เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1363 โรงหมอแปลกประหลาด + 1364 โถงวสันตฤดู

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1363 โรงหมอแปลกประหลาด + 1364 โถงวสันตฤดู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1363 โรงหมอแปลกประหลาด + ตอนที่ 1364 โถงวสันตฤดู

ตอนที่ 1363 โรงหมอแปลกประหลาด

“อะไรนะ?”

เฟิ่งจิ่วสับสน แม้แต่จูเยวี่ยก็งุนงงไม่ต่างกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน?

“เจ้ายังจะมาทำไขสืออีก! เข็มเงินนั่นไม่ใช่ฝีมือเจ้าลอบกัดหรอกหรือ?”

องครักษ์ชุดดำจ้องเฟิ่งจิ่วอย่างเดือดดาล “พวกข้าพาคุณชายไปที่โรงหมอ แต่คนที่โรงหมอดึงเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากตัวคุณชาย ถึงคุณชายจะหายแล้ว แต่กลับถูกพวกเขาจับตัวไว้”

“ในเมื่อถูกจับ พวกเจ้าก็ชิงตัวกลับมาสิ พวกเจ้าถนัดเรื่องนี้มากไม่ใช่หรือ?”

เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว ชำเลืองมองพวกเขาอย่างดูแคลน มีเวลามาลักพาคนที่นี่ ทำไมไม่คิดหาทางไปพาเจ้านายของพวกตนกลับมา? แปลกคนจริงๆ ถูกจับแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย เธอไม่ได้สั่งให้ใครจับเขาไว้เสียหน่อย

เมื่อได้ยินประโยคนั้น องครักษ์พวกนั้นอับอายจนกลายเป็นโกรธ “เจ้าไม่ต้องมาเล่นลิ้นกับพวกข้า หากไม่ใช่ว่าพวกข้าสู้ไม่ได้ คงไม่ต้องมาพาตัวพวกเจ้าไปตามคำสั่งพวกเขาหรอก!”

“หือ?”

ได้ยินแล้วเฟิ่งจิ่วประหลาดใจ “พาพวกข้าไปทำไม เปลี่ยนตัวรึ?” นี่ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโรงหมอแห่งนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ถูกต้อง! พวกเขาบอกว่าขอเพียงเอาตัวคนที่ใช้เข็มเงินไปให้พวกเขา พวกเขาก็จะปล่อยตัวคุณชายของพวกข้า วันนี้คุณชายมีเรื่องแค่กับพวกเจ้า ถ้าไม่ใช่ฝีมือพวกเจ้าลอบกัดแล้วจะมีใครอีก?”

เขาคิดแล้วคิดอีก คิดอยู่นานจึงค่อยคิดออกว่าต้องเป็นฝีมือของสองคนนี้แน่ จูเยวี่ยเป็นคนเมืองเดียวกับพวกเขา มีความสามารถมากน้อยแค่ไหนพวกเขาก็รู้อยู่บ้าง และไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีวิชาเข็มเงินอะไรนี่ด้วย เช่นนั้นก็มีแค่เจ้าหนุ่มที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนคนนี้แล้ว!

เฟิ่งจิ่วสีหน้าเครียดเล็กน้อย เหลือบมององครักษ์ชุดดำตรงหน้าแวบหนึ่ง พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง กลับบอกว่าสู้คนคนเดียวที่โรงหมอไม่ได้?

“เจ้าจะไปด้วยตัวเอง หรือจะให้พวกข้าลงไม้ลงมือ?” องครักษ์ชุดดำคนนั้นถาม ดูจากท่าทางแล้วอย่างไรก็ต้องพาตัวพวกเขาไปที่โรงหมอให้ได้

“ข้าจะไปเองก็แล้วกัน! เจ้าก็ปล่อยเขาเถอะ ข้าจะไปดูกับพวกเจ้าเอง” เธอเหลือบมองจูเยวี่ยก่อนบอกไป

“ไม่ได้ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

จูเยวี่ยว่า สายตาจับจ้องเงาร่างตรงหน้า เป็นเพราะเขาถึงทำให้ขอทานน้อยมีปัญหา แล้วจะให้เขาเป็นคนไร้น้ำใจปล่อยให้ขอทานน้อยตามคนพวกนี้ไปเพียงลำพังได้อย่างไร? หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น…

ชั่วขณะหนึ่ง ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในสมองของเขา นี่ถ้าถูกพวกเขาพาตัวไปจะโดนฆ่าหรือไม่? โรงหมอนั่น หรือว่าที่แท้เป็นสำนักเถื่อน? ไม่อย่างนั้นเหตุใดจึงจับคนไว้ไม่ยอมปล่อย แล้วคนที่โรงหมอจะให้พวกเขาไปที่นั่นทำไม พวกเขาจะรอดชีวิตกลับมาได้หรือไม่?

ยิ่งคิดหน้าก็ยิ่งซีดขาว แม้ใจจะแตกตื่น แต่เห็นขอทานน้อยที่อยู่ตรงหน้าท่าทางใจเย็นไม่สะทกสะท้าน ใจของเขาก็สงบลงหลายส่วน

เขาบุญหนักดวงแข็ง น่าจะไม่ตายง่ายๆ จึงจะถูก

ด้วยเหตุนี้ เฟิ่งจิ่วกับจูเยวี่ยจึงตามองครักษ์ชุดดำพวกนั้นมาถึงโรงหมอแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในอาคารร้านค้าริมถนนใหญ่ หน้าโรงหมอมีป้ายไม้ห้อยไว้ป้ายหนึ่ง ข้างบนเขียนตัวหนังสือคำว่า ‘แพทย์’ เอาไว้ เมื่อมองขึ้นไปอีกจะเป็นชื่อของโรงหมอแห่งนี้ ‘โถงวสันตฤดู’

เวลานี้ยังเป็นตอนกลางดึก แม้ประตูจะปิดอยู่ แต่ไฟในโรงหมอกลับยังสว่าง ขณะที่เฟิ่งจิ่วกำลังไตร่ตรอง ก็เห็นหนึ่งในองครักษ์เดินไปเคาะประตู

“พวกข้าพาคนมาแล้ว”

“ให้คนที่ใช้เข็มเงินเข้ามา” เสียงชราดังมาจากข้างใน เมื่อเสียงนั้นดังมา พวกองครักษ์ชุดดำที่อยู่ข้างนอกต่างตัวสั่นเบาๆ อย่างที่ไม่อาจสังเกตเห็น

“เข้าไปเถอะ!” องครักษ์คนนั้นหลีกทาง แล้วเปิดประตูสื่อให้เฟิ่งจิ่วเข้าไป

เฟิ่งจิ่วเหลือบมองข้างใน จากนั้นสาวเท้าเดินเข้าไป แต่พอเธอเดินเข้าไปแล้วจูเยวี่ยที่อยู่ข้างหลังทำท่าจะตามเข้ามา กลับเห็นประตูปิดดังปัง

………………………………….

ตอนที่ 1364 โถงวสันตฤดู

สิ่งที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาคือตู้ยาในร้านขายยา รวมถึงชายแก่คนหนึ่งที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่หน้าตู้ยา ชายแก่คนนั้นผมหงอกขาว ไม่มีอะไรสะดุดตา ท่าทางเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป ศีรษะสัปหงกเป็นพักๆ

ทว่าในอากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นยา เหมือนจะมี…

เธอมองชายแก่แวบหนึ่ง ก่อนเลื่อนสายตาออกไป ถึงแม้คนข้างในนี้จะไม่ปรากฏตัว แต่เธอก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม่ธรรมดาหลายกลิ่นที่ซ่อนอยู่

โรงหมอเล็กๆ แห่งหนึ่งกลับมีพลังเช่นนี้? หนำซ้ำยังจับตัวคนที่มารักษาไว้ แล้วสั่งให้พาเธอมาที่นี่ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า เบื้องหลังโรงหมอแห่งนี้มีกลุ่มอำนาจหนึ่งหนุนหลังอยู่

เพียงแต่ จะให้เธอมาที่นี่ทำไม?

“มาแล้วหรือ?”

ชายแก่ที่สัปหงกอยู่อ้าปากหาวแล้วลุกขึ้นมา ขณะเดียวกันก็มองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาเป็นประกาย มองพินิจเธออยู่เงียบๆ

“ไม่ทราบผู้อาวุโสเชิญข้ามา มีเรื่องใดหรือ?” เธอถาม ชายแก่เจ้าของโรงหมอคนนี้เป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ พลังแท้จริงของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

“อยากขอให้สหายน้อยช่วยอะไรสักอย่าง” ชายแก่มองพิจารณาเสร็จก็เปิดปากอย่างตรงไปตรงมา เอามือไพล่หลังเดินออกมา “สหายน้อยคงมีวิชาแพทย์สูงส่ง มีความรู้เรื่องยาไม่ธรรมดาเลย”

“มีความรู้เพียงเล็กน้อย ไม่ถือว่าชำนาญอะไร”

“หึๆ สหายน้อยถ่อมตัวเกินไปแล้ว” ชายแก่ยิ้มๆ ก่อนพูดต่อว่า “ผู้เฒ่าเองก็เป็นคนตรงไปตรงมา ตอนเห็นเข็มบนตัวของคุณชายคนที่มารักษาตัวเมื่อหัวค่ำ ผู้เฒ่าตะลึงมาก จึงให้คนไปเชิญสหายน้อยมาพบหน้าสักครั้ง”

ได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งจิ่วยิ้มให้ “ข้าแค่อยากรู้ว่าผู้อาวุโสเชิญข้ามาทดสอบแล้วทดสอบอีก มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”

“ฮ่าๆๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องปิดบังสายตาเฉียบแหลมของสหายน้อยไม่ได้แน่ นี่ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจว่า วิชาแพทย์ของสหายน้อยจะต้องลึกซึ้งมากแน่ๆ” ชายแก่ลูบหนวด ใบหน้าแย้มยิ้ม “เพราะข้ามีสหายเก่าคนหนึ่ง…”

“หึๆ…”

เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ มองชายแก่แวบหนึ่ง แล้วตัดบทว่า “หากเป็นเรื่องการแพทย์หรือการรักษาโรค ผู้อาวุโสอย่าเสียเวลาพูดดีกว่า ตอนอารมณ์ไม่ดีปกติข้าคนนี้จะไม่รักษาใคร ผู้อาวุโสเองก็เป็นหมอ น่าจะรู้ว่าอารมณ์ของหมอนั้นสำคัญมาก ไม่เช่นนั้น หากมีอะไรผิดพลาดระหว่างการรักษาแม้แต่นิดเดียว จะส่งผลอะไรตามมาไม่มีใครคาดเดาได้”

ครั้นได้ยินประโยคนี้ ชายแก่ที่ตอนแรกยังพูดด้วยรอยยิ้มสีหน้าค้างแข็ง เริ่มยิ้มต่อไม่ออกแล้ว

เขาเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น เห็นอีกฝ่ายเดินไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านหนึ่งก็อดชะงักไม่ได้ ลอบไตร่ตรองในใจสักครู่ จากนั้นถึงเดินเข้าไปหา “สหายน้อย ผู้เฒ่ารู้ว่าวิธีการเชิญแขกเช่นนี้เป็นการเสียมารยาท เรื่องนี้ผู้เฒ่าต้องขอโทษสหายน้อยด้วย” ขณะกล่าว เขาประสานมือคารวะอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ถึงอย่างไร เขาที่เป็นผู้อาวุโสก็ยอมคารวะเด็กหนุ่มก่อน หากเป็นคนอื่นจะไม่มีทางยอมก้มหัวง่ายๆ เช่นนี้ แต่นี่เขาบอกจะขอโทษก็ขอโทษเลย ทำให้เฟิ่งจิ่วแปลกใจเล็กน้อย

เมื่อนึกถึงว่าพวกเขาเองก็ไม่เคยทำร้ายเธอจริงๆ อย่างมากก็แค่เสียมารยาท ด้วยเหตุนี้ท่าทีเธอจึงอ่อนลง บอกว่า “พวกท่านมีที่ให้พักผ่อนหรือไม่? ข้าง่วงแล้ว มีเรื่องใดค่อยว่ากันพรุ่งนี้เถอะ”

ชายแก่ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบบอกว่า “มี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายน้อยพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้เช้าค่อยช่วยดูอาการให้สหายของข้า!” ไม่เพียงเท่านั้น ชายแก่ไม่เปิดโอกาสให้เฟิ่งจิ่วปฏิเสธ กล่าวเสริมอีกว่า “ขอเพียงสหายน้อยยอมช่วย ภายหน้าหากมีเรื่องลำบากอันใด ก็มาหาเราที่โถงวสัตฤดูได้เสมอ”

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด