เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1423 ไม่ปล่อยไป + 1424 มองการณ์ไกล

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1423 ไม่ปล่อยไป + 1424 มองการณ์ไกล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1423 ไม่ปล่อยไป + ตอนที่ 1424 มองการณ์ไกล

ตอนที่ 1423 ไม่ปล่อยไป

ด้วยเหตุนั้น ทั้งสามจึงรีบตามไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางค่ำคืน ได้ยินเพียงเสียงร้องของคนพวกนั้นดังมารางๆ

“เร็ว! ทางนั้นๆ! รีบจับไว้เร็ว!”

“โอ๊ย! ไม่มีตาหรืออย่างไร! ชนข้าแล้วเนี่ย”

“อยู่ทางนั้น อย่าปล่อยให้มันหนีไป!”

“เด็ดไม่ได้ก็กลับมา วิ่งตามหญ้าพรายอันตรายเกินไปแล้ว”

เฉินเต้าได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างหน้า จึงตะโกนเรียก เพียงแต่ เมื่ออุตส่าห์เจอหญ้าพรายทั้งที พวกเขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ อย่างนี้แน่ เพราะเหตุนี้ แม้เฉินเต้าจะกำลังตะโกนเรียก นักเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่คิดจะหยุดฝีเท้า

พลันนั้น เสียงโครมดังมาจากข้างหน้า ไม่นานเสียงร้องด้วยความตกใจก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

“อ๊าก!”

“นั่นอะไร! โอ๊ย! มีอะไรบางอย่างดึงขาข้า!”

“อ๊าก…”

“ไม่ดีแล้ว รีบหนีเร็ว!”

เสียงโหวกเหวกดังมา พวกเฉินเต้ามองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วรีบไหวกายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ได้ยินเพียงเสียงสวบสาบกับเสียงแตกตื่นดังมา ไม่นานก็เห็นนักเล่นแร่แปรธาตุสองสามคนวิ่งกลับมา

“ศิษย์พี่เฉิน ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”

ชายคนหนึ่งวิ่งกลับมาบอกด้วยท่าทีลนลาน ใต้แสงคบไฟ เห็นได้ว่าใบหน้าของเขาซีดเผือดและแตกตื่นขนาดไหน “พวกเขา พวกเขาถูกวิญญาณจับตัวไปแล้ว!”

ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย สีหน้าประหลาดใจผุดขึ้นมาและหายไปอย่างรวดเร็ว

วิญญาณ? วิญญาณบ้าบออะไรกัน? เพราะหญ้าพรายเป็นยาทิพย์ที่สามารถวิ่งหนีไปทั่ว และเป็นพืชที่มีวิญญาณอยู่ในตัว จึงมีข่าวลือว่า หญ้าพรายชอบสถานที่แปลกๆ ที่มีภูตผีวิญญาณสิงสถิตอยู่

ทว่า นั่นก็เป็นแค่ข่าวลือ เป็นเพียงข่าวลือที่พวกประมูลขายของปล่อยออกมาเพื่อจะโก่งราคาหญ้าพรายให้สูงขึ้นเท่านั้น นึกไม่ถึงว่านักเล่นแร่แปรธาตุในสำนักกลับเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย ช่างน่าขันยิ่งนัก

เฉินเต้าได้ยินก็ขมวดคิ้ว “พูดจาเหลวไหลอะไรกัน!”

“พวกข้าพูดจริงนะขอรับ มีอะไรบางอย่างยื่นมือออกมาจากหญ้าจับขาพวกข้าไว้ พวกข้าวิ่งเร็วเลยหนีมาได้ พวกเขาถูกจับขาได้แล้วก็โดนลากไปแล้ว สัมผัสเย็นเยียบนั่นเหมือนมือผีอย่างไรอย่างนั้น น่ากลัวมาก”

ชายอีกคนก็ละล่ำละลักบอก ซ้ำยังตัวสั่นไม่หยุดด้วย

เฟิ่งจิ่วได้ยินก็มุมปากกระตุก

มือผี? ทำเหมือนเคยจับ? รู้เสียด้วยว่าเย็นเยียบเหมือนมือผี? เธอไม่รู้เลยว่านักเล่นแร่แปรธาตุพวกนี้จะขี้ขลาดขนาดนี้ อย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง หรือฝึกหลอมยาจนสมองทึบไปหมดแล้ว? ไม่รู้จักใช้วิจารณญาณกันแล้วหรืออย่างไร?

“เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดอะไร รีบไปดูกันเถิด” เฉินเต้าบอก จากนั้นก็รีบไหวกายไปข้างหน้า

เฟิ่งจิ่วที่เดินตามหลังกลับชำเลืองเห็น พวกนักเล่นแร่แปรธาตุที่วิ่งกลับมาล้วนหน้าซีดเผือด แล้วยังเอาแต่ผงะถอยหลัง เห็นเช่นนั้น เธอกระตุกมุมปาก ตามเฉินเต้ากับลั่วเหิงไปยังทิศทางนั้นโดยไม่สนใจพวกเขาอีก

ทว่า เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น กลับพบว่ารอบด้านเงียบกริบ ไม่มีเสียงใดเลยแม้แต่น้อย

“ไม่เห็นมีอะไรเลย!” ลั่วเหิงว่า กวาดมองรอบๆ ด้วยความแปลกใจ นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่เห็นมีใครอยู่เลย

เฟิ่งจิ่วนั่งลงไปสำรวจครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “หญ้าตรงนี้มีรอยถูกกดทับ ซ้ำยังทอดยาวไปยังทิศทางนี้ด้วย น่าจะถูกอะไรบางอย่างลากไปตรงนั้นแล้ว”

เธอชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปยังทิศทางนั้น พลางก้าวขาอย่างระมัดระวัง

ไม่นาน ขณะที่มองเห็นหญ้าพรายสองต้นนั้นที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ไหน เธอกระดกคิ้ว “หญ้าพรายนี่นา”

หญ้าพรายสองต้นนี้เหมือนผีน้อยซุกซนที่ปั่นหัวคนอื่นเล่นจนหัวหมุน

………………………………….

ตอนที่ 1424 มองการณ์ไกล

คราวนี้ แม้พวกนักเล่นแร่แปรธาตุที่เดินตามหลังมาจะอยากได้หญ้าพรายอีกแค่ไหน กลับไม่กล้าเข้าใกล้ส่งเดชอีกแล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีความเร็วระดับหล่อมแก่นพลัง แต่ความเร็วระดับนี้ก็ยังไม่อาจจับหญ้าพรายไว้ได้ ซ้ำยังสูญเสียสหายร่วมกลุ่มไปอีกหลายคน ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นหรือตาย จิตใจยิ่งสับสนว้าวุ่น ความตื่นเต้นดีใจในตอนแรกไม่เหลือตั้งนานแล้ว

“พวกท่านไม่เด็ดแล้วหรือ? พวกมันอยู่ตรงนั้นเอง” เฟิ่งจิ่วหันไปยิ้มตาหยีให้นักเล่นแร่แปรธาตุพวกนั้น

“เด็ดไม่ได้”

พวกเขาทอดถอนใจ ในที่สุดก็รู้ซึ้งแล้วว่าเหตุใดในสำนักจึงพบเห็นหญ้าพรายได้น้อยนัก และเหตุใดราคาหญ้าพรายในตลาดประมูลจึงได้สูงนัก แค่หญ้าพรายสองต้นนี้ พวกเขาก็เกือบต้องเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว

“ข้าเองก็รู้กำลังตัวเองดี รู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรก็เด็ดไม่ได้ ข้าขี้เกียจเปลืองแรงเปล่า”

ลั่วเหิงกล่าว พลางหันไปมองยังทิศที่เฟิ่งจิ่วชี้ ถามว่า “เฟิ่งจิ่ว ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าก็มีความสามารถเรื่องแกะรอยด้วย! แต่ก็จริง ครั้งก่อนเจ้าฆาตกรโรคจิตนั่นก็เป็นฝีมือเจ้ากับข้าร่วมมือกันจับไม่ใช่หรือ?”

พูดถึงเรื่องนี้ เขาหันไปมองคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าภาคภูมิเล็กน้อย “พวกเจ้าวางใจ มีข้าอยู่ ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง ศิษย์พี่และศิษย์น้องพวกนั้นข้าก็จะหาวิธีช่วยกลับมาให้ได้…อ๊าก!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็เห็นเขาร้องด้วยความตกใจและเสียหลักล้มไปข้างหลัง เสียงกระแทกพื้นดังโครม จากนั้นก็ถูกอะไรบางอย่างลากเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว เขาตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี ร้องขอความช่วยเหลือเสียงหลง

“อ๊าก! รีบช่วยข้าเร็ว มีผีจับขาข้า!”

พวกนักเล่นแร่แปรธาตุที่เดินตามหลังอยู่ต่างตกใจผงะถอยหลัง มองดูคบไฟในมือลั่วเหิงมอดดับเพราะตกพื้น และมองดูเขาถูกอะไรบางอย่างลากเข้าไปในป่าท่ามกลางความมืด นอกจากเสียงร้องของเขา ยังมีเสียงสวบสาบที่ดังยามร่างกายเสียดสีกับพื้นด้วย…

“ไม่ได้การ! ข้าไม่ไปแล้ว ข้างในอันตรายเกินไป”

นักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา เขาสาวเท้าถอยหลัง กระทั่งมาถึงข้างต้นไม้ต้นหนึ่ง เขายืนแอบอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่แล้วบอกกับคนที่เหลือว่า “ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ตรงนี้”

คนที่เหลือเห็นก็เริ่มลังเล ขณะกำลังคิดว่าจะไปต่อดีหรือไม่ ก็ได้ยินเสียงเฉินเต้าดังมาจากข้างหน้า

“เช่นนั้นเจ้าก็รออยู่ตรงนี้เถิด! หากถูกตัวอะไรลากไป หรือถูกสัตว์ร้ายอะไรจับไปกิน ก็อย่ามาหาพวกข้าก็แล้วกัน อีกอย่าง พวกข้ามีแต่จะเดินหน้าต่อ ไม่มีเวลาย้อนกลับมาทางเดิมหรอกนะ”

เห็นเฉินเต้าเอ่ยวาจาเหล่านี้โดยไม่แม้แต่จะหันมามอง นักเล่นแร่แปรธาตุเหล่านั้นกัดฟัน สุดท้ายก็ทำได้เพียงตามไปด้วย

ถึงแม้พวกเขาจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ และมีพลังระดับหลอมแก่นพลัง แต่พลังระดับหลอมแก่นพลังของพวกเขาเน้นการฝึกฝนกลิ่นอายพลังวิญญาณเป็นหลัก ส่วนเรื่องพลังต่อสู้เรียกได้ว่าห่วยจนไม่สามารถจะห่วยได้กว่านี้แล้ว และเพราะพลังต่อสู้ไม่ได้เรื่อง พวกเขาจึงไม่มีความมั่นใจยามเคลื่อนไหวอยู่ในนี้ และไม่อาจเดินเหินได้อย่างสบายใจ

ผ่านไปไม่นานเสียงร้องของลั่วเหิงก็เงียบหายไป ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว เฟิ่งจิ่วกับเฉินเต้าอดมองหน้ากันไม่ได้ ขณะกำลังจะก้าวไปข้างหน้า เฉินเต้ารั้งเฟิ่งจิ่วไว้

“เจ้าตามหลังข้าไว้”

พูดจบ ก็เดินผ่านเฟิ่งจิ่วไปข้างหน้า เขาไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่คิดว่าเฟิ่งจิ่วยังเป็นเด็กหนุ่ม แล้วยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน พลังเช่นนี้ไม่เหมาะแก่การเดินนำหน้า อีกอย่างถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้อาวุโสกว่า ไม่ควรปล่อยให้ผู้น้อยเสี่ยงอันตรายอยู่ข้างหน้า

เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ผุดยิ้ม เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินตามเฉินเต้าไปข้างหน้า พลางสังเกตความเคลื่อนไหวรอบตัวไปด้วย

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด