เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1329 ไม่ใช่โชค + บทที่ 1330 ต้องชนะทุกการเดิมพัน

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1329 ไม่ใช่โชค + บทที่ 1330 ต้องชนะทุกการเดิมพัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1329 ไม่ใช่โชค + บทที่ 1330 ต้องชนะทุกการเดิมพัน

บทที่ 1329 ไม่ใช่โชค

“เจ้าหนู เจ้าเล่นอะไรอยู่ตรงนั้น? ข้าเรียกเจ้ามาก็เพื่อให้เจ้ามาพนันกับข้า” เขาตะโกนอย่างไม่สบอารมณ์

“ข้าขอหาเงินทุนก่อน!”

เฟิ่งจิ่วกล่าวโดยไม่หันไปมอง จ้องถ้วยสีสองใบบนโต๊ะ ฟังคนรอบข้างตะโกนเสียงสูงเสียงต่ำ เธอคลี่ปากยิ้ม แล้วตะโกนเสียงดังตามด้วย “สูง!”

เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองดูเฟิ่งจิ่วเล่นอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ห้ามปรามเช่นกัน เห็นนางเล่นหลายตาก็ชนะได้เงินมาไม่น้อย จนคนรอบข้างฮือฮาร้องบอกว่าหนุ่มน้อยโชคดีนัก

แต่ว่า ใช่โชคหรือ? สำหรับเฟิ่งจิ่ว เขาไม่เคยคิดว่านางอาศัยโชคเลยสักครั้ง

“พรวด! ไม่ใช่บอกว่าเจ้ามีเงินหรือ? ที่แท้แม้แต่เงินทุนก็ยังไม่มี!” หยางซานหัวเราะพรืด กางพัดแล้วโบกไปมาให้เกิดลม เขาเหล่ตามองเด็กหนุ่มที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนาน แล้วหันไปมองชายหนุ่มมีหนวด ถามว่า “นี่ เจ้าไม่ลงไปเล่นด้วยสักตาสองตาเล่า?”

เซวียนหยวนโม่เจ๋อไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ความสนใจของเขาอยู่ที่เฟิ่งจิ่วคนเดียวเท่านั้น

“หมดหน้าตัก!” เฟิ่งจิ่วตะโกนพลางดันกองเหรียญทองขนาดเท่าภูเขาลูกเล็กที่ชนะมาได้ไปข้างหน้า วางให้อยู่ตรงฝั่งสูง

“แทงฝั่งสูงอีกแล้ว? นี่ก็ออกสูงมาห้าตาติด ไม่มีทางออกสูงได้อีกหรอก”

“นั่นสิๆ พี่ชาย ท่านเอาเงินทั้งหมดแทงฝั่งสูง ไม่กลัวออกต่ำแล้วหมดตัวหรือ!”

“มีอะไรน่าห่วงกัน? คนที่เข้ามาในนี้ได้มีใครบ้างไม่ใช่คนมีเงิน? ไม่แน่ว่าเงินแค่นี้คนอื่นเขาอาจไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยก็ได้!”

“ก็จริง ฮ่าๆๆๆ ถ้างั้นข้าแทงต่ำ ข้าไม่แทงสูงตามเขาหรอก”

“ข้าก็จะแทงต่ำ”

“ต่ำ! ตานี้จะต้องออกต่ำแน่นอน!”

“ดีๆๆ อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”

ขณะเดียวกับที่เปล่งเสียงออกมา ถ้วยสีที่ถูกปิดฝาไว้ก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นตัวเลขที่อยู่ข้างใน “สี่ ห้า หก สูง!”

“ฮ่าๆๆ ข้าชนะอีกแล้ว!” เฟิ่งจิ่วหัวเราะชอบใจ กางมือโกยเหรียญทองกลับมาไว้ตรงหน้า จากนั้นหยิบถุงฟ้าดินออกมาเปิดแล้วเก็บใส่ไว้ข้างใน คนรอบข้างเห็นก็อดอิจฉาตาร้อนไม่ได้

“พี่ชายน้อย ครั้งนี้แทงสูงหรือต่ำ? ตานี้ข้าจะแทงตามท่าน!”

“ใช่ๆ ข้าก็จะแทงตามท่านด้วย!”

“พี่ชายน้อย ท่านว่าแทงสูงหรือแทงต่ำ?”

แต่ละคนถามไม่หยุด รู้สึกว่าครั้งนี้เด็กหนุ่มคนนี้จะต้องชนะอีกแน่ ใครเลยจะรู้ เด็กหนุ่มยิ้มตาหยีโบกมือพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เล่นแล้ว ข้าจะไปเล่นกับคนนั้นที่อยู่ทางโน้น พวกท่านเล่นต่อเถอะ!” ขณะกล่าวก็ผละออกมาจากโต๊ะนั้น

“ท่านดูสิ ครู่เดียวก็ชนะได้เงินมาตั้งเท่านี้” เธอยื่นถุงฟ้าดินให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อด้วยใบหน้าเบิกบาน

“ดูไม่ออกเลยว่าเด็กอย่างเจ้าจะมีความสามารถไม่น้อย” หยางซานเหลือบมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “ไปกันเถิด! พวกเราไปเล่นอะไรที่ใหญ่กว่าข้างบนนั้นกัน”

“ท่านมีเงินรึ?” เฟิ่งจิ่วเหล่ตามองเขา “ไม่มีเงินสดข้าไม่เล่นด้วยหรอกนะ”

“พรวด! ข้าน่ะหรือไม่มีเงิน? เจ้าไม่รู้หรือว่าในบรรดาตระกูลที่อยู่ในเมืองหลวง ตระกูลหยางของเราร่ำรวยที่สุด?” พูดจบ เขาหันไปกล่าวกับผู้ดูแลที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง “นำทางไป ขึ้นชั้นสองเปิดโต๊ะส่วนตัวโต๊ะหนึ่ง”

“ขอรับ เชิญคุณชายหยางซานที่ชั้นบน ทุกท่าน เชิญด้านบนขอรับ”

ผู้ดูแลทำท่าผายมือเชิญ ขณะเดียวกันก็มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง พนันมาหลายตา ล้วนชนะทุกตา นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ แต่คุณชายหยางซานผู้นี้อยู่ในวงการพนันมานาน ก็มีความสามารถอยู่เหมือนกัน เด็กหนุ่มคนนี้อยากจะชนะเขา เดาว่าคงยากแล้ว

เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะออกเดินนำไปก่อน ในเมื่อเดินมาให้เธอเชือดเองถึงที่ เช่นนั้นเธอก็จะไม่เกรงใจแล้ว เพียงแต่ลึกๆ ข้างในแอบแปลกใจ อีกเดี๋ยวถ้าหยางหย่งได้ยินเรื่องนี้ จะเต้นเร่าด้วยความโกรธหรือไม่?

………………………………….

บทที่ 1330 ต้องชนะทุกการเดิมพัน

เมื่อก้าวขึ้นมาถึงชั้นสอง ข้างบนแตกต่างจากข้างล่างอย่างเห็นได้ชัด ข้างบนนี้แบ่งออกเป็นห้องๆ ทว่าไม่ได้เป็นห้องที่ปิดมิดชิด เพียงใช้ฉากกั้นลมกั้นโต๊ะแต่ละตัวออกจากกัน แล้ววางเก้าอี้ไว้ข้างโต๊ะตัวใหญ่อีกที ที่ชั้นหนึ่งไม่มีของเหล่านั้น ทุกคนต้องยืนเบียดกันอยู่ข้างโต๊ะเพื่อวางเงินพนัน

ชัดเจนว่าบนชั้นสองค่อนข้างดีกว่า เธอกวาดตามองแวบหนึ่ง เพราะมีฉากกั้นลมกั้นอยู่ จึงมองเห็นคนที่นั่งอยู่แค่รางๆ เท่านั้น ไม่เห็นเบี้ยที่อยู่บนโต๊ะ

ภายใต้การนำทางของผู้ดูแลคนนั้น พวกเขาเดินมาถึงโต๊ะตัวหนึ่ง คนทั้งหลายทยอยนั่งลง เด็กรับใช้ยกชามาให้ ขณะเดียวกันยังส่งผู้หญิงสวมชุดรัดรูปคนหนึ่งมา ถามว่าพวกเขาต้องการเล่นอย่างไร

“อยากเล่นอย่างไร? ว่ามาเถิด ข้าจะออมมือให้พวกเจ้าหน่อย” หยางซานกล่าวพลางนั่งลงพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองเฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อด้วยท่าทางดูแคลน

“ในเมื่อท่านมีเงินเยอะ ก็ต้องพนันเงินสิ!” เฟิ่งจิ่วพูดเหมือนเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว หยิบถ้วยสีบนโต๊ะขึ้นมาเขย่า ถามขึ้นว่า “เล่นกันแค่เราสองคนหรือ พวกเขาไม่เล่นด้วยหรือ?” สายตาหันไปจับจ้องที่ชายอีกสองคน

“เล่น อย่างไรก็ต้องเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

คนทั้งสองพูดพร้อมกัน สำหรับการพนัน พวกเขาย่อมกล้าอยู่แล้ว เพราะอย่างไรก็เป็นลูกหลานของตระกูลชั้นสูง ยังมีเงินติดตัวอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นมีหยางซานอยู่ พวกเขาย่อมวางใจกว่าเดิม ต้องรู้ไว้ว่าทักษะการพนันของหยางซานนั้นผ่านการร่ำเรียนมา

“เช่นนั้นก็ดี พวกเรามาเล่นพนันสูงต่ำกันเลยก็แล้วกัน!”

“ไม่มีปัญหา!” พวกเขาเอาตามนั้น จากนั้นก็เริ่มเล่นกัน

เซวียนหยวนโม่เจ๋อยืนดูอยู่ด้านหนึ่ง ไม่พูดอะไร ในพวกเขาสองคน เขาไม่ได้เล่นเลย มีเพียงเฟิ่งจิ่วที่เล่นกับพวกเขา หลังจากเฟิ่งจิ่วชนะหนึ่งตา หยางซานคนนั้นกลับยังทนนิ่งได้ ส่วนอีกสองคนที่อยู่ด้านข้างเริ่มมีเหงื่อซึมออกจากหน้าผากแล้ว

“ครั้งนี้แทงสูงหรือต่ำ?” สองคนนั้นมองหยางซานแล้วถาม

“ต่ำ!”

หยางซานนวดคิ้วพลางกล่าว หลังจากแทงเงิน สองคนนั้นทำได้เพียงหยิบของที่พอมีค่าบนตัวออกมาแทงตาม จนกระทั่งเปิดออกมาเป็นสูงอีกครั้ง ใบหน้าของทั้งสองคนก็ซีดไปทันที

“จบกัน แพ้หมดแล้ว…”

“คราวนี้แย่แน่ๆ กลับไปจะรายงานอย่างไร?”

คนทั้งสองนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ได้แต่มองของมีค่าที่ตัวเองเหน็บไว้ตรงเอวถูกเด็กหนุ่มคนนั้นเก็บกลับไป มองสีหน้าพึงพอใจและเบิกบานใจของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาโมโหจนกัดฟันกรอด แต่กลับจนใจทำอะไรไม่ได้

เวลาครึ่งก้านธูปผ่านไป พวกเขาแพ้จนแม้แต่เสื้อผ้าก็เกือบต้องถอดออกหมด เปลือยท่อนบนใส่ไว้แค่กางเกงขาบานเจ็ดส่วน ทั้งอับอายและเดือดดาล

ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้าหนุ่มนี่มีทักษะการพนันดีขนาดนี้ ตีให้ตายพวกเขาก็ไม่มีทางเล่นด้วยแน่ แต่ตอนนี้ถึงพวกเขาจะนึกเสียใจภายหลัง ก็ไม่อาจเอาของที่แพ้พนันกลับคืนมาได้แล้ว

“ออกไป” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเหลือบมองพวกเขา รู้สึกว่าผู้ชายสองคนนั้นยืนเปลือยท่อนบนช่างขวางหูขวางตายิ่งนัก

สองคนนั้นเพียงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลน่าพรั่นพรึงโจมตีเข้ามาหา ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด รีบลุกขึ้นโดยไม่กล้าแม้แต่จะพูดคัดค้าน เดินออกไปข้างนอกทั้งอย่างนั้น พอลงมาข้างล่างก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งเอามือชันคาง เอียงคอเล็กน้อยมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ พลางหรี่ตาถามว่า “ท่านเองก็เล่นด้วยหน่อยไหม?”

“ไม่ละ เจ้าเล่นก็พอ” เขากล่าว แล้วยกน้ำชาขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง

ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มร่า หันไปมองหยางซานที่กำลังขมวดคิ้วคิดหนัก ก่อนถามด้วยน้ำเสียงแช่มช้า “ตาต่อไป ท่านจะใช้อะไรมาพนัน?”

………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *