เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะตอนที่47: เด็กชาย แก้ว Part 2

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter ตอนที่47: เด็กชาย แก้ว Part 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เด็กชาย แก้ว Part 2

 

เขาเดินไปโรงเรียนกับฮินากิ ซูซูริคาว่า

 

ถึงแม้ว่าพี่สาวเขาก็ไปที่โรงเรียนเดียวกัน แต่เขาไม่เคยเดินไปโรงเรียนกับพี่สาวที่เกลียดเขา

 

ในตอนเช้า ซากุระฮานะ แม่ของเขาดูอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เธอก็ได้แค่ยืนนิ่งและไม่ได้พูดอะไร ตัวของยูกิโตะ โคโคโนะเนะเองก็ไม่อยากจะได้ยินเช่นกัน

 

พอเขาผ่านเข้าประตูโรงเรียนและไปถึงกล่องเก็บรองเท้า เขาสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ

 

“รองเท้าของฉันอยู่ไหน?” (ยูกิโตะ)

 

“มีอะไรเหรอ ยูจัง?” (ฮินากิ)

 

ผมมองเข้าไปในดวงตาของฮินากิ ซูซูริคาว่า ที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตและเข้ามาหาผม

 

“ฉันคิดว่ามันถูกเอาไปซ่อน” (ยูกิโตะ)

 

“เอ๊ะ! หวาหวาหวา เราควรจะทำยังไงดี ยูจัง!” (ฮินากิ)

 

เธอแกว่างโพนี่เทลสองข้างทำให้มันดูเหมือนหางที่กระดิกไปมา ตัวของเธอก็ดูตื่นตระหนก ฮินากิ ซูซูริคาว่า ร้องเรียกเขาด้วยความเป็นห่วง

 

รองเท้าของผมหายไปจากกล่องรองเท้าที่มีสติกเกอร์ชื่อของผมติดอยู่ มันไม่มีอะไรในนั้น มั่นว่างเปล่าแทนที่ควรจะมีมันอยู่

 

ผมไม่คิดว่ามันจะหายไปได้ พวกมันจะต้องถูกซ่อนไว้ และมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาที่โรงเรียน ถ้าหายก็ต้องซื้อเอาใหม่ แต่ผมก็ไม่อยากจะสร้างปัญหาให้แม่ของผมขนาดนั้น

 

มันจะต้องเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของผมที่ได้ทำมัน การกลั่นแกล้งนี้ชัดเจนเกินไป แล้วเมื่อสิ่งนี้ได้เริ่มต้นขึ้น มันก็ย่อมไม่มีจุดจบได้เห็น บุคคลที่ทำการกลั่นแกล้งอาจจะทำไปเพื่อความสนุกสนาน แต่คนที่ถูกกลั่นแกล้งจะรู้สึกได้รับความเกลียดชังอย่างไม่รู้จบ และในทุกๆวันจากนี้ผมก็ต้องไปโรงเรียนด้วยความกลัวว่าพวกเขาจะทำอะไรกับผม มันเป็นเหมือนกับนรก

 

 แต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็รู้สึกยังสบายใจดีอยู่

 

 เพราะเขารู้ ว่าการปฏิเสธและการถูกปฏิเสธมันเป็นเรื่องปกติ

 

 และนั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น มันคือสิ่งที่มันควรจะเป็น

 

เรื่อยมา ตลอดมา และนั่นก็เป็นวิธีที่ทุกคนได้ทำกับผมจากเจตนาร้ายของพวกเขา

 

 แล้วสิ่งที่ผมทำมันก็เหมือนเดิมเสมอ

 

 ถ้าหากผมไม่เห็นจุดจบมันลงได้ ผมก็จะทำให้มันจบลงด้วยตัวผมเอง

 

 ทั้งหมดที่ผมจะต้องทำก็คือตัดทุกๆอย่างและทุกๆคนออกไป

 

 ทุกสิ่งที่น่ารำคาญ ทุกสิ่งในโลกนี้…

 

“ยูจัง!” (ฮินากิ)

 

ผมคิดว่าผมคงได้หลับตาลงไป แต่พอผมรู้สึกตัวผมก็เห็นว่าใบหน้าของฮินาก ซูซูริคาว่า มาอยู่ที่ตรงหน้าของผม ดวงตาของเธอดูเศร้าและน้ำตาเริ่มปริ่มเมื่อเธอจ้องมองมาที่ผม

 

“ฮิจัง?” (ยูกิโตะ)

 

 ก็ไม่รู้ว่าทำไมยูกิโตะ โคโคโนเอะถึงได้พึมพำชื่อของเธอออกมา

 

“เธอจะไม่ไปไหนใช่ไหม ยูจัง” (ฮินากิ)

 

“ฉันไปกับเธอไม่ได้……” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรนะ แต่ว่าฉันไม่อยากให้เธอไป!” (ฮินากิ)

 

ไม่ใช่ว่าฮินากิจะเข้าใจความรู้สึกนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้บีบมือเขาแน่นราวกับทำตามสัญชาตญาณของตัวเธอ

 

“งั้นมาหามันด้วยกันเถอะ” (ฮินากิ)

 

เธอจับมือเขาราวกับว่าอยากจะให้เขาอยู่ที่นั่น เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ได้ไปไหน เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ได้หายไป เพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนสมัยเด็กของเธอนี้จะไม่หายไป

 

ทำไม?

 

 ทำไมเธอถึง—

 

 ทำไมเธอถึงไม่ยอมปล่อยให้ผมหายไป

 

 มีอะไรบางอย่างกำลังกรีดร้องอยู่ในใจของผม

 

 มันพยายามที่จะบอกอะไรบางอย่างออกมา

 

แต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ความคิดที่มีได้บีบบังคับเขา เขาได้ปิดบังอารมณ์ของเขาเอาไว้เหลือไว้แต่เพียงราวกับว่ามันเป็นหมอกควัน เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นมานานแค่ไหนนะ? ความเชื่อมโยงระหว่างความคิดและอารมณ์ของเขายังคงขาดๆหายๆและไม่ได้รับการฟื้นคืน

 

 แต่ว่าทำไมผมต้องสนใจกับคำพูดของเธอล่ะ?

 

“ไม่เป็นไรฮิจัง สภาพจิตใจของฉันแข็งแกร่งพอๆกับ Red ของในซูเปอร์ฮีโร่ในเช้าวันอาทิตย์เลย” (ยูกิโตะ)

 

“ยูจัง ยอดเลย!” (ฮินากิ)

 

 เมื่อเขามองไปที่ฮินากิ ก็เห็นดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

 

 แล้วยูกิโตะ โคโคโนเอะก็ถอนหายใจ ละทิ้งอารมณ์ที่ติดอยู่ในห้วงแห่งความคิดของเขาไป

 

“ไม่ต้องหามันหรอก ฉันจะให้คนที่เอามันไปซ่อน เอากลับมาเอง” (ยูกิโตะ)

 

“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ?” (ฮินากิ)

 

ผมเดินด้วยถุงเท้าแบบนี้ไม่ได้ เลยไปยืมรองเท้าแตะสำหรับรับแขกมา

 

“เดี๋ยวอีกไม่นานก็จบแล้วล่ะ” (ยูกิโตะ)

 

เขาบอกเพื่อนสมัยเด็กของเขาด้วยคำแบบเดียวกับที่เขาบอกกับแม่เมื่อคืนนี้ และมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียน

 

เมื่อเขาได้มาถึงห้องเรียน เขาก็พบสิ่งผิดปกติ อยู่ที่นั่นเช่นกัน

 

มีลวดลายเขียนอยู่บนโต๊ะ มีคำว่า “น้ำลายไหล” และ “อาชญากร” อยู่เต็มโต๊ะ พอเมื่อผมหยิบหนังสือเรียนออกจากลิ้นชัก ผมพบว่าหนังสือนั้นมีรอยขีดเขียนอยู่ด้วย มันเป็นช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และพวกเราก็เพิ่งจะได้รับหนังสือเรียนเล่มใหม่มาเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง และตอนนี้ไม่ถึงเวลาสำหรับหนังสือใหม่

 

“นี่รู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ” (ยูกิ)

 

ผมถามอาคาริ คาซาฮายะ ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆผม

 

บางทีอาจเป็นเพราะเรานั่งติดกันอาคาริ คาซาฮายะ ซึ่งปกติเป็นผู้หญิงที่เต็มใจคุยกับผมเสมอ และเมื่อเธอมีคำถามในชั้นเรียน ผมมักจะสอนให้เธออยู่บ่อยๆ

 

“มันน่าขยะแขยงที่นายขโมยของคนอื่น! ฉันว่านายจะไปตายซะ และขอร้องอย่ามาขโมยของของฉันนะ” (อาคาริ)

 

แล้วเธอก็ถ่มน้ำลายใส่ผมด้วยความรังเกียจและมองอย่างดูถูกในสายตาของเธอ ระหว่างนั้นเสียงหัวเราะคิกคักและเยาะเย้ย พร้องกับคำพูดเช่น “คนงี่เง่า” “ขโมย” และ “ฉันควรทำอย่างไร ถ้าของของฉันจะถูกขโมย” ก็ได้ถูกโยนจากพวกเขามาหาผม

 

ยูกิโตะ โคโคโนเอะนั่งลงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

บางทีอาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เสียงที่กระวนกระวายใจนั้นก็ได้เพิ่มจำนวนขึ้นจนอื้ออึง

 

ผ่านไปสักครู่หนึ่ง พอครูประจำชั้นเรียวกะ ซันโจจิ และครูผู้ฝึกงานมิซากิ ฮิมิยามะ มาถึงห้องเรียน เหล่าเสียงที่ใส่ร้ายก็ได้หยุดลงและเงียบไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับการชุมนุมกันในตอนเช้า และโดยที่ไม่รอให้เรียวกะพูด ยูกิโตะ โคโคโนเอะก็ส่งเสียงเรียกเธอ

 

“ครูครับ?” (ยูกิ)

 

“มีอะไรรึ โคโคโนเอะคุง?” (ฮิมิยามะ)

 

ยูกิโตะ โคโคโนเอะรู้สึกว่าดวงตาของเธอดูหงุดหงิดราวกับว่าเธอกำลังมองคนที่ดูขวางหูขวางตาอยู่ มิซากิ ฮิมิยามะ ก็มองเขามาแบบเดียวกัน

 

“วันนี้รองเท้าผมหาย” (ยูกิ)

 

“เอ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

จากนั้น เธอก็ก้มลงมองดูเป็นครั้งแรกก็เห็นว่า ยูกิโตะ โคโคโนเอะ กำลังสวมรองเท้าแตะอยู่ เมื่อเห็นสิ่งนี้แล้วเรียวกะ ซันโจจิและมิซากิ ฮิมิยามะก็ขมวดคิ้ว พวกเธอรู้ได้โดยสัญชาตญาณเลยว่ามันเป็นผลจากพวกเขาได้ทำในสิ่งที่เพิ่งทำไปโดยอย่างไม่ได้ตั้งใจ และก็ได้จุดประกายการเริ่มต้นของการกลั่นแกล้งแล้ว มันสายเกินไปที่จะมาเสียใจ พวกเธอนั้นควรจะมีน้ำใจมากกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพียงแค่การมองย้อนกลับไปเท่านั้น

 

แล้วสีหน้าของซันโจจิ เรียวกะ ก็คมขึ้นและเธอมองไปรอบๆ ห้องเรียน

 

“ใครเป็นคนซ่อนรองเท้าของโคโคโนเอะจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังก้องไปทั่ว

 

“ผมไม่รู้ ผมคิดว่าเขาถูกเอาไปเพราะเขาเป็นขโมย” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“นั่นไม่ใช่เรื่องโกหกใช่ไหมฮะ เพราะขโมยก็ต้องเป็นคนโกหก?” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“หยุดนะ!” (ซันโจจิ)

 

เรียวกะ ซันโจจิ พยายามจะหยุดพวกเขา แต่ความอาฆาตพยาบาทที่เริ่มไหลเหมือนเขื่อนที่ถล่ม เหมือนกับแม่น้ำที่แตกออก กลืนสถานที่นั้นไปเหมือนกับน้ำป่าท่วม

 

 ใครเป็นคนกันพูดนะ หรือว่าคงเป็นทั้งหมด?

 

 เจตนาร้ายที่ขยายตัวก็ได้แพร่กระจายออกไป

 

 คนๆนี้เป็นคนที่คุณสามารถจะรังแกได้

 

 คุณสามารถทำร้ายเขาได้ คุณสามารถเยาะเย้ยเขาได้

 

 ความเข้าใจร่วมกันดังกล่าวก็ได้แพร่กระจายออกไป

 

 แล้วใบหน้าของมิซากิ ฮิมิยามะก็ซีดลง

 

 ส่วนเรียวกะ ซันโจจิก็มีสีหน้าขมขื่นขึ้นบนใบหน้าของเธอเช่นกัน

 

การกลั่นแกล้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตการเป็นครู มันเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเผชิญ อันที่จริงถ้าครูเอาแต่หลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว พวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นครู เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นครูที่ดีหากพวกเขาใช้เวลานั้นไปโดยทำให้ตัวเองอยู่ในที่ปลอดภัยโดยแสร้งทำเป็นไม่เห็น แล้วนั่นคือสิ่งที่ผู้ให้การศึกษาอย่างพวกเธอจะสามารถภาคภูมิใจได้หรือเปล่า?

 

ในฐานะผู้ให้การศึกษาเรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ ซึ่งตั้งเป้าที่จะเป็นครูที่ดี ทำให้ไม่อาจมองข้ามปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ได้ นั่นคือความเข้าใจร่วมกันของทั้งสองคน

 

เรียวกะ ซันโจจิ ที่เริ่มพูดเพื่อสงบสติอารมณ์ของทุกคนลง แต่ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกไปจากยูกิโตะ โคโคโนเอะที่ได้หยุดเธอเสียก่อน

 

“ฉันจะรอจนถึงแค่เวลาอาหารกลางวัน หากใครซ่อนรองเท้าของฉัน โปรดนำมาให้ฉัน บรรดาผู้ที่ขีดเขียนบนโต๊ะและตำราเรียนควรมาขอโทษด้วย ถ้ารู้ว่าใครทำล่ะก็ ช่วยบอกที ฉันจะพูดอีกครั้ง แค่เวลาอาหารกลางวันเป็นเวลาที่กำหนด” (ยูกิโตะ)

 

ผมบอกกับเพื่อนร่วมชั้นทุกคนไป แต่การเยาะเย้ยก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อได้ยินผม

 

“นี่ถ้าเราไม่เจอมันในเวลากลางวัน เราจะถูกตัดสินประหารชีวิตล่ะ” (โคสุเกะ)

 

โคสุเกะ ทาคายามะ เยาะเย้ยนำพวกเขา และพวกกลุ่มเด็กซุกซน ที่นำโดยทาคายามะ ใช้ประโยชน์จากจังหวะนี้และเริ่มตะโกนอย่างดุเดือด เด็กชายและเด็กหญิงคนอื่นๆต่างก็หัวเราะราวกันพบของเล่นตลกๆ

 

แน่นอน ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีจะมีมลทินที่เต็มไปด้วยความอาฆาตหรือพยาบาท แต่อย่างไรก็ตาม การต่อต้านของแค่คนๆนั้นจะไร้ซึ่งพลังต่อหน้าบรรยากาศในชั้นเรียนในขณะนี้ ความรุนแรงจากของแรงกดดันจากคนรอบข้าง และก็ผู้ที่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้ก็อยู่ในห้องเรียนด้วย

 

ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็มองพวกเขาด้วยดวงตาที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และประกาศออกไปอย่างเรียบง่าย

 

“งั้นเราทุกคนต่างเป็นศัตรูทั้งร่วมกัน กับผมแล้วสินะ” (ยูกิโตะ)

 

ผมเองก็สงสัยว่ามันตลกขนาดไหนกัน เพราะเสียงหัวเราะได้ดังก้องไปทั่วห้องเรียน

 

————————————————————

 

 

[มุมมองของ ซันโจจิ] 

 

ช่วงแรกคาบแรกเป็นช่วงเวลาของการศึกษาด้วยตนเอง

 

ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้ถูกเรียวกะ ซันโจจิ เรียกไปที่ห้องเรียนที่ว่าง มิซากิ ฮิมิยามะก็อยู่กับเธอ

 

“เธอเป็นอะไรไหม โคโคโนเอะ?” (ซันโจจิ)

 

“มีอะไรผิดปกติรึครับ?” (ยูกิ)

 

“นี่หมายความว่าไง……?” (ซันโจจิ)

 

เธอยังคงลังเล และยังสงสัยว่าเธอจะคุยกับเขาอย่างไรดี เขาอาจจะยังดูดีอยู่ แต่มันไม่มีทางที่เขาจะไม่ทุกข์ไม่ร้อน และมันก็เป็นความจริงที่ว่าพวกเธอได้ตำหนิเขาไปอย่างไม่ใส่ใจต่อหน้านักเรียนคนอื่นทำให้เกิดการกลั่นแกล้งขึ้นเรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ จึงได้รู้สึกว่าจะต้องรับผิดชอบให้ได้อย่างดีที่สุด

 

“อย่ากังวลไปเลย โคโคโนเอะ เราจะปกป้องเธอเอง พอเราคุยกันเสร็จแล้ว เรามาค้นหามันในชั้นเรียนกันเถอะ” (ซันโจจิ)

 

“ฉันจะช่วยเธอด้วย ตกลงนะจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“พวกครูไม่ต้องช่วยหาคนทำหรอกครับ” (ยูกิ)

 

“นั่นจะไม่เป็นแบนั้น เธอไม่จำเป็นต้องดื้อรั้นมากนักหรอกน่า เชื่อครูสิ” (ซันโจจิ)

 

“ครูไม่เชื่อผม แล้วอยากจะให้ผมเชื่อครูรึครับ” (ยูกิ)

 

“โคโคโนเอะ!” (ซันโจจิ)

 

 ทั้งสองทำหน้าบิดเบี้ยวราวกับโดนดาวตกใส่

 

อย่างไรก็ตาม โดยไม่สนใจกับเรื่องนี้ ยูกิโตะ โคโคโนเอะก็ได้หันไปหามิซากิ ฮิมิยามะ

 

“ยังไงตามครับ ครูฮิมิยามะ ของใช้ส่วนตัวของคุณหายตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะครับ” (ยูกิ)

 

ฮิมิยามะไม่คิดว่าจะถูกถามคำถามนี้อีก แต่เธอก็ตอบไปด้วยท่าทางที่ตื่นตระหนก

 

“ฉันคิดว่ามันเป็นหลังเลิกเรียนเมื่อวานนี้ ประมาณนั้นมั้ง?” (ฮิมิยามะ)

 

“ครูแน่ใจในเรื่องนั้นรึครับ?” (ยูกิ)

 

“อืม ฉันว่าไม่ผิดแน่……” (ฮิมิยามะ)

 

เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เธอจึงตอบในสิ่งที่เขาถาม

 

“มันตลกมากเลยครับ วันนั้นผมกลับบ้านหลังเลิกเรียนทันทีเพื่อไปเล่นกับฮิจัง…… ฮินากิ ซูซุริคาว่า แล้วผมจะไปขโมยของจากครูได้ตอนไหนกัน” (ยูกิ)

 

“เอ๊ะ? … อะ- อย่างนั้นเหรอ? ฉันคิดว่ามันน่าจะประมาณปลายช่วงที่ห้า—” (ฮิมิยามะ)

 

“ครูเพิ่งพูดว่าหลังเลิกเรียนไม่ใช่เหรอครับ? คุณโกหกผมหรือเปล่า หยุดพูดไร้สาระได้แล้วครับ” (ยูกิ)

 

“ฉ-ฉันไม่ได้โกหก!” (ฮิมิยามะ)

 

เรียวกะ ซันโจจิซึ่งยังคงมองไม่ออกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้เข้ามาแทรก

 

“โคโคโนเอะคุง นายพูดแบบนี้อีกแล้วนะ! อย่าเอาแต่ดื้อดึงสิ ก็แค่ยอมรับและขอโทษ พ่อแม่ของเธอต้องโกรธเธอแน่ๆ” (ซันโจจิ)

 

“พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกรธผมหรอกครับ” (ยูกิ)

 

“ฉันก็ผิดที่จะไปตำหนิเธอไปต่อหน้าทุกคนนะ แต่เธอรู้อะไรไหม? มีแค่ครูเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ พูดตรงๆนะ โคโคโนเอะ ฟังให้ดีนะ ถ้าเธอขอโทษมาอย่างถูกต้องที่นี่ มันก็จะจบลง แล้วครูจะอยู่เคียงข้างเธอ เราจะไปดุพวกเขาที่ซ่อนรองเท้าและวาดเขียนของของเธอ เราจะไม่เลือกปฏิบัติต่อเธอหรือละทิ้งเธอนะ” (ซันโจจิ)

 

 ก็นี่เข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ?

 

ซันโจจิ เรียวกะพูดต่อราวกับว่าเธอกำลังตักเตือนเด็กที่ไม่ยอมเชื่อฟัง

 

“โคโคโนเอะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ และครูก็อยู่เคียงข้างเธอนะ ถ้าเธอชอบฉัน ฉันดีใจมาก แต่เธอก็ไม่สามารถขโมยอะไรจากฉันโดยไม่บอกฉันได้ โอเคไหม?” (ฮิมิยามะ)

 

 คำพูดที่อ่อนโยนเหล่านั้นทำให้ยูกิโตะยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น

 

“หวาหวาหวา ผมไม่ต้องการพันธมิตรแบบนี้นะ” (ยูกิ)

 

“มีคนซ่อนรองเท้าของเธอไปก็เพราะเธอทำแบบนั้น! ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจเรื่องนั้นเนี่ย!” (ซันโจจิ)

 

โดยไม่สนใจเรียวกะ ซันโจจิ ที่กำลังโกรธจัด ยูกิโตะ โคโคโนเอะก็หยิบเอากระดาษวาดรูปที่เขานำติดมาด้วยพร้อมกับเขาออกมาแล้วคลี่ออก

 

“ผมอยากจะขอถามครูอีกครั้งนะครับ ครูฮิมิยามะ มันถูกขโมยเมื่อไหร่? ช่วยกรุณาดูที่นี่ ในกระดาษนี้มีทุกสิ่งที่ผมได้ทำเมื่อวันก่อน ถ้าลองมองดูจะรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้กระทำผิด—-” (ยูกิ)

 

“–พอได้แล้ว!” (ซันโจจิ)

 

แล้วเรียวกะ ซันโจจิ ก็ตบไปที่แก้มของเขา

 

กระดาษที่อยู่ในมือก็ขาดไปอย่างง่ายดาย

 

“โคโคโนเอะคุง!” (ฮิมิยามะ)

 

ในชั่วพริบตาต่อมานั้น มิซากิ ฮิมิยามะก็เข้าไปประคองยูกิโตะ โคโคโนเอะที่กำลังส่ายเอนไปมา

 

ซันโจจิ เรียวกะรู้สึกตัวได้ในทันที เธอได้ทำการลงโทษโดยตรงทางร่างกายจากปฏิกริยาสะท้อนกลับของเธอเอง

 

หากเป็นเมื่อก่อนก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในโลกการศึกษาในปัจจุบันมันไม่ได้รับอนุญาต มันไม่มีข้อแก้ตัว มันเป็นความผิดพลาดร้ายแรงที่อาจส่งผลต่ออาชีพการสอนของเธอหากว่าเธอนั้นถูกฟ้อง นี่ฉันมีอารมณ์ขึ้นมากเกินไป ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อมองไปยังเด็กชายที่อยู่ตรงหน้ายูกิโตะ โคโคโนเอะ ใจของฉันก็รู้สึกวุ่นวายขึ้นมา ฉันรู้สึกดูดกลืนไปกับบรรยากาศชั่วขณะนั้นของเขา

 

“ไม่นะ ผมอุตสาห์พยายามอย่างหนักเพื่อทำมันเมื่อวานนี้” (ยูกิ)

 

แล้วเขาหยิบกระดาษที่ฉีกขาดด้วยแรงนั้นขึ้นมา ขยำจนเละ แล้วก็โยนมันทิ้งไป

 

“ผมเข้าใจแล้ว ในที่สุดผมก็ได้เข้าใจแล้ว มันเป็นความผิดของผมสินะ?” (ยูกิ)

 

 ในที่สุด เขาก็ได้เอ่ยคำขอโทษออกมา

 

 แต่เขากลับบอกว่าเขาขอโทษสำหรับวิธีที่เขาปฏิบัติกับพวกเธอ

 

มันก็เป็นธรรมดาแค่ ก็เท่านั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรก็ตาม การใช้การลงโทษทางร่างกายโดยตรงกับนักเรียนมันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่ในตอนนี้ ก่อนที่จะไปคิดถึงเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมหรือการรักษาตัว เธอจะต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่เธอได้ทำลงไป ไม่เช่นนั้นจะเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้

 

“ฉันมีอารมณ์มากเกินไป ฉัน—-” (ซันโจจิ)

 

“ก็เลยไม่สนใจกับความเป็นจริงใช่ไหมครับ? หากเป็นแบบนี้ คุณก็ช่วยพูดมาตั้งแต่ทีแรกสิครับ หรืออีกนัยหนึ่ง มันคงไม่ดีถ้าหากผมไม่ใช่ผู้กระทำความผิดสินะ” (ยูกิ)

 

น้ำเสียงที่เยือกเย็นดังก้องไปในห้องเรียนที่ว่างเปล่า

 

ก่อนอื่นเลย นักเรียนที่ชื่อยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นเป็นเด็กที่ค่อนข้างเข้าใจยาก มันเป็นการยากที่จะสังเกตุเห็นความคิดและอารมณ์ของเขา และมันจึงเป็นการยากที่จะทำให้รู้ว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ในทางกลับกัน เขานั้นเรียนและเล่นกีฬาเก่งมาก เรียวกะ ซันโจจินั้นก็ยอมรับว่าเขาเป็นนักเรียนที่ดูลึกลับ และมิซากิ ฮิมิยามะซึ่งติดต่อกับนักเรียนในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีการรับรู้ที่คล้ายกันเช่นกัน

 

“นี่เธอกำลังพูดอะไร—–” (ซันโจจิ)

 

“ผมรู้สึกเหมือนคนงี่เง่าที่ต้องทำสิ่งนี้ใช่ไหมครับ อ้อเข้าใจแล้ว ก็ผมมันเป็นคนงี่เง่าที่คิดว่าผมนั้นน่าจะสามารถเข้าไปถึงคุณได้” (ยูกิ)

 

“—-!” (ซันโจจิ)

 

แล้วฉันก็ต้องกลืนน้ำลายเมื่อเห็นดวงตาของเขา

 

มันดูลึกขึ้นและยิ่งลึกขึ้น เข้มขึ้น และค่อยๆเข้มขึ้น ที่ไม่รู้ว่าไกลแค่ไหนที่พวกมันถึงจะร่วงหล่น ดวงตาที่ดูบริสุทธิ์แต่มืดมนก็จับตัวซันโจจิ เรียวกะและฮิมิยามะ มิซากิเอาไว้

 

“มันง่ายๆ มันเป็นความผิดของผม ผมคิดผิดที่คิดว่าคุณเป็นครู ผมขอโทษ” (ยูกิ)

 

ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยูกิโตะ โคโคโนเอะก็ได้ประกาศคำขอโทษที่เขาปฏิเสธมาเนิ่นนาน

 

 แต่ว่าคำพูดต่อไปของเขานั้น—–

 

“ที่แท้แล้วพวกคุณทั้งหมดคือศัตรูของผมมาโดยตลอด” (ยูกิ)

 

 มันเป็นการบอกลาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

———————————————————–

 

 

[มุมมองของ ซันโจจิ]

 

เรียวกะ ซันโจจิ พยายามจะห้าม ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ไม่ให้เดินออกจากห้องเรียนว่างนี้ไปอย่างไม่สนใจโลก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขา และในขณะที่เธอกำลังลังเล เขาก็ได้เดินออกไปแล้ว

 

“นี่ฉันปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร……?” (ฮิมิยามะ)

 

มิซากิ ฮิมิยามะกำลังจมอยู่ในความเจ็บปวด มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอยังสนุกกับงานของเธออยู่เลย เธอรู้สึกเติมเต็มในอาชีพการเป็นครู เธอรู้สึกว่าเป็นตอบรับเสียงเรียกร้องของเธอ ความปรารถนาที่เธอมีต่ออาชีพการงาน การชี้แนะเด็กๆ กลับต้องพังทลายลงจากในสองวันที่ผ่านมา

 

ทันใดนั้น ซันโจจิเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ยูกิโตะ โคโคโนเอะได้โยนทิ้งไป ที่เธอก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง แล้วครูฮิมิยามะก็ได้เดินไปหามัน ด้วยความสงสัยว่ามันเกี่ยวกับอะไร และได้หยิบกระดาษวาดรูปที่ถูกทิ้งแล้วยับยู่ยี่นั้นขึ้นมาแล้วกางออก

 

 แล้วมิซากิก็รู้ได้ทันทีว่ามันหมายถึงอะไร

 

“คะ ครู ซะ-ซันโจจิ-! มาดูนี่” (ฮิมิยามะ)

 

“เกิดอะไรขึ้น?” (ซันโจจิ)

 

เรียวกะซันโจจิเองก็หมดแรงใจด้วยเช่นกัน แม้จะยังไม่ถึงช่วงกลางดึก แต่ความเหนื่อยล้าของเธอก็ได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว การฝืนใช้จิตใจให้คงความแข็งแกร่งของเธอนั้นหมดไปอย่างรวดเร็วมาก เพราะความจริงที่ว่าเธอได้ลงโทษทางร่างกายไป กับสิ่งสุดท้ายที่เขานั้นพูดกับเธอ ยังคงติดตรึงอยู่ในสมองของเธอ

 

 เธอมองลงไปที่กระดาษที่มิซากิ ฮิมิยามะนั้นกางออก

 

“นี่คือ……จากเมื่อวานก่อน? เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! เป็นไปไม่ได้!” (ซันโจจิ)

 

บนกระดาษแผ่นหนึ่ง มีการเขียนคำอธิบายไว้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมื่อวานก่อนนี้ มันเป็นทุกสิ่งอย่างที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นบันทึกประจำวันในชีวิตของยูกิโตะ โคโคโนอะ ว่าเขามาโรงเรียนอย่างไรในตอนเช้า เขาอยู่กับใคร เขาพบใคร และเขาอยู่ที่ไหนในช่วงเช้า ของการSH ชั้นเรียน ช่วงพัก หรือแม้แต่หลังเลิกเรียน มันเขียนไว้อย่างละเอียดมากจนไม่ว่าใครมองออกและเข้าใจได้ในทันที

 

อย่างไรก็ตาม ซันโจจิยังคงสงสัยว่าเขาจำสิ่งที่เขาได้จริงๆอย่างนั้นหรือไม่ เพราะมันดูละเอียดและสมบูรณ์มากจนอาจคิดได้ว่าเป็นแค่เรื่องโกหก มันเทียบไม่ได้เลยกับตารางบันทึกวันหยุดฤดูร้อนที่เขียนออกมาอย่างลวกๆ

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขียนส่วนใหญ่ไว้นั้นก็ทับซ้อนกับความทรงจำของเรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันไม่มีข้อสงสัยเลยเกี่ยวกับความถูกต้องของสิ่งที่เขียนอยู่บนนี้ 

 

 มือที่สั่นเทาของเธอไล่ไปตามกระดาษ

 

หลังเลิกเรียน ซึ่งเป็นหลังช่วงที่ห้าของการเรียนในวันนั้น

 

มันบอกว่าเขาออกจากโรงเรียนตอน 14:45 น. ไปกับเด็กผู้หญิงชื่อฮินากิ ซูซูริคาวะ มันดูน่ากลัวที่ได้รวมไว้แม้กระทั่งรายละเอียดของเธอที่ออกจากโรงเรียนด้วยกันเพื่อให้แน่ใจ

 

“ไม่ใช่โคโคโนเอะ งั้นเหรอ? เดี๋ยวก่อนสิ แล้วใครขโมยไป? สิ่งที่ฉันทำ….สิ่งที่ฉันพูดกับเขา…” (ฮิมิยามะ)

 

“ครูฮิมิยามะ ได้โปรดใจเย็นๆก่อน!” (ซันโจจิ)

 

เธอไม่ต้องการเห็นมัน เธอต้องหวังว่ามันจะไม่เลวร้ายที่สุดถ้าหากว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องโกหก ถ้าสิ่งที่เขียนบนกระดาษนี้เป็นความจริง เขาก็จะไม่สามารถขโมยมันไปได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

 

“นี่! ดูนี่สิ ครูฮิมิยามะ” (ซันโจจิ)

 

 แล้วเรียวกะ ซันโจจิก็ได้ชี้ไปที่จุดหนึ่งบนกระดาษ

 

 มันบอกว่ายูกิโตะ โคโคโนเอะได้พบและทักทายกับทากิงาวะ ที่เป็นภารโรงก่อนออกจากโรงเรียน

 

“เราจะต้องทำมันให้แน่ใจ! เรารีบไปกันเถอะ!” (ซันโจจิ)

 

“ค่ะ!” (ฮิมิยามะ)

 

พวกเขาไม่สามารถที่จะอยู่เฉยๆได้อีก ราวกับว่าพวกเธอกำลังถูกรัดคอด้วยเชือกเรียวกะ ซันโจจิและมิซากิ ฮิมิยามะได้ข้อสรุปว่าพวกเขาได้ทำผิดพลาดในเรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่สุด

 

และขณะนี้ในชั้นเรียนก็อยู่ในระหว่าการศึกษาด้วยตนเอง ถ้าหากพวกเขาไม่กลับไปที่ห้องเรียนเร็วๆนี้ ก็อาจเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง ถึงอย่างนั้น การสืบหาความจริงก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ นั่นคือสิ่งสำคัญอันดับแรก และหากเธอทำให้มันมั่นใจ เธอก็จะไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าเขาได้อีก

 

ปกติเธอจะคอยดูแลนักเรียนไม่ให้วิ่งอยู่ในโถงทางเดิน แต่ตอนนี้เธอกำลังวิ่งอยู่ในโถงทางเดินซะเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเยาะเย้ยตัวเองที่ต้องมาทำแบบนี้ แต่เรียวกะ ซันโจจิ ก็รู้สึกได้ว่าความหายนะกำลังใกล้เข้ามา

 

“ทากิงาวะซัง นี่ทากิงาวะซัง!” (ฮิมิยามะ)

 

เป็นครูหญิงสาวที่รีบเข้าไปในห้องทำงานของภารโรงทากิงาวะ ที่ถึงกับตกตะลึงกับการแสดงออกที่สิ้นหวังของเธอ เขาสงสัยว่ามีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นหรือเปล่า?

 

“มีอะไรครับคุณผู้หญิง” (ทากิงาวะ)

 

“ทาคิกาวะซัง คุณได้พบกับนักเรียนใกล้กล่องวางรองเท้าหลังเลิกเรียนเมื่อวานก่อนนี้ใช่ไหมคะ” (ซันโจจิ)

 

“นักเรียน? ก็เคยเจอเยอะเลยล่ะนะ ……” (ทากิงาวะ)

 

ทากิงาวะได้ให้คำตอบที่คลุมเครือสำหรับคำถามที่ถามออกมาอย่างคลุมเครือของเรียวกะ ซันโจจิ

 

“โอ้ะ เอ่อ… ไม่ เด็กคนนี้น่ะ” (ซันโจจิ)

 

แล้วซันโจจิ เรียวกะ ก็แสดงหน้าบัญชีรายชื่อชั้นเรียนโดยชี้ไปที่ใบหน้าของเขาในนั้น

 

“โอ้เขานั่นเอง เขาจับมือกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ระหว่างทางกลับบ้านกันด้วยนะ” (ทากิงาวะ)

 

“แล้วมันเป็นเวลากี่โมงคะ!?” (ซันโจจิ)

 

“ฉันจำได้ว่ามันหลังจากที่กริ่งประตูดังขึ้นทันทีเลยน่ะนะ ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นช่วงก่อนเวลา 15.00 น. เขาก็ยังได้ทักบอกลาก่อนจะจากไปด้วยน่ะ” (ทากิงาวะ)

 

“ไม่มีทาง… นี่มัน….” (ฮิมิยามะ)

 

 ราวกับเป็นคำตัดสินที่เปรียบเสมือนดังเคียวของยมฑูต คมมีได้ทิ่มปาดแทงเข้าที่คอของพวกเธอ

 

แล้วมิซากิ ฮิมิยามะถึงกับทรุดตัวลงไปและร้องไห้ต่อหน้าความจริงอันโหดร้ายนี้ เรียวกะ ซันโจจิเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่เธอนั้นมีประสบการณ์และความภาคภูมิใจมากพอที่จะตระหนักว่า เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น

 

“วะ ว่าแต่มีอะไรเหรอครับ?” (ทากิงาวะ)

 

 ทาคิกาวะซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้รีบช่วยให้มิซากิลุกขึ้น

 

 ทุกๆอย่าง ทุกๆสิ่งอย่างมันผิดพลาดไปหมด

 

 เขาเป็นคนถูกมาโดยตลอด และเราก็เป็นฝ่ายผิดมาโดยตลอด

 

ทำไมกัน? ทำไมเราถึงไม่ลองฟังเรื่องจากเขาบ้างล่ะ? เราไม่ได้พยายามพิจารณาถึงความเป็นไปได้อื่นๆ หรือเปล่า? เขาที่ปฏิเสธอย่างเรียบเฉย เขายืนกรานที่จะปฏิเสธ ยืนกรานที่จะไม่ยอมรับมัน เขายังต้องมาลำบากให้กับการเขียนบันทึกสิ่งที่เขาทำอย่างละเอียดลงในกระดาษ

 

 แต่ซันโจจิก็ยังคงไม่เชื่อ

 

 ดังนั้นเขาจึงได้สละทิ้งพวกเราออกไป

 

 ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ตัวและเสียใจในเอาในตอนนี้ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

 

———————————————–

 

 

ในช่วงพักกลางวัน

 

ตั้งแต่เช้าวันนี้มาไม่มีใครคุยกับยูกิโตะ โคโคโนเอะ และตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้ว มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ที่เขาจะยังอยู่ในรองเท้าแตะและรองเท้าของเขาก็ยังไม่ถูกส่งคืนกลับมา

 

มันเป็นความจริงที่ว่ายูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นระบุว่าจะให้เวลาจนถึงเวลาอาหารกลางวัน ท่ามกลางบรรยากาศของการเพิกเฉยต่อเขา รอจนถึงเวลานั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเธอและเขา ต่างมองมาที่ผมเหมือนว่าผมเป็นคนโง่

 

อาคาริ คาเซฮายะ ซึ่งนั่งถัดจากผม ได้ขยับโต๊ะเรียนของเธอเพื่อให้มีระยะห่างระหว่างพวกเรามากขึ้น เขาไม่รู้ว่าเขากำลังถูกคุกคามหรือเพียงแค่ไม่อยากที่จะเข้าใกล้เขา แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับเขา เพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นศัตรูกัน

 

“หมดเวลาแล้ว ไปล่ะ” (ยูกิ)

 

 หลังพึมพำขึ้นมา ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้มุ่งหน้าไปที่กล่องวางรองเท้า

 

 เขาหยิบถุงขยะออกมาจากชุดทำความสะอาด

 

ในเวลานี้ไม่มีนักเรียนจะมาที่ประตู และถุงเดียวก็คงไม่เพียงพอ แต่ก็ช่วยไม่ได้ หากมองไปเจอเขาเดินไปมาพร้อมกับถุงขยะบนไหล่ของเขา มันก็จะดูเหมือนกับซานตาคลอสที่อยู่นอกเทศกาลเลย

 

เขาได้มาถึงลานว่าง ถึงอย่างนั้น มันมีขนาดไม่ใหญ่นัก และมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะให้เล่นอย่างเต็มที่ เป้าหมายของยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นก็คือคือสระน้ำ

 

“อืม ฉันไม่รู้ว่า ฉันจะไหวรึเปล่านะ? ใช่แล้ว ไปเก็บหินก่อน” (ยูกิ)

 

แล้วเขาหยิบก้อนหินขึ้นมาจากขอบทางแล้วใส่ลงในถุงขยะ พอมีหินอยู่มากพอมันจึงค่อนข้างหนัก เขามัดถุงให้แน่นแล้วโยนมันลงไปในสระ ปากถุงถูกที่ถูกปิดอยู่ก็ค่อยๆแยกออกจากถุงขยะจากส่วนที่ปิด พอถุงขยะไม่ได้ถูกปิดแล้ว และในไม่ช้าสิ่งของที่อยู่ในนั้นก็จะถูกแช่อยู่ในน้ำ

 

“โอ้ว โศกนาฏกรรม” (ยูกิ)

 

เป็นผมก็ไม่ต้องการที่ใส่รองเท้าที่เปียกน้ำ ก็เพราะความรู้สึกเมือกๆแหยะๆมันทำให้รู้สึกแปลกๆ พอผมคิดเรื่องนี้ ผมเองก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรเลยว่าเพื่อนร่วมชั้นนั้นจะกลับบ้านกันอย่างไรในวันนี้ ผมไม่ได้สนใจหรือกังวลอะไร

 

 เพราะพวกเขาไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของผม พวกเขานั้นเป็นศัตรูของผมต่างหาก

 

 เด็กชายแก้ว คนนี้ลอกเลียนพวกเขามา

 

 ทั้งความอาฆาตทั้งความพยาบาท นั่นคือทั้งหมดที่เป็นมันสำคัญ

 

“มันก็ไม่ผิดที่จะมีศัตรูนะ” (ยูกิ)

 

 และนั่นก็เป็นเพียงคำตอบเดียวที่ถูกต้องที่ตัวเขานั้นรู้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด