เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1357 ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย + 1358 เดินทางไปด้วยกัน

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1357 ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย + 1358 เดินทางไปด้วยกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1357 ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย + ตอนที่ 1358 เดินทางไปด้วยกัน

ตอนที่ 1357 ผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย

ยามเช้ามืด เมื่อแสงอาทิตย์แรกสาดส่องผืนดินกว้างใหญ่ แสงแดดอบอุ่นทำให้เฟิ่งจิ่วที่กำลังหลับใหลกระดิกนิ้วเล็กน้อย สติของเธอค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เมื่อนึกถึงภาพตอนที่ตัวเองหมดสติไป ก็รีบลืมตากระเด้งตัวขึ้นมา

“เอ๊ะ?”

เธอร้องเบาๆ ด้วยความประหลาดใจ หลังจากลุกขึ้นนั่ง ก็รู้สึกเหมือนบาดแผลบนตัวหรือแม้แต่กระดูกที่ถูกหักเหมือนจะดีขึ้นแล้ว? ทั่วตัวทั้งในและนอกไม่เหลือบาดแผลให้เห็นแม้แต่น้อย

“น่าแปลก ทำไมแผลบนตัวถึงหายหมดแล้วล่ะ?”

เธอค่อนข้างประหลาดใจ ครั้นหันมองรอบตัวแวบหนึ่ง กลับไม่เห็นเงาร่างของหญิงชราคนนั้นแล้ว แต่ข้างกายเธอกลับมีกระถางสำริดสีเทาหม่นเล็กๆ ใบหนึ่งนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น

เธอหยิบมันขึ้นมา ชะงักเล็กน้อย “นี่คือ… ‘เตาหลอมเทพกสิกรรม’ เตาหลอมเทพโบราณ?” ตัวอักษรเล็กๆ ที่อยู่บนกระถางสำริด แม้จะมีคราบฝุ่นเกาะอยู่เธอก็ยังอ่านออก

หลังจากลุกขึ้นยืน เธอตบฝุ่นที่เกาะตามเสื้อผ้าบนตัว มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง ไม่เพียงหญิงชราคนนั้นหายไป แม้แต่พลังเลือดที่อยู่รอบๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย กระทั่งเธอตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่เจอพลังเลือดใดอยู่ในบริเวณนี้อีก

ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก เพราะการที่เธอมีชีวิตอยู่ นี่ต่างหากคือเรื่องสำคัญที่สุด

เฟิ่งจิ่วเก็บกระบี่คมพยับ หมายจะไปจากที่นี่ ทว่าเท้าที่ก้าวออกไปกลับชะงักงัน เธอมองกระถางสำริดใบเล็กในมือ แล้วหันไปมองทางศาลบรรพชน ไม่นานก็สาวเท้าเดินไปทางนั้น

ขณะก้าวเดินก็กวาดดวงจิตมองรอบๆ ไปด้วย เมื่อเดินมาจนถึงศาลบรรพชนและเข้าไปข้างใน เธอมองพิจารณาแวบหนึ่งก่อนเดินไปข้างหลัง

เมื่อเธอมาถึงข้างหลังก็อดชะงักไม่ได้ เห็นเพียงลานกว้างเปิดโล่ง ด้านหลังมีศพสิบกว่าศพนอนกองกันอยู่ ศพเหล่านั้นสวมเสื้อผ้าสีดำทุกคน เป็นชุดเครื่องแบบขององครักษ์

ดูจากระดับการแข็งตัวของศพพวกนี้ น่าจะตายก่อนเธอจะมาถึงที่นี่หนึ่งวัน ทว่านอกจากเธอจะเห็นศพที่แต่งกายด้วยชุดองครักษ์สิบกว่าศพแล้ว เธอกลับไม่เห็นศพของคนที่องครักษ์พวกนี้คุ้มกันเลย

เมื่อกวาดตามองหา สายตาของเธอหยุดอยู่ที่โอ่งใบใหญ่ตรงมุมกำแพง นั่นเป็นโอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ ข้างบนมีฝาปิดอยู่ สิ่งที่ทำให้เธอสะดุดตาก็คือ เหมือนเธอจะสัมผัสได้ถึงพลังของเขตอาคมรางๆ

ด้วยเหตุนั้น เธอสาวเท้าเดินเข้าไป กลิ่นอายพลังวิญญาณเส้นหนึ่งถูกดีดออกจากมือ ขณะเดียวกับที่พลังวิญญาณของเธอทำลายผนึกของเขตอาคมนั่น ก็อาศัยพละกำลังดันฝาใบใหญ่ข้างบนออกด้วย

ด้านในไม่มีการเคลื่อนไหวใด เธอจึงก้าวเข้าไปดู เห็นเด็กหนุ่มในชุดแพรไหมอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีคนหนึ่งนอนหน้าซีดหมดสติอยู่ในนั้น ลมหายใจรวยริน ราวกับจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อ

นึกไม่ถึงว่าจะมีคนเป็นซ่อนอยู่ตรงนี้อีกคน เธอชะงักเล็กน้อย ก่อนดีดกระแสอากาศเส้นหนึ่งออกจากนิ้วมือ ได้ยินเพียงเสียงแกร๊กดังขึ้น แล้วโอ่งใหญ่ใบนั้นก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มพื้น ตอนนั้นเอง คนที่อยู่ข้างในก็กลิ้งออกมาด้วย

เธอย้ายเด็กหนุ่มออกมา ลากไปด้านหนึ่ง จากนั้นจึงตรวจชีพจรเขาดู แล้วค่อยหยิบยาเม็ดหนึ่งยัดใส่ปากเขาพลางพึมพำว่า “โชคดีของเจ้าที่มาเจอข้า ไม่เช่นนั้นได้ตายอยู่ที่นี่จริงๆ แล้ว”

หลังจากป้อนยาให้เด็กหนุ่ม เธอก็ป้อนน้ำตามให้เขา จากนั้นนั่งรอให้เด็กหนุ่มฟื้นคืนสติอยู่อีกด้านหนึ่ง อุดอู้อยู่ในโอ่งใบนั้นแต่ก็ยังไม่หมดลมหายใจ เธอต้องมองเจ้าเด็กนี่ใหม่เสียแล้ว

แล้วเขาก็ไม่ได้ดวงแข็งธรรมดาด้วย เดิมทีเธอนึกว่าถึงจะเจอใครอยู่ที่นี่ ก็คงมีแต่คนตายแล้วเท่านั้น กลับนึกไม่ถึงว่าผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจะถูกผนึกกลิ่นอายซ่อนอยู่ในโอ่งเก็บน้ำใบใหญ่นี้

………………………………….

ตอนที่ 1358 เดินทางไปด้วยกัน

เธอหยิบผลไม้ลูกหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ กินไปพลางจ้องเด็กหนุ่มไปพลาง เงยหน้ามองท้องฟ้าเป็นระยะ กระทั่งผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม ถึงจะเห็นเด็กหนุ่มบนพื้นค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา

“อ๊าก! อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า…”

เด็กหนุ่มฟื้นขึ้นมาก็ร้องด้วยความตกใจ รีบคลานไปขดตัวอยู่ด้านหนึ่ง ใบหน้าที่ซีดขาวปิดซ่อนความแตกตื่นและความหวาดกลัวไว้ไม่มิด

“ใครจะฆ่าเจ้ากัน?” เฟิ่งจิ่วอ้าปากหาวแล้วถาม “ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้ว ข้าก็ไปได้แล้ว” สถานที่แย่ๆ อย่างนี้ เธอไม่อยากอยู่ต่อแล้ว

ยามนี้เอง เด็กหนุ่มเห็นชัดแล้วว่าคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเป็นขอทานน้อยใส่เสื้อผ้าขาดๆ พอเห็นขอทานน้อยผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามอมแมมเต็มไปด้วยดินโคลน เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ และหันไปมองรอบด้านแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าองครักษ์ของเขาตายหมดแล้ว ดวงตาก็แดงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ยายปีศาจเฒ่านั่นเล่า? นาง นางยังอยู่ที่นี่หรือไม่?” นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว เขาใจสั่นเล็กน้อย แม้แต่ยามพูดฟันก็กระทบกันอย่างไม่อาจควบคุมได้

“ข้าไม่เห็น ข้าแค่ผ่านทางมาก็เลยเดินเข้ามาดูหน่อย เห็นองครักษ์พวกนี้ตายหมดแล้ว พอเปิดฝาโอ่งก็เจอเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ เลยช่วยเจ้าออกมา”

เฟิ่งจิ่วตบๆ เสื้อผ้าบนตัว ยืดเอวบิดขี้เกียจ “ข้าจะไปแล้ว ที่นี่ไม่มีอะไรให้กินเลย คนก็ไม่มีให้เห็นแม้แต่เงา” ขณะพูด ก็ก้าวเท้าจะเดินไปข้างนอก

“อย่าเพิ่งไป เจ้า เจ้ารอข้าด้วยสิ!” เด็กหนุ่มตกใจ รีบวิ่งตามไป

เฟิ่งจิ่วไม่หยุดฝีเท้า จนกระทั่งออกจากตัวหมู่บ้านไป เธอจึงค่อยลอบถอนหายใจเบาๆ และหันกลับไปมองแวบหนึ่ง แอบคิดในใจว่าเกือบต้องเอาชีวิตน้อยๆ มาทิ้งไว้ที่นี่แล้วสิ

“ขอทานน้อย ขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า” เด็กหนุ่มวิ่งเหยาะๆ มาข้างกายเฟิ่งจิ่วแล้วกล่าวขอบคุณ

เฟิ่งจิ่วสาวเท้าเดินไปข้างหน้า ตอบว่า “ขอบคุณข้าปากเปล่าไม่มีประโยชน์ หากจะขอบคุณก็ให้อะไรที่มันจับต้องได้หน่อย”

“เช่นนั้นเจ้าส่งข้ากลับบ้านเถิด! กลับถึงบ้านแล้วข้าจะให้คนตอบแทนเจ้าอย่างงาม อีกอย่างข้ายังเลี้ยงอาหารดีๆ เจ้าได้มื้อหนึ่งด้วย” เขาคิดว่าขอทานน้อยคนนี้ตัวผอมแห้ง ปกติคงไม่ได้กินอิ่มเป็นแน่

เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบตามองเขา ถามว่า “บ้านเจ้าอยู่ที่ใด?” หากเป็นทางผ่านเธอก็จะแวะไปส่ง ถ้าไม่ใช่ทางผ่านเธอก็ขี้คร้านจะสนใจ

“อยู่ใกล้สำนักโอสถตะวันที่อยู่ในเมืองโอสถตะวัน” เด็กหนุ่มกล่าวตอบ

“โอสถตะวันหรือ? เช่นนั้นก็ได้! ข้าจะพาเจ้าไปด้วย แต่อย่าลืมเล่า เมื่อถึงเวลาเจ้าต้องขอบคุณข้าอย่างงาม” ถึงอย่างไรก็เป็นทางผ่านอยู่แล้ว

ได้ยินเช่นนั้น เด็กหนุ่มดีใจ รีบเอ่ยชักชวน “เจ้าวางใจได้ ขอเพียงเจ้าส่งข้าถึงบ้าน ข้าจะให้คนที่บ้านเอาเงินให้เจ้าหนึ่งหมื่นเหรียญทอง ใช่สิ ข้าชื่อจูเยวี่ย ขอทานน้อย เจ้าชื่ออะไร?”

“ข้าชื่อขอทานน้อย” เฟิ่งจิ่วตอบอย่างไม่แยแส

“ขอทานน้อย วรยุทธ์เจ้าอยู่ระดับใด เหตุใดข้าดูไม่ออกเลย?”

อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง แต่กลับมองระดับวรยุทธ์ของขอทานน้อยผู้นี้ไม่ออก อีกอย่าง ขอทานน้อยคนนี้ก็ดูไม่ค่อยเหมือนขอทานทั่วไป ค่อนข้างเหมือนผู้ฝึกตนพวกนั้นมากกว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาอยากให้ขอทานน้อยส่งเขากลับบ้าน เช่นนี้อย่างน้อยจะได้มีคนคอยปกป้องข้างๆ คนหนึ่ง

เฟิ่งจิ่วไม่ตอบรับเขาสักคำด้วยซ้ำ กลับหมุนตัวไปด้านหนึ่ง ครั้นเห็นเกวียนเล่มหนึ่งวิ่งมาข้างหลัง ตาก็เป็นประกายทันที คราวนี้ไม่ต้องเดินเองแล้วยังได้พักผ่อนสักหน่อยด้วย

ตอนนั้นเอง เธอรีบสาวเท้าเดินไปกางแขนยืนขวางกลางถนน “ท่านลุง ให้พวกข้านั่งไปด้วยเถิด!”

ชายฉกรรจ์ที่กำลังเร่งเดินทางเห็นขอทานน้อยคนหนึ่งกับคุณชายใส่ชุดผ้าไหมก็ชะงักเล็กน้อย ตอบว่า “หากไม่รังเกียจก็ขึ้นมาเถิด!”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด