ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว 207 โชคยิ่งใหญ่ของสำนักบำเพ็ญเต๋า ยังดำเนินต่อไปอีกหลายร้อยล้านอึดใจ!(1)

Now you are reading ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว Chapter 207 โชคยิ่งใหญ่ของสำนักบำเพ็ญเต๋า ยังดำเนินต่อไปอีกหลายร้อยล้านอึดใจ!(1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 207 โชคยิ่งใหญ่ของสำนักบำเพ็ญเต๋า ยังดำเนินต่อไปอีกหลายร้อยล้านอึดใจ!(1)
เมื่อผู้บำเพ็ญเหวินจิงจากไป นางก็ไม่รู้สึกสลดหดหู่ใจดั่งก่อนหน้านี้อีกต่อไป

แต่เขารู้ว่านางกำลังกังวล และมีอาการบางอย่าง… อยากอาเจียน…

นั่นไม่ใช่เพราะหลี่ฉางโซ่วทำอะไรนางอย่างแน่นอน หลี่ฉางโซ่วพูดคุยกับนางอยู่ที่นี่ในรูปของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นักพรตเต๋าเซียนเทียนเท่านั้น ซึ่งผู้บำเพ็ญเหวินจิงย่อมฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่ทำให้นางคลื่นไส้คือ ปฏิญญาต้าเต๋าเช่นนี้!

ภายในช่วงไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา นางให้สัตย์ปฏิญญาต้าเต๋าถึงสองครั้งจนผู้บำเพ็ญเหวินจิงยังรู้สึกช้ำใจเล็กน้อยและเกิดจิตชั่วร้ายขึ้นมาในใจ

และให้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรู้สึกจริง ๆ ว่าเขาไม่สามารถต่อสู้กับเทพแห่งทะเลใต้หรือสองสิ่งที่เธอตระหนักได้หลังจากที่เธอจากไป…

เมื่อผู้บำเพ็ญเหวินจิงจากไป สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกว่าไม่สามารถต่อสู้กับเทพแห่งท้องทะเลทักษิณได้นั้นมีสองประการ…

ประการแรกคือ หลี่ฉางโซ่วขอให้นางกลับไปที่สำนักบำเพ็ญประจิม และทำงานหนักเพื่อสำนักบำเพ็ญประจิมอย่างเต็มที่โดยแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นี่ย่อมบ่งชี้ว่าสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและศาลสวรรค์ไม่ได้สนใจความแข็งแกร่งและความสามารถของนาง แต่เป็นตำแหน่งของนางในสำนักบำเพ็ญประจิมในเวลานี้…

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ จอมปราชญ์เทพไท่ชิงได้รับรู้มานานแล้วว่าสำนักบำเพ็ญประจิมนั้นทำทุกอย่างอย่างรอบคอบมาโดยตลอด และพยายามที่จะสร้างความขัดแย้งกันระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋ามาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยอมรับปีศาจบางตัวเพื่อเอาไว้ใช้งานเอง

จอมปราชญ์เทพไท่ชิงลึกลับผู้นี้ได้เริ่มวางแผนต่อต้านสำนักบำเพ็ญประจิม นางได้กลายเป็นเพียงตัวหมากที่ซ่อนอยู่ซึ่งพร้อมที่จะเชื่อฟังบัญชาของเขาในอนาคต…

ทั้งสวรรค์และปฐพีล้วนเปรียบเสมือนกระดานเดินหมาก และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนเปรียบเสมือนตัวหมาก มีเพียงเหล่าจอมปราชญ์เทพเท่านั้นที่สามารถเดินหมากและควบคุมกระดานหมากได้

ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเคยได้ยินคำเหล่านี้มานับไม่ถ้วน แต่วันนี้เป็นวันที่นางสัมผัสมันได้อย่างลึกซึ้งมากที่สุด

ประการที่สอง ทันทีที่ออกมาจากดินแดนเทวะทักษิณ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง

นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่นางถูกเจ้าตัวชั่วช้าทั้งสามของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเข้าจู่โจม จนถึงช่วงเวลาที่นางถูกเทพแห่งท้องทะเลทักษิณหยุดนางเอาไว้ และในที่สุด นางก็ถูกสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและศาลสวรรค์ผูกมัดเอาไว้… ไปทีละขั้นตอน เชื่อมต่อกันทีละอย่างจนทั้งหมดนี้ล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอีกฝ่าย

สิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้คือ เลือกว่าจะจะเป็นหรือตาย

สิ่งที่ทำให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงผิดคาดมากขึ้นไปอีกก็คือ ยามที่นางกำลังดื่มสุราอยู่ นางกลับรู้สึกวางใจในตัวเทพแห่งท้องทะเลผู้นี้!

ในขณะนั้น นางรู้สึกว่าเทพแห่งท้องทะเลทักษิณผู้นี้ลงเรือลำเดียว[1]กับนาง…

เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว กลับกลายเป็นนางที่ถูกอีกฝ่ายหลอกใช้จนหมดสิ้นแล้ว!

เพราะในท้ายที่สุด นอกจากจะรู้ว่าเทพแห่งท้องทะเลทักษิณเป็นปรมาจารย์ที่ซ่อนเร้นของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินแล้ว นางก็ไม่รู้สิ่งใดอีกเลย

เทพแห่งท้องทะเลผู้นั้นลึกลับยิ่งกว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูอยู่สามส่วน…

“ฮึ่ม! แกล้งทำเป็นลึกลับดีนัก! อีกไม่นานหรอก ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าราชินีผู้นี้แข็งแกร่งมากเพียงใด!”

ผู้บำเพ็ญเหวินจิงแค่นเสียงเย็นชา แล้วถอดชุดกระโปรงสีขาวธรรมดาที่สวมบนเรือนร่างออก และฟื้นภาพลักษณ์ไม่น่าดูที่เทพธิดาฉยงเซียวกล่าวหานางอย่างเสียหาย จากนั้น ร่างของนางก็หายไปหลังจากนั้น เหลือไว้เพียงเสียงยุงในภูเขาที่ชายแดนระหว่างดินแดนเทวะประจิมและดินแดนเทวะทักษิณ…

ในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเช่นกัน

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ…

เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะไม่ ‘ดูดกลืน’ อีกในภายหน้า เขาจึงหลอกล่อผู้บำเพ็ญเหวินจิงให้ไปยังศาลสวรรค์ เพื่อเป็นกระบี่ลับซ่อนเร้นล่วงหน้าให้องค์เง็กเซียน

การกระทำเยี่ยงนี้…ดุจดั่งยามจะตกปลา ก็มีปลารออยู่ในน้ำแล้ว[2]

วิธีการอื่นๆ ที่เขาคิดได้นั้นยังไม่ปลอดภัยนัก ทว่าเมื่อเปรียบเทียบแล้ว นี่เป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยที่สุดแล้ว เอาไว้วันหลัง เขาค่อยหาโอกาสโน้มน้าวองค์เง็กเซียนให้คลายกังวลอีกที

เมื่อมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพและค่ายกลเวทหมื่นอมตะมาถึง หลี่ฉางโซวก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใดอีก ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพได้ชี้แนะเล็กน้อยให้ยุงตัวนี้แอบดูดดอกบัวทองระดับสิบสองในขณะที่จอมปราชญ์ทั้งสองแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมไม่อยู่…

ย่อมนับว่าประสบความสำเร็จแล้ว…

หลี่ฉางโซ่วรออยู่สักพัก แต่จอมปราชญ์เทพไม่ได้ชี้แนะเพิ่มเติมใดๆ นั่นหมายความว่า ปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพเห็นชอบในวิธีการจัดการสิ่งต่าง ๆ ของเขาด้วยเช่นกัน

หากปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพไม่พอใจกับวิธีการเช่นนี้ ท่านจะต้องเตือนเขาก่อนอย่างแน่นอน

ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเป็นกระบี่ร้ายกาจที่จะซ่อนและใช้ได้เพียงในที่ลับเท่านั้น หากเขาใช้นางไม่ดี ก็จะเป็นการทำร้ายตัวเองได้ง่าย

ในคราวนี้ ข้าหลอกผู้บำเพ็ญเหวินจิง…

ชิชะ หากนางเกิดรู้ว่า เทพแห่งท้องทะเลเป็นเพียงศิษย์ของสำนักตู้เซียนและระดับฐานพลังปราณที่แท้จริงของข้าว่าอยู่เพียงในขอบเขตเซียนเทียนเท่านั้น แล้วนางจะบ้าคลั่งจนสังหารข้าเลยหรือไม่?

ส่วนทางด้านอาจารย์ลุงจ้าว ข้ายังต้องหาวิธีหยุดยั้งการกระทำเลวร้ายนี้ให้ได้

บัดนี้ สิ่งที่อาจารย์ลุงจ้าวได้ทำไปแล้ว ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อแผนการเดิมของมหาทัณฑ์สวรรค์ปรายดาเทพแล้ว และอาจก่อปัญหามากขึ้นกว่านี้ในอนาคตได้!

แต่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างไรเล่า?

จ้าวกงหมิงและฉยงเซียวไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเหวินจิง

ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเองนั้นแยกตัวจากสำนักบำเพ็ญประจิมไม่ได้ และไร้หนทาง หากเขาให้ทางออกกับนางได้ นางย่อมจะงับเหยื่อจากสายเบ็ด

ในร้านอาหาร หลี่ฉางโซ่วอดจะฝืนหัวเราะขื่นออกมาไม่ได้เมื่อรับมือเรื่องนี้ได้ยากยิ่งนัก… ในขณะนั้น สถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองล้วนคึกคักไปด้วยกิจกรรมเผยแพร่คำสอนของสำนักเทพทะเล ให้ความรู้สึกถึงความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก หลังจากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เผาจอกสุราและไหสุราด้วยเพลิงสมาธิแท้ แล้วลบล้างกลิ่นอายลมปราณทั้งหมดในสถานที่นี้ก่อนจะจากไปเงียบ ๆ

หากต้องการหยุดพฤติกรรมหลอกลวง เขาต้องเริ่มจากที่สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย

ทว่าผู้ใดจะควบคุมท่านอาจารย์ลุงจ้าวได้เล่า?

ท่านจอมปราชญ์เทพ

หรือข้าต้องคิดหาวิธีที่ปลุกปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทงเทียนเจี้ยวจู่ด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้?

นี่มัน… จะน่าตื่นเต้นมากเกินไปแล้ว!

ครั้งนี้เหตุการณ์ที่ท่านอาจารย์ลุงจ้าวพยายามหลอกลวงผู้บำเพ็ญเหวินจิงและดอกบัวทองระดับสิบสองที่เกือบจะรอด ได้ให้บทเรียนที่ลึกซึ้งกับหลี่ฉางโซ่ว

ย่อมต้องมีกรรมพันผูกในทุกๆ เหตุผล และย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกรรมได้

หากเขามีกรรมในอนาคต ก็ต้องยุติมันให้เร็วที่สุดเท่านั้น!

ความจริงแล้ว เขาได้รับผลประโยชน์ที่แฝงอยู่จากการหลอกผู้บำเพ็ญเหวินจิงอีกประการหนึ่ง

การนำเผ่ามังกรเข้าสู่สวรรค์เป็นเหมือนรายการแสดงที่ยิ่งใหญ่ และตัวละครในรายการนั้น ได้แบ่งออกเป็นสองสำนัก

ตอนนี้ หลี่ฉางโซ่วสามารถใช้ “ตัวละครผู้ชอบธรรม” อ๋าวอี่เพื่อช่วยส่งผลต่อการตัดสินใจของเผ่ามังกร

ในอีกด้านหนึ่งนั้น เขาก็มีอิทธิพลต่อการกระทำของสำนักบำเพ็ญประจิมผ่าน “ศัตรูตัวร้าย” ผู้บำเพ็ญเหวินจิง…

เขารู้สึกราวกับว่า จู่ๆ เขาก็ก้าวจากการเป็นพนักงานธุรการชั่วคราว กลายเป็นผู้ช่วยผู้กำกับและนักเขียนบท และเขายังสามารถวางแผนได้มากขึ้นอีกหลายเท่า!

แต่หลี่ฉางโซ่วก็ได้ตระหนักถึงคุณค่าของการปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถีแห่งธรรมชาติแล้วว่า สูงค่ามากเพียงใด และเพียงทำได้เท่านั้น ก็ย่อมจะทำให้หลีกเลี่ยงกรรมได้พ้น

เพื่อความปลอดภัย เขาจะพยายามไม่ติดต่อผู้บำเพ็ญเหวินจิงในอนาคตอย่างที่สุด เขาจะทำเพียงแค่รอให้สิ่งต่าง ๆ พัฒนาไปในอนาคตอย่างเงียบ ๆ

แล้วเขาจะวางตำแหน่งของผู้บำเพ็ญเหวินจิงอย่างไรดี…

นางเป็นปรมาจารย์ชั่วร้าย ก็แค่นั้นเอง

หลี่ฉางโซ่วนั่งเงียบ ๆ ในสถานที่จัดงานการประชุมแหล่งกำเนิดสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ทันใดนั้น เขาก็ลืมตาแล้วมองไปรอบๆ ก่อนจะให้คำชี้แนะบางอย่างกับสงหลิงลี่ แล้วหลับตาทำสมาธิ

จากนั้นเขาก็เริ่มนึกถึงเนื้อหาในการสนทนาระหว่างเขาและผู้บำเพ็ญเหวินจิง

เขาใคร่ครวญถึงทุกรายละเอียดอย่างรอบคอบแล้วในไม่ช้า ก็พบปัญหาเล็กน้อย

หือ?

ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บำเพ็ญเหวินจิงก็กล่าวว่า ในภายภาคหน้า นางอยากพบปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตู ซึ่งดูเหมือนว่า จะมีความหมายลึกซึ้งบางอย่างอยู่เบื้องหลังคำขอนั้น

หลี่ฉางโซ่วเคยคิดว่า ผู้บำเพ็ญเหวินจิงใช้วิธีการนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาคือ จอมปราชญ์เทพไท่ชิง…

แต่ในยามนี้ เขาคิดถึงสายตาจ้องมอง สีหน้าท่าทาง น้ำเสียง และเสียงที่สั่นเล็กน้อยขณะที่นางกล่าวออกมา และสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงจะสนใจปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อย่างมาก?

โอ ไม่ ไม่นะ…

…………………………………………………………………………………………………………………………

[1] มีหลายสิ่งคล้ายคลึงกัน ไม่ต่างกัน เช่น อยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน

[2] คล้ายกับว่า เมื่อให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเข้ามาอยู่ในสายตาแล้ว ก็ไม่ต้องคอยระวังนางมาก และหากอยากทำอะไรนาง ก็ทำได้ง่าย เหมือนกับว่าหากอยากกินปลาเมื่อใด ก็จับมากินได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องไปรอที่แม่น้ำให้ปลามาติดเบ็ด

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *