Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ 651 ดั่งสำนวนถอนฟืนจากใต้หม้อ

Now you are reading Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์ Chapter 651 ดั่งสำนวนถอนฟืนจากใต้หม้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ศีรษะกระเด็นขึ้นฟ้า ลอยไกลออกไป ก่อนจะตกลงกับพื้น กลิ้งไปหยุดลงข้างเท้าของอาวุโสทั้งแปดพอดิบพอดี

รอยยิ้มบนใบหน้าของแปดอาวุโสแข็งค้างไป

มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าคนที่พยายามจะช่วยชีวิตถูกสังหารลงในพริบตา

และที่สำคัญก็คือ ชายผู้นั้นไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของพวกเขา แต่ยังเป็นผู้กุมความลับมากมายของโลกใบนี้เอาไว้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นมันแค่พริบตาเดียวเท่านั้น กู่ฉิงซานยืนอยู่ใกล้กับตัวปลอมของเขามากเกินไป ซึ่งด้วยระยะห่างดังกล่าว มันย่อมไม่มีใครสามารถหยุดผู้ฝึกดาบมิให้ลงมือสังหารได้

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ แปดอาวุโสก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง

กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน และหันไปมองแปดอาวุโสด้วยรอยยิ้ม

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส “เอาล่ะ ทีนี้ปัญหาระหว่างพวกเราก็ได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หวังว่าจากนี้ไปทุกท่านจะสามัคคีกลมเกลียวซึ่งกันและกันนะ”

พรืด!

ว่านเอ๋อที่ซ่อนอยู่หลังฉาก กลั้นไม่ไหว หลุดเสียงหัวเราะออกมา

และเสียงหัวเราะนี้ก็ราวกับเชื้อร้ายที่สามารถแพร่กระจายติดต่อกันได้

บนบัลลังก์หมื่นบุปผา มุมปากของเซี่ยเต๋าหลิงเองก็โค้งขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน

ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมา เธอก็หายวับไปจากบัลลังก์

ในเสี้ยววินาทีเดียวกัน เจ็ดถึงแปดรัศมีของเทคนิคมนตราก็สาดแสงออกมา เจตนาฆ่าท่วมไปทั่วตลอดทั้งโถง โถมทับเข้าใส่กู่ฉิงซานดั่งน้ำหลาก

นางเซียนไป่ฮั่วปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน วาดชายเสื้อออกไปส่งๆ สลายเทคนิคมนตราเหล่านั้นกระจายหายไป

แปดอาวุโสแผดเสียงร้องด้วยความโกรธ

“สารเลว!”

“เจ้ากล้าสังหารผู้คนต่อหน้าพวกเรา!”

“เซี่ยเต๋าหลิง เหตุใดเจ้าถึงยังปกป้องมันอยู่อีก!”

“กู่ฉิงซานจะต้องตาย!”

“เซี่ยเต๋าหลิง หากไม่จัดการเรื่องนี้ให้มันชัดเจน อย่าหวังว่าเจ้าจะผ่านวันนี้ไปได้!”

นางเซียนไป่ฮั่วสาดเสียงเย็น “อยู่ต่อหน้าข้าแท้ๆ แต่กลับต้องการสังหารศิษย์ข้า พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้า เซี่ยเต๋าหลิงผู้นี้จะยอมอยู่เฉยๆ ให้ถูกรังแก?”

“หากวันนี้ข้าปล่อยให้พวกเจ้าเข้ามาก้าวก่ายในโลกของข้า ข้าคงไม่มีหน้าไปพบผู้ใดในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์อีกแล้ว!”

ขณะกล่าว กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่จากโบราณกาลก็ปะทุออกมาจากกายเธอ ผ้าไหมสีมรกตที่สวมใส่แปรเปลี่ยนเป็นสีหิมะในคราวเดียว

แส้เถาวัลย์ที่ปกคลุมไปด้วยหนามแหลมปรากฏขึ้นในมือของเธอ

วูบ…เพียะ!

แส้ยาวฟาดสะบัด บังเกิดเสียงแหวกมิติ คล้ายกับกำลังเกิดการเรียกขานอะไรบางอย่าง

ในอากาศที่ว่างเปล่าพลันถูกปกคลุมไปด้วยทุกชนิดของบุปผาหลากสี

ฉากอันงดงามเบื้องหน้านี้ ส่งผลให้แปดอาวุโสจำต้องหุบปากลง ราวกับมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอของพวกเขา

ทันใดนั้นเอง หนึ่งในแปดก็ฝืนตะโกนออกมา

“โอ้สวรรค์! นางคิดจะใช้สกิลเทวะอาชูร่า ยักษาวิปัสสนา!”

ด้วยเสียงตะโกนนี้ เหล่าอาวุโสแต่ละคนก็อดไม่ได้ที่จะชักฝีเท้ากลับ

เซี่ยเต๋าหลิงได้กลายเป็นที่รู้จักนับตั้งแต่สงครามครั้งแรกที่เธอเข้าร่วม

ในความพ่ายแพ้คราก่อนของกองทัพพันธมิตร มีเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถต่อสู้ และโค่นกองทัพมารลงได้ โดยอาศัยวิชาชั้นยอดอันหลากหลาย

และยักษาวิปัสสนานี้ ก็เป็นหนึ่งในสองที่ร้ายกาจที่สุด จากในบรรดาสกิลเทวะจำนวนมากของเซี่ยเต๋าหลิง

‘นี่นางต้องการจะสู้จริงๆ น่ะหรือ?’

‘นางกล้าดียังไง?’

คนที่เป็นหัวหน้าของเหล่าอาวุโสก้าวออกมาข้างหน้า และกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เซี่ยเต๋าหลิง เจ้ามันบ้าไปแล้ว เวลานี้ข้ากระจ่างใจแล้วว่าการที่บรรดาเต๋าผู้ทรงเกียรติ และเหล่าพันธมิตรเลือกเจ้าเป็นผู้นำ แท้จริงแล้วพวกเขาคิดผิด!”

เซี่ยเต๋าหลิง “นั่นคือประสงค์ของเต๋าผู้ทรงเกียรติและสหายพันธมิตร ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้าทั้งแปดคน”

“ไม่! การที่ทุกคนเลือกเจ้า แท้จริงแล้วมันเป็นเพราะข้อตกลงร่วมกัน ” อาวุโสส่ายหัว

“ข้อตกลง?”

“ใช่ คนเช่นเจ้า คิดว่าตนสามารถเข้าใจถึงกฎขั้นพื้นฐานของพันธมิตรได้อย่างงั้นหรือ!?”

อาวุโสถอนหายใจและส่ายหัว “ในความเป็นจริงแล้ว มันก็เป็นอย่างที่ศิษย์ของเจ้าเอ่ยในคราแรก ทุกกลุ่มอิทธิพลล้วนมีกระบวนการที่คล้ายคลึงกัน การทำเช่นนั้นก็เพื่อที่จะสามารถมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานในทุกระดับชั้นจะมีประสิทธิภาพ”

“พวกเราถึงได้ส่งคนมาเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของเจ้า ขณะเดียวกันก็เพื่อบรรลุข้อตกลงร่วมกันนั่นเอง”

“ในความเป็นจริงแล้ว ในเวลานี้ วิธีที่ชาญฉลาดที่สุดของเจ้าก็คือ การส่งตัวซิวซิวมาให้แก่พวกเรา”

“ตราบใดที่เจ้ามีไหวพริบ เห็นด้วยกับการกระทำของพวกเรา มอบสาวกมา ทางเรามีหรือที่จะทำไม่ดีกับนาง?”

“หากทำเช่นนั้น ตัวเจ้าเอง ก็จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากพวกเรา และกลายเป็นผู้นำที่แท้จริงของพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์”

เซี่ยเต๋าหลิงเอียงคอเอ่ยถาม “แล้วข้าก็จะเป็นเหมือนกันกับจ้าวแห่งเต๋าในอดีตใช่หรือไม่?”

“แน่นอนว่ามิใช่แค่จ้าวแห่งเต๋า แต่ทุกผู้คนที่รับตำแหน่งผู้นำก่อนหน้านี้ก็เช่นกัน”

“มีเพียงวิธีนี้ วิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าได้รับความไว้วางใจจากทุกคน”

“เซี่ยเต๋าหลิง ทุกผู้คนต่างตั้งความหวังกับเจ้าไว้สูงนัก แต่เหตุใดเจ้าถึงได้ต้องการจะต่อต้านเรา? เหตุใดเจ้าจึงต้องการบ่อนทำลายสมดุลนี้! รู้หรือไม่ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มพันธมิตร มันจะส่งผลกระทบโดยรวมต่อโลกด้านวรยุทธ์นับร้อยพันทั้งปวง!”

“ผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยนับพันล้านคนต่างก็คาดหวังว่าเจ้าจะนำพากลุ่มพันธมิตรให้หลุดพ้นจากความพ่ายแพ้ หวังว่าเจ้าจะนำพาทุกคนโค่นล้มอาณาจักรมารลง!”

อาวุโสแผดเสียงเร่าร้อน “แต่ตอนนี้! เจ้ากลับไม่ยินยอมที่จะเสียสละกระทั่งผลประโยชน์เล็กน้อยส่วนตน เพื่อส่วนรวม เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าผู้ชราก็ไม่ทราบแล้วจริงๆ ว่าเจ้าจะนำพากลุ่มพันธมิตรไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร เจ้าช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก!”

“เมื่อครู่เจ้าเรียกศิษย์ข้าว่า…ผลประโยชน์อย่างงั้นหรือ?”

ขณะกล่าว เซี่ยเต๋าหลิงก็อดหัวเราะเย็นเยียบออกมาไม่ได้

เธอสะบัดควงแส้เถาวัลย์ในมือ และกล่าว “พวกเจ้ามันช่างไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ”

เธอเปล่งเสียงสดใส “ในวันนี้ ข้าจะใช้การกระทำของข้า แทนการส่งสารให้แก่ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนในพันธมิตร ว่านับจากนี้ไป ทุกผู้คนที่พวกเขาห่วงใย ทุกผู้คนที่พวกเขาต้องการจะปกป้อง ทุกผู้คนที่พวกเขายินยอมตายแทนได้ จักไม่ถูกหยามหมิ่นจากภยันตรายใดๆ อีกต่อไป”

“โดยการเริ่มจากข้าเลยก็แล้วกัน กลุ่มพันธมิตร จะไม่ใช่กลุ่มที่รวมตัวกันเพื่อผลประโยชน์อีกต่อไป”

“หากวันพรุ่งพวกเราจักต้องสละชีพในแนวหน้าระหว่างการต่อสู้กับอาณาจักรมาร นั่นก็เป็นเพราะพวกเราต่างก็มีเป้าประสงค์เดียวกัน”

“ใช่แล้ว เราสละชีพ นั่นก็เพราะพวกเราล้วนมีสิ่งที่ตนจะต้องปกป้อง เป็นสิ่งสูงค่าที่ควรค่าแก่การลากศัตรูตรงหน้าให้ตกตายลงไปด้วยกัน”

“นับจากนี้ไป ทุกชีวิตทั้งมวลจะอยู่ร่วมกัน โดยไม่ใช่ด้วยผลประโยชน์ แต่ด้วยเป้าประสงค์ของตนเอง”

“แต่พวกเจ้า! ในเลือดและเนื้อของพวกเจ้ากลับหมดสิ้นแล้วซึ่งความดี หลงเหลือเพียงความทะเยอทะยานเพื่อประโยชน์แห่งตน นั่นคือเหตุผลที่จิตแห่งเต๋าของเจ้าตกต่ำและมืดบอด จนมันมิอาจตัดผ่านไปยังขอบเขตที่เหนือล้ำยิ่งกว่านี้ได้”

“ซึ่งตรงส่วนนี้ เจ้าไม่เพียงต้องการตัวซิวซิว แต่ยังหมายจะสังหารฉิงซาน! ในวันนี้ เป็นข้าต่างหากที่จะไม่ปล่อยพวกเจ้าไป!”

เซี่ยเต๋าหลิงสะบัดแส้ยาวของเธอ

ช่วงเวลาต่อมา บุปผานับพันหมื่นก็เบ่งบานในเวลาเดียวกัน ดอกแล้วดอกเล่าร้อยเรียงกันเป็นมาลัย ก่อนจะพากันกลายสภาพเป็นอักษรรูน

สกิลเทวะจงปรากฏ!

ในอากาศที่ว่างเปล่า เทวรูปโบราณที่มีดวงตานับพัน และแขนอีกกว่าเก้าร้อยเก้าสิบข้างพลันปรากฏออกมา

ยามเมื่อที่เทวรูปโบราณปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ก็ท่วมทับไปตลอดทั้งห้องโถงทันที

เจตนาฆ่าก่อนหน้านี้ถูกลบกลบไปจนสิ้น!

เซี่ยเต๋าหลิงคำรามก้อง “พูดจบแล้วใช่ไหม? เช่นนั้นก็จงตายเสีย!”

ตรงข้ามกับเธอ แปดอาวุโสตระหนักทันทีว่าช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดได้มาถึงแล้ว

ทั้งแปดประทับฝ่ามือเข้าหากัน ปากอ้าตะโกนก้อง “ขออัญเชิญผู้ชี้ขาด! ตุลาการแห่งโลกเก้าร้อยล้านชั้นจงปรากฏ!”

บนหน้าอกของพวกเขาแต่ละคน แขวนไว้ซึ่งจี้ที่ไม่สมประกอบ

แต่ในเวลานี้ จี้ดังกล่าวได้ผลุบออกจากทุกคน ลอยมาหยุดอยู่กลางอากาศ ประกอบกันจนสมบูรณ์ กลายเป็นตราขนาดเล็ก

ตราเริ่มสั่นสะเทือนในอากาศที่ว่างเปล่า เปล่งเสียงหวีดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้นเอง บังเกิดลำแสงสาดลงมาจากเหนือห้องโถงใหญ่ และเสียงร้อนใจที่ดังตามมา

“ผู้ใดกันที่เรียกหาข้า!”

พร้อมกันกับเสียงนี้ ร่างร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ลดระดับลงมาจากแสง หยั่งเท้าลงกับพื้น

เป็นชายที่มีใบหน้าแลดูถมึงทึง ไว้หนวดเป็นตอๆ

ช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขาตกลงมา ในมือของเขาก็กำลังกำไพ่เอาไว้เช่นกัน

ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะถูกเรียกมาอย่างกะทันหันในระหว่างกำลังเล่นไพ่อยู่

ชายคนนั้นเก็บไพ่ เบนสายตาไปมองเทวรูปโบราณในอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนจะเบนสายตาคมกล้าไปยังแปดอาวุโส

“ตุลาการโลก หาใช่สิ่งที่จะเรียกขานกันตามใจชอบไม่ เจ้าทำให้เกมพนันของข้าต้องล่าช้าออกไป แท้จริงเพราะต้องการเรียกข้าให้มาช่วยชีวิตของพวกเจ้าใช่หรือไม่ หากใช่ ไม่ต้องถึงมือศัตรู แต่ข้านี่แหละที่จะสังหารพวกเจ้าด้วยตนเอง!” ชายคนนั้นตะโกนด้วยความหงุดหงิด

หัวหน้าของแปดอาวุโสโค้งกาย เผยรอยยิ้มแห่งความปีติ “ท่านผู้ใหญ่! โปรดมั่นใจ พวกเราหาได้เรียกขานท่านมาเพราะเรื่องส่วนตัวไม่ สถานการณ์ในตอนนี้จำเป็นต้องให้ทางตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดจริงๆ”

“จงพูดมา อย่าได้ชักช้า” ชายในแสงกล่าว

หัวหน้าอาวุโสชี้ไปทางนางเซียนไป่ฮั่ว เซี่ยเต๋าหลิง และกล่าวด้วยความปีติ “รายงานท่านผู้ใหญ่ หญิงนางนี้ได้ทำการผสานห้าโลกโดยพลการ มันเกินกว่าขีดจำกัดสองโลกที่ได้ร่างเอาไว้ ดังนั้นทางเราจึงอยากร้องขอให้ท่านจัดการนางผู้ผิดกฎออกไป”

“หืม? ไม่ใช่ว่าเรื่องของนางถูกรายงานมาแล้วหรอกหรือ ว่านางสามารถใช้ขีดจำกัด(โควตา) ของพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์ได้ไง” ชายคนนั้นถามด้วยความสงสัย

“นั่นเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ทางเราไม่ยินยอมมอบขีดจำกัดให้แก่นางแล้ว!” หัวหน้ากล่าว

อีกเจ็ดอาวุโสก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน

“ท่านผู้ใหญ่ ขีดจำกัดของพันธมิตรอยู่ในมือของพวกเราทั้งแปดคน และพวกเราขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ว่านางจะไม่สามารถใช้ขีดจำกัดของพันธมิตรได้อีกต่อไป” หัวหน้ากล่าว

‘นี่แหละคือสิ่งที่เจ้าจะต้องจ่าย หากคิดจะถอนฟืนร้อนออกจากใต้หม้อเดือด!’

ไม่ว่าเซี่ยเต๋าหลิงจะมีผู้คนในพันธมิตรให้การสนับสนุนอยู่มากมายเพียงใด มันไม่สำคัญว่าฝีมือต่อสู้ของนางจะร้ายกาจเพียงใด เพราะตราบใดที่นางทำการผสานรวมมากกว่าสองโลกโดยพลการ นี่จักกลายเป็นตรวนที่คอยสาปส่งนางไปชั่วนิรันดร์!

“หากนางไม่มีขีดจำกัด ตามกฎแล้วนางจักถูกตัดสินให้ต้องตาย” ชายในแสงกล่าวอย่างเรียบง่าย

เขามองไปยังเซี่ยเต๋าหลิง กล่าวด้วยน้ำเสียงเสียใจ “เจ้าจะปลิดชีพด้วยตนเอง หรือให้ข้าเป็นคนลงมือสังหาร?”

เซี่ยเต๋าหลิงสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันไร้ซึ่งหนทางต่อต้านจากอีกฝ่าย ในสมองก็เริ่มเค้นความคิดอย่างรวดเร็ว

…ไม่ดีแน่ แม้จักทุ่มเต็มกำลังคงไม่ไหวอยู่ดี

นางและเขาต่างชั้นกันเกินไป ต่อให้ตนใช้ออกด้วยสายธารแห่งการหลงเลือน ก็คงไม่อาจทำอะไรตัวตนทรงอำนาจผู้นี้ได้อยู่ดี

และเมื่อถึงเวลานั้น โลกทั้งใบของนางก็จะถูกทำลายลง

หญิงสาวถอนหายใจอย่างลับๆ โค้งกายคำนับ “เช่นนั้นข้าใคร่เอ่ยถามว่า ท่านพอจะให้เวลาข้าสักเล็กน้อย เพื่อสะสางสิ่งที่จำต้องทำก่อนตายจะได้หรือไม่?”

ชายในแสงกล่าว “การตัดสินชี้ขาดของตุลาการโลก จักไม่ยินยอมให้โลกหรือบุคคลใดคิดต่อต้าน…แต่อย่างน้อยในด้านห้วงอารมณ์ขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต พวกเราก็ยังคงมีมัน ดังนั้น ข้าสามารถให้เวลาสักเล็กน้อยแก่เจ้าเพื่อสะสางสิ่งที่ต้องทำได้ จงอย่าชักช้าล่ะ”

เซี่ยเต๋าหลิง “ขอบพระคุณท่าน”

สิ้นเสียง พลังวิญญาณจากตลอดทั้งกายเธอก็ถูกขับเคลื่อนทันที

ปัง!

ในอากาศที่ว่างเปล่า หมู่มวลบุปผาถูกเปลี่ยนเป็นผง ขณะเดียวกันเทวรูปโบราณก็ค่อยๆ ลืมตาของมันขึ้นอย่างช้าๆ

เจตนาฆ่าของเซี่ยเต๋าหลิงติดตรึงลงบนร่างของแปดอาวุโส

อาวุโสทั้งแปดร้องอุทาน “ท่านผู้ใหญ่! แบบนี้มิได้นะ เพราะสิ่งที่นางคิดจะสะสาง นั่นคือการตกตายไปพร้อมกับพวกเรา!”

ชายคนนั้นขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกรำคาญกับปัญหา

ในเวลานั้นเอง เซี่ยเต๋าหลิงก็ปล่อยจิตสัมผัสเทวะ ส่งผ่านความคิดสุดท้ายแก่กู่ฉิงซาน

“ฉิงซาน สิ่งที่เจ้าทำนับว่าถูกต้องแล้ว จงอย่าได้โทษตัวเองหรือเศร้าเสียใจไป”

“ท้ายที่สุดนี้ หากข้าตาย เจ้าจงเป็นผู้นำแห่งทุกชีวิตแทนเสีย และไม่ต้องกังวลใดๆ ในเรื่องของพันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ์”

“เพราะข้ามีวิชาลับที่จักสามารถใช้ซ่อนโลกของเราเอาไว้ได้ชั่วคราว ซึ่งมันอยู่ใน…”

แต่คำสั่งเสียของเธอก็ถูกขัดจังหวะโดยกู่ฉิงซานอย่างกะทันหัน

“ท่านอาจารย์ ท่านจะไม่ตายหรอก” กู่ฉิงซานกล่าว

“เอ๊ะ?” เซี่ยเต๋าหลิงยกคิ้วสูง

“ฟังไม่ผิดหรอก” กู่ฉิงซานหัวเราะ “มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเรา”

เขาเดินผ่านนางเซียนไป่ฮั่ว มาหยุดอยู่ต่อหน้าชายในแสง

ชายคนนั้นเหลือบมองกู่ฉิงซานอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก แต่ทันใดนั้นเจ้าตัวก็คล้ายนึกได้ถึงบางสิ่ง เขาเบนสายตากลับมามองอีกครั้งอย่างตั้งใจ

“อ้าว? เหตุใดเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่? แล้วแบรี่เล่า เขาไปมัวเล่นพนันอยู่ที่ใดกัน?”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด