เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1629 ทะลวงขั้นเป็นเทพนักรบ / 1630 ตระกูลหวันเหยียน

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1629 ทะลวงขั้นเป็นเทพนักรบ / 1630 ตระกูลหวันเหยียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1629 ทะลวงขั้นเป็นเทพนักรบ / ตอนที่ 1630 ตระกูลหวันเหยียน

ตอนที่ 1629 ทะลวงขั้นเป็นเทพนักรบ

สิบวันต่อมา กลางภูเขาลึกลูกหนึ่ง สายอัสนีบาตรสามเส้นฟาดลงมา จากนั้นก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ วันนั้นสายฟ้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว และจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แล้วก็เพราะอยู่กลางภูเขาลึก จึงไม่ได้ทำให้ผู้ใดแตกตื่น

กลางเขาลึก เฟิ่งเซียวที่กำลังนั่งขัดสมาธิพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตาพยัคฆ์มีรัศมีแปลกประหลาดพาดผ่าน จากปราชญ์นักรบทะลวงขั้นเป็นเทพนักรบ หลังจากที่เขากินผลวิญญาณดั้งเดิมผลนั้น ก็ใช้เวลาในการทะลวงขั้นถึงสิบวันเต็มๆ ในที่สุดก็บรรลุขั้นพลังเป็นเทพนักรบ กลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพนักรบสำเร็จ!

การบรรลุขั้นพลังอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปร่างหน้าตาของเขาย้อนกลับไปยังตอนที่อ่อนเยาว์ที่สุด เขาในตอนนี้ ราวกับไม่เคยมีร่องรอยของกาลเวลาหลงเหลืออยู่บนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาในตอนนี้ เดาว่าแม้เฟิ่งจิ่วจะยืนอยู่ตรงหน้า ก็คงจำเขาไม่ได้

ทะลวงขั้นเป็นเทพนักรบ พลังเทียบเท่าได้กับผู้แข็งแกร่งระดับเซียนเหิน อย่าว่าแต่กลิ่นอายรอบกายต่างกันเลย เพียงแค่สายตา เพียงปล่อยแรงกดดันออกไป ก็สร้างแรงสะเทือนได้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีเพียงไม่กี่คนสามารถฝึกถึงขั้นเทพนักรบได้ด้วยแล้ว

“ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริงๆ” หงส์ไฟมองลงมาจากบนกิ่งไม้ รู้สึกทึ่งยิ่งนัก เมื่อพลังของมันแกร่งขึ้นมันก็จะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย แต่มนุษย์นั้นเมื่อพลังแกร่งขึ้น กลับกลายเป็นอ่อนเยาว์ลง

“หงส์ไฟ หลายวันมานี้ขอบคุณเจ้ามาก” เขาขอบคุณ น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงพลัง

“เล็กน้อย” หงส์ไฟกระพือปีก แล้วบอกว่า “ท่านทะลวงขั้นเสี่ยวจิ่วก็จะมีความสุขไปด้วย แต่ตอนนี้ท่านอ่อนเยาว์ลง เดาว่าเสี่ยวจิ่วเห็นท่านก็คงจำไม่ได้ว่าท่านเป็นท่านพ่อของนาง ดูๆ แล้วก็ใกล้จะตามเจ้าเด็กที่ชื่อกวนสีหลิ่นทันแล้ว”

ได้ยินอย่างนั้นเฟิ่งเซียวอดหัวเราะไม่ได้ “ไม่ขนาดนั้นกระมัง?” แม้จะพูดเช่นนี้ แต่หว่างคิ้วกลับเต็มไปด้วยอารมณ์เบิกบาน เขามีความสุขมากที่คนเองทะลวงขั้นเป็นเทพนักรบสำเร็จ

ต้องรู้ว่า ทุกครั้งที่ทะลวงขั้น และแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะสำหรับเขา และครอบครัวเขา หรือราชวงศ์เฟิ่งหวงล้วนเป็นเรื่องดีทั้งนั้น มีเพียงแข็งแกร่งขึ้นจนไม่กล้ามีผู้ใดกล้าล่วงเกิน จึงจะสามารถปกป้องคนที่เขาต้องการปกป้องได้

“พวกเราต้องรีบเดินทางแล้ว เสียเวลาระหว่างทางไปนานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพวกเสี่ยวจิ่วตอนนี้อยู่ที่ไหน ยังต้องตามหาคนของเจ้าตำหนักยมราชเพื่อสืบข่าวสักหน่อย”

“เช่นนั้นพวกเรารีบไปกันเถิด!” หงส์ไฟบินไปเกาะไหล่เขา พอเฟิ่งเซียวหยิบพาหนะบินออกมาโยนขึ้นฟ้า หนึ่งคนหนึ่งนกก็ออกจากป่าเขาที่พวกเขาพักมาเป็นเวลาสิบวัน…

ในอีกด้าน พวกเฟิ่งจิ่วไม่ได้ออกเดินทางแต่อย่างใด

พวกเขาที่เดิมทีตั้งใจจะเดินทางกลับราชวงศ์เฟิ่งหวง หลังจากได้ยินข่าวที่บอกว่ามีหงส์ไฟสัตว์เทวะโบราณปรากฏตัวที่เขตชานเมือง พวกเขาจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะเดินทางกับ พลางส่งคนออกไปสืบข่าว

หงส์ไฟสัตว์เทวะโบราณปรากฏตัว? บนโลกนี้มีหงส์ไฟสัตว์เทวะโบราณเพียงตัวเดียวเท่านั้น และมันก็เป็นสัตว์คู่พันธะสัญญาของเธอ ยามนี้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นึกดูแล้วต้องเป็นหงส์ไฟเดินทางมาจากราชวงศ์เฟิ่งหวงแน่ๆ

และคนที่จะมากับมันได้ เดาว่านอกจากท่านพ่อของเธอก็คงไม่มีคนอื่นแล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าท่านพ่อของเธอกลับวางเรื่องทุกอย่างในมือแล้วพาหงส์ไฟมาด้วย นึกดูแล้วคงเป็นเพราะเป็นห่วงพวกเธอ หรือไม่ก็คงร้อนใจอยากเจอท่านแม่เร็วๆ กระมัง!

“เสี่ยวจิ่ว”

ซั่งกวนหวั่นหรงเดินออกมาจากลานบ้าน มาหยุดยืนข้างเฟิ่งจิ่ว บอกว่า “แม่เป็นห่วงท่านพ่อของเจ้านัก เขาเดินทางมาคนเดียว จะเจออันตรายใดระหว่างทางหรือไม่? ตั้งแต่หลายวันก่อนที่ได้ยินข่าวจนถึงตอนนี้ก็เงียบหายไปเลย แม่กลัวว่าเขา…”

………………………………….

ตอนที่ 1630 ตระกูลหวันเหยียน

“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ มีหงส์ไฟอยู่กับท่านพ่อ ไม่เป็นไรแน่นอนเจ้าค่ะ” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ จูงมือนางมานั่งข้างโต๊ะ “อีกอย่างโม่เจ๋อก็ส่งคนออกตามหาแล้ว อีกไม่นานน่าจะได้ข่าวท่านพ่อแล้วล่ะเจ้าค่ะ

หนำซ้ำหากเรารอเขาอยู่ที่นี่ ก็จะได้ไม่คลาดกัน ขอเพียงสืบข่าวแล้วรู้ว่าเขาอยู่ที่ใดพวกเราก็ไปหาเขาได้แล้วเจ้าค่ะ”

“แม่ก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเช่นกัน!”

ซั่งกวนหวั่นหรงยิ้มๆ ลึกๆ ข้างในยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะนางรู้มาจากเฟิ่งจิ่วว่าเดิมพลังของเฟิ่งเซียวก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว พลังเช่นนั้นหากมาถึงสถานที่เช่นแปดจักวรรดิใหญ่เมื่อใด เกรงว่า…

“ภูตหมอ” ฮุยหลางเดินเข้ามาจากข้างนอกพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม “นายท่านให้ข้ามาบอกข่าวดีกับท่าน”

“ใช่ข่าวเรื่องท่านพ่อของข้าหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วถามเขา

“เปล่าขอรับ”

ฮุยหลางส่ายหน้า บอกว่า “เรื่องนี้กลับแปลกนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบร่องรอยของท่านพ่อท่าน นายท่านคาดเดาว่าเส้นทางที่เขาใช้อาจไม่ใช่เส้นทางหลัก หากอยากสืบข่าวเขาอาจต้องรอไปอีกสองสามวัน ข่าวดีที่ข้าจะมาบอกท่านก็คือข้าได้ข่าวคราวของหวันเหยียนเชียนหวาผู้นั้นที่ท่านให้ข้าตามหาแล้ว”

“อ้อ?” เธอทำหน้าดีใจ ถามว่า “นางอยู่ที่ใด?”

“ตระกูลหวันเหยียนเป็นตระกูลเร้นลับ ข่าวคราวหรือเรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลหวันเหยียนไม่ค่อยแพร่งพรายสู่ภายนอก คนของเราสืบได้ความแค่ว่าตระกูลหวันเหยียนเป็นตระกูลเร้นลับ รวมถึงตระกูลของพวกเขาอาจมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจที่อื่นด้วย เรื่องอื่นนอกจากนี้ก็สืบอะไรไม่ได้แล้วขอรับ”

ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วพยักหน้า “ในเมื่อเป็นตระกูลเร้นลับ ย่อมไม่มีทางปล่อยให้คนนอกสืบข่าวของพวกเขาได้ง่ายๆ ช่างเถิด พอเท่านี้ก็แล้วกัน! ภายหน้าหากมีวาสนาคงได้พบนาง”

เดิมทีเธอตั้งใจจะฉวยโอกาสตอนที่ยังอยู่ในแปดจักรวรรดิใหญ่ให้คนตามหาหวันเหยียนเชียนหวา ซึ่งก็คือพี่สาวร่วมสาบานของเธอ นึกไม่ถึงว่าตระกูลของนางกลับเป็นตระกูลเร้นลับ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอเองก็ไม่คิดจะตามสืบอีก เชื่อว่าหากมีวาสนาต่อกัน ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องได้พบกัน

“ใช่แล้ว นายท่านของเจ้าเล่า? สองวันนี้เหตุใดไม่เห็นเขาเลย?” เฟิ่งจิ่วถาม นึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ไม่เห็นเงาร่างของเซวียนหยวนโม่เจ๋อเลย เขาไปไหนกัน?

“ช่วงนี้นายท่านว่างเมื่อใดก็จะฝึกวรยุทธ์ สองวันก่อนเพิ่งทะลวงขั้น ตอนนี้กำลังศึกษาวิชากระบี่วิชาใหม่อยู่ที่สนามฝึก ภูตหมอจะไปดูหรือไม่ขอรับ?” ฮุยหลางอดเสนอไม่ได้

พักนี้ภูตหมออยู่กับท่านแม่ของนางตลอด นายท่านไม่ต่างอะไรจากภรรยาที่ถูกทอดทิ้ง หากไม่ฝึกวรยุทธ์ก็ฝึกกระบี่ นี่หากเป็นคนอื่นเขายังไล่ตะเพิดไปได้ แต่คนคนนี้กลับเป็นท่านแม่ของภูตหมอ แม้นายท่านจะไม่พอใจอีกเพียงใดก็ไม่อาจออกปากไล่ได้ ทำได้เพียงกล้ำกลืนไว้เพียงลำพัง ไม่เช่นนั้นก็มาระบายอารมณ์กับพวกเขา

ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วดวงตาเป็นประกาย หันไปบอกท่านแม่ของเธอ “ท่านแม่ ข้าไปดูโม่เจ๋อเดี๋ยวนะเจ้าคะ หากท่านรู้สึกเบื่อ ข้าให้เหลิ่งซวงมาอยู่กับท่าน”

“ไม่เป็นไร เจ้าไปเถิด! อย่าเอาแต่อยู่กับแม่ที่นี่ทั้งวัน มีเวลาก็อยู่กับโม่เจ๋อบ้างเถิด! พวกเจ้าใกล้จะแต่งงานกันแล้ว แต่ก่อนก็มักต้องแยกกัน ตอนนี้ถือเป็นเวลาดีที่จะบ่มเพาะความรู้สึกต่อกัน” นางตบมือเฟิ่งจิ่วเบาๆ แล้วพยักเพยิดให้เธอไป

“งั้น งั้นข้าไปก่อนนะเจ้าคะ” เฟิ่งจิ่วยืนขึ้น แล้วเดินออกไปพร้อมกับฮุยหลาง พลางถามว่า “ฮุยหลาง วันนี้อารมณ์ของนายท่านเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

ข้างหลัง ซั่งกวนหวั่นหรงที่ได้ยินเสียงลูกสาวยิ้มน้อยๆ รู้สึกอิ่มเอมใจอยู่ข้างใน…

อีกไม่นาน ลูกสาวของนางก็จะแต่งงานแล้ว!

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด