เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 921 จบลงเช่นไร? + 922 เข้าร่วมไม่ได้

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 921 จบลงเช่นไร? + 922 เข้าร่วมไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 921 จบลงเช่นไร? + ตอนที่ 922 เข้าร่วมไม่ได้

ตอนที่ 921 จบลงเช่นไร?

จะรวบรวมต่อไปเรื่อยๆ จึงไม่ได้กังวล…

คนสำนักศึกษาสองดาราได้ยินคำพูดนี้ต่างแตกตื่น หรือว่าเพราะค่ายกลรวมพลังวิญญาณจะรวบรวมพลังวิญญาณอีก ถึงได้ไม่ระวังเช่นนี้? เขาไม่รู้หรือว่าแม้ค่ายกลจะรวมพลังวิญญาณได้ แต่ถ้าไม่มีหินวิญญาณพวกนั้นช่วย พลังวิญญาณที่รวบรวมก็มีขีดจำกัด?

รองเจ้าสำนักหกดาราได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่วมุมปากก็กระตุก ออกจะหมดคำพูดและจนปัญญา แต่สิ่งเหล่านี้เขาแสดงออกมาไม่ได้ เพราะตอนนี้คนที่ทำให้แดนลับของสำนักศึกษาสองดาราเสียหายเป็นคนจากสำนักศึกษาพวกเขาเอง จึงว่าอะไรไม่ได้ ซ้ำยังต้องปกป้องด้วย

“เรื่องนี้ ท่านเจ้าสำนัก เด็กคนนี้มีนิสัยตรงไปตรงมาเสมอ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังสักเท่าไร ข้าคิดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจใช้พลังวิญญาณด้านในเสียจนเสียหายร้ายแรงเพียงนี้ หนำซ้ำนี่ไม่ใช่เพราะเขาทำสุ่มสี่สุ่มห้า แต่บรรลุขั้นระหว่างฝึกบำเพ็ญ เรื่องเช่นนี้ช่าง…”

เอาเถอะ! เขาพูดเสียจนไปต่อไม่ค่อยได้แล้ว

ใช้พลังวิญญาณในนี้สิ้นเปลืองเสียที่ไหน? ความจริงคือใช้ไปมากเกินขีดจำกัดต่างหาก กลิ่นอายพลังวิญญาณในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แดนลับนี้ถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยไม่พอ แม้แต่พลังชีวิตต้นไม้พวกนั้นก็เช่นกัน ทำเสียจนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ดีๆ เปลี่ยนไปเป็นเช่นแดนผีสิง หากพวกเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ คงจะไม่โกรธเลยสักนิดจริงๆ

“เหอะๆ กวนเหล่า จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ แม้บอกว่านักเรียนเข้ามาฝึกบำเพ็ญ และไม่ได้ชี้แจงอะไรชัดเจน แต่พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกบำเพ็ญของสำนักศึกษาสองดาราเสียหายกลายเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็อธิบายไม่ได้ไม่ใช่หรือ?” รองเจ้าสำนักศึกษาสามดารากล่าวอย่างกำกวม

“ถูกต้อง สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้แล้ว จะไม่เอาเรื่องหรือไม่ให้รับผิดชอบก็ไม่ได้” รองเจ้าสำนักอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นตาม ความหมายชัดเจนยิ่งว่าต้องการให้เฟิ่งจิ่วได้รับโทษ

คนสำนักศึกษาสองดาราได้ยินพวกเขาเอ่ยคนละคำสองคำ ก็ทำเพียงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าโกรธเคืองและไม่ได้พูดอะไร

แววตาเฟิ่งจิ่ววาววับเล็กน้อย ส่งยิ้มให้เจ้าสำนักศึกษากับสองผู้อาวุโสอย่างอักอ่วน เพราะสามคนนี้จ้องมองเธอมาตลอดตั้งแต่เมื่อครู่ มองเสียจนเธอขนหัวลุก สายตานั้นคล้ายกำลังประเมินอะไรบางอย่าง รู้สึกไม่ค่อยดีเลยจริงๆ

ผ่านไปเนิ่นนาน สองผู้อาวุโสของสำนักศึกษาสองดาราถึงบอกเจ้าสำนักพวกตนว่า “ออกไปก่อนค่อยว่ากัน”

“ได้” เจ้าสำนักศึกษาสองดาราพยักหน้า สายตาชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วอย่างมีความนัย จากนั้นจึงใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายพารองเจ้าสำนักที่เข้ามาเหล่านี้ออกไปก่อน

เมื่อพวกเขาออกไป บริเวณรอบๆ นี้ก็กลับมาเงียบเชียบอีกครั้ง ดวงตาแต่ละคู่จับจ้องเฟิ่งจิ่วที่ยืนลูบจมูกอยู่ตรงนั้น พร้อมถลึงมองอย่างแค้นใจ

หลังจากพวกรองเจ้าสำนักออกไปไม่นาน เบื้องหน้าพวกเฟิ่งจิ่วก็ปรากฏวังวน วังวนนั้นเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลดูดทุกคนด้านในเข้าไป เวลาเดียวกัน พวกเยี่ยจิงที่ฝึกบำเพ็ญอยู่ตรงจุดที่ค่อนข้างห่างไกลภายในแดนลับนี้ก็ถูกพาออกไปด้วยเหตุนี้ด้วย…

เมื่อทุกคนปรากฏตัวด้านนอกค่ายกลเคลื่อนย้าย อาจารย์แต่ละสำนักศึกษาที่คอยอยู่ตรงนั้นชำเลืองมองเฟิ่งจิ่ว ให้พวกนักเรียนบันทึกจำนวนหินวิญญาณ แล้วแยกย้ายพานักเรียนของตนเองกลับไป ส่วนกวนเหล่ารองเจ้าสำนักศึกษาหกดารา หลังจากถอนหายใจถึงบอกเฟิ่งจิ่วว่า “เจ้าตามข้าไปยังยอดเขาหลัก” กล่าวจบก็หมุนตัวเดินไป

เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้จึงตามไปอย่างว่าง่าย ในใจกำลังทอดถอนใจ เธอก็ไม่นึกว่าจะก่อเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ แต่บางครั้งเธอทำอะไรไม่ได้จริงๆ! อืม มีบทเรียนครั้งนี้แล้ว ครั้งหน้าตอนบรรลุขั้นจะต้องทำเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้เรื่อง

………………………………………………….

ตอนที่ 922 เข้าร่วมไม่ได้

เยี่ยจิงเห็นเฟิ่งจิ่วตามรองเจ้าสำนักออกไปก็ตกใจเล็กน้อย เดินไปทางเซียวอี้หานก่อนถาม “นางเป็นอะไรไป?”

เซียวอี้หานมองนาง ยิ้มถามว่า “พวกเจ้าอยู่ข้างในไม่รู้สึกเลยหรือ ว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณลดน้อยลง?”

เยี่ยจิงอึ้งไปสักพัก กล่าวว่า “ข้าฝึกบำเพ็ญอยู่ในถ้ำด้านใน ตลอดมาไม่ได้ออกมาเลย”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง มิน่าเจ้าถึงไม่รู้เรื่อง ไปๆๆ เดินไปคุยไปเถอะ” เขาพยักเพยิด เดินกลับไปพร้อมกันพลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้านในไปด้วย

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วตามรองเจ้าสำนักมาถึงโถงด้านหน้าบนยอดเขาหลัก มองเจ้าสำนักที่นั่งตรงตำแหน่งประธาน รวมถึงผู้อาวุโสคนสองด้านล่าง ก่อนจะเข้าไปคารวะภายใต้สัญญาณจากรองเจ้าสำนัก

“เฟิ่งจิ่ว คารวะท่านเจ้าสำนักและผู้อาวุโสทั้งสองท่าน”

“เฟิ่งจิ่ว เจ้ารู้ความผิดหรือไม่?” เจ้าสำนักถามเสียงเข้ม สายตาคมกริบจับจ้องคนที่ยืนอยู่กลางห้องโถง

เฟิ่งจิ่วได้ยินก็กะพริบตาปริบๆ “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด! คงไม่ใช่เพราะข้าดูดซับใช้พลังวิญญาณในแดนลับมากเกินไป ก็ตัดสินว่าเป็นความผิดข้ากระมัง? ตอนเข้าไปในแดนลับ พวกท่านบอกว่าอยู่ด้านในต้องหมั่นเพียรฝึกบำเพ็ญ หรือว่าข้าตั้งใจฝึกบำเพ็ญและบรรลุขั้นด้วยเหตุนี้ก็เป็นความผิดแล้ว?”

คำพูดของเธอมีความไม่พอใจ กล่าวอย่างขุ่นเคืองว่า “ข้ายอมรับว่าใช้พลังวิญญาณด้านในเกินขีดจำกัด ต้องขออภัยอย่างยิ่ง แต่หากจะตัดสินโทษและกล่าวหาข้าเช่นนี้ ข้ายอมไม่ได้”

“ปัง!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งตบหน้าโต๊ะอย่างโมโห “เจ้ายังมีเหตุผลอีกหรือ รู้หรือไม่ว่าเพราะเจ้าดูดซับพลังวิญญาณด้านในเกินขีดจำกัด ภายในสองสามปีจากนี้จะเข้าไปฝึกบำเพ็ญไม่ได้เลย ลำพังแค่ฟื้นฟูพลังชีวิตก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองปี ยังมีหินวิญญาณที่ถูกใช้ไปอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่สร้างความเสียหายให้สำนักศึกษาเรามากเท่าไร?”

“เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้ ข้าก็ไม่นึกว่าจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน” น้ำเสียงเธอเนิบนาบ คิดว่าพูดอย่างไร ข้อที่อีกฝ่ายบอกว่าตนเองสร้างความเสียหายให้พวกเขา เธอก็สลัดทิ้งไปไม่ได้

“เหอะๆๆ ท่านเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสทั้งสอง อย่าเพิ่งโมโหๆ” รองเจ้าสำนักรีบทำหน้าระรื่นก้าวเข้าไปยิ้มเอ่ย “โมโหไปก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ สงบใจลงแล้วมาคิดว่าจะแก้ไขเรื่องตอนนี้อย่างไรยังดีกว่า”

“แก้ไขอย่างไร? เจ้าว่าจะแก้ไขอย่างไรหรือ หินวิญญาณด้านในถูกใช้จนกลายเป็นเช่นนั้น ภายในสองสามปีเกรงว่าค่ายกลรวมพลังวิญญาณคงใช้การไม่ได้แล้ว เจ้าว่าพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ฝึกบำเพ็ญกลายเป็นเช่นนี้เพราะเขา เรื่องนี้ถึงเจ้าไม่บอก ข้าก็ต้องตามหาพวกเจ้าอยู่ดี! พวกเจ้าสำนักศึกษาหกดาราต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!”

เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ ก็มองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ “ท่านเป็นผู้อาวุโสสำนักศึกษาสองดาราหรือ ทำไมถึงบิดพลิ้วอีกเล่า?”

“หุบปาก! อย่าสร้างปัญหาเพิ่ม”

กวนเหล่าถลึงมองนาง แล้วถึงจะยิ้มเอ่ยกับเจ้าสำนัก “ดังนั้นข้าถึงบอกว่าจะคิดหาทางแก้ไข สองหัวดีกว่าหัวเดียว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราที่นี่มีสองสามคน คิดเสียหน่อยน่าจะได้วิธีไม่ใช่หรือ?”

เจ้าสำนักกับสองผู้อาวุโสได้ยินคำพูดนี้ก็มองหน้ากัน นัยน์ตาฉายประกายประหลาด

กวนเหล่ากับเฟิ่งจิ่วเห็นแล้ว นึกแปลกใจอย่างอดไม่ได้ขณะจ้องมองพวกเขา นี่หมายความว่าอย่างไร? หรือพวกเขาคิดไว้เรียบร้อยตั้งแต่แรกว่าจะแก้ไขอย่างไร?

“แค่กๆ!”

เจ้าสำนักไอเบาๆ สองครั้งเพื่อทำลำคอให้โล่ง มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับรองเจ้าสำนักว่า “รองเจ้าสำนักกวน ตอนนี้เขามีวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังแล้ว พละกำลังวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังเข้าร่วมการแข่งขันของสำนักศึกษาไม่ได้ เรื่องนี้เจ้าน่าจะรู้กระมัง?”

เมื่อเขาเอ่ยถึง รองเจ้าสำนักตกใจเล็กน้อย เพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องนี้อยู่จริง จึงมองไปทางเฟิ่งจิ่วทันควัน

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *