Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 767 เผยตัว

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 767 เผยตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหลืออีกครึ่งวันก่อนเทพจะถูกสังหาร ราตรีลาลับ ตะวันสีแดงทรงกลมลอยขึ้นช้าๆ สะท้อนแสงเรืองรองหลายพันสาย พวกนกสยายปีกทั่วท้องนภา ส่งเสียงจิ๊บๆ อย่างหดหู่ พวกมันคล้ายกับรู้ว่าสงครามกำลังจะมาเยือน ทำให้หลบหนีขึ้นสู่ท้องนภาอย่างจนใจ จากนั้น เสียงแตรที่หนักและหดหู่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ‘วู วู’ เสียงแตรกระจายไปหลายพันไมล์เพื่อเรียกให้ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ทั้งหมดที่ยังเหลือรอดไปรวมตัวกันที่แนวหน้าอีกครั้ง ขณะยืนอยู่ในซากเกาะลอยฟ้า กู่ฉิงซานฟังเสียงแตรอย่างเงียบงัน เขาเคยอ่านพิชัยสงครามนี้มาก่อนจนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เมื่อถึงรุ่งสาง เทพจะออกจากตำหนักก่อนมาถึงแนวหน้าเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ เสียงแตรมีความหมายว่าเทพจะรวมตัวกับกองทัพมนุษย์ที่พ่ายแพ้ไปแล้วหนหนึ่งเพื่อเตรียมรับการต่อสู้ขั้นแตกหัก ราวสิบห้านาทีต่อมา สัตว์ประหลาดบรรพกาลวิ่งเข้ามายังจุดรวมพลของกองทัพมนุษย์จำนวนมาก การต่อสู้ขั้นแตกหักได้เริ่มต้นขึ้น นี่เป็นการต่อสู้ในประวัติศาสตร์ที่เทพทุกองค์เข้าร่วม หลังจบการต่อสู้ขั้นแตกหักในครั้งนี้ สัตว์ประหลาดบรรพกาลจะถูกขับไล่ชั่วคราว เทพและเผ่าพันธุ์มนุษย์จะรอด นี่คือสงครามที่มนุษย์และเทพพยายามอย่างสุดความสามารถจนถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ กู่ฉิงซานครุ่นคิดถึงวิธีรับมืออย่างเงียบงัน ฉับพลันนั้นเอง ฝูงนกที่กำลังบินอยู่นั้นเคลื่อนลงมาจากท้องฟ้า พวกมันลงมายังลานที่พังทลายในซากปรักหักพังก่อนเริ่มพักผ่อน ราวกับว่าเพิ่งประสบกับอาการแตกตื่นและวิตกนานเกินไป พวกมันจึงดื่มน้ำที่สระในลาน หลังจากดื่มน้ำแล้ว พวกมันยังไม่ไปไหนราวกับพึงพอใจที่จะอยู่ที่นี่ ไม่มีเสียงดังกึกก้อง ไม่มีการโจมตีด้วยวิชา ไม่มีปราณและประกายดาบ พวกนกจึงคิดว่าที่นี่ปลอดภัยดี พวกมันพักผ่อนอย่างสงบ กู่ฉิงซานมองนกเหล่านั้นจากไกลๆ นกเหล่านี้มีชื่อว่าขนวายุ เพราะมีความเร็วในการบินสูงที่สุดจนทำให้นกตัวอื่นถูกทิ้งห่าง มันจึงได้รับชื่อนี้มา เป็นเรื่องง่ายมากที่จะพบเห็นนกเหล่านี้ในสวรรค์ เพราะพวกมันผอมเกินไปจึงแทบไม่มีเนื้อ ต่อมในร่างกายจะปลดปล่อยกลิ่นเหม็นออกมาเมื่อพวกมันตาย ทำให้ไม่มีส่วนใดจากพวกมันที่กินได้ เหตุผลที่มีจำนวนไม่มากก็เพราะภาวะเจริญพันธุ์ของพวกมัน กู่ฉิงซานกำลังคิดเรื่องนกเหล่านี้ แต่ทันใดนั้น เขาเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์แพรวพราวบนขอบฟ้าไกลออกไป ลำแสงเทพ! นี่แสดงให้เห็นว่าสัตว์ประหลาดบรรพกาลเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ก่อนเริ่มต่อสู้กับเทพแล้ว การต่อสู้ขั้นแตกหักได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ! กู่ฉิงซานเม้มริมฝีปาก คิดทบทวนไปมาก่อนเตรียมตัวที่จะออกไป เขาพลันมาปรากฏตัวที่ด้านหลังขนวายุก่อนถอนขนจากก้นของมัน นกตัวนั้นถึงกับผงะ โชคยังดีที่ขนตรงก้นไม่ส่งผลต่อการบิน มันจึงแค่ส่งเสียงกรีดร้องก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภาเพื่อหลบหนีอย่างร้อนรน นกตัวอื่นๆ ต่างหวาดกลัวก่อนพากันบินหนี เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ขนวายุอีกตัวบินขึ้นสู่ท้องนภา มันไม่ไล่ตามขนวายุตัวอื่น … กู่ฉิงซานกลายร่างเป็นนกก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มขึ้น แต่เขาต้องไปถึงพื้นที่ที่ตึงที่สุดในแนวหน้าเพื่อหาสถานที่เหมาะเจาะก่อนรอดูฉากการตายของเทพขณะสู้กันอยู่ หลังจากบินมาหลายสิบอึดใจ กู่ฉิงซานพลันได้ยินเสียงร้องเวทนามาจากปฐพี เขาปล่อยจิตเทพก่อนกวาดมองลงไป สัตว์ประหลาดยักษ์ไร้หนังบนศีรษะจนเหลือแต่กล้ามเนื้อสีแดงเข้มวิ่งเข้าใส่ผู้ฝึกยุทธ์ ลำแสงห้าธาตุระเบิดออกมา ทอง! ไม้! น้ำ! ไฟ! ดิน! ผู้ฝึกยุทธ์ถ่ายพลังทั้งหมดไปยังวิชาธาตุทั้งห้า ทว่า…แม้วิชาจำนวนมากจะโดนสัตว์ประหลาด แต่ก็เพียงทำให้ร่างกายของมันสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างใด วิชาธาตุทั้งห้าระดับนี้ไม่สามารถทำอันตรายได้ สัตว์ประหลาดคว้าผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุไว้ มันยกมือขึ้นหมายจะโยนอีกฝ่ายเข้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งออกมาจากฝูงชน ถือฆ้องด้วยมือทั้งสองข้างก่อนเคาะอย่างรุนแรง เขาเคาะแล้วท่องบทสวดจำนวนมาก สัตว์ประหลาดคลายมือออก ไม่สามารถจับผู้ฝึกยุทธ์ได้อีกเป็นครั้งที่สอง มันสั่นสะท้านและครวญครางด้วยความเจ็บปวด ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องหลั่งเหงื่อขณะท่องบทสวดต่อไป สัตว์ประหลาดสาวเท้าเข้าหาผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้อง “จังหวะนี้แหละ!” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนตะโกน ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนพุ่งไปข้างหน้าก่อนโจมตีใส่สัตว์ประหลาดด้วยกำลังทั้งหมดที่มี สัตว์ประหลาดพลันอ้าปากออกก่อนแผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดใส่ผู้ฝึกยุทธ์จนทำเอาโลกสั่นสะเทือน เสียงคำรามนี้คล้ายกับเปี่ยมด้วยพลัง ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ใกล้ๆ สั่นสะท้านจนถึงแก่ความตาย ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องตกตะลึงกับเสียงคำรามของสัตว์ประหลาด เขากระอักโลหิตออกมา เขาคุกเข่าลงกับพื้น มือสั่นเทา ไม่สามารถยกขึ้นมาได้ชั่วขณะ เสียงฆ้องหยุดลง เมื่อไม่มีวิถีเสียงมาขัดขวาง สัตว์ประหลาดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันกระพือปีกเบาๆ ก่อนมาถึงหน้าผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้อง สัตว์ประหลาดกางมือขนาดใหญ่ก่อนคว้าผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องผู้มีใบหน้าสิ้นหวัง ตอนนี้เอง กู่ฉิงซานมาถึงจุดหมายแล้ว เขาผ่านบริเวณพรมแดนก่อนเหาะไปสู่สถานที่ที่การต่อสู้ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น แต่ในช่วงวิกฤตินี้ เขาพลันหายไปจากท้องนภา วินาทีต่อมา เขากลายเป็นชายหนุ่มก่อนตกลงมาที่ด้านหลังของสัตว์ประหลาดอย่างเงียบงัน กู่ฉิงซานชำเลืองมองสัตว์ประหลาด เพียงพริบตา สัตว์ประหลาดหายไปจากจุดนั้นก่อนจะปรากฏตัวขึ้นใหม่ในทันที ‘ปัง!’ แขนข้างหนึ่งของสัตว์ประหลาดถูกฟาดลงกับพื้น สัตว์ประหลาดเงยศีรษะขึ้นก่อนแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ของสัตว์ประหลาด ทุกสิ่งรอบข้างไม่อาจเล็ดลอดการรับรู้ของมันไปได้ แต่มันกลับได้รับบาดเจ็บเพราะไม่เคยเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน ตอนนั้นเอง ใครบางคนพลันปรากฏตัวขึ้น คนคนนี้อยู่ด้านหลังซึ่งไม่ไกลกันนัก อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่กลายเป็นว่ามันเหยียบย่างเข้าสู่ความมืดเสียแล้ว ก่อนที่จะทันได้ตอบสนอง แสงเย็นเยือกอันคมปลาบฟันเข้ามาอย่างจัง เมื่อถูกฟันที่ปลายนิ้ว ทำให้มันกลับคืนสู่ความเป็นจริง บัดซบ! นี่มันบ้าอะไรกัน สัตว์ประหลาดที่กำลังคลุ้มคลั่งหันไปมองกู่ฉิงซาน วิชาดาบของกู่ฉิงซานขยับ! ดาบเสียงคลื่นและดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพระเบิดพลังพร้อมกัน อีกฝ่ายงัดดาบคู่ที่เผยประกายดาบอันคมปลาบออกมา ฟาดฟันเข้าใส่คอของกู่ฉิงซาน เมื่อดาบกำลังจะฟาดถึงที่หมาย กู่ฉิงซานกลับหายตัวไป กลายเป็นว่าสัตว์ประหลาดปรากฏตัวในจุดที่ดาบสองเล่มขนาบเข้าโจมตี หนึ่งดาบสะเทือนฝัน! หนึ่งดาบกลืนกินการหวนคืน! สัตว์ประหลาดยืนนิ่ง ไม่อาจป้องกันได้เป็นเวลาห้าวินาที เงาดาบเพลิงทั้งสองบรรจบกันที่คอ ศีรษะถูกตัดอย่างเกลี้ยงเกลา การต่อสู้จบลงแล้ว “นักดาบนิรันดร์ระดับเบิกเนตรนิมิต!” ใครบางคนตะโกน หากไปถึงระดับเบิกเนตรนิมิตได้ คนผู้นั้นย่อมเป็นกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ยิ่งเป็นนักดาบนิรันดร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะสามารถสังหารสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งได้ ทุกคนต่างแสดงความยินดี กู่ฉิงซานหันไปมองทุกคน เห็นทั้งคนที่ได้รับบาดเจ็บ เห็นทั้งคนที่ตาย ตอนนี้มีเสียงคำรามดังขึ้นไกลออกไป ปฐพีเริ่มสั่นสะเทือน สัตว์ประหลาดยักษ์กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ กู่ฉิงซานกล่าวกับทุกคนทันทีว่า “ที่นี่ให้ข้าจัดการเอง สภาพของพวกเจ้าไม่พร้อมที่จะสู้อีกแล้ว ออกไปจากแนวหน้าเดี๋ยวนี้ ไปหาที่รักษาตัวแล้วเตรียมพร้อมให้ดีด้วย!” “ขอรับ!” เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ขานรับ พวกเขาหาทางถอยกลับไปหาเผ่าพันธุ์มนุษย์พร้อมกับสหายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องเดินกะเผลกผ่านมาก่อนยกมือขึ้นประสาน “ขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ” “ไม่เป็นไร รีบไปเสีย ข้ายื้อไว้ได้ไม่นาน” กู่ฉิงซานเร่ง เขาได้กลิ่นเหม็นลอยมาตามลม นั่นคือกลิ่นของซากศพในปากของสัตว์ประหลาดโบราณ ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องมอบยันต์ให้กับมือของกู่ฉิงซานก่อนกล่าวว่า “เจ้ารับสิ่งนี้ไว้ ข้าเตรียมจะใช้เมื่อครู่ แต่หลังจากใช้งานแล้วก็คงถ่วงเวลาได้สักพักเท่านั้น จุดจบก็ยังเป็นความตายอยู่ดี แต่โชคดีที่มีเจ้าอยู่ที่นี่” กู่ฉิงซานมองยันต์ในมือ ทันใดนั้นมีข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม “ไอเท็ม: ยันต์เสียงและชีพ” “ไอเท็มพิเศษที่ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว” “เมื่อใช้ไอเท็มนี้จะสร้างเสียงกระแทกขนาดใหญ่ขึ้นมาในทันทีเพื่อทำลายวิญญาณของศัตรู” กู่ฉิงซานเก็บยันต์ไว้แล้วกล่าวว่า “เจ้านี่เป็นประโยชน์นัก ข้าขอรับไว้ ขอบคุณมาก” ผู้ฝึกยุทธ์พยักหน้าให้กู่ฉิงซานเล็กน้อยก่อนหันหลังแล้วจากไป เมื่อรอจนกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดอพยพออกไปหมดแล้ว กู่ฉิงซานจึงถอนหายใจออกมาอย่างเงียบงัน “ฉานนู่ ข้าล้มเหลวมากเกินไปหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าไม่ควรสนใจคนพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราควรตรงไปสถานที่ที่วิกฤติที่สุดของแนวหน้า ผลที่ได้ ข้าจำใจต้องหยุดแวะ ข้าเสียเวลากับที่นี่มากเกินไปแล้ว” เขากล่าว เดิมเขาตั้งใจจะบุกไปสถานที่ที่วิกฤติที่สุดของแนวหน้า กลายเป็นตัวตนไม่เด่นชัด คอยซุ่มซ่อนเพื่อรอช่วงเวลาที่เทพล้มลงอย่างเงียบงัน  คาดไม่ถึง ครึ่งทางผ่านไป เขาอดที่จะช่วยกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้ เสียงอ่อนโยนของฉานนู่ที่มาจากดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพกล่าวว่า “ท่านไม่ได้ล้มเหลวหรอก เพราะท่านทำเช่นนี้ถึงทำให้ยังเป็นตัวท่านอย่างไรกันล่ะ” กู่ฉิงซานหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เจ้าพูดเกินไปแล้ว” ขณะพูด มือของเขายังขยับไม่หยุด ร่างของสัตว์ประหลาดถูกเขาเก็บไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดบรรพกาลตัวนี้เป็นสัตว์ประหลาดระดับทหารเช่นกัน สัตว์ประหลาดค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับงูสองปีกหกขาที่กู่ฉิงซานเจอมาก่อนหน้านี้แล้วยังถือว่าห่างชั้นกันมากนัก สัตว์ประหลาดระดับทหารเช่นนี้ เมื่อมาอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซาน หากจุดอ่อนถูกเผยออกมา เมื่อนั้นก็คือช่วงเวลาที่จุดจบมาเยือน ถึงแม้เนตรสัจจะฟาดฟันวิญญาณจะอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่ก็สามารถดึงศัตรูเข้าสู่โลกชั่วคราวที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนถูกฟาดฟันด้วยดาบวิญญาณที่หลอมรวมขึ้นจากวิญญาณเข้าใส่ได้ ปัจจุบัน โลกนี้ที่สร้างจากความว่างเปล่าคงอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ดาบวิญญาณจึงสามารถฟันได้เพียงหนึ่งครั้ง แต่เมื่อใช้การลอบโจมตีควบคู่กับวิถีอสนีบาตมายาอันทรงพลัง กู่ฉิงซานจึงสามารถหาจุดอ่อนของศัตรูได้เป็นจำนวนมาก ในฐานะผู้ใช้วิชาดาบ กู่ฉิงซานมีทางเลือกในการต่อสู้มากมาย เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดลอยมาตามสายลม พวกมันกำลังใกล้เข้ามา กู่ฉิงซานไม่ปล่อยให้เวลาเลยผ่านอีกต่อไป เขาเริ่มย่อตัวลงกับพื้นดิน ออกจากตำแหน่งนี้ไปในทันทีก่อนไปปรากฏตัวอีกที่ซึ่งห่างออกไปหลายสิบไมล์ เขากลายเป็นขนวายุก่อนพุ่งขึ้นท้องนภาอีกครั้ง แนวหน้าอยู่ไม่ไกลแล้ว! …………………………………

เหลืออีกครึ่งวันก่อนเทพจะถูกสังหาร

ราตรีลาลับ

ตะวันสีแดงทรงกลมลอยขึ้นช้าๆ สะท้อนแสงเรืองรองหลายพันสาย

พวกนกสยายปีกทั่วท้องนภา ส่งเสียงจิ๊บๆ อย่างหดหู่

พวกมันคล้ายกับรู้ว่าสงครามกำลังจะมาเยือน ทำให้หลบหนีขึ้นสู่ท้องนภาอย่างจนใจ

จากนั้น เสียงแตรที่หนักและหดหู่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

‘วู วู’

เสียงแตรกระจายไปหลายพันไมล์เพื่อเรียกให้ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ทั้งหมดที่ยังเหลือรอดไปรวมตัวกันที่แนวหน้าอีกครั้ง

ขณะยืนอยู่ในซากเกาะลอยฟ้า กู่ฉิงซานฟังเสียงแตรอย่างเงียบงัน

เขาเคยอ่านพิชัยสงครามนี้มาก่อนจนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

เมื่อถึงรุ่งสาง เทพจะออกจากตำหนักก่อนมาถึงแนวหน้าเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้

เสียงแตรมีความหมายว่าเทพจะรวมตัวกับกองทัพมนุษย์ที่พ่ายแพ้ไปแล้วหนหนึ่งเพื่อเตรียมรับการต่อสู้ขั้นแตกหัก

ราวสิบห้านาทีต่อมา สัตว์ประหลาดบรรพกาลวิ่งเข้ามายังจุดรวมพลของกองทัพมนุษย์จำนวนมาก

การต่อสู้ขั้นแตกหักได้เริ่มต้นขึ้น

นี่เป็นการต่อสู้ในประวัติศาสตร์ที่เทพทุกองค์เข้าร่วม

หลังจบการต่อสู้ขั้นแตกหักในครั้งนี้ สัตว์ประหลาดบรรพกาลจะถูกขับไล่ชั่วคราว เทพและเผ่าพันธุ์มนุษย์จะรอด

นี่คือสงครามที่มนุษย์และเทพพยายามอย่างสุดความสามารถจนถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์

กู่ฉิงซานครุ่นคิดถึงวิธีรับมืออย่างเงียบงัน

ฉับพลันนั้นเอง ฝูงนกที่กำลังบินอยู่นั้นเคลื่อนลงมาจากท้องฟ้า

พวกมันลงมายังลานที่พังทลายในซากปรักหักพังก่อนเริ่มพักผ่อน

ราวกับว่าเพิ่งประสบกับอาการแตกตื่นและวิตกนานเกินไป พวกมันจึงดื่มน้ำที่สระในลาน

หลังจากดื่มน้ำแล้ว พวกมันยังไม่ไปไหนราวกับพึงพอใจที่จะอยู่ที่นี่

ไม่มีเสียงดังกึกก้อง ไม่มีการโจมตีด้วยวิชา ไม่มีปราณและประกายดาบ พวกนกจึงคิดว่าที่นี่ปลอดภัยดี

พวกมันพักผ่อนอย่างสงบ

กู่ฉิงซานมองนกเหล่านั้นจากไกลๆ

นกเหล่านี้มีชื่อว่าขนวายุ

เพราะมีความเร็วในการบินสูงที่สุดจนทำให้นกตัวอื่นถูกทิ้งห่าง มันจึงได้รับชื่อนี้มา

เป็นเรื่องง่ายมากที่จะพบเห็นนกเหล่านี้ในสวรรค์ เพราะพวกมันผอมเกินไปจึงแทบไม่มีเนื้อ ต่อมในร่างกายจะปลดปล่อยกลิ่นเหม็นออกมาเมื่อพวกมันตาย ทำให้ไม่มีส่วนใดจากพวกมันที่กินได้

เหตุผลที่มีจำนวนไม่มากก็เพราะภาวะเจริญพันธุ์ของพวกมัน

กู่ฉิงซานกำลังคิดเรื่องนกเหล่านี้ แต่ทันใดนั้น เขาเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์แพรวพราวบนขอบฟ้าไกลออกไป

ลำแสงเทพ!

นี่แสดงให้เห็นว่าสัตว์ประหลาดบรรพกาลเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ก่อนเริ่มต่อสู้กับเทพแล้ว

การต่อสู้ขั้นแตกหักได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!

กู่ฉิงซานเม้มริมฝีปาก คิดทบทวนไปมาก่อนเตรียมตัวที่จะออกไป

เขาพลันมาปรากฏตัวที่ด้านหลังขนวายุก่อนถอนขนจากก้นของมัน

นกตัวนั้นถึงกับผงะ

โชคยังดีที่ขนตรงก้นไม่ส่งผลต่อการบิน มันจึงแค่ส่งเสียงกรีดร้องก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภาเพื่อหลบหนีอย่างร้อนรน

นกตัวอื่นๆ ต่างหวาดกลัวก่อนพากันบินหนี

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ

ขนวายุอีกตัวบินขึ้นสู่ท้องนภา

มันไม่ไล่ตามขนวายุตัวอื่น

กู่ฉิงซานกลายร่างเป็นนกก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภาอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มขึ้น แต่เขาต้องไปถึงพื้นที่ที่ตึงที่สุดในแนวหน้าเพื่อหาสถานที่เหมาะเจาะก่อนรอดูฉากการตายของเทพขณะสู้กันอยู่

หลังจากบินมาหลายสิบอึดใจ กู่ฉิงซานพลันได้ยินเสียงร้องเวทนามาจากปฐพี

เขาปล่อยจิตเทพก่อนกวาดมองลงไป

สัตว์ประหลาดยักษ์ไร้หนังบนศีรษะจนเหลือแต่กล้ามเนื้อสีแดงเข้มวิ่งเข้าใส่ผู้ฝึกยุทธ์

ลำแสงห้าธาตุระเบิดออกมา

ทอง! ไม้! น้ำ! ไฟ! ดิน!

ผู้ฝึกยุทธ์ถ่ายพลังทั้งหมดไปยังวิชาธาตุทั้งห้า

ทว่า…แม้วิชาจำนวนมากจะโดนสัตว์ประหลาด แต่ก็เพียงทำให้ร่างกายของมันสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างใด

วิชาธาตุทั้งห้าระดับนี้ไม่สามารถทำอันตรายได้

สัตว์ประหลาดคว้าผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุไว้ มันยกมือขึ้นหมายจะโยนอีกฝ่ายเข้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม

ในเวลาเดียวกันนั้น

ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งออกมาจากฝูงชน ถือฆ้องด้วยมือทั้งสองข้างก่อนเคาะอย่างรุนแรง

เขาเคาะแล้วท่องบทสวดจำนวนมาก

สัตว์ประหลาดคลายมือออก ไม่สามารถจับผู้ฝึกยุทธ์ได้อีกเป็นครั้งที่สอง

มันสั่นสะท้านและครวญครางด้วยความเจ็บปวด

ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องหลั่งเหงื่อขณะท่องบทสวดต่อไป

สัตว์ประหลาดสาวเท้าเข้าหาผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้อง

“จังหวะนี้แหละ!”

ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนตะโกน

ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนพุ่งไปข้างหน้าก่อนโจมตีใส่สัตว์ประหลาดด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

สัตว์ประหลาดพลันอ้าปากออกก่อนแผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดใส่ผู้ฝึกยุทธ์จนทำเอาโลกสั่นสะเทือน เสียงคำรามนี้คล้ายกับเปี่ยมด้วยพลัง ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ใกล้ๆ สั่นสะท้านจนถึงแก่ความตาย

ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องตกตะลึงกับเสียงคำรามของสัตว์ประหลาด เขากระอักโลหิตออกมา

เขาคุกเข่าลงกับพื้น มือสั่นเทา ไม่สามารถยกขึ้นมาได้ชั่วขณะ

เสียงฆ้องหยุดลง

เมื่อไม่มีวิถีเสียงมาขัดขวาง สัตว์ประหลาดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

มันกระพือปีกเบาๆ ก่อนมาถึงหน้าผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้อง

สัตว์ประหลาดกางมือขนาดใหญ่ก่อนคว้าผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องผู้มีใบหน้าสิ้นหวัง

ตอนนี้เอง กู่ฉิงซานมาถึงจุดหมายแล้ว

เขาผ่านบริเวณพรมแดนก่อนเหาะไปสู่สถานที่ที่การต่อสู้ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

แต่ในช่วงวิกฤตินี้ เขาพลันหายไปจากท้องนภา

วินาทีต่อมา เขากลายเป็นชายหนุ่มก่อนตกลงมาที่ด้านหลังของสัตว์ประหลาดอย่างเงียบงัน

กู่ฉิงซานชำเลืองมองสัตว์ประหลาด

เพียงพริบตา สัตว์ประหลาดหายไปจากจุดนั้นก่อนจะปรากฏตัวขึ้นใหม่ในทันที

‘ปัง!’

แขนข้างหนึ่งของสัตว์ประหลาดถูกฟาดลงกับพื้น

สัตว์ประหลาดเงยศีรษะขึ้นก่อนแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา

ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ของสัตว์ประหลาด ทุกสิ่งรอบข้างไม่อาจเล็ดลอดการรับรู้ของมันไปได้ แต่มันกลับได้รับบาดเจ็บเพราะไม่เคยเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน

ตอนนั้นเอง ใครบางคนพลันปรากฏตัวขึ้น

คนคนนี้อยู่ด้านหลังซึ่งไม่ไกลกันนัก อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือทำอะไร

แต่กลายเป็นว่ามันเหยียบย่างเข้าสู่ความมืดเสียแล้ว

ก่อนที่จะทันได้ตอบสนอง แสงเย็นเยือกอันคมปลาบฟันเข้ามาอย่างจัง

เมื่อถูกฟันที่ปลายนิ้ว ทำให้มันกลับคืนสู่ความเป็นจริง

บัดซบ!

นี่มันบ้าอะไรกัน

สัตว์ประหลาดที่กำลังคลุ้มคลั่งหันไปมองกู่ฉิงซาน

วิชาดาบของกู่ฉิงซานขยับ!

ดาบเสียงคลื่นและดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพระเบิดพลังพร้อมกัน

อีกฝ่ายงัดดาบคู่ที่เผยประกายดาบอันคมปลาบออกมา ฟาดฟันเข้าใส่คอของกู่ฉิงซาน

เมื่อดาบกำลังจะฟาดถึงที่หมาย กู่ฉิงซานกลับหายตัวไป

กลายเป็นว่าสัตว์ประหลาดปรากฏตัวในจุดที่ดาบสองเล่มขนาบเข้าโจมตี

หนึ่งดาบสะเทือนฝัน! หนึ่งดาบกลืนกินการหวนคืน!

สัตว์ประหลาดยืนนิ่ง ไม่อาจป้องกันได้เป็นเวลาห้าวินาที

เงาดาบเพลิงทั้งสองบรรจบกันที่คอ ศีรษะถูกตัดอย่างเกลี้ยงเกลา

การต่อสู้จบลงแล้ว

“นักดาบนิรันดร์ระดับเบิกเนตรนิมิต!” ใครบางคนตะโกน

หากไปถึงระดับเบิกเนตรนิมิตได้ คนผู้นั้นย่อมเป็นกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ยิ่งเป็นนักดาบนิรันดร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะสามารถสังหารสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งได้

ทุกคนต่างแสดงความยินดี

กู่ฉิงซานหันไปมองทุกคน เห็นทั้งคนที่ได้รับบาดเจ็บ เห็นทั้งคนที่ตาย

ตอนนี้มีเสียงคำรามดังขึ้นไกลออกไป

ปฐพีเริ่มสั่นสะเทือน

สัตว์ประหลาดยักษ์กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

กู่ฉิงซานกล่าวกับทุกคนทันทีว่า “ที่นี่ให้ข้าจัดการเอง สภาพของพวกเจ้าไม่พร้อมที่จะสู้อีกแล้ว ออกไปจากแนวหน้าเดี๋ยวนี้ ไปหาที่รักษาตัวแล้วเตรียมพร้อมให้ดีด้วย!”

“ขอรับ!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ขานรับ

พวกเขาหาทางถอยกลับไปหาเผ่าพันธุ์มนุษย์พร้อมกับสหายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องเดินกะเผลกผ่านมาก่อนยกมือขึ้นประสาน “ขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ”

“ไม่เป็นไร รีบไปเสีย ข้ายื้อไว้ได้ไม่นาน”

กู่ฉิงซานเร่ง

เขาได้กลิ่นเหม็นลอยมาตามลม

นั่นคือกลิ่นของซากศพในปากของสัตว์ประหลาดโบราณ

ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องมอบยันต์ให้กับมือของกู่ฉิงซานก่อนกล่าวว่า “เจ้ารับสิ่งนี้ไว้ ข้าเตรียมจะใช้เมื่อครู่ แต่หลังจากใช้งานแล้วก็คงถ่วงเวลาได้สักพักเท่านั้น จุดจบก็ยังเป็นความตายอยู่ดี แต่โชคดีที่มีเจ้าอยู่ที่นี่”

กู่ฉิงซานมองยันต์ในมือ ทันใดนั้นมีข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ไอเท็ม: ยันต์เสียงและชีพ”

“ไอเท็มพิเศษที่ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว”

“เมื่อใช้ไอเท็มนี้จะสร้างเสียงกระแทกขนาดใหญ่ขึ้นมาในทันทีเพื่อทำลายวิญญาณของศัตรู”

กู่ฉิงซานเก็บยันต์ไว้แล้วกล่าวว่า “เจ้านี่เป็นประโยชน์นัก ข้าขอรับไว้ ขอบคุณมาก”

ผู้ฝึกยุทธ์พยักหน้าให้กู่ฉิงซานเล็กน้อยก่อนหันหลังแล้วจากไป

เมื่อรอจนกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดอพยพออกไปหมดแล้ว

กู่ฉิงซานจึงถอนหายใจออกมาอย่างเงียบงัน

“ฉานนู่ ข้าล้มเหลวมากเกินไปหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าไม่ควรสนใจคนพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราควรตรงไปสถานที่ที่วิกฤติที่สุดของแนวหน้า ผลที่ได้ ข้าจำใจต้องหยุดแวะ ข้าเสียเวลากับที่นี่มากเกินไปแล้ว” เขากล่าว

เดิมเขาตั้งใจจะบุกไปสถานที่ที่วิกฤติที่สุดของแนวหน้า กลายเป็นตัวตนไม่เด่นชัด คอยซุ่มซ่อนเพื่อรอช่วงเวลาที่เทพล้มลงอย่างเงียบงัน

 คาดไม่ถึง ครึ่งทางผ่านไป เขาอดที่จะช่วยกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้

เสียงอ่อนโยนของฉานนู่ที่มาจากดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพกล่าวว่า “ท่านไม่ได้ล้มเหลวหรอก เพราะท่านทำเช่นนี้ถึงทำให้ยังเป็นตัวท่านอย่างไรกันล่ะ”

กู่ฉิงซานหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เจ้าพูดเกินไปแล้ว”

ขณะพูด มือของเขายังขยับไม่หยุด

ร่างของสัตว์ประหลาดถูกเขาเก็บไปอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดบรรพกาลตัวนี้เป็นสัตว์ประหลาดระดับทหารเช่นกัน

สัตว์ประหลาดค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับงูสองปีกหกขาที่กู่ฉิงซานเจอมาก่อนหน้านี้แล้วยังถือว่าห่างชั้นกันมากนัก

สัตว์ประหลาดระดับทหารเช่นนี้ เมื่อมาอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซาน หากจุดอ่อนถูกเผยออกมา เมื่อนั้นก็คือช่วงเวลาที่จุดจบมาเยือน

ถึงแม้เนตรสัจจะฟาดฟันวิญญาณจะอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่ก็สามารถดึงศัตรูเข้าสู่โลกชั่วคราวที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนถูกฟาดฟันด้วยดาบวิญญาณที่หลอมรวมขึ้นจากวิญญาณเข้าใส่ได้

ปัจจุบัน โลกนี้ที่สร้างจากความว่างเปล่าคงอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ดาบวิญญาณจึงสามารถฟันได้เพียงหนึ่งครั้ง

แต่เมื่อใช้การลอบโจมตีควบคู่กับวิถีอสนีบาตมายาอันทรงพลัง กู่ฉิงซานจึงสามารถหาจุดอ่อนของศัตรูได้เป็นจำนวนมาก

ในฐานะผู้ใช้วิชาดาบ กู่ฉิงซานมีทางเลือกในการต่อสู้มากมาย

เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดลอยมาตามสายลม

พวกมันกำลังใกล้เข้ามา

กู่ฉิงซานไม่ปล่อยให้เวลาเลยผ่านอีกต่อไป เขาเริ่มย่อตัวลงกับพื้นดิน ออกจากตำแหน่งนี้ไปในทันทีก่อนไปปรากฏตัวอีกที่ซึ่งห่างออกไปหลายสิบไมล์

เขากลายเป็นขนวายุก่อนพุ่งขึ้นท้องนภาอีกครั้ง

แนวหน้าอยู่ไม่ไกลแล้ว!

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 767 เผยตัว

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 767 เผยตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหลืออีกครึ่งวันก่อนเทพจะถูกสังหาร ราตรีลาลับ ตะวันสีแดงทรงกลมลอยขึ้นช้าๆ สะท้อนแสงเรืองรองหลายพันสาย พวกนกสยายปีกทั่วท้องนภา ส่งเสียงจิ๊บๆ อย่างหดหู่ พวกมันคล้ายกับรู้ว่าสงครามกำลังจะมาเยือน ทำให้หลบหนีขึ้นสู่ท้องนภาอย่างจนใจ จากนั้น เสียงแตรที่หนักและหดหู่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ‘วู วู’ เสียงแตรกระจายไปหลายพันไมล์เพื่อเรียกให้ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ทั้งหมดที่ยังเหลือรอดไปรวมตัวกันที่แนวหน้าอีกครั้ง ขณะยืนอยู่ในซากเกาะลอยฟ้า กู่ฉิงซานฟังเสียงแตรอย่างเงียบงัน เขาเคยอ่านพิชัยสงครามนี้มาก่อนจนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เมื่อถึงรุ่งสาง เทพจะออกจากตำหนักก่อนมาถึงแนวหน้าเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ เสียงแตรมีความหมายว่าเทพจะรวมตัวกับกองทัพมนุษย์ที่พ่ายแพ้ไปแล้วหนหนึ่งเพื่อเตรียมรับการต่อสู้ขั้นแตกหัก ราวสิบห้านาทีต่อมา สัตว์ประหลาดบรรพกาลวิ่งเข้ามายังจุดรวมพลของกองทัพมนุษย์จำนวนมาก การต่อสู้ขั้นแตกหักได้เริ่มต้นขึ้น นี่เป็นการต่อสู้ในประวัติศาสตร์ที่เทพทุกองค์เข้าร่วม หลังจบการต่อสู้ขั้นแตกหักในครั้งนี้ สัตว์ประหลาดบรรพกาลจะถูกขับไล่ชั่วคราว เทพและเผ่าพันธุ์มนุษย์จะรอด นี่คือสงครามที่มนุษย์และเทพพยายามอย่างสุดความสามารถจนถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ กู่ฉิงซานครุ่นคิดถึงวิธีรับมืออย่างเงียบงัน ฉับพลันนั้นเอง ฝูงนกที่กำลังบินอยู่นั้นเคลื่อนลงมาจากท้องฟ้า พวกมันลงมายังลานที่พังทลายในซากปรักหักพังก่อนเริ่มพักผ่อน ราวกับว่าเพิ่งประสบกับอาการแตกตื่นและวิตกนานเกินไป พวกมันจึงดื่มน้ำที่สระในลาน หลังจากดื่มน้ำแล้ว พวกมันยังไม่ไปไหนราวกับพึงพอใจที่จะอยู่ที่นี่ ไม่มีเสียงดังกึกก้อง ไม่มีการโจมตีด้วยวิชา ไม่มีปราณและประกายดาบ พวกนกจึงคิดว่าที่นี่ปลอดภัยดี พวกมันพักผ่อนอย่างสงบ กู่ฉิงซานมองนกเหล่านั้นจากไกลๆ นกเหล่านี้มีชื่อว่าขนวายุ เพราะมีความเร็วในการบินสูงที่สุดจนทำให้นกตัวอื่นถูกทิ้งห่าง มันจึงได้รับชื่อนี้มา เป็นเรื่องง่ายมากที่จะพบเห็นนกเหล่านี้ในสวรรค์ เพราะพวกมันผอมเกินไปจึงแทบไม่มีเนื้อ ต่อมในร่างกายจะปลดปล่อยกลิ่นเหม็นออกมาเมื่อพวกมันตาย ทำให้ไม่มีส่วนใดจากพวกมันที่กินได้ เหตุผลที่มีจำนวนไม่มากก็เพราะภาวะเจริญพันธุ์ของพวกมัน กู่ฉิงซานกำลังคิดเรื่องนกเหล่านี้ แต่ทันใดนั้น เขาเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์แพรวพราวบนขอบฟ้าไกลออกไป ลำแสงเทพ! นี่แสดงให้เห็นว่าสัตว์ประหลาดบรรพกาลเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ก่อนเริ่มต่อสู้กับเทพแล้ว การต่อสู้ขั้นแตกหักได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ! กู่ฉิงซานเม้มริมฝีปาก คิดทบทวนไปมาก่อนเตรียมตัวที่จะออกไป เขาพลันมาปรากฏตัวที่ด้านหลังขนวายุก่อนถอนขนจากก้นของมัน นกตัวนั้นถึงกับผงะ โชคยังดีที่ขนตรงก้นไม่ส่งผลต่อการบิน มันจึงแค่ส่งเสียงกรีดร้องก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภาเพื่อหลบหนีอย่างร้อนรน นกตัวอื่นๆ ต่างหวาดกลัวก่อนพากันบินหนี เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ขนวายุอีกตัวบินขึ้นสู่ท้องนภา มันไม่ไล่ตามขนวายุตัวอื่น … กู่ฉิงซานกลายร่างเป็นนกก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มขึ้น แต่เขาต้องไปถึงพื้นที่ที่ตึงที่สุดในแนวหน้าเพื่อหาสถานที่เหมาะเจาะก่อนรอดูฉากการตายของเทพขณะสู้กันอยู่ หลังจากบินมาหลายสิบอึดใจ กู่ฉิงซานพลันได้ยินเสียงร้องเวทนามาจากปฐพี เขาปล่อยจิตเทพก่อนกวาดมองลงไป สัตว์ประหลาดยักษ์ไร้หนังบนศีรษะจนเหลือแต่กล้ามเนื้อสีแดงเข้มวิ่งเข้าใส่ผู้ฝึกยุทธ์ ลำแสงห้าธาตุระเบิดออกมา ทอง! ไม้! น้ำ! ไฟ! ดิน! ผู้ฝึกยุทธ์ถ่ายพลังทั้งหมดไปยังวิชาธาตุทั้งห้า ทว่า…แม้วิชาจำนวนมากจะโดนสัตว์ประหลาด แต่ก็เพียงทำให้ร่างกายของมันสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างใด วิชาธาตุทั้งห้าระดับนี้ไม่สามารถทำอันตรายได้ สัตว์ประหลาดคว้าผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุไว้ มันยกมือขึ้นหมายจะโยนอีกฝ่ายเข้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งออกมาจากฝูงชน ถือฆ้องด้วยมือทั้งสองข้างก่อนเคาะอย่างรุนแรง เขาเคาะแล้วท่องบทสวดจำนวนมาก สัตว์ประหลาดคลายมือออก ไม่สามารถจับผู้ฝึกยุทธ์ได้อีกเป็นครั้งที่สอง มันสั่นสะท้านและครวญครางด้วยความเจ็บปวด ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องหลั่งเหงื่อขณะท่องบทสวดต่อไป สัตว์ประหลาดสาวเท้าเข้าหาผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้อง “จังหวะนี้แหละ!” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนตะโกน ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนพุ่งไปข้างหน้าก่อนโจมตีใส่สัตว์ประหลาดด้วยกำลังทั้งหมดที่มี สัตว์ประหลาดพลันอ้าปากออกก่อนแผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดใส่ผู้ฝึกยุทธ์จนทำเอาโลกสั่นสะเทือน เสียงคำรามนี้คล้ายกับเปี่ยมด้วยพลัง ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ใกล้ๆ สั่นสะท้านจนถึงแก่ความตาย ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องตกตะลึงกับเสียงคำรามของสัตว์ประหลาด เขากระอักโลหิตออกมา เขาคุกเข่าลงกับพื้น มือสั่นเทา ไม่สามารถยกขึ้นมาได้ชั่วขณะ เสียงฆ้องหยุดลง เมื่อไม่มีวิถีเสียงมาขัดขวาง สัตว์ประหลาดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันกระพือปีกเบาๆ ก่อนมาถึงหน้าผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้อง สัตว์ประหลาดกางมือขนาดใหญ่ก่อนคว้าผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องผู้มีใบหน้าสิ้นหวัง ตอนนี้เอง กู่ฉิงซานมาถึงจุดหมายแล้ว เขาผ่านบริเวณพรมแดนก่อนเหาะไปสู่สถานที่ที่การต่อสู้ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น แต่ในช่วงวิกฤตินี้ เขาพลันหายไปจากท้องนภา วินาทีต่อมา เขากลายเป็นชายหนุ่มก่อนตกลงมาที่ด้านหลังของสัตว์ประหลาดอย่างเงียบงัน กู่ฉิงซานชำเลืองมองสัตว์ประหลาด เพียงพริบตา สัตว์ประหลาดหายไปจากจุดนั้นก่อนจะปรากฏตัวขึ้นใหม่ในทันที ‘ปัง!’ แขนข้างหนึ่งของสัตว์ประหลาดถูกฟาดลงกับพื้น สัตว์ประหลาดเงยศีรษะขึ้นก่อนแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ของสัตว์ประหลาด ทุกสิ่งรอบข้างไม่อาจเล็ดลอดการรับรู้ของมันไปได้ แต่มันกลับได้รับบาดเจ็บเพราะไม่เคยเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน ตอนนั้นเอง ใครบางคนพลันปรากฏตัวขึ้น คนคนนี้อยู่ด้านหลังซึ่งไม่ไกลกันนัก อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือทำอะไร แต่กลายเป็นว่ามันเหยียบย่างเข้าสู่ความมืดเสียแล้ว ก่อนที่จะทันได้ตอบสนอง แสงเย็นเยือกอันคมปลาบฟันเข้ามาอย่างจัง เมื่อถูกฟันที่ปลายนิ้ว ทำให้มันกลับคืนสู่ความเป็นจริง บัดซบ! นี่มันบ้าอะไรกัน สัตว์ประหลาดที่กำลังคลุ้มคลั่งหันไปมองกู่ฉิงซาน วิชาดาบของกู่ฉิงซานขยับ! ดาบเสียงคลื่นและดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพระเบิดพลังพร้อมกัน อีกฝ่ายงัดดาบคู่ที่เผยประกายดาบอันคมปลาบออกมา ฟาดฟันเข้าใส่คอของกู่ฉิงซาน เมื่อดาบกำลังจะฟาดถึงที่หมาย กู่ฉิงซานกลับหายตัวไป กลายเป็นว่าสัตว์ประหลาดปรากฏตัวในจุดที่ดาบสองเล่มขนาบเข้าโจมตี หนึ่งดาบสะเทือนฝัน! หนึ่งดาบกลืนกินการหวนคืน! สัตว์ประหลาดยืนนิ่ง ไม่อาจป้องกันได้เป็นเวลาห้าวินาที เงาดาบเพลิงทั้งสองบรรจบกันที่คอ ศีรษะถูกตัดอย่างเกลี้ยงเกลา การต่อสู้จบลงแล้ว “นักดาบนิรันดร์ระดับเบิกเนตรนิมิต!” ใครบางคนตะโกน หากไปถึงระดับเบิกเนตรนิมิตได้ คนผู้นั้นย่อมเป็นกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ยิ่งเป็นนักดาบนิรันดร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะสามารถสังหารสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งได้ ทุกคนต่างแสดงความยินดี กู่ฉิงซานหันไปมองทุกคน เห็นทั้งคนที่ได้รับบาดเจ็บ เห็นทั้งคนที่ตาย ตอนนี้มีเสียงคำรามดังขึ้นไกลออกไป ปฐพีเริ่มสั่นสะเทือน สัตว์ประหลาดยักษ์กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ กู่ฉิงซานกล่าวกับทุกคนทันทีว่า “ที่นี่ให้ข้าจัดการเอง สภาพของพวกเจ้าไม่พร้อมที่จะสู้อีกแล้ว ออกไปจากแนวหน้าเดี๋ยวนี้ ไปหาที่รักษาตัวแล้วเตรียมพร้อมให้ดีด้วย!” “ขอรับ!” เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ขานรับ พวกเขาหาทางถอยกลับไปหาเผ่าพันธุ์มนุษย์พร้อมกับสหายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องเดินกะเผลกผ่านมาก่อนยกมือขึ้นประสาน “ขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ” “ไม่เป็นไร รีบไปเสีย ข้ายื้อไว้ได้ไม่นาน” กู่ฉิงซานเร่ง เขาได้กลิ่นเหม็นลอยมาตามลม นั่นคือกลิ่นของซากศพในปากของสัตว์ประหลาดโบราณ ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องมอบยันต์ให้กับมือของกู่ฉิงซานก่อนกล่าวว่า “เจ้ารับสิ่งนี้ไว้ ข้าเตรียมจะใช้เมื่อครู่ แต่หลังจากใช้งานแล้วก็คงถ่วงเวลาได้สักพักเท่านั้น จุดจบก็ยังเป็นความตายอยู่ดี แต่โชคดีที่มีเจ้าอยู่ที่นี่” กู่ฉิงซานมองยันต์ในมือ ทันใดนั้นมีข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม “ไอเท็ม: ยันต์เสียงและชีพ” “ไอเท็มพิเศษที่ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว” “เมื่อใช้ไอเท็มนี้จะสร้างเสียงกระแทกขนาดใหญ่ขึ้นมาในทันทีเพื่อทำลายวิญญาณของศัตรู” กู่ฉิงซานเก็บยันต์ไว้แล้วกล่าวว่า “เจ้านี่เป็นประโยชน์นัก ข้าขอรับไว้ ขอบคุณมาก” ผู้ฝึกยุทธ์พยักหน้าให้กู่ฉิงซานเล็กน้อยก่อนหันหลังแล้วจากไป เมื่อรอจนกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดอพยพออกไปหมดแล้ว กู่ฉิงซานจึงถอนหายใจออกมาอย่างเงียบงัน “ฉานนู่ ข้าล้มเหลวมากเกินไปหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าไม่ควรสนใจคนพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราควรตรงไปสถานที่ที่วิกฤติที่สุดของแนวหน้า ผลที่ได้ ข้าจำใจต้องหยุดแวะ ข้าเสียเวลากับที่นี่มากเกินไปแล้ว” เขากล่าว เดิมเขาตั้งใจจะบุกไปสถานที่ที่วิกฤติที่สุดของแนวหน้า กลายเป็นตัวตนไม่เด่นชัด คอยซุ่มซ่อนเพื่อรอช่วงเวลาที่เทพล้มลงอย่างเงียบงัน  คาดไม่ถึง ครึ่งทางผ่านไป เขาอดที่จะช่วยกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้ เสียงอ่อนโยนของฉานนู่ที่มาจากดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพกล่าวว่า “ท่านไม่ได้ล้มเหลวหรอก เพราะท่านทำเช่นนี้ถึงทำให้ยังเป็นตัวท่านอย่างไรกันล่ะ” กู่ฉิงซานหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เจ้าพูดเกินไปแล้ว” ขณะพูด มือของเขายังขยับไม่หยุด ร่างของสัตว์ประหลาดถูกเขาเก็บไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดบรรพกาลตัวนี้เป็นสัตว์ประหลาดระดับทหารเช่นกัน สัตว์ประหลาดค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับงูสองปีกหกขาที่กู่ฉิงซานเจอมาก่อนหน้านี้แล้วยังถือว่าห่างชั้นกันมากนัก สัตว์ประหลาดระดับทหารเช่นนี้ เมื่อมาอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซาน หากจุดอ่อนถูกเผยออกมา เมื่อนั้นก็คือช่วงเวลาที่จุดจบมาเยือน ถึงแม้เนตรสัจจะฟาดฟันวิญญาณจะอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่ก็สามารถดึงศัตรูเข้าสู่โลกชั่วคราวที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนถูกฟาดฟันด้วยดาบวิญญาณที่หลอมรวมขึ้นจากวิญญาณเข้าใส่ได้ ปัจจุบัน โลกนี้ที่สร้างจากความว่างเปล่าคงอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ดาบวิญญาณจึงสามารถฟันได้เพียงหนึ่งครั้ง แต่เมื่อใช้การลอบโจมตีควบคู่กับวิถีอสนีบาตมายาอันทรงพลัง กู่ฉิงซานจึงสามารถหาจุดอ่อนของศัตรูได้เป็นจำนวนมาก ในฐานะผู้ใช้วิชาดาบ กู่ฉิงซานมีทางเลือกในการต่อสู้มากมาย เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดลอยมาตามสายลม พวกมันกำลังใกล้เข้ามา กู่ฉิงซานไม่ปล่อยให้เวลาเลยผ่านอีกต่อไป เขาเริ่มย่อตัวลงกับพื้นดิน ออกจากตำแหน่งนี้ไปในทันทีก่อนไปปรากฏตัวอีกที่ซึ่งห่างออกไปหลายสิบไมล์ เขากลายเป็นขนวายุก่อนพุ่งขึ้นท้องนภาอีกครั้ง แนวหน้าอยู่ไม่ไกลแล้ว! …………………………………

เหลืออีกครึ่งวันก่อนเทพจะถูกสังหาร

ราตรีลาลับ

ตะวันสีแดงทรงกลมลอยขึ้นช้าๆ สะท้อนแสงเรืองรองหลายพันสาย

พวกนกสยายปีกทั่วท้องนภา ส่งเสียงจิ๊บๆ อย่างหดหู่

พวกมันคล้ายกับรู้ว่าสงครามกำลังจะมาเยือน ทำให้หลบหนีขึ้นสู่ท้องนภาอย่างจนใจ

จากนั้น เสียงแตรที่หนักและหดหู่ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

‘วู วู’

เสียงแตรกระจายไปหลายพันไมล์เพื่อเรียกให้ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ทั้งหมดที่ยังเหลือรอดไปรวมตัวกันที่แนวหน้าอีกครั้ง

ขณะยืนอยู่ในซากเกาะลอยฟ้า กู่ฉิงซานฟังเสียงแตรอย่างเงียบงัน

เขาเคยอ่านพิชัยสงครามนี้มาก่อนจนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

เมื่อถึงรุ่งสาง เทพจะออกจากตำหนักก่อนมาถึงแนวหน้าเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้

เสียงแตรมีความหมายว่าเทพจะรวมตัวกับกองทัพมนุษย์ที่พ่ายแพ้ไปแล้วหนหนึ่งเพื่อเตรียมรับการต่อสู้ขั้นแตกหัก

ราวสิบห้านาทีต่อมา สัตว์ประหลาดบรรพกาลวิ่งเข้ามายังจุดรวมพลของกองทัพมนุษย์จำนวนมาก

การต่อสู้ขั้นแตกหักได้เริ่มต้นขึ้น

นี่เป็นการต่อสู้ในประวัติศาสตร์ที่เทพทุกองค์เข้าร่วม

หลังจบการต่อสู้ขั้นแตกหักในครั้งนี้ สัตว์ประหลาดบรรพกาลจะถูกขับไล่ชั่วคราว เทพและเผ่าพันธุ์มนุษย์จะรอด

นี่คือสงครามที่มนุษย์และเทพพยายามอย่างสุดความสามารถจนถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์

กู่ฉิงซานครุ่นคิดถึงวิธีรับมืออย่างเงียบงัน

ฉับพลันนั้นเอง ฝูงนกที่กำลังบินอยู่นั้นเคลื่อนลงมาจากท้องฟ้า

พวกมันลงมายังลานที่พังทลายในซากปรักหักพังก่อนเริ่มพักผ่อน

ราวกับว่าเพิ่งประสบกับอาการแตกตื่นและวิตกนานเกินไป พวกมันจึงดื่มน้ำที่สระในลาน

หลังจากดื่มน้ำแล้ว พวกมันยังไม่ไปไหนราวกับพึงพอใจที่จะอยู่ที่นี่

ไม่มีเสียงดังกึกก้อง ไม่มีการโจมตีด้วยวิชา ไม่มีปราณและประกายดาบ พวกนกจึงคิดว่าที่นี่ปลอดภัยดี

พวกมันพักผ่อนอย่างสงบ

กู่ฉิงซานมองนกเหล่านั้นจากไกลๆ

นกเหล่านี้มีชื่อว่าขนวายุ

เพราะมีความเร็วในการบินสูงที่สุดจนทำให้นกตัวอื่นถูกทิ้งห่าง มันจึงได้รับชื่อนี้มา

เป็นเรื่องง่ายมากที่จะพบเห็นนกเหล่านี้ในสวรรค์ เพราะพวกมันผอมเกินไปจึงแทบไม่มีเนื้อ ต่อมในร่างกายจะปลดปล่อยกลิ่นเหม็นออกมาเมื่อพวกมันตาย ทำให้ไม่มีส่วนใดจากพวกมันที่กินได้

เหตุผลที่มีจำนวนไม่มากก็เพราะภาวะเจริญพันธุ์ของพวกมัน

กู่ฉิงซานกำลังคิดเรื่องนกเหล่านี้ แต่ทันใดนั้น เขาเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์แพรวพราวบนขอบฟ้าไกลออกไป

ลำแสงเทพ!

นี่แสดงให้เห็นว่าสัตว์ประหลาดบรรพกาลเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ก่อนเริ่มต่อสู้กับเทพแล้ว

การต่อสู้ขั้นแตกหักได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!

กู่ฉิงซานเม้มริมฝีปาก คิดทบทวนไปมาก่อนเตรียมตัวที่จะออกไป

เขาพลันมาปรากฏตัวที่ด้านหลังขนวายุก่อนถอนขนจากก้นของมัน

นกตัวนั้นถึงกับผงะ

โชคยังดีที่ขนตรงก้นไม่ส่งผลต่อการบิน มันจึงแค่ส่งเสียงกรีดร้องก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภาเพื่อหลบหนีอย่างร้อนรน

นกตัวอื่นๆ ต่างหวาดกลัวก่อนพากันบินหนี

เพียงช่วงเวลาสั้นๆ

ขนวายุอีกตัวบินขึ้นสู่ท้องนภา

มันไม่ไล่ตามขนวายุตัวอื่น

กู่ฉิงซานกลายร่างเป็นนกก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภาอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มขึ้น แต่เขาต้องไปถึงพื้นที่ที่ตึงที่สุดในแนวหน้าเพื่อหาสถานที่เหมาะเจาะก่อนรอดูฉากการตายของเทพขณะสู้กันอยู่

หลังจากบินมาหลายสิบอึดใจ กู่ฉิงซานพลันได้ยินเสียงร้องเวทนามาจากปฐพี

เขาปล่อยจิตเทพก่อนกวาดมองลงไป

สัตว์ประหลาดยักษ์ไร้หนังบนศีรษะจนเหลือแต่กล้ามเนื้อสีแดงเข้มวิ่งเข้าใส่ผู้ฝึกยุทธ์

ลำแสงห้าธาตุระเบิดออกมา

ทอง! ไม้! น้ำ! ไฟ! ดิน!

ผู้ฝึกยุทธ์ถ่ายพลังทั้งหมดไปยังวิชาธาตุทั้งห้า

ทว่า…แม้วิชาจำนวนมากจะโดนสัตว์ประหลาด แต่ก็เพียงทำให้ร่างกายของมันสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีความรุนแรงแต่อย่างใด

วิชาธาตุทั้งห้าระดับนี้ไม่สามารถทำอันตรายได้

สัตว์ประหลาดคว้าผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุไว้ มันยกมือขึ้นหมายจะโยนอีกฝ่ายเข้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม

ในเวลาเดียวกันนั้น

ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งออกมาจากฝูงชน ถือฆ้องด้วยมือทั้งสองข้างก่อนเคาะอย่างรุนแรง

เขาเคาะแล้วท่องบทสวดจำนวนมาก

สัตว์ประหลาดคลายมือออก ไม่สามารถจับผู้ฝึกยุทธ์ได้อีกเป็นครั้งที่สอง

มันสั่นสะท้านและครวญครางด้วยความเจ็บปวด

ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องหลั่งเหงื่อขณะท่องบทสวดต่อไป

สัตว์ประหลาดสาวเท้าเข้าหาผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้อง

“จังหวะนี้แหละ!”

ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนตะโกน

ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนพุ่งไปข้างหน้าก่อนโจมตีใส่สัตว์ประหลาดด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

สัตว์ประหลาดพลันอ้าปากออกก่อนแผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดใส่ผู้ฝึกยุทธ์จนทำเอาโลกสั่นสะเทือน เสียงคำรามนี้คล้ายกับเปี่ยมด้วยพลัง ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากที่อยู่ใกล้ๆ สั่นสะท้านจนถึงแก่ความตาย

ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องตกตะลึงกับเสียงคำรามของสัตว์ประหลาด เขากระอักโลหิตออกมา

เขาคุกเข่าลงกับพื้น มือสั่นเทา ไม่สามารถยกขึ้นมาได้ชั่วขณะ

เสียงฆ้องหยุดลง

เมื่อไม่มีวิถีเสียงมาขัดขวาง สัตว์ประหลาดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

มันกระพือปีกเบาๆ ก่อนมาถึงหน้าผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้อง

สัตว์ประหลาดกางมือขนาดใหญ่ก่อนคว้าผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องผู้มีใบหน้าสิ้นหวัง

ตอนนี้เอง กู่ฉิงซานมาถึงจุดหมายแล้ว

เขาผ่านบริเวณพรมแดนก่อนเหาะไปสู่สถานที่ที่การต่อสู้ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น

แต่ในช่วงวิกฤตินี้ เขาพลันหายไปจากท้องนภา

วินาทีต่อมา เขากลายเป็นชายหนุ่มก่อนตกลงมาที่ด้านหลังของสัตว์ประหลาดอย่างเงียบงัน

กู่ฉิงซานชำเลืองมองสัตว์ประหลาด

เพียงพริบตา สัตว์ประหลาดหายไปจากจุดนั้นก่อนจะปรากฏตัวขึ้นใหม่ในทันที

‘ปัง!’

แขนข้างหนึ่งของสัตว์ประหลาดถูกฟาดลงกับพื้น

สัตว์ประหลาดเงยศีรษะขึ้นก่อนแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา

ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ของสัตว์ประหลาด ทุกสิ่งรอบข้างไม่อาจเล็ดลอดการรับรู้ของมันไปได้ แต่มันกลับได้รับบาดเจ็บเพราะไม่เคยเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน

ตอนนั้นเอง ใครบางคนพลันปรากฏตัวขึ้น

คนคนนี้อยู่ด้านหลังซึ่งไม่ไกลกันนัก อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือทำอะไร

แต่กลายเป็นว่ามันเหยียบย่างเข้าสู่ความมืดเสียแล้ว

ก่อนที่จะทันได้ตอบสนอง แสงเย็นเยือกอันคมปลาบฟันเข้ามาอย่างจัง

เมื่อถูกฟันที่ปลายนิ้ว ทำให้มันกลับคืนสู่ความเป็นจริง

บัดซบ!

นี่มันบ้าอะไรกัน

สัตว์ประหลาดที่กำลังคลุ้มคลั่งหันไปมองกู่ฉิงซาน

วิชาดาบของกู่ฉิงซานขยับ!

ดาบเสียงคลื่นและดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพระเบิดพลังพร้อมกัน

อีกฝ่ายงัดดาบคู่ที่เผยประกายดาบอันคมปลาบออกมา ฟาดฟันเข้าใส่คอของกู่ฉิงซาน

เมื่อดาบกำลังจะฟาดถึงที่หมาย กู่ฉิงซานกลับหายตัวไป

กลายเป็นว่าสัตว์ประหลาดปรากฏตัวในจุดที่ดาบสองเล่มขนาบเข้าโจมตี

หนึ่งดาบสะเทือนฝัน! หนึ่งดาบกลืนกินการหวนคืน!

สัตว์ประหลาดยืนนิ่ง ไม่อาจป้องกันได้เป็นเวลาห้าวินาที

เงาดาบเพลิงทั้งสองบรรจบกันที่คอ ศีรษะถูกตัดอย่างเกลี้ยงเกลา

การต่อสู้จบลงแล้ว

“นักดาบนิรันดร์ระดับเบิกเนตรนิมิต!” ใครบางคนตะโกน

หากไปถึงระดับเบิกเนตรนิมิตได้ คนผู้นั้นย่อมเป็นกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ยิ่งเป็นนักดาบนิรันดร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่จะสามารถสังหารสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งได้

ทุกคนต่างแสดงความยินดี

กู่ฉิงซานหันไปมองทุกคน เห็นทั้งคนที่ได้รับบาดเจ็บ เห็นทั้งคนที่ตาย

ตอนนี้มีเสียงคำรามดังขึ้นไกลออกไป

ปฐพีเริ่มสั่นสะเทือน

สัตว์ประหลาดยักษ์กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

กู่ฉิงซานกล่าวกับทุกคนทันทีว่า “ที่นี่ให้ข้าจัดการเอง สภาพของพวกเจ้าไม่พร้อมที่จะสู้อีกแล้ว ออกไปจากแนวหน้าเดี๋ยวนี้ ไปหาที่รักษาตัวแล้วเตรียมพร้อมให้ดีด้วย!”

“ขอรับ!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ขานรับ

พวกเขาหาทางถอยกลับไปหาเผ่าพันธุ์มนุษย์พร้อมกับสหายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องเดินกะเผลกผ่านมาก่อนยกมือขึ้นประสาน “ขอบคุณที่ให้การช่วยเหลือ”

“ไม่เป็นไร รีบไปเสีย ข้ายื้อไว้ได้ไม่นาน”

กู่ฉิงซานเร่ง

เขาได้กลิ่นเหม็นลอยมาตามลม

นั่นคือกลิ่นของซากศพในปากของสัตว์ประหลาดโบราณ

ผู้ฝึกยุทธ์ถือฆ้องมอบยันต์ให้กับมือของกู่ฉิงซานก่อนกล่าวว่า “เจ้ารับสิ่งนี้ไว้ ข้าเตรียมจะใช้เมื่อครู่ แต่หลังจากใช้งานแล้วก็คงถ่วงเวลาได้สักพักเท่านั้น จุดจบก็ยังเป็นความตายอยู่ดี แต่โชคดีที่มีเจ้าอยู่ที่นี่”

กู่ฉิงซานมองยันต์ในมือ ทันใดนั้นมีข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ไอเท็ม: ยันต์เสียงและชีพ”

“ไอเท็มพิเศษที่ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว”

“เมื่อใช้ไอเท็มนี้จะสร้างเสียงกระแทกขนาดใหญ่ขึ้นมาในทันทีเพื่อทำลายวิญญาณของศัตรู”

กู่ฉิงซานเก็บยันต์ไว้แล้วกล่าวว่า “เจ้านี่เป็นประโยชน์นัก ข้าขอรับไว้ ขอบคุณมาก”

ผู้ฝึกยุทธ์พยักหน้าให้กู่ฉิงซานเล็กน้อยก่อนหันหลังแล้วจากไป

เมื่อรอจนกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดอพยพออกไปหมดแล้ว

กู่ฉิงซานจึงถอนหายใจออกมาอย่างเงียบงัน

“ฉานนู่ ข้าล้มเหลวมากเกินไปหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าไม่ควรสนใจคนพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราควรตรงไปสถานที่ที่วิกฤติที่สุดของแนวหน้า ผลที่ได้ ข้าจำใจต้องหยุดแวะ ข้าเสียเวลากับที่นี่มากเกินไปแล้ว” เขากล่าว

เดิมเขาตั้งใจจะบุกไปสถานที่ที่วิกฤติที่สุดของแนวหน้า กลายเป็นตัวตนไม่เด่นชัด คอยซุ่มซ่อนเพื่อรอช่วงเวลาที่เทพล้มลงอย่างเงียบงัน

 คาดไม่ถึง ครึ่งทางผ่านไป เขาอดที่จะช่วยกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้

เสียงอ่อนโยนของฉานนู่ที่มาจากดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพกล่าวว่า “ท่านไม่ได้ล้มเหลวหรอก เพราะท่านทำเช่นนี้ถึงทำให้ยังเป็นตัวท่านอย่างไรกันล่ะ”

กู่ฉิงซานหัวเราะแล้วกล่าวว่า “เจ้าพูดเกินไปแล้ว”

ขณะพูด มือของเขายังขยับไม่หยุด

ร่างของสัตว์ประหลาดถูกเขาเก็บไปอย่างรวดเร็ว

เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดบรรพกาลตัวนี้เป็นสัตว์ประหลาดระดับทหารเช่นกัน

สัตว์ประหลาดค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับงูสองปีกหกขาที่กู่ฉิงซานเจอมาก่อนหน้านี้แล้วยังถือว่าห่างชั้นกันมากนัก

สัตว์ประหลาดระดับทหารเช่นนี้ เมื่อมาอยู่ต่อหน้ากู่ฉิงซาน หากจุดอ่อนถูกเผยออกมา เมื่อนั้นก็คือช่วงเวลาที่จุดจบมาเยือน

ถึงแม้เนตรสัจจะฟาดฟันวิญญาณจะอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่ก็สามารถดึงศัตรูเข้าสู่โลกชั่วคราวที่สร้างขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนถูกฟาดฟันด้วยดาบวิญญาณที่หลอมรวมขึ้นจากวิญญาณเข้าใส่ได้

ปัจจุบัน โลกนี้ที่สร้างจากความว่างเปล่าคงอยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ดาบวิญญาณจึงสามารถฟันได้เพียงหนึ่งครั้ง

แต่เมื่อใช้การลอบโจมตีควบคู่กับวิถีอสนีบาตมายาอันทรงพลัง กู่ฉิงซานจึงสามารถหาจุดอ่อนของศัตรูได้เป็นจำนวนมาก

ในฐานะผู้ใช้วิชาดาบ กู่ฉิงซานมีทางเลือกในการต่อสู้มากมาย

เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดลอยมาตามสายลม

พวกมันกำลังใกล้เข้ามา

กู่ฉิงซานไม่ปล่อยให้เวลาเลยผ่านอีกต่อไป เขาเริ่มย่อตัวลงกับพื้นดิน ออกจากตำแหน่งนี้ไปในทันทีก่อนไปปรากฏตัวอีกที่ซึ่งห่างออกไปหลายสิบไมล์

เขากลายเป็นขนวายุก่อนพุ่งขึ้นท้องนภาอีกครั้ง

แนวหน้าอยู่ไม่ไกลแล้ว!

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+