เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1269 เกิดความหึงหวง + 1270 ความอ่อนโยนของเขามีให้แค่นาง

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1269 เกิดความหึงหวง + 1270 ความอ่อนโยนของเขามีให้แค่นาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1269 เกิดความหึงหวง + ตอนที่ 1270 ความอ่อนโยนของเขามีให้แค่นาง

ตอนที่ 1269 เกิดความหึงหวง

หยางหย่งที่ยืนอยู่ด้านข้างมองคนทั้งสองแวบหนึ่ง เพียงยิ้มๆ จากนั้นก็ถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ

เฟิ่งจิ่วนั่งลงข้างโต๊ะ ยกมือข้างหนึ่งเท้าคางมองเขา จู่ๆ ก็ยิ้มแปลกๆ และกล่าวว่า “ข้าคุยอะไรกับท่านเรื่องหนึ่งสิ!”

เขาเลิกคิ้วเมื่อได้ยิน “เรื่องใดหรือ?”

“หลายปีมานี้ที่ท่านไม่อยู่ แม้ข้าจะแต่งกายเป็นชายตอนอยู่ข้างนอก แต่รูปลักษณ์โดดเด่นของข้าก็ทำให้สาวน้อยหนุ่มน้อยหลงใหลได้มากมาย ยามเดินไปตามถนนก็มีคนยัดผักผลไม้ให้เพื่อแสดงความชอบพอต่อข้า”

นัยน์ตาดำขลับของเขาอมยิ้ม พยักหน้าให้เธอ “อืม เรื่องนี้ข้าเชื่อ”

“อีกอย่าง โม่เจ๋อท่านรู้รึไม่ เขาบอกว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของผู้เฒ่าเทียนจี บอกว่าจะรอข้าอยู่ที่นี่ด้วย”

เอ่ยประโยคนี้จบ ก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่แต่เดิมดวงตาอมยิ้ม มืดทะมึนในทันใด คิ้วเข้มขมวดเป็นปมแน่น กลีบปากบางเม้มแน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ขึงขังปนหึงหวงว่า “เขารอเจ้าทำไม? คนผู้นั้นก็แค่เจ้าหนุ่มหน้าอ่อน เจ้าควรระวังไว้บ้าง อย่าเห็นว่าเขาหน้าตาดีแล้วจะไร้พิษสง คนแบบนั้นอันตรายยิ่งกว่า สุภาษิตว่าไว้ว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ก็หมายถึงคนเช่นนั้นเอง”

“อ้อ? อย่างนั้นหรือ แต่ข้าว่าเขาดีมากนะ แล้วก็ไม่สนิทสนมกับสตรีด้วย”

เขาได้ยินเช่นนั้น ก็รีบแสดงตนทันที “ข้าก็ไม่สนิทสนมกับสตรีเพศเช่นกัน ใกล้ชิดแต่กับเจ้า”

“ไม่สนิทสนมกับสตรีเพศหรือ?”

เธอยิ้มแต่หน้าแววตากลับไม่ยิ้ม กล่าวว่า “แต่เหตุใดข้าจำได้ว่า ในตำหนักยมราชของท่านมีหอนารีวิไลอยู่ด้วย? ในนั้นมีหญิงงามบริสุทธิ์ มีทั้งงามเย้ายวน งามอวบอิ่มก็มี ตัวเล็กน่ารักก็มี เรียกได้ว่าแต่ละนางปานบุปผาละลานตามีเอกลักษณ์ของตัวเอง! อีกทั้งมีครั้งหนึ่งท่านยังเรียกสตรีสองนางไปหาด้วย?”

“สตรีในหอนารีวิไลมีหน้าที่ของพวกนาง เรื่องนี้เจ้าเองก็รู้ เจ้ายังเคยไปเดินเที่ยวข้างในเลยไม่ใช่หรือ? น่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้ทำอะไรเสเพล ส่วนเรื่องนั้นข้าไม่ได้เป็นคนต้นคิด เป็นความคิดของฮุยหลางทั้งนั้น”

เขาตัดสินใจโยนความผิดให้ฮุยหลางเสีย เมื่อเห็นนางกอดอกแล้วแค่นเสียงขึ้นจมูก เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ในเมืองมีภัตตาคารแห่งหนึ่งทำอาหารได้ประณีตและเลิศรสมาก ข้าพาเจ้าไปชิมดีหรือไม่?”

หลังจากได้ยิน เฟิ่งจิ่วก็เผยรอยยิ้ม ก่อนถามทั้งใบหน้ายิ้มระรื่น “เหตุใดท่านไม่พาองค์หญิงอิ๋งเสวี่ยหญิงงามอันดับหนึ่งที่สารภาพรักกับท่านไปเล่า?”

“หากนางจะไป ย่อมมีหยางหย่งเป็นคนพาไป ข้างกายข้าจะมีสตรีแค่เจ้าคนเดียว”

ได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้สึกคลายใจขึ้นมาก “เช่นนั้นก็ได้! ข้าจะไปกินเป็นเพื่อนท่านก็แล้วกัน”

เซวียนหยวนโม่เจ๋อหลุดขำพลางส่ายหน้า ลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือเธอออกไปข้างนอก อารมณ์เบิกบานของคนทั้งสองไม่ได้เสียบรรยากาศไปเพราะการปรากฏตัวขององค์หญิงอิ๋งเสวี่ย ถึงปากเฟิ่งจิ่วจะกล่าววาจาหึงหวง แต่ในใจกลับเหมือนดอกไม้ผลิบาน

ทั้งสองคนนั่งรถม้าออกจากจวน โดยมีอิ่งอีติดตามไปด้วย พวกเขาสามคนมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารในเมืองอย่างเรียบง่ายเช่นนั้นเอง…

ในเขตเรือนทิศเหนือ องค์หญิงอิ๋งเสวี่ยกำลังฟังรายงานจากชายชุดเทาคนหนึ่ง รู้ว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อพาข้ารับใช้ชายคนนั้นออกจากจวนไป ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ และถามขึ้นว่า “ข้ารับใช้คนนั้นเป็นใคร เด็กหนุ่มธรรมดาเช่นนั้นกลับเข้าตาเขานัก?”

“ได้ยินมาว่าชื่อหลี่ต้าหนิว เป็นหลานชายญาติห่างๆ ของผู้ดูแลเขตเรือนด้านนอกในจวนนี้พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดเทากล่าว

“หลี่ต้าหนิว หลานชายญาติห่างๆ ของผู้ดูแลเขตเรือนด้านนอกในจวนนี้หรือ?” นางยิ้มเย็น “เด็กหนุ่มคนนั้นรูปร่างหน้าตาธรรมดา แต่ฝีมือไม่ธรรมดา จะใช่หลี่ต้าหนิวอะไรนั่นได้อย่างไร?”

ชายชุดเทาหลุบตาลงไม่พูดอะไร ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของพวกเขา การสืบข่าวจึงทำได้ไม่สะดวกนัก อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจวนของเซวียนหยวนโม่เจ๋อเสียด้วย อยากจะสืบเรื่องของคนคนหนึ่งจึงยิ่งยุ่งยากมากขึ้น

………………………………….

ตอนที่ 1270 ความอ่อนโยนของเขามีให้แค่นาง

ณ ภัตตาคาร

เถ้าแก่เห็นว่าผู้มาเยือนเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท จึงรีบก้าวเข้าไปคารวะ “ผู้น้อยถวายบังคมองค์รัชทายาท”

เซวียนหยวนโม่เจ๋อโบกมือ ไม่พูดอะไร เพียงกวาดตามองรอบกายแวบหนึ่ง

ส่วนอิ่งอีที่อยู่ด้านข้างก้าวเข้ามาเอ่ยกำชับ “หาห้องส่วนตัวให้องค์รัชทายาทหนึ่งห้อง”

“คือว่า…” เถ้าแก่ทำหน้าลำบากใจ

“เป็นอะไรไป หรือไม่มีห้องส่วนตัวเหลือแล้ว?” อิ่งอีถาม

“วันนี้ห้องส่วนตัวมีคนจองหมดแล้ว แต่ไม่เป็นไร ข้าน้อยจะขึ้นไปเจรจากับพวกเขาสักหน่อย แล้วเว้นห้องให้องค์รัชทายาทสักห้อง องค์รัชทายาท เชิญขึ้นไปนั่งพักที่โต๊ะส่วนตัวบนชั้นสองสักครู่ก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เถ้าแก่เชิญเขาขึ้นไปข้างบน จากนั้นตั้งใจจะไปเจรจากับคนในห้องส่วนตัวสักเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็เป็นองค์รัชทายาท บารมีสูงส่งขจรไกล หากเขาต้องการห้องส่วนตัวก็แค่เอ่ยประโยคเดียวพอ เชื่อว่าหากคนในห้องส่วนตัวรู้ว่าเป็นองค์รัชทายาทจะต้องยอมประนีประนอมด้วยแน่

“ในเมื่อห้องส่วนตัวมีคนแล้ว พวกเรานั่งที่โต๊ะส่วนตัวก็ไม่ต่างกัน หาตำแหน่งใกล้หน้าต่างที่ชั้นสองมาสักโต๊ะเถิด!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าว แล้วพูดกับเฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างกายว่า “ทัศนวิสัยจากโต๊ะส่วนตัวชั้นสองค่อนข้างดี สามารถมองเห็นทัศนียภาพคึกคักบนท้องถนนได้”

“อืม เช่นนั้นนั่งโต๊ะส่วนตัวก็พอ” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า

เถ้าแก่ซึ่งอยู่ตรงหน้าอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเด็กหนุ่มที่สวมชุดข้ารับใช้แวบหนึ่ง เมื่อได้ยินพวกเขาบอกว่าเอาโต๊ะส่วนตัวก็พอ ก็รีบสาวเท้าเดินนำทางทันที “องค์รัชทายาท โต๊ะนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ! โต๊ะนี้ทัศนวิสัยยอดเยี่ยมที่สุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ครั้นเถ้าแก่ร้านเห็นเซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่งลง และเด็กหนุ่มข้ารับใช้คนนั้นก็นั่งลงตรงข้ามองค์รัชทายาทด้วย หนังตาของเขาอดกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ หันไปมององครักษ์ชุดดำที่ยืนคุ้มกันอยู่ด้านหนึ่ง แล้วยิ้มถามว่า “ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทกับคุณชายน้อยท่านนี้จะรับอะไรดีขอรับ?”

เขาเคยพบเห็นผู้คนมานักต่อนัก เวลานี้หากยังไม่รู้ว่าข้ารับใช้คนนี้ไม่ใช่ข้ารับใช้ธรรมดา เขาก็ใช้ชีวิตมาอย่างเปล่าประโยชน์แล้ว หากมองไปทั่วทั้งจักรวรรดิเซวียนหยวน คนที่กล้านั่งร่วมโต๊ะอาหารกับองค์ชายรัชทายาท เกรงว่าคงมีไม่กี่คนกระมัง?

“เอาอาหารแนะนำทั้งหมดของพวกเจ้ามาอย่างละจาน แล้วก็เอาทองม้วนทอดกรอบมาหนึ่งที่”

“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบสั่งให้คนไปเตรียมมาเดี๋ยวนี้” เถ้าแก่ร้านรับคำ แล้วจึงรีบถอยไป

อาหารเลิศรสหลากหลายวางอยู่เต็มโต๊ะ กลิ่นหอมตลบอบอวล ยังไม่ทันกิน แค่ได้กลิ่นหอมพวกนั้นเฟิ่งจิ่วก็กลืนน้ำลายอย่างอดใจไม่ไหวแล้ว “หน้าตาน่ากินมาก”

ได้ยินเช่นนั้น เซวียนหยวนโม่เจ๋อหัวเราะเบาๆ แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารให้ “กินตอนยังร้อนๆ เถิด! ชอบก็กินให้มากหน่อย เจ้าผอมไปแล้ว”

“ผอมตรงไหน? เหมือนเดิมแท้ๆ ไม่ผอมเลย”

“ไม่ผอมหรือ แต่เหตุใดข้าจึงมองว่าผอมลง?” เขาจ้องมองหน้าอกที่แบนราบของนางด้วยสายตาร้อนรุ่ม บนใบหน้าหล่อเหลาคมคายฉายแววหยอกเย้า

เฟิ่งจิ่วเงยหน้าขึ้น ก็สบแววตาแฝงความหมายของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะเอ็ดเสียงแหลม “มองอะไร? ยังไม่รีบกินอาหารของท่านอีก?”

เซวียนหยวนโม่เจ๋อได้ยินแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างเบิกบาน เห็นนางกินเหมือนแมวตะกละ จึงคีบอาหารให้อีกพลางกล่าวว่า “ค่อยๆ กิน พวกเรามีเวลาเหลือเฟือ”

คนที่นั่งโต๊ะอื่นก็อดตกตะลึงไม่ได้ นึกว่าสายตาตนเองมีปัญหา ครั้นขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง ก็ยังคงเห็นองค์รัชทายาทกำลังคีบอาหารให้ข้ารับใช้คนนั้น ในตอนนั้น พวกเขาแอบคิดในใจว่า ข้ารับใช้ผู้นี้เป็นใครกัน?

บ้างก็กำลังคาดเดา ว่ากันว่าองค์รัชทายาทไม่ใกล้ชิดสตรี เช่นนั้นเป็นไปได้รึไม่ว่าจะชอบบุรุษ? นึกถึงตรงนี้ แต่ละคนก็มีสีหน้าแปลกประหลาด ไม่กล้ามองไปที่โต๊ะของพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง แต่หางตาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปทางนั้น

………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *