เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 927 ข้าตัดสินใจแล้วจริงๆ + 928 ชะตาเชื่อมกัน

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 927 ข้าตัดสินใจแล้วจริงๆ + 928 ชะตาเชื่อมกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 927 ข้าตัดสินใจแล้วจริงๆ + ตอนที่ 928 ชะตาเชื่อมกัน

ตอนที่ 927 ข้าตัดสินใจแล้วจริงๆ

ขณะฟังคำพูดที่แฝงความอิจฉา และมองท่าทางตั้งตารอคอยของพวกเขา เฟิ่งจิ่วเชิดคางขึ้นเบาๆ บนใบหน้างดงามมีความภาคภูมิใจอยู่บางส่วน “แน่นอนว่าเพราะพรสวรรค์ของข้าไม่ธรรมดา เป็นอัจฉริยะด้านฝึกบำเพ็ญ มิเช่นนั้นจะบรรลุขั้นเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร?”

ทุกคนได้ยินเช่นนี้ มุมปากก็กระตุกอย่างค่อนข้างหมดคำจะพูด ทว่าไม่มีคำใดมาหักล้างได้เช่นกัน ใช่แล้ว หากไม่เป็นอัจฉริยะด้านฝึกบำเพ็ญอย่างเขาว่ามาจริง จะบรรลุขั้นซ้ำแล้วซ้ำภายในเวลาสั้นเพียงนี้ได้เช่นไร ในหมู่พวกเขาแม้เป็นเนี่ยเถิงที่พรสวรรค์โดดเด่นยิ่งนัก ยามนี้มีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดแล้ว แต่หากจะบรรลุไปหลอมแก่นพลัง เกรงว่าแค่ไม่กี่ปีก็ทำไม่ได้

ส่วนเฟิ่งจิ่ว จากระดับสร้างรากฐานไปหลอมแก่นพลัง นึกไม่ถึงว่าจะใช้เวลาสั้นๆ แค่หนึ่งปี จะไม่ให้พวกเขาอิจฉาได้อย่างไร?

โจวเซวียนมองหนุ่มน้อยรูปงามที่ซุกซนเปิดเผย กลางหว่างคิ้วมีความมั่นใจเปล่งประกายผู้นี้ หัวใจก็เต้นรัวแรงอย่างอดไม่ได้ คนเช่นนี้แพรวพราวเสียจนทำให้ไม่อาจละสายตาไปได้จริงๆ…

“เฟิ่งจิ่ว? เจ้ากลับมาแล้วหรือ” รองเจ้าสำนักที่แยกจากผู้อาวุโสคนนั้นมาอย่างยากเย็น หลังจากสั่งอาจารย์หลี่ว์ส่งจดหมายไปให้สำนักศึกษาหกดาราแล้วก็รีบร้อนมาหาเฟิ่งจิ่ว เห็นเธอถูกเหล่านักเรียนล้อมไว้ในลานบ้าน จึงมาที่ข้างกายเธออย่างลนลาน

“ท่านรองเจ้าสำนัก” เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้มพร้อมขานเรียก

“เฟิ่งจิ่ว เจ้าตัดสินใจแล้วจริงหรือ?” รองเจ้าสำนักมองเธอ ในใจมีนับร้อยความรู้สึกปนเป การมาสำนักศึกษาสองดาราครั้งนี้ ต้องทิ้งคนหนึ่งที่โดดเด่นที่สุดในหมู่พวกเขาไว้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าสำนักรู้ข่าวนี้แล้วจะมีสีหน้าเช่นไร

“ขอรับ ข้าตัดสินใจแล้ว อย่างไรก็ต้องชดเชยเสียหน่อยไม่ใช่หรือ? หนำซ้ำข้าก็คิดว่าคงน่าสนใจนัก อย่างไรเสียตอนนี้ข้าบรรลุขั้นกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแล้ว ภายในเวลาสั้นๆ จะบรรลุขั้นอีกไม่ได้ เช่นนั้นก็อาศัยโอกาสนี้ไปเป็นอาจารย์เสียเลย!”

ทุกคนได้ยินคำพูดของทั้งสอง เดิมทียังอึ้งตกใจและไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดอะไร เพียงรู้สึกว่าจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เมื่อฟังถึงตอนท้าย ได้ยินเฟิ่งจิ่วบอกจะอยู่ต่อ พูดถึงอาจารย์อะไรสักอย่าง แต่ละคนก็ต่างนิ่งค้างไป

“อาจารย์อะไร? อยู่ต่ออะไร? เฟิ่งจิ่ว พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกัน?” เซียวอี้หานเอ่ยถามอย่างตกตะลึง

“โอ้ เรื่องเป็นเช่นนี้ เจ้าสำนักกับผู้อาวุโสของสำนักศึกษาสองดาราบอกว่าข้าบรรลุวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังจึงไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างสำนักศึกษา ข้าเข้าแข่งจัดอันดับรายชื่อวายุเมฆานั่นไม่ได้แล้ว จากนั้นยังบอกว่าข้าใช้พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาทำให้พลังวิญญาณเกินขีดจำกัด ต้องอยู่เป็นอาจารย์ที่นี่หนึ่งปี ข้าคิดว่ายังไม่เคยเป็นอาจารย์ให้สมใจอยากเลย เช่นนั้นจึงรับปาก” ยามเอ่ยถึงเรื่องนี้ เธอยิ้มขึ้นมาอย่างทั้งตื่นเต้นและเฝ้ารอคอย

“ภายหลังพวกนักเรียนสำนักศึกษาสองดาราเห็นข้า ก็ต้องเรียกว่าอาจารย์อย่างเชื่อฟังแล้ว จิ๊ๆ คิดๆ แล้วอยากเห็นนัก”

ทุกคนอ้าปากค้าง มองเฟิ่งจิ่วที่ทำหน้าตื่นเต้นดีใจ แล้วมองรองเจ้าสำนักข้างๆ กันที่มีสีหน้าจนปัญญา จึงรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริง

“ชะ เช่นนั้นเจ้าจะไม่กลับไปสำนักศึกษาหกดาราหรือ” เยี่ยจิงถามขึ้นทันควัน

“ใช่ หนึ่งปีนี้จะไม่กลับไป บอกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่ปีหนึ่ง” เธอยิ้มๆ แล้วเอ่ยอีกว่า “จริงด้วย เยี่ยจิง หลังจากกลับไปหากพบพี่ชายข้า เจ้าก็บอกเขาด้วย บอกเขาว่าข้ามาเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ เลี่ยงไม่ให้เขาหาตัวข้าไม่เจอ”

“เจ้าจะอยู่ต่อเป็นอาจารย์จริงๆ หรือ? ชะ เช่นนั้นพวกเราย้ายเข้ามาด้วยได้หรือไม่ หากสำนักศึกษาหกดาราขาดเจ้าไปก็น่าเบื่อจริงๆ”

เซียวอี้หานกล่าวทั้งใบหน้าหงิกงอ ตอนแรกเขาไปสำนักศึกษาก็แค่อยากใช้ชีวิตไปวันๆ นึกไม่ถึงว่าตอนอยู่ในเมืองซิงอวิ๋นจะพบเจอและรู้จักเฟิ่งจิ่ว ยามนี้นางไม่กลับไปสำนักศึกษาหกดาราด้วย คิดๆ แล้วช่างน่าเบื่อยิ่งนัก

………………………………………………….

ตอนที่ 928 ชะตาเชื่อมกัน

เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็หลุดหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ “ใต้หล้าไหนเลยจะมีงานเลี้ยงที่ไม่เลิกรา? และไม่ใช่ว่าต้องฝึกบำเพ็ญอยู่สถานที่เดียวถึงจะได้” กล่าวแล้วยังตบๆ บ่าเซียวอี้หาน “แปดจักรวรรดิใหญ่สิถึงจะเป็นเป้าหมายการฝึกบำเพ็ญ”

ทุกคนได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็หวั่นไหวเล็กน้อย เรื่องแปดจักรวรรดิใหญ่ บางคนรู้บางคนไม่รู้ แต่ยามนี้หัวใจล้วนเต้นแรงขึ้นมา เพราะไม่มีใครยอมเป็นผู้อ่อนแอ

เฟิ่งจิ่วคุยกับพวกเขาสักพัก สุดท้ายทุกคนถึงจะทยอยแยกย้ายกลับเรือนของตนเองไปพักผ่อน รองเจ้าสำนักเห็นว่าเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก

พวกเนี่ยเถิงที่อยู่เขตเรือนเดียวกันมองเธอสั่งคนไปเตรียมน้ำอาบ ถึงค่อยกลับห้องไปพักผ่อนเช่นกัน

เพราะเสื้อผ้าชุดหนึ่งเสียหาย บนร่างเหลือแค่ชุดเดียว ด้วยเหตุนี้หลังจากอาบน้ำจึงเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าตัวเอง เป็นชุดสีแดงแพรวพราวดื้อรั้น เมื่อเธอเปิดประตูห้องเตรียมจะออกไปหาของกินเสียหน่อย ก็เห็นโม่เฉินอุ้มอสูรกลืนเมฆาเดินเข้ามา

“โฮก!”

กลืนเมฆาเห็นนายท่านก็คำรามเบาๆ พลางโผเข้าไป แขนโม่เฉินที่อุ้มมันไว้คลายออกเล็กน้อย ปล่อยให้มันกระโจนออกไปจากอ้อมแขน

ในดวงตาเฟิ่งจิ่วฉายแววแปลกใจ “ทำไมท่านถึงมาดูแลอสูรกลืนเมฆา?” คนที่เธอมอบหมายอสูรกลืนเมฆาให้คือรองเจ้าสำนัก ทำไมกลับเห็นมันอยู่กับเขา?

“ว่างๆ ไม่มีธุระอะไร ข้าเลยฆ่าเวลา” เขากล่าวจบก็มองเธอ “ได้ยินว่าเจ้าจะอยู่เป็นอาจารย์ต่อ?”

“อืม หนึ่งปี” เธอพยักหน้าขานรับ เดินออกจากลานบ้านไปกับเขา สองคนเดินไปอย่างไม่เร่งไม่ช้า ส่วนอสูรกลืนเมฆาตามมาด้านหลัง

โม่เฉินเดินไป ฝีเท้าทั้งเชื่องช้าและเนิบนาบ ไม่ได้มองเธอหรือพูดอะไร เพียงมองทางเบื้องหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างๆ เหลือบมองเขา เห็นแค่ว่าร่างกายเขาปกคลุมไปด้วยพลังเซียนจางๆ แขนเสื้อสีขาวพลิ้วไหวเบาๆ ท่ามกลางสายลมหนาว เส้นผมสีหมึกขยับเล็กน้อย สีหน้าเฉยเมย แต่ก็มีความรู้สึกว่าล่องลอยราวกับก้าวเหยียบบนเมฆกระจายทั่วร่าง ทำให้เธอรู้สึกแปลกมาก

เขาปรากฏตัวในสำนักศึกษาเพราะเธอ ตามมาถึงสำนักศึกษาสองดาราก็เพราะเธอ เพียงแต่เธอไม่รู้เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้

หรือเป็นเพียงเพราะคำทำนายพวกนั้นที่ผู้เฒ่าเทียนจีอาจารย์เขาว่าไว้? เป็นไปไม่ได้ เพราะบางครั้งแววตาที่เขามองเธอทั้งซับซ้อนและห่างเหิน

“แปลกใจที่ข้าตามเจ้ามาตลอดหรือ?”

อาจเพราะรู้ถึงความสงสัยในใจนาง โม่เฉินที่มาถึงใต้ต้นไม้จึงหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะหันข้างเล็กน้อยและเผยรอยยิ้มตรงริมฝีปาก

เฟิ่งจิ่วมองเขาโดยไม่พูดอะไร

“ใครจะเป็นเจ้าแห่งใต้หล้า เดิมทีข้าไม่สงสัยและไม่รู้สึกอะไร ด้วยเหตุนี้ตอนคารวะอาจารย์ออกมาตามหาเจ้า ก็เพียงเพราะอาจารย์สั่งเท่านั้น แต่การอยู่ที่นี่และติดตามข้างกายเจ้ามาตลอด กลับเป็นเพราะข้าอยากรู้ว่าคนที่มีชะตาเชื่อมกันกับข้าจะเป็นคนเช่นไร?”

เฟิ่งจิ่วตกใจเล็กน้อย “ชะตาเชื่อมกัน? หมายความว่าอะไร?”

เขาหันมามองเธอตรงๆ แววตาทั้งลึกล้ำและซับซ้อน “อยู่ก็เพราะเจ้า ตายก็เพราะเจ้า”

คำพูดสั้นๆ ไม่กี่คำกลับทำให้หัวใจเธอสั่นสะท้าน พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง

อยู่ก็เพราะเธอ? ตายก็เพราะเธอ? นี่หรือคือเหตุผลที่เขาติดตามข้างกายเธอมาตลอด?

พูดไม่ออกว่าในใจรู้สึกเช่นไร เธอมองชายหนุ่มผู้สง่างามปานเทพบุตรตรงหน้า ถามว่า “ตอนนั้นข้าถามท่านไม่บอก ทำไมกลับมาพูดตอนนี้?”

“ข้าต้องไปแล้ว”

เสียงเขายังคงเนิบนาบ มีความพลิ้วแผ่วอยู่รางๆ “ด้วยพลังและพรสวรรค์ของเจ้า เชื่อว่าใช้เวลาไม่กี่ปีก็ไปถึงแปดจักรวรรดิใหญ่ได้แล้ว ข้าคาดหวังนักว่าจะเห็นเจ้าที่นั่น”

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *