เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 52: มิซากิ ฮิมิยามะ part 2

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 52: มิซากิ ฮิมิยามะ part 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มิซากิ ฮิมิยามะ part 2

 

 

[มุมมองของ มิซากิ ฮิมิยามะ] 

 

-มันกำลังหลอมละลาย

 

 ชีวิตประจำวันที่ควรจะถูกแช่แข็งไว้ ณ ตรงนั้น

 

 ที่ทุกวันนี้ก็ได้แต่คิดไว้ว่ามันคงจะไม่มีวันจะเปลี่ยนอะไรได้

 

 ฉันนั้นยอมแพ้ ให้กับความฝันที่ไม่เป็นจริง กับความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง

 

 แล้วห้วงเวลาของฉันก็ได้หยุดลง หนาวและเย็นเยือก

 

ความรู้สึกนั้นได้ฝังลงลึกภายในตัว ทำให้ฉันพบว่าฉันนั้นหัวเราะน้อยลงและรู้สึกเศร้าน้อยลงเช่นกัน ฉันสูญเสียอนาคตที่เคยมองเห็นและได้ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายมาเป็นเวลานาน และตอนนี้ฉันก็ยังคงมองดูไร้อนาคตและใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายต่อไปเรื่อยๆ..

 

 ถึงอย่างนั้น เพียงการพบกันแค่ครั้งเดียว

 

 ไม่สิ  ต้องเรียกว่ามันได้ “เริ่มต้นใหม่”

 

ความร้อนที่พุ่งพล่านขึ้นนี้ทำให้ฉันนั้นค่อยๆถูกละลายออกอย่างช้าๆ และวันที่ควรจะมีแต่การหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นก็เริ่มเคลื่อนไปเร็วขึ้น

 

ราวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในยุคน้ำแข็ง

 

เหมือนกับวัฏจักร Dansgaard-Osger(ทฤษฏีวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกในรอบ 140,000ปี)

 

มันดูราวกับเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงกำลังมาเยือนถึงตัวฉัน

 

แบบที่เขาว่ากันว่าคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกกักเก็บอยู่ในมหาสมุทรได้ปะทุออกมาในยุคน้ำแข็ง และส่งผลกระทบต่อกระแสน้ำในมหาสมุทรเป็นสาเหตุที่ทำให้ยุคนั้นสิ้นสุด

 

การกลับมาพบกันของฉันกับเขาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวของฉันนี้หรือเปล่านะ?

 

ถ้าอย่างนั้น ความร้อนนี้มันก็คงต้องเป็นสิ่งที่กำลังหลับใหลอยู่ในตัวของฉันแน่ๆ

 

 ฉันเคยคิดว่าฉันนั้นยอมแพ้และโยนมันทิ้งไปแล้ว

 

 แต่ว่าฉันนั้นคิดผิด ฉันยังคงมีมันอยู่

 

ราวกับ CO2 ที่ติดอยู่ในก้นมหาสมุทร ฉันยังคงมีความเร่าร้อนแบบนั้นอยู่ในตัว มันกำลังระอุอยู่ ฉันยังคงเฝ้ารออยู่ลึกๆในใจ รอคอยและรอคอย ในวันที่น้ำแข็งจะละลาย

 

 น้ำแข็งหนาที่เกาะอยู่กำลังละลาย

 

 ยุคน้ำแข็งกำลังจะสิ้นสุดลง

 

 ฉันสงสัยว่าฉันยังจะสามารถมีความฝันและทำตามความปรารถนาของฉันต่อไปได้อีกครั้งหรือเปล่า

 

 ถึงเวลาที่น้ำแข็งกำลังจะละลาย

 

 กับฉัน ผู้ที่ได้หยุดลงไปแล้วนั้น

 

 –แล้วเสียงของเข็มนาฬิกาที่ได้ขึ้นสนิมไปแล้วก็กำลังเริ่มขยับ

 

————————————————–

 

 

 

[มุมมองของ มิซากิ ฮิมิยามะ]

 

“ไม่เจอกันนานเลยนะ ……. เป็นไงบ้างล่ะ มิซากิ?” (มิกิยะ)

 

“อืม ฉันยังสบายดี มิกิยะซัง เหมือนดูจะเหนื่อยๆนะ” (มิซากิ)

 

นั่นคือความประทับใจของฉัน มันคือสิ่งที่ได้เห็นตามนั้น

 

และสิ่งแรกที่ออกจากปากของฉัน มันไม่ได้เป็นความสุขจากการที่ได้พบกับเขาอีกครั้ง แต่เป็นความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเขา บางทีคงอาจเป็นเพราะด้วยอายุของพวกเรา ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมันถึงได้ต่างไปจากวันที่พวกเราเคยใช้ด้วยชีวิตอย่างเต็มที่

 

 ฉันเปิดประตูต้อนรับเขาให้ผ่านเข้ามา

 

 ฉันเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกแล้ว ฉันเลยดูไม่ชินกับการที่มีคนแบบนี้อยู่มาอยู่ต่อหน้าฉัน

 

อดีตคู่หมั้นของฉัน มิกิยะ อูมิบาระ ที่ฉันไม่ได้เจอหน้ามานาน เขาดูโทรมๆไปบ้าง มันคงอาจจะเป็นเพราะเขามีงานยุ่ง ฉันคิดว่าเขาควรจะดูร่าเริงมากกว่านี้เท่าที่ฉันนั้นจำได้ แต่ว่าฉันก็ยอมรับ ตัวเขาเองก็คงมีเรื่องอะไรมากมายเกิดขึ้น ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะถามอะไรเขาซะหมดหรอก แต่ว่าตอนนี้ พอเราได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว ความทรงจำในวันที่ฉันได้เคยอยู่กับเขากลับมาท่วมท้นขึ้นมา

 

 เขาคือประธานคนปัจจุบันของเรียวกัง อูมิบาระ ที่ก่อตั้งมาแล้วอย่างยาวนาน

 

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน แต่เขาก็ได้แต่งงานแล้ว และเจ้าสาวของตัวเขานั้นก็เหมาะสมที่จะเป็นคู่ของเขา ฉันเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องของพวกเขาเท่าไหร่นับตั้งแต่เลิกกัน แต่ฉันก็คิดว่าแม่ของเขานั้นที่เป็นเจ้าของที่ดินที่เรียกว่า แลนด์เลดี้ (เหมือนแลนด์ลอร์ด แต่เป็นผู้หญิง)

 

 ฉันสงสัยว่า ฉันควรจะเรียกแบบนี้ได้ละมั้ง……

 

มันก็คงเป็นไปได้อยูหากว่ามันอยู่ในอดีต แต่นี่ก็เป็นอนาคตที่ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้ ไม่ว่าทางไหน มันก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาได้ขาดสะบั้นลงไปเรียบร้อยแล้ว

 

“ฉันคิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันแล้วซะอีกนะ”  (มิซากิ)

 

“นั่นมันก็แรงไปนะ” (มิกิยะ)

 

 แล้วเขาก็หัวเราะแหะๆ

 

เพราะมันผ่านไปนานแล้ว มันคงจะมีความรู้สึกบางอย่างยังคงคุกรุ่นอยู่จากความรู้สึกผิด ขณะที่ก็ได้มีบางความรู้สึกที่ตัดขาดแยกออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งความรู้สึกที่ฉันนั้นมีต่อเขาในตอนนี้มันช่างราบเรียบ ไม่ว่าจะทั้งในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง

 

 ฉันก็เลยเลือกที่จะพบเขาแบบนี้

 

“แต่ฉันเองแปลกใจนะ ที่อยู่ๆคุณก็มา อะไรแบบนี้น่ะ?” (มิซากิ)

 

“ฉันแค่อยากเจอคุณน่ะ” (มิกิยะ)

 

 พอได้ยินคำพูดที่มันดูจะเป็นไปไม่ได้พวกนี้แล้ว ฉันก็จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย

 

 คำตอบนั้นมันดูคลุมเครือ มันดูเหมือนจะไม่ ทั้งจริงหรือว่าโกหกเลย

 

“นี่คุณคงไม่เคยคิดว่าฉันจะรู้สึกแบบไหนกับคุณเลยง้้นเหรอ?” (มิซากิ)

 

“ฉันคิดสิ! แต่ฉันก็ยังอยากจะพบคุณอยู่ ฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่น่ะ” (มิกิยะ)

 

เมื่อไม่กี่วันก่อนมานี้ที่ฉัน มิซากิ ฮิมิยามะ ได้รับโทรศัพท์จาก มิกิยะ อูมิบาระ อดีตคู่หมั้นของฉัน

 

ที่ไม่กี่วันก่อนเขาได้โทรมาหาฉัน

 

มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร กับเรื่องที่ฉันนั้นก็ออกจะสั่นคลอน เมื่อได้ยินเสียงจากคนที่ฉันนั้นคิดว่าจะไม่มีวันได้เจอกันอีก

 

ฉันอยากพบคุณและคุยกับคุณ นั่นก็คือสิ่งที่เขาได้พูดขึ้น

 

เมื่อก่อนนี้ ฉันไม่เคยได้คาดคิดว่าจะได้เจอกับเขาอีก

 

ทั้งความโกรธ ความเศร้า และรวมไปถึงความทรงจำที่มีความสุข กลายเป็นอดีตที่มีสีซีดจาง แล้วตอนนี้ ฉันก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงอยากที่จะมาพบกับฉันหลังจากที่ได้ทิ้งฉันไป นั่นก็คือทั้งหมดที่ฉันอยากจะรู้

 

 ฉันเองก็ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ได้ตัดสินใจที่จะเจอเขา

 

และเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากเขามาอย่างกะทันหันว่า “ฉันอยู่ใกล้ๆนี้นะ พวกเราพอจะเจอกันได้ไหม” นี่คือสายที่โทรมาอย่างกะทันหันนั้น

 

ปกติแล้วฉันนั้นอยากไปเจอกับเขาข้างนอกมากกว่า แต่ว่าฉันเองก็มีสิ่งที่จะเตรียมจะทำอยู่และออกไปไม่ได้ ฉันจึงตัดสินใจให้เขามาพบที่บ้าน

 

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณน่ะ? นี่ฉันเองก็มีสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้นะ แล้วฉันเองก็มีเวลาให้ไม่มากด้วย” (มิซากิ)

 

“ฉันเข้าใจ ฉันขอโทษ พอดีฉันยุ่งมาก และฉันก็พยายามติดต่อคุณแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะหาเวลาไม่ได้เลยสักที แล้วพอดีฉันได้มาแถวๆบ้านเธอ ฉันเลยหลบมาเพื่อจะเจอกับเธอสักนิดหน่อยน่ะ” (มิกิยะ)

 

แล้วเขาก็ยกกาแฟขึ้นจิบด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น กาแฟนี้ได้ถูกชงให้เข้มข้นขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะกับรสนิยมของเขา ฉันยังคงจำได้ว่าพวกเราเคยชงกาแฟแบบนี้ให้ในสมัยก่อน มันช่างเป็นความทรงจำที่ชวนให้คิดถึง

 

แต่เขาก็ยังคงไม่ได้มีการตอบสนองอะไรกลับมา แล้วฉันเลิกพยายามชี้นำและเริ่มปรับการสนทนา

 

“แม่ของคุณยังแข็งแรงดีอยู่ไหม?” (มิซากิ)

 

“อ๋อ ใช่ เธอยังสบายดี ถึงแม้ว่าเธอจะดำรงตำแหน่งประธานไปแล้วก็ตาม แต่ดูมันก็ยังเป็นเรื่องหนักของเธออยู่ดีในทุกๆวันน่ะ” (มิกิยะ)

 

“เธอยังเหมือนเดิมสินะ นั่นก็ดีแล้วล่ะ” (มิซากิ)

 

บทสนทนาได้ดำเนินไปแบบอ้อมค้อม ฉันเองก็รู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะพูดจริงๆ แต่การเป็นผู้ใหญ่มันก็ช่างดูแสนจะเจ็บปวด ฉันคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าหากไม่สามารถเสแสร้งแบบนี้ และฉันเองก็ไม่อยากบอกเรื่องของตัวเองในตอนนี้เลย แต่มันก็เป็นเรื่องของมารยาท พวกเขาอาจจะพังทลาย แต่ก็ยังเคยเป็นคนที่เป็นครอบครัวของฉันอยู่แม้ครั้งนึง มันยากที่จะไม่รู้สึกลำบากที่ต้องมาพบกับพวกเขาแบบนี้

 

“นี่คุณอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ” (มิกิยะ)

 

“ก็มันเป็นอพาร์ตเมนต์สำหรับคนเดียว มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนี่ใช่ไหมล่ะ?” (มิซากิ)

 

“นั่นก็จริง แต่…… ?” (มิกิยะ)

 

 แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่แก้วตรงมุมโต๊ะ

 

มันเป็นสิ่งที่ฉันได้เตรียมเอาไว้สำหรับคนที่กำลังจะมาหาหลังจากนัดเขาเอาไว้ และก็เพราะว่าการมาถึงของเขาคนนี้อย่างกะทันหันอย่างไม่คาดคิดจึงไม่มีเวลาที่จะเก็บมันไปก่อน

 

“นี่มัน……?” (มิกิยะ)

 

 แล้วเขาก็เอื้อมมือออกไปคว้ามัน

 

ฉันจึงได้ขึ้นเสียงในทันทีกับการกระทำของเขา

 

“—-อย่าได้แตะต้องมันนะ!” (มิซากิ)

 

 ฉันถึงกับงุนงงกับเสียงของตัวเองไปด้วย

 

 แล้วเขาก็สะดุ้งตอบรับแล้วก็ได้วางแก้วกลับลงไปบนโต๊ะ

 

“โว้ว แย่จัง! …… นี่แปลว่าหลังจากนั้นคุณก็ได้มีแฟนใหม่ของคุณแล้วใช่ไหมเนี่ย? ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เจอคุณ คุณบอกฉันว่าคุณยังโสดอยู่ ไม่อย่างนั้นแล้วฉันก็จะไม่มาเจอกับคุณแบบนี้หรอกนะ” (มิกิยะ)

 

“คือเปล่า ฉันไม่มีน่ะ ก็ดูสิ เห็นกล่องกระดาษแข็งอยู่ที่นั้นไหม วันนี้ฉันมีคอมพิวเตอร์มาส่ง แล้วฉันเองก็ไม่ได้เป็นพวกที่เข้าใจอุปกรณ์แบบนี้สักเท่าไหร่ ฉันเลยไปขอให้เพื่อนมาช่วยติดตั้งให้น่ะ” (มิซากิ)

 

“โอ้ โทษทีฉันไม่รู้ แต่ฉันก็รู้สึกโล่งอกนะ” (มิกิยะ)

 

บางทีคงอาจจะรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมที่แข็งกร้าวของฉัน เขามองมาที่ฉันราวกับจะถามคำถามอะไรกับฉัน และก็ได้พูดคำสองสามคำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาออกมา

 

เพื่อนของฉัน ก็เป็นการดีที่จะบอกแบบนั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเขาเองจะคิดแบบนั้นกับฉัน เพราะอายุของเรานั้นห่างกันเกินไป แล้วพวกเราจะมีความสัมพันธ์แบบไหนกันล่ะ? แต่ไม่ว่าฉันจะคิดไปยังไงมันก็ไม่มีคำตอบ เขา ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ที่ได้ลืมฉันไปแล้ว และความสัมพันธ์ในปัจจุบันของเรานี้มันก็ไม่ต่างอะไรไปกับเรื่องของการโกหก

 

 แล้วจากนั้นฉันก็รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดที่เขาได้พูดขึ้น

 

“โล่งอก? ทำไมคุณมิกิยะจะต้องโล่งอกด้วยล่ะ? นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณนี่ แล้วอีกอย่าง ภรรยาของคุณรู้ไหมว่าคุณมาพบฉันแบบนี้น่ะ? นี่ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีเลยนะ?” (มิซากิ)

 

มิกิยะ อุมิบาระ นั้นเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว

 

หลังจากที่ทิ้งฉัน เขาจึงต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาได้เจอจากการเสนอการแต่งงานที่แม่ของเขาซึ่งก็คือซาโตโกะ ที่ได้เตรียมการไว้ให้

 

 และนั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ฉันพอจะบอกได้ว่า นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันตัดสินใจที่จะพบเขาแบบนี้

 

 เพราะทุกสิ่งมันก็ผ่านไปแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงได้อีกในตอนนี้

 

อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นเพียงแค่มุมมองของฉัน แต่ว่าภรรยาของเขาคงจะต้องไม่พอใจแน่กับความจริงที่ว่าสามีของเธอกำลังออกมาพบกับอดีตคู่หมั้นของเขา และในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันเองก็ไม่ต้องการทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น และฉันเองก็ไม่ต้องการรับรู้ ฉันก็ไม่รู้ว่าเขานั้นกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ว่าฉันอยากที่จะให้เขาออกไปสักทีที่เขาเสร็จธุระ

 

 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปนั้นมันเกินกว่าจินตนาการของฉัน

 

“ฉันกับซาจิโกะ น่ะหย่ากันไปเมื่อสามปีที่แล้ว ส่วนลูกก็ไปกับซาจิโกะ ฉันน่ะมันเป็นคนงี่เง่า นั่นล่ะทำไมฉันเลยต้องมาแบบนี้… ..” (มิกิยะ)

 

“เอ๊ะ?” (มิซากิ)

 

 เขา มิกิยะ อุมิบาระ ได้มองตรงมาที่ฉัน

 

 เขาบีบคำพูดราวกับว่าเขานั้นเสียใจอย่างสุดซึ้งออกมา

 

“มิซากิ เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งได้ไหม?” (มิกิยะ)

 

———————————————————

 

 

[มุมมองของ ยูกิโตะ]

 

ผมนั้นภูมิใจในตัวเองที่เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่สุขภาพดีนะ แต่ถึงแม้ว่ามันจะอยู่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แต่การที่นักเรียนมัธยมปลายที่มีสุขภาพดีจะไปที่บ้านของมาดามอันสงบเสงี่ยมในตอนกลางวันแบบนี้ได้จริงๆเหรอ? ไม่ ไม่สิ เพราะอย่างแรกเลย ฮิมิยามะซัง ก็ยังไม่ได้แต่งงาน เธอก็เลยไม่ใช่มาดามแต่จะต้องเป็น มาดมัวแซลสิ

 

ถ้าหากผมทำผิดพลาดแบบนี้ ฉันก็จะลงเอยไปผิดฝั่งที่เป็นของผู้หญิงคนนั้นสิ ถ้าหากมันเกิดขึ้นล่ะก็ พลังโจมตีที่สูงกว่าก็จะยิ่งทำให้ได้รับความเสียหายมากขึ้นเท่านั้น และคู่ต่อสู้ของผมก็จะยิ่งทำให้ผมนั้นสับสนได้ในภายหลังด้วย (ไม่มีวันหรอก)

 

 ท้ายที่สุดแล้ว ฮิมิยามะซังก็เป็นศัตรูในระดับ X-Rate ตามธรรมชาติของผม

 

ที่จริงแล้วน่ะเธอเองดูจะเป็นคลาสที่แยกต่างไปจากผม ผู้ที่ซึ่งถูกจำกัดไว้แค่ R-Rate ที่มากที่สุดที่จะไปได้เอาไว้ และนับตั้งแต่ที่พวกเราได้เจอกัน ผมนั้นก็รู้ว่ามันคือการแพ้ทาง มันเป็นการต่อสู้ที่จะต้องพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง อันตรายการเผชิญหน้านั้นก็สูงเกินไปกับคนที่เพิ่งจะแค่เริ่มต้น ผมกำลังเริ่มคิดที่จะเขียนจำนวนครั้งที่แพ้ติดต่อกันที่โคนขาของผม แต่ว่าผมเองก็เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่แข็งแรง ดังนั้นผมจึงต้องต้องหยุดมันไว้แค่นั้น

 

แล้วผมก็ต้องไปในที่ๆอันตรายแบบนั้นอีก แต่ว่าในวันนี้ผมนั้นสบายมาก ก็เพราะคอมพิวเตอร์ที่ผมสั่งเมื่อวันก่อนนั้นได้มาถึงแล้ว ถึงแม้ว่าฮิมิยามะซังจะขอให้ผมช่วยสั่งให้ แต่ผมเองก็เป็นคนเลือกแบบ BTO และทำการสั่งมัน และก็เนื่องจากว่าผมนั้นถูกขอให้ไปช่วยทำการติดตั้ง ซึ่งผมเองก็คิดว่ามันก็เป็นความรับผิดชอบของผมที่จะต้องจัดการทำให้เสร็จ

 

และทุกครั้งที่ผมออกมาหานั้น เธอเองก็มักจะเลี้ยงผมด้วยเค้กหรือไม่ก็คุกกี้ ผมก็เลยรู้สึกไม่ดีจึงได้เอา มิซุ-โยกัง มาด้วยในวันนี้ มิซุ-โยกัง น่ะมันอร่อยมากเลย (゜ д ゜) ยอดมากๆ!

 

 

เพราะงานอดิเรกอันน้อยนิดของผมก็คือการไปเที่ยวหาขนมหวานกิน และความรักในขนมหวานของผมก็ได้เพิ่มขึ้นมากซะจน ผมได้ทุ่มเทให้กับการลองทำขนมเลยล่ะในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะวันหยุดหน้าร้อน แถมเพราะแม่ก็ได้ทำงานจากที่บ้านแล้วซึ่งแม่ของผมก็รับผิดชอบการทำอาหาร มันก็เลยไม่มีอะไรจะให้ทำ แต่ผมกลัวพี่สาวจะได้กลิ่นอะไรและเข้ามาหาผมอ่ะนะ

 

แต่ยังไงก็ตาม ข้างนอกก็ยังคงมีแดดจ้าเหมือนเช่นเคย เหงื่อของผมก็เริ่มออกมาจากการแค่ออกมาข้างนอกได้พักเดียว โชคยังดีที่พวกเรานั้นเป็นเพื่อนบ้านกัน และห้องอพาร์ตเมนต์ที่ฮิมิยามะซังนั้นอาศัยอยู่ ก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก

 

 แต่ถึงจะร้อนแค่ไหน ผม ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ยังคงเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์เพื่อเป็นการฝึกอยู่เสมอ

 

ผมจึงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อแล้วได้เช็ดมันออกด้วยแผ่นกระดาษซับเหงื่อ และทำการปรับลมหายใจ อุ๊ฟ นี่ผมไม่ควรจะมาฝึกอะไรในระหว่างทางไปบ้านคนอื่นนี่ ใครมันจะบ้าที่จะเรียกเหงื่อก่อนไปเยี่ยมบ้านคนอื่นกันเนี่ย? แล้วฮิมิยามะซังเองก็เป็นศัตรูตัวฉกาจที่ไม่มีเรื่องระยะห่างทางกายภาพซะด้วย เอาล่ะผมจะไม่ยอมแพ้ต่อการยั่วยวนแน่ โอ้ว!

 

 และพอผมได้มาถึงที่หน้าประตูบ้านของฮิมิยามะซัง ผมก็สูดหายใจเข้าและกดไปที่กริ่งประตู

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด