เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1073 นั่นอะไร + 1074 ไม่เห็นใครอื่น

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1073 นั่นอะไร + 1074 ไม่เห็นใครอื่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1073 นั่นอะไร + ตอนที่ 1074 ไม่เห็นใครอื่น

ตอนที่ 1073 นั่นอะไร

เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มๆ “ในเมื่อมาฝึกวิชาต้องมีความท้าทายเป็นธรรมดา หากไม่ท้าทายจะกระตุ้นความสามารถที่ซ่อนเร้นในตัวเช่นไร? การฝึกวิชาเซียนเดิมเป็นเส้นทางที่ขัดต่อกฎสวรรค์ อยากแข็งแกร่งไหนเลยจะราบรื่นปลอดภัย?”

ซ่งหมิงมองเขาทั้งหัวใจสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยว่า “อันที่จริงด้วยตัวตนฐานะของเจ้าตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเข้ามาสถานที่อันตรายเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็เสี่ยงเกินไป ขอแค่คำพูดประโยคเดียว ข้าเชื่อว่าจะมีผู้แข็งแกร่งมากมายมาคุ้มกันเจ้า”

เขาไม่เพียงเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ ซ้ำยังเป็นนักปรุงยา และเป็นภูตหมอที่มีวิชาแพทย์ฟื้นชีวิตคนใกล้ตาย ไม่ว่าคนเช่นนี้ไปไหนล้วนเป็นแขกกิตติมศักดิ์ ไม่จำเป็นต้องมาฝึกวิชาถึงสถานที่เช่นนี้เลย

“พึ่งใครไม่สู้พึ่งตนเอง” เฟิ่งจิ่วกล่าวไป แล้วยิ้มเอ่ยว่า “แม้กำลังของคนอื่นแข็งแกร่งก็ไม่ใช่กำลังของตนเอง มีเพียงกำลังของตนเองแข็งแกร่งถึงจะดีที่สุด เช่นนี้แม้ต้องปกป้องคนที่ตนเองต้องการปกป้องก็มีกำลังมากพอ”

“”ปกป้องคนที่ตนเองต้องการปกป้อง?” สีหน้าเขาตกใจเล็กน้อย พึมพำเสียงเบาว่า “คนที่ข้าอยากจะปกป้องไม่อยู่แล้ว ต่อให้พละกำลังแกร่งขึ้นก็ปกป้องไม่ได้”

เธอมองเขาแวบหนึ่ง รู้ว่าเขาหมายถึงแม่ของเขาที่จากไปแล้ว จึงเอ่ยว่า “เจ้าอายุยังน้อย อนาคตจะเจอคนที่เจ้าต้องปกป้อง”

เขาได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มขึ้นมา “เจ้าอายุยังน้อยอะไรกัน? หรือเจ้าแก่มากแล้ว? คำพูดนี้เอ่ยเสียจนดูเหมือนพวกเราเป็นเด็กน้อยเลยจริงๆ”

เฟิ่งจิ่วยกมุมปากโดยไม่ตอบกลับ จริงๆ อายุรวมสองชาติภพของเธอไม่น้อยแล้ว จึงดูแลพวกเขาเป็นเช่นเด็กน้อย

เธอเงยหน้าเล็กน้อยมองตาข่ายยักษ์เหนือศีรษะที่เกี่ยวร้อยกันจากกิ่งไม้พวกนั้น ในใจกำลังคิดว่ารอหลังจากพาพวกเขาไปหนึ่งปี จัดการเรื่องทั้งหมดให้เสร็จสิ้น ก็จะไปแคว้นระดับหนึ่งเพื่อรับแม่ของเธอกลับบ้าน

ขอแค่รับแม่ของเธอกลับบ้านมาอยู่พร้อมหน้ากับพ่อ เธอถึงจะเตรียมการเข้าไปแปดจักรวรรดิและไปพบโม่เจ๋อได้อย่างวางใจ

เวลาหนึ่งปีเธอจะบรรลุวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณในนี้ได้หรือไม่? ข้อนี้ก็หวังไว้มาก

เช้าตรู่แสงอาทิตย์สาดส่องลงในป่ารางๆ พวกปีศาจต้นไม้ในป่าอาบแดดท่ามกลางแสงอาทิตย์อันอบอุ่น มันเก็บกรงเล็บกิ่งไม้ไปและยืนนิ่งไม่ขยับเฉกเช่นต้นไม้ทั่วไป

“น่าแปลก ปีศาจต้นไม้พวกนี้ทำไมไม่ค่อยเหมือนเมื่อคืนเลย?”

หนิงหลางเอ่ยขึ้น พร้อมมองต้นไม้ที่เก็บกรงเล็บไปหมดพวกนั้น แม้กิ่งไม้ด้านบนยังร้อยเรียงเป็นตาข่ายยักษ์ แต่ด้านล่างคล้ายจะไม่มีพิษภัยสักนิด

“ตั้งใจแกล้งตบตากันใช่หรือไม่?”

ลั่วเฟยกล่าวและมองพวกเขา ก่อนจะลองเดินออกไปสัมผัสต้นไม้พวกนั้น ใครจะรู้ว่าไม่มีปฏิกิริยาอะไรจริงๆ ราวกับว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นเวลาช่วงเย็นจนถึงเมื่อคืนล้วนเป็นแค่ภาพลวงตา

“ลักษณะกลางวันกับกลางคืนอาจแตกต่างกัน” เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างมีเลศนัย บอกว่า “เช่นนี้ยิ่งดี รีบออกจากป่านี้ก่อนเย็นค่ำ เผื่อกลางคืนเกิดเปลี่ยนไปอีก”

“อืม ไปกันเถอะ!”

พวกเขาเหยียบดับกองไฟและทำความสะอาดร่องรอยว่าพวกเขาเคยอยู่ ถึงจะมุ่งหน้าไป พยายามเดินออกจากสถานที่แปลกๆ นี้ก่อนเวลาช่วงเย็น

ทว่าเดินไปเกือบทั้งเช้าพวกเขายังไม่เห็นปลายทาง รอบด้านล้วนเป็นต้นไม้ที่เห็นเพียงกิ่งไม่เห็นใบ เหมือนว่าป่านี้ไม่มีจุดสิ้นสุด เวลานี้เองหนิงหลางก็ร้องเบาๆ “พวกเจ้าดูสิ นั่นอะไรน่ะ?”

………………………………………………….

ตอนที่ 1074 ไม่เห็นใครอื่น

ท่ามกลางกิ่งไม้เบื้องหน้า อะไรบางอย่างถูกเถาวัลย์และกรงเล็บกิ่งไม้พันไว้ เหมือนจะเป็น… คน?

“คล้ายจะเป็นผู้หญิงเลย?” ซ่งหมิงเอ่ยขึ้น

“เป็นไปไม่ได้หรอก! ที่นี่จะมีผู้หญิงได้อย่างไร? บอกว่าเป็นนางปีศาจเดาว่าคงเชื่อ” ลั่วเฟยกล่าวไป คิดว่าเป็นผู้หญิงไปไม่ได้

“ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็เป็นคนไม่ผิดแน่” ต้วนเยี่ยเอ่ย แล้วมองไปยังเฟิ่งจิ่วตามสัญชาตญาณ “ทำอย่างไรดี? จะไปดูเสียหน่อยหรือไม่?” ในใจกำลังคิดว่าที่นี่มีคนโดนแขวนอยู่ด้านบนเช่นนี้ จะไม่มีปัญหาหรือ?

“ช่วยด้วย… ช่วยด้วย…”

ยามนี้คนตรงนั้นคล้ายจะตื่นขึ้นมา แล้วร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ฟังเสียงก็เป็นผู้หญิงจริงๆ

“ข้าบอกแล้วว่าเป็นผู้หญิง” ซ่งหมิงเอ่ย ก่อนจะก้าวยาวเดินไปทางนั้น “ไม่มาเจอเป็นเรื่องหนึ่ง ในเมื่อเจอกัน อย่างไรก็ต้องไปดูและช่วยเหลือเสียหน่อยใช่หรือไม่?”

เฟิ่งจิ่วเห็นท่าทางก็เลิกคิ้ว เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มและไม่พูดอะไร

“ซ่งหมิง เจ้าไม่กลัวมีกลลวงหรือ?”

หนิงหลางตะโกนไป เขาที่ระวังตัวกังวลว่าจะมีอุบายอะไร ที่นี่นอกจากพวกเขาก็ไม่มีคนอื่น กลับมีผู้หญิงโดนแขวนไว้ที่นี่เช่นนี้ หนำซ้ำเมื่อคืนยังไม่โดนปีศาจต้นไม้ดูดเลือด มองอย่างไรล้วนคิดว่าไม่ปกติเท่าไร

ซ่งหมิงได้ยินคำพูดด้านหลังฝีเท้าชะงักลง หันกลับไปเห็นพวกเขายืนอยู่ตรงนั้นกันหมด แม้แต่เฟิ่งจิ่วยังยกริมฝีปากยิ้ม แค่มองโดยไม่พูดไม่จา ก็เกาศีรษะอย่างอดไม่ได้ มองยังเฟิ่งจิ่วและถามว่า “ไม่น่ามีกลลวงกระมัง?”

“ไม่เป็นไร อยากช่วยก็ช่วย” เฟิ่งจิ่วเอ่ยไป พร้อมเชิดคางส่งสัญญาณว่าในเมื่อเขาอยากช่วยก็ไม่ต้องพะวงมากนัก อย่างไรเสียแม้โดนหลอกจะได้ให้เขาจำไว้ด้วยตนเอง

คนอื่นข้างๆ ได้ยินคำพูดนี้พลันตะลึงเล็กน้อย “จะช่วยจริงหรือ? ไม่เป็นไรหรือ?”

“จะเป็นหรือไม่เป็นอะไรล้วนเหมือนกัน อย่างไรเสียพวกเขามาในนี้เพื่อหาเรื่องฝึกวิชาไม่ใช่หรือ? เรื่องฉุกเฉินต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ ป้องกันอย่างไรคงไม่อยู่ ดังนั้นบางครั้งต้องเดินไปตามหัวใจของตนเอง แน่นอนว่าก่อนอื่นตนเองต้องมีกำลังที่รับมือการเปลี่ยนแปลงได้”

พวกเขาได้ยินคำพูดนี้ แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หมายความว่าเจอเรื่องอะไรขอแค่พวกเขาอยากทำ เฟิ่งจิ่วจะไม่ห้าม แต่พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมากับความเสี่ยงด้วยตนเอง

ซ่งหมิงมองผู้หญิงตรงหน้าที่ร้องขอความช่วยเหลือ ลังเลสักพัก ก่อนจะสาวก้าวเดินเข้าไป หยิบกระบี่ยาวตรงเอวมาตัดเถาวัลย์และกิ่งไม้ เมื่อผู้หญิงที่ถูกแขวนไว้ร่วงลงกลางอากาศเขาก็เข้าไปรับ

“แม่นาง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เขามองหญิงสาวที่ใบหน้าขาวซีดพลางเอ่ยถาม อีกฝ่ายเหมือนจะอายุยี่สิบกว่า ใบหน้าซีดเผือดเส้นผมยุ่งเหยิง แต่นอกจากร่างกายที่ค่อนข้างอ่อนแอ ก็ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร

“แม่นาง ทำไมถึงโดนแขวนไว้ที่นี่คนเดียว? เพื่อนของเจ้าล่ะ?” ลั่วเฟยถามไถ่ด้วยใบหน้ามีรอยยิ้ม

“ข้าเป็นผู้ฝึกตนที่ตามตระกูลออกมาฝึกวิชา เมื่อคืนออกมาปลดทุกข์ ภายหลังกลับหลงทางและทำคบเพลิงในมือดับโดยไม่ระวัง ซ้ำตนเองยังโดนปีศาจต้นไม้จับ” หญิงสาวเอ่ยอย่างแผ่วเบา หลังจากค่อยยังชั่วถึงจะเล่าต่อไปว่า “ปีศาจต้นไม้กรีดตัวข้าเป็นแผล แล้วดูดเลือดของข้าจากบาดแผล ข้าถึงได้อ่อนแรงเสียจนช่วยตนเองไม่ได้”

นางมองยังพวกเขา พร้อมกล่าวอย่างตื้นตันใจ “ขอบคุณพวกท่าน ขอบคุณพวกท่านมากที่ช่วยข้า”

พวกเขาที่ได้ยินคำพูดของนาง แววตากลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย ลั่วเฟยเอ่ยว่า “แถวนี้พวกเราเดินเข้ามายังไม่เจอคนอื่นเลย”

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *