฉิงซานกล่าว

 

อีเลียเงยหน้าขึ้น

 

เห็นแค่เพียงเหนือน้ำทะเลสีฟ้า เป็นชั้นบางๆของเปลือกน้ำแข็งสีขาว

 

ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ ต่อให้อยู่ในทะเล เธอก็ยังสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวบนเปลือกน้ำแข็งได้ โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นไป

 

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะแฝงตัวโดยการไหลไปตามทิศทางของกระแสน้ำ และเฝ้าตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อดูว่าจะพบเบาะแสอะไรบ้าง”

 

ว่าจบ ทั้งสองก็ปล่อยตัวไปตามกระแสน้ำ ลอยขึ้นไปอีกไม่กี่นาทีจึงหยุดลง

 

เหนือพวกเขาขึ้นไป เป็นเปลือกน้ำแข็งที่แต่เดิมสมควรมีสีขาวบริสุทธิ์ แต่บัดนี้กลับดำทะมึนไปด้วยกลิ่นอายอันมืดมิด ของสัตว์ประหลาดผีที่กระจุกรวมตัวกันอย่างหนาแน่น

 

กองทัพผีมารวมตัวกันที่นี่น่ะเอง!

 

ทั้งสองมองหน้ากันและกัน และเห็นถึงความประหลาดใจบนสีหน้าของอีกฝ่าย

 

ระบบของราชามารได้สั่งให้ทหารถอนทัพจริงๆน่ะหรือ?

 

อย่างไรก็ตาม แม้อีเลียจะยังคงสับสน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายใจลงเล็กน้อย

 

แต่กู่ฉิงซานน่ะตรงกันข้าม คิ้วของเขาขมวดมุ่น

 

นี่มันไม่ถูกต้อง

 

ถึงแม้ว่าตนจะได้มาเห็นว่ากองทัพผีล่าถอยแล้วจริงๆด้วยตาตัวเอง แต่กู่ฉิงซานก็ไม่มีความคิดว่าต้นกำเนิดมันจะยอมรับความพ่ายแพ้จริงๆ

 

ซึ่งเขารู้เรื่องนี้ดี … ดีกว่าใครๆ

 

มันไม่เลือกวิธีการ ใจดำอำมหิต ไร้ซึ่งความปราณีและแสนโหดร้าย

 

แล้วด้วยการดำรงอยู่เช่นนั้น จู่ๆมันจะมาใจดี ยอมให้กองทัพผีถอยทัพไปซะเฉยๆได้อย่างไรกัน?

 

ไม่เพียงกองทัพผี แต่กระทั่งผีแห่งความอลหม่าน ทั้งหมดก็ยังถอนตัวออกจากโลกของสายพันธุ์เทพ

 

กุญแจสำคัญของเรื่องนี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?

 

กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงการตริตรอง

 

“มาเถอะ ไปดูกันว่าทางฝั่งเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารกำลังทำอะไรกันอยู่” อีเลียกล่าว

 

“รับทราบ” กู่ฉิงซานขานรับ

 

ทั้งสองดิ่งลงไปในทะเลลึก และว่ายไปอีกทิศทางจนถึงบริเวณใต้ค่ายที่ผู้เข้าสู่วิถีมารประจำการอยู่

 

อีเลียเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง

 

กู่ฉิงซานจีบออกด้วยวิชาลับยับยั้งลมหายใจ และเพ่งตรวจสอบการเคลื่อนไหวเหนือเปลือกน้ำแข็งอย่างรอบคอบ

 

เห็นแค่เพียงเหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารกำลังจัดเก็บกระเป๋าเดินทาง เตรียมตัวที่จะจากไป

 

ใช่แล้วล่ะ กระทั่งกระโจมพักแรมที่ใช้ค้างคืนก็ยังถูกพับเก็บ

 

เป็นเรื่องจริงแน่นอนที่ผู้เข้าสู่วิถีมารกำลังจะออกเดินทาง

 

“ถ้ากระทั่งพวกเขาก็ยังถอนตัว ต่อจากนี้ไปพวกเราก็คงจะปลอดภัยแล้ว” อีเลียกล่าว

 

กู่ฉิงซานไม่ตอบ เขายังคงไม่อยากจะเชื่อ

 

“ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าฉันเป็นต้นกำเนิด ฉันจะบอกให้สมุนทั้งหมดถอนทัพจริงๆน่ะหรือ .. ”

 

เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง

 

“นี่สมควรจะเป็นคำสั่งของระบบราชามาร ที่สั่งการให้ยกเลิกการโจมตีทั้งหมด” อีเลียกล่าว

 

“ยกเลิกการโจมตี ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ?” กู่ฉิงซานกล่าว

 

อีเลียลองคิดเกี่ยวกับมันจึงเอ่ยถาม “ก็แล้วจักต้องเป็นภายใต้สถานการณ์ใดเล่า เจ้าจึงจะเลิกโจมตี ยอมแพ้ในการต่อสู้?”

 

“ผมน่ะเหรอ? ไม่หรอก ถ้าเป็นผมผมจะไม่ยอมแพ้แน่ๆ และต้นกำเนิดเองก็น่าจะเหมือนกัน”

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ๆเขาก็ย้อนนึกไปถึงเสียงถอนหายใจของผู้หญิงอีกครั้ง

 

“ฝ่าฟันหนทางแสนยาวไกลจนมาถึงที่นี่ ตัวข้าคล้ายดั่งตกอยู่ในห้วงฝัน ไม่ทันจะคาดคิดเลย ว่าจักต้องจากบ้านมาเยือนต่างแดนอย่างกระทันหัน .. ”

 

แน่นอน ว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเนื้อเพลงหรอก แต่เป็นทำนองในการร้องเพลง ที่มันเหมือนกับว่าจะปลุกความทรงจำบางอย่างในหัวของเขาขึ้นมาต่างหาก

 

กู่ฉิงซานที่ลอยล่องอยู่ในทะเลลึก เค้นสมองไตร่ตรอง

 

สถานการณ์ในปัจจุบัน มันเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันจริงๆ

 

มันจะต้องมีบางอย่างที่เขาไม่ทันจะได้รู้ตัว และเกิดขึ้นไปแล้วแน่ๆ

 

กู่ฉิงซานหลับตาลง แล้วลองเค้นสมองอย่างรอบคอบ

 

เขาย้อนนึกไปตั้งแต่ที่ตนได้เข้ามาสู่โลกที่ถูกทอดทิ้งโดยเหล่าทวยเทพใบนี้ สะท้อนภาพมันให้ปรากฏขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง

 

ตั้งแต่แรกที่เขาได้เข้ามายังโลกใบนี้ เขาไม่มีความคิดอื่นใดอีกเลย นอกจากพิจารณาว่าสมควรจะร่อนลงหาที่ซ่อนตัวตรงจุดไหนดี สุดท้ายตนจึงเลือกทิศทางที่ห่างไกลจากตัวเมือง และร่อนลงบริเวณชานเมืองที่ห่างออกไป

 

‘ตัวฉันมองเห็นอะไรบ้างนะ ในเวลานั้น?’

 

ใช่แล้ว

 

เป็นเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงที่กำลังกอดกันแน่น

 

บนใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว ตายลงทั้งๆอย่างนั้น

 

ต่อมา ผีแห่งความอลหม่านก็ปรากฏตัวขึ้น

 

จากนั้น ตลอดเส้นทางที่กำมุ่งเดินก็เต็มไปด้วยตึกประการังอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

 

ผู้คนที่อยู่ภายในปะการัง ยังคงอยู่ในกริยาเคลื่อนไหวเดิม ดื่ม กิน เดิน วิ่ง หรือกระทั่งพูดคุยกับคนอื่นๆ

 

การแสดงออกของพวกเขาเหมือนกับมีชีวิต ราวกับไม่รู้ตัวเลยว่าตนได้ตายไปแล้ว

 

ภายหลัง ม้าทมิฬยังเคยกล่าวกับตัวกู่ฉิงซาน ว่ามันคลับคล้ายคลับคลาว่าจะตาฝาด เห็นใบหน้าของศพผุดรอยยิ้มขึ้นมา

 

จากนั้น เขาก็ทิ้งลอร่าไว้กับดาบขุนเขาเทวะหกโลกา เพื่อให้มันคอยปกป้องเธอ ส่วนตนก็แยกตัวออกไปสำรวจเมืองคนเดียว

 

ในช่วงเวลานั้น ฉันเห็นอะไรอีกบ้างนะ?

 

ผู้คนนับพันหมื่นที่เสียชีวิต บนใบหน้าแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มแปลกๆ เดินเรียงรายกันเป็นแถวอย่างเรียบร้อย ก้าวช้าๆตรงไปยังจตุรัสอย่างเงียบๆ

 

ขณะที่บนจตุรัส มีมอนสเตอร์ยอดเขาทะมึนกำลังกลืนกินศพเหล่านั้นอยู่

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะพูดในสิ่งที่คิดออกมาดังๆ

 

“มันออกจะแปลกๆไปสักหน่อยนะ … ”

 

“ตัวอะไรกัน ที่จะสามารถขโมยชีวิตของสิ่งมีชีวิตอื่นๆทั้งหมดไปอย่างเงียบๆได้?”

 

“การดำรงอยู่ชนิดใดกันที่สามารถจัดการกับร่างศพ และควบคุมมันให้เคลื่อนไหวต่อไปได้?”

 

กู่ฉิงซานคิดตริตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะย้อนนึกไปถึงผีร้ายกลืนวิญญาณที่พึ่งเสียชีวิตไป

 

ฉันรู้สึกว่า … มันมีบางอย่างผิดปกติ

 

เจ้าผีร้ายกลืนวิญญาณตนนั้น มีห้วงอารมณ์ ความนึกคิด และจิตสำนึกเป็นของตัวเอง ระหว่างที่สนทนากัน น้ำเสียงของมันกระจ่างชัดมาก

 

อย่างไรก็ตาม ผีร้ายกลืนวิญญาณที่ตัวเขาได้เจอกันในตอนแรก กลับไม่เป็นเช่นนั้น

 

ช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้ถามฉานนู่ และเธอก็ได้พิจารณาตัวมันว่าอย่างไรนะ?

 

‘แล้วเราพอจะสามารถสื่อสารกับพวกมันได้ไหม?’

 

‘ไม่ได้ พวกมันได้สูญเสียจิตนึกคิดไปแล้ว พวกมันรู้จักเพียงแต่การฆ่าเท่านั้น’

 

นี่คือคำพูดในตอนนั้นของฉานนู่

 

แปลกจริง

 

ทำไมผีร้ายกลืนวิญญาณที่พบในตอนนั้นถึงสูญเสียจิตนึกคิด แต่ผีร้ายกลืนวิญญาณที่พวกเขาพึ่งจะเจอล่าสุด กระทั่งใกล้ตาย มันก็ยังมีสติปัญญา รู้สึกตัวเป็นอย่างดี?

 

เป็นไปได้ไหมว่า …

 

ผีร้ายกลืนวิญญาณที่เขาพบเจอกับมันในตอนแรกนั้น เป็นสิ่งที่ถูกวางเอาไว้ที่นั่นอย่างจงใจ?

 

แต่หากเป็นแบบนั้น ประโยชน์เดียวของผีร้ายกลืนวิญญาณที่ว่า ก็คือการดักรอให้ถูกตนค้นพบและกำจัดทิ้งอย่างงั้นหรือ?

 

-การพบเจอเจ้านั่น มันเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่านะ?

 

ไม่ ไม่ใช่

 

มันไม่สมควรที่จะมีเรื่องบังเอิญมากขนาดนั้น

 

หลังจากช่วงเวลาดังกล่าว ดูเหมือนว่าตลอดเส้นทาง เขาจะไม่ได้พบเจอกับผีร้ายกลืนวิญญาณตนอื่นอีกเลย

 

ยิ่งคิด คิ้วของกู่ฉิงซานก็ยิ่งย่นเข้าหากัน

 

เขาเอ่ยถามดาบพิภพในทันใด “ในตอนที่พวกเรามายังโลกใบนี้ครั้งแรก พวกเราได้พบกับผีร้ายกลืนวิญญาณที่ดูจะแปลกๆไป ช่วงเวลานั้นมันแฝงตัวอยู่ในศพ เจ้าจดจำมันได้หรือไม่? ”

 

“ข้าจดจำมันได้” ดาบพิภพกล่าว

 

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าพอจะรู้ไหมว่าเจ้าวิญญาณร้ายที่ว่ามันคร่าชีวิตผู้คนอย่างไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

“คร่าชีวิตอย่างไรน่ะหรือ?” ดาบพิภพเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ผีจากปรภพน่ะจะทำได้เพียงกลืนกินวิญญาณที่ตายแล้วจากปรภพเท่านั้น เพื่อที่จะสร้างความทุกข์ทรมาณบาดลึกแก่จิตวิญญาณ”

 

“หมายความว่าถ้าเป็นวิญญาณของสิ่งมีชีวิต มันจะไม่สามารถกินได้?”

 

“ไม่ได้ แต่หากพบเจอสิ่งมีชีวิต มันก็สมควรที่จะสังหารสิ่งมีชีวิตเหมือนกับมอนสเตอร์ทั่วๆไป”

 

พอได้ฟัง กู่ฉิงซานก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

 

ความจริงเรื่องนี้มันง่ายดายยิ่ง แต่ตนกลับตามืดบอด

 

เขาเอ่ยถามอีเลียอีกครั้ง “ผมมีคำถามที่สำคัญมาก และคุณจะต้องตั้งใจตอบผมให้ดี”

 

อีเลียเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเขา เธอก็ขานรับ “ว่ามาสิ ข้ากำลังฟังอยู่”

 

“ผีแห่งความอลหม่าน อสูรกายประเภทปฐมบทแห่งความโกลาหล มันฆ่าสังหารศัตรูอย่างไร?” 

 

“ข้าเองได้เคยเห็นมันอยู่หลายครั้ง พวกมันจะทำการเจาะทะลวงเกราะป้องกันของศัตรู และกัดกินพวกเขาโดยตรง”

 

“กัดกินอย่างงั้นหรือ?”

 

“ใช่ ผีแห่งความอลหม่านคือการผสมผสานกันระหว่างภูติผีจากปรภพนับไม่ถ้วน มันจึงมีความสุขสมในยามที่ได้กินเลือดและเนื้อ” อีเลียเผยให้เห็นถึงสีหน้ารังเกียจ

 

“คุณแน่ใจใช่ไหม?”

 

“เต็มร้อยเลยล่ะ”

 

กู่ฉิงซานถอนหายใจลึก

 

นี่มันผิด ผิดทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง

 

ในช่วงเวลานั้น เขาได้ทำการตรวจสอบสภาพศพด้วยตัวเอง

 

และพบว่าอวัยวะภายในของศพยังไม่บุบสลาย และไม่มีอาการบาดเจ็บภายในเลย

 

บางซากศพก็ยังคงอุ่นๆอยู่ด้วยซ้ำ

 

ในช่วงเวลานั้น เขาได้ตัดสินด้วยตัวเองว่ามันคงจะเป็นการโจมตีเข้าสู่จิตเทวะโดยตรง

 

ทำให้ตนเข้าใจผิดไปโดยปริยายว่านี่คือฝีมือของผีแห่งความอลหม่าน หรือผีร้ายกลืนวิญญาณ

 

แต่อีเลียกลับบอกเขาว่าผีแห่งความอลหม่านน่ะชอบกินเลือดเนื้อ

 

นอกจากนี้ ครั้งแรกที่ผีแห่งความอลหม่านค้นพบตนเอง มันก็พุ่งฝ่าวงล้อมค่ายกลมา และพยายามที่จะฉีกทึ้งตนเองโดยตรง

 

งั้นสิ่งที่อีเลียบอกก็ไม่น่าจะใช่เรื่องโกหก

 

ดังนั้น —

 

การสังหารหมู่ผู้คนทั้งหมดในเมืองจึงย่อมไม่ใช่ฝีมือของผีแห่งความอลหม่าน และไม่ใช่ผีร้ายกลืนวิญญาณที่ไม่มีจิตสำนึกตนนั้น!

 

ส่วนมอนสเตอร์จากแดนชำระล้าง วิธีการของมันคือกลืนกินศพทั้งตัว ดังนั้นย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ที่มันจะสังหารผู้คนให้ตกตายโดยไม่รู้ตัว

 

ทันใดนั้น เสียงถอนหายใจของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในจิตใจของกู่ฉิงซาน

 

ส่งผลให้ความทรงจำจากส่วนลึกวาบไหวผ่านเข้ามาในหัวใจของเขา

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นอีกครั้ง

 

ดูเหมือน่วา … ตัวฉันเองจะประมาทไป

 

ตนเองไม่คาดคิดเลย ว่าเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online : ต้นกำเนิด แท้จริงแล้วจะมีแผนการอันล้ำลึกถึงเพียงนี้

 

บางที คงจะเป็นตั้งแต่การต่อสู้ในคราวก่อนๆแล้ว ที่มันเพิ่มความระมัดระวังในตัวเขา

 

ตรงกันข้ามกับกู่ฉิงซาน เพราะหลังจากที่ตนสามารถเข้าสู่โลกสายพันธุ์เทพที่มีกำแพงอุปสรรคของทวยเทพคอยขวางกั้นได้ เขาก็ดันผ่อนคลายความหวาดระแวงลง

 

อย่างไรก็ตาม ตนไม่อาจคาดคิดได้เลยว่า นับตั้งแต่ที่ตนเองก้าวเข้ามาเหยียบลงบนโลกใบนี้ ต้นกำเนิดจะวางแผนการรับมือกับเขาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

อย่างแรกเลยคือการโจมตีของผีแห่งความอลหม่าน แล้วก็ผีร้ายกลืนวิญญาณที่สิงอยู่ในศพ มันจงใจให้เขาค้นพบและสังหารเสีย

 

แม้กระทั่งมอนสเตอร์จากแดนชำระล้างก็ถูกส่งออกมา

 

เมื่อเขาทำลายสัตว์ประหลาดทั้งหมด คนกลางที่คอยโน้มน้าวใจจากแดนชำระล้างก็ปรากฏตัวขึ้น

 

ในทุกๆขั้นตอนการเผชิญหน้า ในทุกๆมอนสเตอร์ที่ปรากฏขึ้น ล้วนถูกจัดวางเป็นอย่างดีโดยต้นกำเนิด

 

เมื่ออยู่ต่อหน้ามอนสเตอร์ที่โผล่ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ต่อให้เป็นตัวเขาเองที่แม้จะเห็นถึงเงื่อนงำบางอย่าง แต่ก็ยังถูกจิตวิทยาเบี่ยงเบนทิศทางความคิดออกไป

 

“ต้นกำเนิด … มันช่างร้ายกาจจริงๆ”

 

กู่ฉิงซานถอนหายใจ เกิดความคิดเงียบๆขึ้นในสมอง

 

มันดูเหมือนว่า เหตุผลที่ทั้งโลกนั้นล่มสลายลงภายใต้อำนาจระบบของราชามารในชีวิตก่อนหน้าของเขา มันจะไม่ใช่เพียงเพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นตามืดบอด และอ่อนแอเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว

 

ต้นกำเนิดนี่มันแสบเกินไปจริงๆ

 

ในขณะนั้นเอง เสียงของผู้หญิงที่อ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในจิตใจอของกู่ฉิงซาน

 

“ฝ่าฟันหนทางแสนยาวไกลจนมาถึงที่นี่ ตัวข้าคล้ายดั่งตกอยู่ในห้วงฝัน ไม่ทันจะคาดคิดเลย ว่าจักต้องจากบ้านมาเยือนต่างแดนอย่างกระทันหัน .. ”

 

มันขับขานเป็นท่วงทำนองเบาๆ

 

กู่ฉิงซานนิ่งงันไป

 

“ไปเถอะ พวกเราต้องรีบกลับเดี๋ยวนี้!”

 

เมื่อคิดทุกอย่างได้ กู่ฉิงซานก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาคว้าจับมือของอีเลีย และบินลงไปยังส่วนลึกของทะเลทันที

 

“เจ้าค้นพบปัญหาอะไรแล้วงั้นหรือ?” อีเลียเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

 

“ผมคิดว่าพวกเราไม่ควรที่จะออกจากเมืองไห่เช่า! โถ่เอ๊ย ประมาทไปจริงๆ!”

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

 

“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ?”

 

“ผมเองก็ยังไม่รู้ แต่จากการอนุมานของผม สถานการณ์ที่จะทำให้ต้นกำเนิดถอนทัพไปได้น่ะมีเพียงแค่หนึ่งเดียว”

 

“สถานการณ์อะไร?”

 

“ก็สถานการณ์ที่มันได้รับสิ่งที่ตนเองปรารถนาแล้วยังไงล่ะ!”

 

“นั่นเป็นไปไม่ได้!” อีเลียอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

กู่ฉิงซานเผยสีหน้าแปลกๆและกล่าวออกมา “ใช่ จริงๆแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้เลย แต่ถ้าหากว่ามันสามารถอัญเชิญการดำรงอยู่ที่พิเศษของ ‘ตัวตน’ นั้นมาได้ล่ะก็ จะมีความเป็นไปได้มากทีเดียว … ”

 

“การดำรงอยู่ที่พิเศษ? มันคืออะไร หรือเจ้าจะหมายถึงเจ้าของเสียงผู้หญิงคนนั้น?” อีเลียตอบกลับอย่างรวดเร็ว

 

“ใช่ นั่นแหละคือกุญแจสำคัญของความจริงทั้งหมด” กู่ฉิงซานถอนหายใจ

 

น้ำทะเลตลอดเส้นทางแหวกเปิดทางให้พวกเขา ดำดิ่งลึกลงสู่เบื้องล่าง

 

เมื่อลองย้อนนึกถึงเสียงของผู้หญิง ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากขึ้น

 

“แบบนี้ไม่ดีแล้ว พวกเราจะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่านี้!”

 

กู่ฉิงซานระเบิดพลังวิญญาณเต็มพิกัด ในมือจีบออกด้วยวิชาลับ ทั้งคนทั้งร่างของเขาดั่งสายฟ้าฟาด ผ่าดิ่งลงไปยังโลกสายพันธุ์เทพอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็ตบลงในถุงสัมภาระ และหยิบสิ่งหนึ่งออกมาทันใด

 

มันคือสร้อยข้อมือ ที่ร้อยเรียงไปด้วยกระดิ่งห้าลูก

 

สร้อยข้อมือกระดิ่งนี้หนักอย่างไม่คาดคิด มันสาดกลิ่นอายหนาวเหน็บ ที่แม้กระทั่งพลังวิญญาณก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ออกมา

 

กู่ฉิงซานผูกมันไว้กับข้อมือเขา แล้วกำมันไว้แน่น

 

ชั่วขณะที่ตนกำลังมุ่งหน้าลึกลงไปในท้องทะเล สายลมก็พัดผ่านตัวกระดิ่ง ส่งเสียงกริ๊งกรั๊งอันฟังชัดออกมา

 

เสียงของกระดิ่งทะลุผ่านชั้นมิติและเวลา ข้ามผ่านไปสู่โลกที่ไม่มีผู้ใดได้รู้จัก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด