เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1355 ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย + 1356 เม็ดบัวเขียวแสดงตัว เตาหลอมเทพปรากฏกาย

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1355 ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย + 1356 เม็ดบัวเขียวแสดงตัว เตาหลอมเทพปรากฏกาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1355 ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย + ตอนที่ 1356 เม็ดบัวเขียวแสดงตัว เตาหลอมเทพปรากฏกาย

ตอนที่ 1355 ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย

เจ็บใจนัก!

วัตถุเวทป้องกันตัวที่พวกเขามอบให้เธอ ช่วยปกป้องเธอจากการโจมตีถึงชีวิตได้หนึ่งครั้ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหญิงชราที่จ้องจะเอาชีวิตเธออย่างเดียว ถึงแม้จะมีวัตถุเวทอีกมากมายแค่ไหนก็ไม่พอใช้

ในหมู่บ้านประหลาดที่ไม่มีใครอยู่เลย จะมีใครช่วยเธอได้บ้าง ยังจะมีใครมาช่วยเธอได้?

พลังก็ยังคงเป็นพลัง! ถ้าเธอมีพลังที่แข็งแกร่งอีกสักหน่อย ถ้าเธอเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหิน ก็จะไม่พ่ายแพ้อย่างยับเยินด้วยน้ำมือของหญิงชราอย่างนี้

“ถ้าหักคอเจ้าจะทำให้ร่างกายเจ้าเสียหาย ไม่น่าดูๆ” หญิงชราวาดมือไปมา คล้ายกำลังคิดว่าจะฆ่าเธอด้วยวิธีไหนดี

ทว่า พอนางเห็นว่าเฟิ่งจิ่วที่นอนแน่นิ่งไม่อาจขยับตัวอยู่บนพื้นไม่ได้ตกใจกลัวอะไร จู่ๆ ก็หัวเราะเสียงน่าขนลุกขึ้นมา “แม่หนู เจ้าจะตายแล้ว เจ้าไม่กลัวหรือ”

“กลัว? ข้ากลัวแล้วเจ้าจะไม่ฆ่าข้าหรือ” เฟิ่งจิ่วเปล่งเสียงพูดอย่างอ่อนแรง ท่าทางไร้เรี่ยวแรงจนเหมือนจะพูดก็ยากลำบากมาก

ได้ยินอีกฝ่ายตอบเช่นนั้น หญิงชราคล้ายมีความสุขมาก เหมือนกำลังดื่มด่ำกับความแตกตื่นหวาดกลัวของเหยื่อที่กำลังจะตาย เห็นเพียงนางหัวเราะเสียงต่ำ ส่ายหน้าขณะเดียวกับที่เปล่งเสียงแหบแห้งแก่ชราออกมา

“ไม่ ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าอยากฆ่าเจ้า เจ้าดูเจ้าสิ เป็นวัตถุชั้นเลิศขนาดไหนกัน ขอเพียงเจ้าให้ข้าหลอมกลั่น จะต้องสมบูรณ์แบบกว่าเดิมแน่ แล้วก็จะกลายเป็นของข้าด้วย ฮ่าๆๆๆๆ…”

“ไม่ ไม่เอา ข้าไม่อยากตาย ข้ายังไม่อยากตาย…”

เสียงของเฟิ่งจิ่วดังออกมาด้วยความลนลานและหวาดกลัว ดวงตาทั้งสองข้างของเธอจับจ้องหญิงชราที่กำลังแหงนหน้าหัวเราะอย่างย่ามใจ ทันใดนั้น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป มือข้างหนึ่งตบพื้นแล้วกระโดดลุกขึ้นมาในพริบตา กระบี่คมพยับที่อยู่ในมืออีกข้างโจมตีออกไปในทันทีที่เธอกระโดดขึ้นมา มุ่งแทงไปยังจุดตันเถียนของหญิงชรา

“ฉึก!”

กระบี่คมพยับแทงเข้าไปในร่างหญิงชราผู้นั้น เมื่อกระบี่คมพยับแทงทะลุร่างก็ทำให้หญิงชราที่เดิมหลังค่อมอยู่แล้วตัวงอลงไปอีก

นางเบิกตากว้าง มองเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมถือกระบี่คมพยับที่แทงเข้าไปในร่างนางด้วยแววตาตกตะลึงและเหลือเชื่อ เสียงแหบแห้งแก่ชราถามเสียงแหลมว่า “ทำไมเจ้ายังลุกขึ้นมาได้อีก! ทำไมยังมีแรงลุกขึ้นมาได้อีก!”

ยามได้ยินเสียงแหลมๆ ที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยพลัง เฟิ่งจิ่วรู้สึกหัวใจหนักอึ้ง สายตาจับจ้องไปยังจุดที่กระบี่คมพยับแทงเข้าไป นั่นเป็นจุดตันเถียน เธออาศัยการลอบโจมตีเข้าจู่โจมเป็นครั้งสุดท้าย ใช้พลังวิญญาณเสี้ยวสุดท้ายที่เหลืออยู่ในร่างกายเพื่อฉวยโอกาสตอนนางเผลอสังหารนางเสีย!

กระบี่คมพยับแทงทะลุร่างกาย ทว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณและพลังเลือดในตัวหญิงชรากลับไม่รั่วไหลแม้แต่น้อย เพราะอะไร? หรือว่าจุดตันเถียนของนาง…

“เจ้ากำลังสงสัยหรือ สงสัยว่าทำไมข้าถึงไม่ตาย? ข้าสิต้องสงสัย เด็กน้อยเช่นเจ้าทำไมจนป่านนี้แล้วยังไม่ตาย! เหตุใดยังมีแรงลุกขึ้นมาแทงข้าจนบาดเจ็บอีก?”

เสียงเล็กแหลมของหญิงชราดังขึ้น จากนั้นเห็นนางกำหมัดทั้งสองข้าง แหงนหน้าตะโกนสุดแรง ทั่วร่างมีพลังเลือดหลั่งไหล พลังเลือดที่แข็งแกร่งโจมตีเฟิ่งจิ่วจนกระเด็น พาเอากระบี่คมพยับที่แทงตัวนางลอยออกไปพร้อมกัน

“พรวด!”

ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสซ้ำ เลือดสีแดงสดกระอักออกจากปากอีกครั้ง ร่างทั้งร่างปลิวออกไปเหมือนว่าวที่สายป่านขาด และล้มกระแทกพื้นอย่างแรงอีกครา ทว่าครั้งนี้ เฟิ่งจิ่วหน้ามืดอย่างไม่อาจควบคุม สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของชีวิตกำลังจางหายไป ชั่วขณะก่อนที่จะสลบไสล เห็นรางๆ เพียงว่าหญิงชราที่แหงนหน้าถามด้วยความโกรธเกรี้ยวว่าเหตุใดเธอยังไม่ตาย กำลังย่างกรายเข้ามาทางเธออย่างช้าๆ…

………………………………….

ตอนที่ 1356 เม็ดบัวเขียวแสดงตัว เตาหลอมเทพปรากฏกาย

หญิงชราสาวเท้าเดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ทุกย่างก้าว พลังเลือดรอบกายจะเดือดพล่าน จิตสังหารอันบ้าคลั่งแผ่ปกคลุมรอบตัวนาง เพราะถูกแทงไปหนึ่งครั้ง เลือดจึงยังไหลลงมา ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้ใบหน้านางบิดเบี้ยวไปหมด

นางไม่ได้เป็นอมตะ เพียงแต่ในตัวนางมีวัตถุเวทก็เท่านั้น แต่แม่หนูผู้นี้ ไม่นึกเลยว่าจะคิดทำลายจุดตันเถียนของนางและหมายเอาชีวิตนาง นางเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหิน เด็กสาวตัวเล็กๆ เช่นเฟิ่งจิ่วจะฆ่านางได้อย่างไร?

ทว่า การกระทำของเฟิ่งจิ่วก็ยั่วโทสะนางได้ ความเจ็บปวดจากบาดแผลบนร่างก็ทำให้จิตสังหารบ้าคลั่งเอ่อล้นในใจเช่นกัน หลังจากเดินมาถึงตรงหน้า มองดูเฟิ่งจิ่วที่หายใจรวยรินและหมดสติไปแล้ว นางชูมือขึ้นรวบรวมพลังเลือดอย่างไม่อาจข่มกลั้นความโกรธ รวมพลังจนกลายเป็นฝ่ามือลมรุนแรง

“อ๊าก! ยายแก่ฆ่าคนอีกแล้ว ยายแก่ฆ่าพี่สาวคนนั้น…น่ากลัวมาก น่ากลัวมาก…”

วิญญาณอาฆาตดวงหนึ่งที่แอบดูอยู่ไกลๆ หมุนกายวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

หญิงชราเหลือบมองวิญญาณอาฆาตดวงนั้น แค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วละสายตากลับมา สายตาจับจ้องร่างของคนที่หมดสติอยู่บนพื้น

แม่เด็กคนนี้คิดจะทำลายจุดตันเถียนของนางเพื่อฆ่านาง เช่นนั้นนางก็จะส่งมันไปปรโลกก่อน! เมื่อภายในแตกสลาย วิญญาณต้นตาย นางอยากรู้นักว่ามันจะยังมีชีวิตรอดอีกได้หรือไม่!

“ตายเสีย!”

เสียงเล็กแหลมแหบพร่าดังขึ้น หญิงชราฟาดฝ่ามือลงไปสุดแรง แต่ในตอนนั้นเอง แสงสีเขียวเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากตัวเฟิ่งจิ่ว ประกายแสงสีเขียวเจิดจ้าแยงตา บริสุทธิ์ทว่าแข็งแกร่ง กระแทกร่างหญิงชราที่กำลังซัดฝ่ามือลงมาจนปลิวออกไป

“อึก!”

หญิงชราถูกซัดจนตัวปลิวออกไปอย่างไม่ทันระวังตัว เมื่อร่วงกระแทกพื้นเลือดก็ไหลออกจากปาก นางมองร่างที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนนั้น ได้แต่ตื่นตกใจไม่หยุด

“นี่มันอะไรกัน?”

เสียงแหบแห้งกรีดร้องถาม เห็นเพียงจุดตันเถียนของเด็กสาวที่หมดสติอยู่มีแสงสีเขียวพุ่งออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ สิ่งที่ออกมาพร้อมแสงสีเขียวคือดอกบัวเขียวขนาดเท่ากำปั้นดอกหนึ่ง

ดอกบัวเขียวดอกนั้นพุ่งออกมาโจมตีหญิงชรา นางเห็นเช่นนั้นก็อุทานด้วยความตกใจกลัว “เม็ด เม็ดบัวเขียวโลกพิสุทธิ์? ไม่สิ นั่นมันเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิด!”

“ฟิ้ว!”

“อย่า อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามา! กรี๊ด…”

ท่ามกลางความตกตะลึง นางใช้สองมือรวบรวมพลังเลือดเพื่อพยายามปัดป้อง ทว่า เมื่อพลังเลือดที่นางรวบรวมขึ้นมาและวิญญาณผีที่อยู่รอบๆ สัมผัสโดนดอกบัวเขียวดอกนั้นก็สลายไปในอากาศทันที

ดอกบัวเขียวลอยเข้ามาหา พุ่งเข้ามาในร่างนางด้วยความเร็วที่ตั้งรับไม่ทัน นางทำได้เพียงกรีดร้อง กลิ่นอายทั่วตัวถูกกลืนกิน ถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์ จากนั้นร่างกายค่อยๆ เลือนหายไปทีละส่วน จนสลายหายไปกลางอากาศเหมือนเถ้าถ่าน ปลิวไปกับสายลม เหลือไว้เพียงเสียงร้องโหยหวนที่ตื่นตระหนกระคนเจ็บใจดังก้องอยู่ในยามค่ำคืน

“ทำไม…ทำไม…”

“เคร้ง!”

กระถางสำริดสีเทาหม่นใบเล็กหล่นลงมาจากร่างของหญิงชราที่สลายไป ก่อนจะถูกดอกบัวเขียวนำมาไว้ข้างกายเฟิ่งจิ่ว จากนั้นเห็นเพียงกลีบของดอกบัวเขียวร่วงลงมาหนึ่งกลีบ ครั้นกลีบบัวสีเขียวร่วงลงสู่พื้น ก็กลายเป็นดวงแสงสีเขียวเล็กๆ มากมาย ค่อยๆ ชำระล้างพื้นดินที่เต็มไปด้วยคาวเลือดผืนนี้…

จนกระทั่ง หลังจากที่เลือดบนพื้นและวิญญาณนับไม่ถ้วนเหล่านั้นหายไปแล้ว ดอกบัวเขียวจึงค่อยกลับเข้าไปในร่างของเฟิ่งจิ่ว แสงสีเขียวชั้นหนึ่งหลั่งไหลออกมาจากจุดตันเถียน กระจายไปทั่วตัวเธอ และห่อหุ้มเธอไว้ข้างใน กลิ่นอายพลังชีวิตแผ่ออกมาจากจุดที่ดอกบัวเขียวอยู่อย่างไม่ขาดสาย ค่อยๆ ซ่อมแซมร่างกายของเธอและหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื้น…

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด