เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1365 อาหารบำรุงหม้อเดียวก็ซื้อตัวได้แล้ว + 1366 ผ้าเตี่ยวหนึ่งผืน

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1365 อาหารบำรุงหม้อเดียวก็ซื้อตัวได้แล้ว + 1366 ผ้าเตี่ยวหนึ่งผืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1365 อาหารบำรุงหม้อเดียวก็ซื้อตัวได้แล้ว + ตอนที่ 1366 ผ้าเตี่ยวหนึ่งผืน

ตอนที่ 1365 อาหารบำรุงหม้อเดียวก็ซื้อตัวได้แล้ว

ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงลุกขึ้นมาหาวหวอด

ชายแก่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะแผ่วๆ “สหายน้อย เชิญ” ขณะกล่าวก็พาเฟิ่งจิ่วเดินไปที่ด้านหลัง

ครั้นมาถึงด้านหลัง เฟิ่งจิ่วจึงค่อยเห็นว่าที่แห่งนี้มีพื้นที่แยกออกไปอีก ด้านหน้าเป็นโรงหมอ ด้านหลังเป็นสวนเล็กๆ แต่เมื่อเดินทะลุสวนนี้ไป จะเชื่อมต่อกับผนังอีกด้านหนึ่ง ยิ่งเมื่อก้าวเข้าไปในลานบ้านซึ่งอยู่หลังผนังกำแพง ยิ่งให้บรรยากาศที่แตกต่างไปจากด้านหน้า

หากบอกว่าในโรงหมอมีกลิ่นอายพลังหลายสายแอบจับตามองอยู่ในที่ลับ เช่นนั้นในลานบ้านแห่งนี้ ก็มีกลิ่นอายพลังไม่ต่ำกว่าสิบสายซุ่มซ่อนอยู่ในที่มืด หนำซ้ำหนึ่งในนั้นน่าจะเป็นกลิ่นอายพลังของผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหิน

เมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่อยู่ข้างในนี้ หัวใจเธอสั่นไหวเล็กน้อย โถงวสันตฤดูแห่งนี้เป็นสถานที่แบบใดกันแน่ แล้วคนที่อยู่ในลานบ้านแห่งนี้เป็นใคร มีพลังเช่นนี้แต่กลับไม่สามารถตามหาหมอที่มีวิชาแพทย์สูงส่งได้?

“สหายน้อย คืนนี้ข้าคงต้องให้เจ้าต้องลำบากพักที่นี่ไปก่อนแล้ว!” ชายแก่บอกขณะพาเฟิ่งจิ่วมาที่ห้องหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างมีความนัยแฝง “ผู้เฒ่าหวังว่าคืนนี้สหายน้อยจะพักผ่อนให้เต็มที่ ปรับสภาพจิตใจและสงบอารมณ์ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาหาเจ้า”

เฟิ่งจิ่วมองชายแก่ที่พูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจากไป แววตาไหวระริก เธอเดินเข้าไปในห้อง เอนตัวลงบนเตียงแต่กลับไม่ง่วงเลยสักนิด ด้านหนึ่งเป็นห่วงจูเยวี่ยเล็กน้อย เพราะหลังจากเข้ามาก็ไม่เห็นเขาอีกเลย อีกด้านก็คิดว่าสหายเก่าแก่ที่ชายแก่พูดถึงเป็นใครกันแน่?

เธอดูออกว่าฐานะของคนคนนี้น่าจะไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นไม่มีทางที่จะมีผู้แข็งแกร่งมากมายคอยคุ้มกันทั้งด้านนอกและด้านในอย่างนี้ อีกอย่างหากต้องการการรักษาจริงๆ ด้วยพลังของคนพวกนี้ ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไร

จนกระทั่งฟ้าสาง เฟิ่งจิ่วก็ยังไม่ได้นอน เมื่อฟ้าสว่างเธอจึงลุกขึ้นมาล้างหน้าบ้วนปากทันที

พอเดินออกจากห้อง ก็เห็นชายแก่เดินเข้ามาพอดี ข้างหลังยังมีเด็กรับใช้คนหนึ่งยกอาหารเช้าตามมาด้วย

“สหายน้อยตื่นแล้วหรือ? ข้ากำลังให้คนยกอาหารเช้ามาให้เจ้าพอดี” ชายแก่พยักเพยิดให้เด็กรับใช้ยกของไปวางบนโต๊ะ จากนั้นให้ถอยออกไป

“เมื่อวานข้าใช้ยาทดสอบสหายน้อย ถึงสหายน้อยจะไม่เป็นไร แต่ข้าก็ยังให้คนทำอาหารบำรุงมาให้กิน สหายน้อยชิมดูสิ?”

ครั้นเห็นเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป อาหารบำรุง…นี่ไม่ใช่ของที่หมอทั่วไปจะมีได้ กอปรกับเธอมักจะมีแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานกับของกินเสมอ อย่างไรลองกินดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน

เธอนั่งลงแล้วเปิดออกดู ก็เห็นโจ๊กที่เคี่ยวจากไก่ดำรวมกับส่วนผสมที่ช่วยบำรุงร่างกาย เมื่อตักมาชามหนึ่ง กลิ่นหอมจางๆ ของสมุนไพรผสมกับกลิ่นหอมของไก่ดำก็ลอยมาแตะจมูก โดยเฉพาะกลิ่นตังกุยที่อยู่ในนั้น ยิ่งกระตุ้นความอยากอาหารให้เพิ่มมากขึ้น

เธออดไม่ได้ที่จะยิ้ม จากนั้นจึงเริ่มลงมือกินอย่างไม่เกรงใจ

อาหารรสเลิศมักนำมาซึ่งความสุขให้ผู้คนเสมอ หลังจากกินโจ๊กหม้อเล็กหมดแล้ว เธอจึงค่อยวางชามในมือลงอย่างพึงพอใจ ยามเงยหน้าขึ้น ก็เห็นชายแก่คนนั้นมองเธออย่างอึ้งๆ เหมือนนึกไม่ถึงว่าเธอคนเดียวจะกินโจ๊กหมดทั้งหม้อ

“เหอะๆ สหายน้อยช่างกินเก่งจริงๆ คนหนุ่มอายุน้อยนี่ดีนัก!” เขายิ้มอย่างปลงๆ มีแต่คนหนุ่มเท่านั้นที่จะกินได้เยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นเขา ถึงอาหารจะอร่อยหรือถูกปากแค่ไหนก็กินไม่ได้มากขนาดนี้แล้ว

เฟิ่งจิ่วเช็ดมุมปากก่อนลุกขึ้น “ต้องการให้ข้าช่วยอย่างไร ว่ามาเถิด!”

ยามได้ยินประโยคนี้ ชายแก่ปรับสีหน้าท่าทาง “สหายน้อย เชิญเจ้าตามข้ามา” กล่าวจบก็หมุนตัวเดินนำทางอยู่ข้างหน้า พาเฟิ่งจิ่วเดินไปยังห้องที่อยู่ข้างๆ

………………………………….

ตอนที่ 1366 ผ้าเตี่ยวหนึ่งผืน

ครั้นเห็นชายชุดดำสองคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอก เฟิ่งจิ่วละสายตาออกมาอย่างเรียบเฉย จนกระทั่งชายแก่เคาะประตู คนข้างในจึงเดินมาเปิดประตูให้พวกเขาทั้งสองคนเดินเข้าไป

พอเข้ามาข้างในก็ได้กลิ่นคาวเลือด และกลิ่นเหม็นเน่าที่ผสมอยู่ในกลิ่นคาวเลือดนั้น กลิ่นที่เสียดแทงจมูกทำให้เธอต้องขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนหยิบผ้าปิดปากที่ทำเองจากในแขนเสื้อขึ้นออกมาสวม

ชายแก่เห็นอย่างนั้นกลับไม่ได้พูดอะไรมาก แต่คนอื่นที่เห็นกลับไม่ค่อยพอใจนัก คิดว่าเขารังเกียจ

เมื่อเดินเข้ามาข้างเตียงด้านใน ถึงจะเห็นชายหนุ่มใส่หน้ากากนอนอยู่บนเตียง ท่อนล่างมีเพียงผ้าเตี่ยวบางๆ ปกคลุมไว้ ร่างกายเปลือยเปล่าทั้งบนและล่าง มีก็แต่หน้ากากที่ปิดบังใบหน้าไว้ไม่ให้ใครเห็น

เฟิ่งจิ่วเหลือบมองแวบหนึ่ง แล้วละสายตาออกไปเงียบๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น ถึงเธอจะเป็นหมอ เคยเห็นคนเปลือยมาก็ไม่น้อย แต่ที่เคยเห็นมาในอดีตล้วนเป็นคนที่ตายแล้วทั้งสิ้น

ทว่าร่างกายเปลือยเปล่าของชายหนุ่มที่ยังมีชีวิต เธอเคยเห็นแค่ร่างกายของท่านอาเซวียนหยวนโม่เจ๋อจอมวางท่าเท่านั้น ตอนนี้กลับมีชายหนุ่มนอนเปลือยอยู่ตรงหน้าคนหนึ่ง ถึงจะอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ?

นั่นทำให้เธอไม่รู้จะเอาสายตาไปไว้ตรงไหนดี

“สหายน้อย เจ้าดูสิ บาดแผลนี้แหละ”

ชายแก่กล่าวพลางชี้ให้เฟิ่งจิ่วดูแผลที่อยู่ข้างหัวใจของชายคนนั้น แผลไม่ใหญ่แต่เป็นหนองและสภาพแย่ลงเรื่อยๆ แล้ว เนื้อรอบแผลกลายเป็นสีม่วงอมดำไปทั้งแถบ

“คนป่วยหมดสติไปแล้วหนึ่งวัน ข้าตรวจแผลแล้วเกรงว่าจะไม่ผ่าตัดก็ไม่ได้ เพียงแต่บาดแผลอยู่ใกล้หัวใจ ข้าไม่มีความมั่นใจมากพอจะผ่าตัด เพราะในสถานการณ์อย่างนั้น หากข้าถือมีดผ่าตัดคนเดียวก็เสี่ยงเกินไป เพราะเหตุนี้ ข้าเลยหวังว่าจะอาศัยวิชาเข็มของสหายน้อยมาสกัดจุดลมปราณรอบๆ รวมถึงป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผ่าตัดด้วย”

เฟิ่งจิ่วพยักหน้า แผลแย่ลงขนาดนี้แล้ว ไม่หมดสติสิถึงจะแปลก ซ้ำยังอยู่ใกล้หัวใจอีก การผ่าตัดตรงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ระวังก็อาจจบชีวิตอยู่ที่นี่ได้ง่ายๆ เลย

เธอดูแผลนั้นครู่หนึ่ง ตรวจชีพจรอีกเล็กน้อย แล้วจึงอธิบายว่า “ลมปราณในร่างกายแปรปรวน ทั้งยังมีพิษในร่างกาย แผลแย่ลง และน่าจะมีสิ่งตกค้างเหลืออยู่ข้างใน ก่อนอาทิตย์ตกดินหากยังไม่ได้รับการรักษา จะต้องตายอย่างแน่นอน”

เธอบอกผลการวินิจฉัยให้ฟัง ทว่าพอสิ้นเสียง ก็รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิในห้องลดต่ำลงหลายส่วน แม้แต่อากาศก็ยังเปลี่ยนเป็นกดดันไปด้วย

ชายแก่เองก็เคร่งเครียด “ข้ารู้ว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว สหายน้อย เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม มาเป็นลูกมือให้ข้า คอยช่วยข้าอยู่ข้างๆ เถิด!”

ตอนนี้ชายแก่ไม่นึกเลยสักนิดว่าวิชาแพทย์ของเฟิ่งจิ่วจะเหนือกว่าเขา สิ่งที่เขาคิดมีเพียงวิชาเข็มของเด็กหนุ่มน่าทึ่งมาก หากสามารถอาศัยวิชาเข็มมาช่วยในการรักษา บางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้ชายแก่จึงได้ให้คนไปตามเฟิ่งจิ่วมา

ทว่าชายแก่ที่เดิมทีตึงเครียดและร้อนใจอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่วก็ยิ่งเครียดกว่าเดิม หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อไหลซึม

ใช่แล้ว! ถ้ายังประวิงเวลาออกไปอีก จะต้องตายแน่นอน!

ขณะที่พวกเขารีบล้างมือและเตรียมอุปกรณ์ เฟิ่งจิ่วเพียงล้างมือให้สะอาดแล้วยืนอยู่ด้านหนึ่ง จากนั้นเห็นองครักษ์สองคนเข้ามาช่วยยกร่างชายคนนั้นไปที่เตียงพยาบาลภายใต้คำสั่งของชายแก่

ถึงแม้สองคนนั้นจะยกร่างของคนที่กำลังหมดสติอย่างระมัดระวังมากแล้ว แต่ระหว่างเคลื่อนย้ายไปยังเตียงพยาบาล ผ้าเตี่ยวที่ปิดท่อนล่างของชายหนุ่มไว้ก็ยังร่วงลงมาอยู่ดี…

…………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด