เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 887 คนที่แอบเข้ามาทางภูเขาด้านหลัง + 888 ผู้ฝึกวิชามาร

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 887 คนที่แอบเข้ามาทางภูเขาด้านหลัง + 888 ผู้ฝึกวิชามาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 887 คนที่แอบเข้ามาทางภูเขาด้านหลัง + ตอนที่ 888 ผู้ฝึกวิชามาร

ตอนที่ 887 คนที่แอบเข้ามาทางภูเขาด้านหลัง

กินยาแก้พิษไป พร้อมฝังเข็มทองตรงจุดลมปราณ เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจฟั่นหลินที่หมดสติไปทั้งสีหน้าออกม่วงสีม่วงบนใบหน้าก็ค่อยๆ หายไป ยามนี้เสียงตู้ฝานลอยมาจากด้านนอก

“นายท่าน ได้เอกสารมาหมดแล้วขอรับ”

“เข้ามาเลย” เฟิ่งจิ่วกล่าว เก็บเข็มทองและมองไปยังตู้ฝาน เห็นว่าพิษเขายังไม่ออกฤทธิ์ก็ยื่นยาแก้พิษให้เขา “นี่คือยาแก้พิษ หลังกินไปภายในครึ่งชั่วยามอย่าเพิ่งใช้พลัง”

“ขอรับ” เขารับยาแก้พิษไป ขณะเดียวกันยังยื่นเอกสารไป

“นำยาแก้พิษตรงนี้ไปให้พวกหลัวอวี่ด้วย”

เธอรับเอกสารมาเดินไปอ่านข้างนอก เห็นบนเอกสารเป็นแค่ภารกิจง่ายๆ แต่ภารกิจนี้ดูไม่มีปัญหาอะไร และไม่ใช่ปัญหาอันตราย แต่ปัญหาอยู่ที่ภารกิจนี้เจาะจงคน ระบุว่าต้องการให้เซี่ยงหวามาทำภารกิจ

ทำไมต้องเจาะจงให้เขามาทำภารกิจนี้? ภารกิจคือคำหลอก ลวงไปสังหารถึงจะเป็นจริงกระมัง?

เช่นนั้นทำไมต้องลวงเซี่ยงหวาไปฆ่า? แล้วทำไมต้องสำรวจดวงจิต? เป็นใครกัน? จับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดไปสำรวจดวงจิตได้เป็นๆ คนคนนี้ต้องมีวรยุทธ์ระดับกำเนิดวิญญาณ!

“แย่แล้ว แย่แล้วขอรับ!” ไป๋เสี่ยววิ่งร้อนรนเข้ามาจากด้านนอก ท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วเฝ้าอยู่ด้านใน ก็รีบร้อนบอกว่า “มีคนลอบเข้ามาจากภูเขาด้านหลังขอรับ!”

เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาแวววับ นัยน์ตาฉายประกายหนาวเหน็บ “มีคนลอบเข้ามาจากภูเขาด้านหลัง?”

“ขอรับ คนชุดดำหลายคน กระรอกดินตัวหนึ่งที่ข้าฝึกไว้ช่วงก่อนหน้านี้วิ่งเข้ามาบอกข้า พวกเขาแอบเข้ามาเงียบๆ และหลบอยู่ในป่า คฤหาสน์เราตรงนี้มีพวกเหลิ่งซวงเฝ้าไว้ คนพวกนั้นยังไม่เข้ามา แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร ทำอย่างไรดี? ตอนนี้ต้องทำอย่างไรขอรับ?”

เขากังวลไปบ้าง ภายในคฤหาสน์มีแค่พวกเขาสองสามคนเช่นนี้ หนำซ้ำยังถูกพิษไปหลายคน เซี่ยงหวาตายไป ไม่รอพวกเขาตรวจสอบได้ว่าใครทำ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนลอบเข้ามาทางภูเขาด้านหลัง นี่คิดจะทำอะไร? ชัดเจนว่ามุ่งมาหาพวกเขา

ระหว่างที่เขาพูดไป หนูสีเทาตัวเล็กเท่ากำปั้นก็มุดออกมาจากในอกเสื้อ แล้ววิ่งพล่านวุ่นวายไปบนร่างเขา

เฟิ่งจิ่วเหลือบมองหนูตัวนั้น ปิดเอกสารในมือลง สั่งการว่า “เจ้าควบคุมสัตว์อสูรได้ไม่ใช่หรือ? แถบภูเขาด้านหลังนั้นข้ายกให้เจ้า ดูไว้ดีๆ ด้วย”

เขาตกใจไปพักหนึ่ง เห็นนางสีหน้าเย็นเยียบ ทั่วร่างปล่อยกลิ่นอายสังหารเยือกเย็น ขานรับทันทีว่า “ขอรับ”

เขาคุมสัตว์อสูรเป็น ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ ภูเขาด้านหลังตรงนั้นอย่างน้อยๆ ก็มีสัตว์ร้ายและสัตว์วิญญาณร้อยกว่าตัว แม้กำลังต่อสู้เขาไม่ไหว คุมสัตว์อสูรกลับยังตอบโต้ศัตรูได้

ทันใดนั้นเขามุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว คิดจะไปจับตามองตรงภูเขาด้านหลังทางนั้น ไม่ว่าเป็นอย่างไรก็ให้คนพวกนั้นเข้ามาคฤหาสน์ไม่ได้

เฟิ่งจิ่วหันกลับไปกำชับตู้ฝานสองสามประโยค ให้เขาดูแลพวกคนที่ถูกพิษและยังไม่ฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์เป็นอย่างดี ส่วนตนเองไปข้างหน้า มาถึงด้านหน้าเห็นเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาสองคนลาดตระเวนรอบๆ คฤหาสน์ เห็นเธอออกมาจึงเดินเข้ามา

“นายท่าน” สองคนขานเรียก กำลังจะเอ่ยปากก็โดนเฟิ่งจิ่วเรียกเข้าไป

“ด้านหน้ามีการเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่?” เฟิ่งจิ่วเอ่ยถาม

“ไม่เห็นคน แต่เหมือนจะมีคนสัมผัสค่ายกล ข้าออกไปดูกลิ่นอายนอกคฤหาสน์ไม่ค่อยถูกต้องนัก คล้ายมีคนไม่น้อยล้อมพวกเราไว้และจับตามองที่นี่”

เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว สั่งว่า “เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ไปอย่าไปไหนคนเดียว”

………………………………………………….

ตอนที่ 888 ผู้ฝึกวิชามาร

“ขอรับ/เจ้าค่ะ” สองคนขานรับ แล้วมองหน้ากัน

“พวกเจ้าคอยเฝ้าภายในคฤหาสน์ ข้าจะไปดูข้างนอกเสียหน่อย”

เธอสั่งการไป ส่วนตนเองมุ่งไปด้านนอก เดินออกจากค่ายกลมายังด้านนอก มองใบไม้บริเวณรอบๆ ขยับเองโดยไม่มีลม มุมปากก็ยกขึ้นด้วยความเย็นชากระหายเลือด

“ซ่อนหัวโผล่ห่างเป็นตัวอะไรไป? ทำไม? ไม่กล้าเจอคนหรือ?”

“เหอะๆ เจ้าเป็นนายใหม่ของเซี่ยงหวาสินะ? ผู้สืบทอดฉู่ป้าเทียนหรือ?” น้ำเสียงร้ายกาจลอยมา จากนั้นชายสวมผ้าคลุมสีดำใบหน้ามีแผลเป็นลากยาวก็เดินออกมา

เมื่อคนคนนั้นเดินออกมา คนชุดดำที่ซ่อนตัวท่ามกลางป่าไม้โดยรอบก็เดินออกมาเช่นกัน ตามอยู่ด้านหลังคนคนนั้น กลิ่นอายบนร่างแต่ละคนไม่ได้เก็บไว้อีกต่อไป ไอชั่วร้ายกระจายตามออกไป กลิ่นอายดุร้ายกระหายเลือด รวมถึงเลือดลมบนร่างคนพวกนั้น ทำให้เฟิ่งจิ่วมองออกในแวบเดียวว่าคนพวกนี้เป็นผู้ฝึกวิชามาร

หนำซ้ำยังเป็นผู้ฝึกวิชามารที่มีพละกำลังไม่ธรรมดา นอกจากหัวหน้าจะเป็นผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณ สิบกว่าคนด้านหลังล้วนมีกำลังระดับหลอมแก่นพลัง คนที่ปิดล้อมรอบๆ ทางเข้าค่ายกลคฤหาสน์ก็มีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐาน

ไม่ใช่คนแคว้นเหินเวหา!

ว่ากันตามจริง แคว้นเหินเวหาไม่มีกลุ่มอำนาจผู้ฝึกวิชามารที่มีพละกำลังเช่นนี้ คนพวกนี้อย่างน้อยๆ ก็มาจากแคว้นระดับสาม

“เจ้าฆ่าคนของข้าหรือ?” เธอแปลกใจมาก นึกไม่ถึงว่าตนเองจะยังเอ่ยถามโดยใช้น้ำเสียงที่สงบนิ่งและใจเย็นเช่นนี้ได้

“เจ้าหมายถึงเซี่ยงหวาคนนั้น? เหอะๆ…”

ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนหัวหน้าหัวเราะ จ้องมองเฟิ่งจิ่วพลางเอ่ย “ข้าให้เขายอมจำนนต่อข้า เขาไม่ยอม ดังนั้นจึงให้คนของข้าสั่งสอนเขาเล็กน้อย แต่เล่นได้น่าเบื่อเกินไป ด้วยเหตุนี้ ข้าถึงสำรวจดวงจิตเขาด้วยตนเอง เขาก็โง่เขลา นึกไม่ถึงว่าจะระเบิดตนเองฆ่าตัวตาย เหอะๆ ช่างโง่เง่าเสียจริง”

“เดิมคิดจะโยนศพเขาให้สัตว์ร้ายกัดกิน แต่นึกถึงพวกข้อมูลมีประโยชน์ที่สำรวจดวงจิตออกมา จึงคิดจะส่งให้พวกเจ้าเป็นของขวัญ เป็นอย่างไร? ของขวัญชิ้นใหญ่นี้เจ้าพอใจหรือเปล่า?”

คนคนนั้นจ้องมองเฟิ่งจิ่ว น้ำเสียงหนาวเย็นยังมีความบ้าคลั่ง “เฟิ่งจิ่วใช่ไหม? ส่งคมพยับกระบี่เทวะในตำนานมาซะ ข้าอาจยังเก็บศพไว้ให้พวกเจ้าได้ มิเช่นนั้น เหอะๆ…”

เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดเขา แววตาสั่นไหวเล็กน้อย ยิ้มอย่างเย็นชา “พูดเช่นนี้ เจ้ามาหากระบี่คมพยับสินะ? ข้าสงสัยนัก ว่าทำไมเจ้าถึงเพ่งเล็งพวกเรา?”

“ไม่ใช่แค่ข้าเพ่งเล็งเจ้า คนฝึกวิชามารต่างเพ่งเล็งกระบี่คมพยับในมือเจ้ากันทั้งนั้น เจ้าหนู ไม่มีกำลังยังกล้าเก็บกระบี่คมพยับไว้ นั่นเป็นการกระทำที่รนหาที่ตาย” สิ้นเสียงคนคนนั้น ร่างสีดำพลันพุ่งออกมา ฝ่ามือจับเป็นกรงเล็บโจมตีไปทางเฟิ่งจิ่ว

เฟิ่งจิ่วจ้องมองกรงเล็บที่คนคนนั้นจู่โจมมา แล้วหลับตาลงเล็กน้อย กระแสลมทั่วร่างพุ่งพล่าน ยืนนิ่งไม่ขยับ แต่กลิ่นอายที่มีจิตสังหารและความน่าสะพรึงบนร่างระเบิดออกมาทันใด เพียงฝ่ามือขยับกระบี่คมพยับก็ปรากฏในมือเธอ

ประกายสีดำดุร้ายสะท้อนออกมา กลิ่นอายที่ทั้งหนาวเหน็บและมีความน่ากลัวสะบัดไปตามมือที่ถือกระบี่ กระบี่คมพยับที่ไม่เหมือนกระบี่ทั่วไปโจมตีออกไปราวกับดาบใหญ่ พร้อมด้วยกระแสลมทรงพลัง

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้วๆ!”

กระแสลมรุนแรงน่าสะพรึงพลันเหวี่ยงออกไปรอบๆ ทันใดนั้นคนชุดดำที่หลบไม่ทัน บางคนถูกฟันเอวขาด บางคนตอบสนองไวก็ล้มลงกับพื้นและหลบไปอย่างฉิวเฉียด

ทว่าเมื่อคนชุดดำพวกนั้นที่หลบได้หวุดหวิดยืนขึ้น กลับตกใจจนเหงื่อออกทั่วร่าง พลางจ้องมองกระบี่คมพยับด้วบสีหน้าเหลือเชื่อ

หากช้าไปครึ่งจังหวะ คงตายอยู่ใต้กระบี่คมพยับจริงๆ แล้ว!

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *