เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 13: การขออภัย การชดเชย และส่วนผสมที่รวมเข้าด้วยกัน

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 13: การขออภัย การชดเชย และส่วนผสมที่รวมเข้าด้วยกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การขออภัย การชดเชย และส่วนผสมที่รวมเข้าด้วยกัน

 

ว่ากันว่าถึงแม้นักรบจะออกไปหาอาหารไม่เป็น แต่เขาก็มักจะคาบไม้จิ้มฟันอย่างภาคภูมิใจอยู่เสมอ แล้วตัวผมนั้นก็ไม่ใช่ซามูไร ผมนั้นเป็นเพียงเด็กนักเรียน ไม่แม้แต่อยู่ในยุคเอโดะเลยด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นผมเองก็อยากที่จะใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ ถึงแม้ว่าผมนั้นจะดูไกลห่างจากทุกๆสิ่งอย่างในโลก ผมก็ยังปรารถนาอะไรแบบนั้นนะ ราวกับบันเท็นเร็น(ซามูไร)ที่ได้ถูกเนรเทศ แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาพักเที่ยง ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ที่โถงทางเดินที่อยู่หน้าห้องเรียน แล้วที่ด้านหน้าของผมนั้นก็กำลังมี ประธานสภานักเรียน กับรองประธาน กำลังคุกเข่าอยู่…… นี่มันสถานะการณ์อะไรกันเนี่ย?

 

“ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ฉันเสียใจจริงๆ! ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย!” (ไคโดะ)

 

“ฉันขอโทษด้วยนะ โคโคโนเอะคุง!” (มิกุโมะ)

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในบรรยากาศก่อนหน้านี้ของที่ห้องเรียนที่มีเคยชีวิตชีวาในตอนนั้นจะเป็นแบบไหน เหล่านักเรียนที่กำลังเดินอยู่ที่ทางเดินต่างก็หยุดและมองมาดูสถานะการณ์ในระยะห่างๆ  พวกเขาแสดงความสนใจออกมาเหมือนกับตอนที่ได้พบกับไอดอลเลย ไม่สิ เจ้าพวกนี้มันบ้าไปแล้ว! นี่พวกแกเป็นซามูไรกันไปตอนไหน นี่ผมกลายเป็นไดเมียวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เอาเถอะผมเดาว่าผมคงจะต้องทำหน้าที่ของผมแล้วล่ะ

 

“งั้นมอบศรีษะมาสิ………. ล้อเล่นน่า  พวกคุณกำลังทำให้เป็นจุดสนใจอยู่นะ ดังนั้นช่วยลุกขึ้นด้วยครับ” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันอยากที่จะมาขอขมาอย่างเป็นทางการที่ได้ไปทำร้ายเธอเข้าน่ะ” (ไคโดะ)

 

“ขะ….ขอบคุณนะที่ได้พยายามเข้ามาช่วยฉัน!” (มิกุโมะ)

 

“นี่ผมไม่ได้บอกเหรอ ว่าเรื่องนี้มันจบไปแล้วน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

ในที่สุดประธานนักเรียน และรองประธาน ก็มองหน้ากันและกันแล้วก็ลุกขึ้นยืน ในเวลาเดียวกัน ที่โถงทางเดินก็มีคนมาออกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งสองคนนั้นก็ดูเหมือนจะตาบอดที่มองไม่เห็นว่ากำลังตกเป็นเป้าสนใจของพวกเขา ให้พูดกันอย่างเป็นกลาง นักเรียนชั้นปีที่สามที่ได้มาหานักเรียนชั้นปีที่หนึ่งแล้วคุกเข่าเพื่อทำการขอโทษ มันก็ย่อมต้องทำให้เป็นที่สนใจของพวกนักเรียนคนอื่นๆอยู่แล้ว ผมนั้นกำลังจะได้เป็นดาราล่ะ อันที่จริงผมอยากที่จะออกไปอยู่อีกด้านของฝั่งถนนเสียเหลือเกิน ไฟจราจรสีแดงบนถนนที่ร่มรื่นและเปลี่ยวเหงาของผม

 

“ฉันไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นหรอกนะ นี่น่ะมันเป็นถือเรื่องสำคัญสำหรับฉันเลยล่ะ!” (ไคโดะ)

 

“นายรู้ไหม ฉันอยากที่จะขอบคุณนายในทุกๆอย่างที่นายได้ทำเพื่อฉันเลยนะ” (มิกุโมะ)

 

“งั้นได้โปรดช่วยปล่อยผมให้อยู่คนเดียวหน่อยสิ” (ยูกิโตะ)

 

ผมบอกพวกเขาไปอย่างเย็นชาที่สุดเท่าที่ทำได้ เนื่องจากว่าไอ้เรื่องแบบนี้มันมีแต่เสียกับเสียในฝั่งผมเท่านั้นที่จะยุ่งด้วย อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเหล่ารุ่นพี่ที่ยังไม่ยอมวางไปจากตัวผมก็พลันดูตื่นตระหนก

 

“ยูกิโตะ โคโคโนเอะ งั้น—————–ช่วยรับตัวฉันไปที!” (ไคโดะ)

“ฉันหวังว่านายคงจะยอมให้ฉันเลี้ยงข้าวนายสักมื้อนึง –มุซึกิจัง!!?” (มิกุโมะ)

 

รุ่นพี่ทั้งสองคนนี่ชัดเจนเลยว่าต่างก็เป็นคนที่ดูคุยได้สนุกสนานรื่นเริงดีไม่ใช่รึนี่? เธอนั้นมีเสียงใสที่ไพเราะแถมเป็นเป็นประธานนักเรียนอีก โรงเรียนนี้นี่มือดีซะจริงเลยน๊าที่คว้ามาได้ ช่าย…ช่าย ผมรู้ ผมรู้ ผมรู้! นี่มันกำลังเป็นการหนีความจริงอยู่ ให้ตายสิ! ผมต้องทำเป็นไม่ได้ยินมันซะ ผมนั้นน่ะเป็นตัวละครหลักเลยนะ ดังนั้นผมสามารถใช้เทคนิคพวกนี้ได้

 

“เธอว่าอะไรนะ?” (ยูกิโตะ)

 

“โคโคโนเอะ นี่เป็นครั้งแรกของฉัน ดังนั้นได้โปรดนายช่วยรับมันไปที” (ไคโดะ)

 

เทคนิคนี้ของผมใช้ไม่ได้ผล เนื่องจากผมคงยังมีค่าความชำนาญไมพอ แล้วรุ่นพี่ก็ยื่นบางสิ่งมาให้ผมด้วยอาการที่ดูจะลังเล มันเป็นกล่องเล็กๆที่ด้านหน้ามีตัวเลขเขียนไว้ว่า 0.01 มิลลิเมตร ผมไม่รู้แล้วโว้ยยย…………มันดูคุ้นๆมากสำหรับผมเลย แถมมันก็ยังมีอยู่ในบ้านของยูกิกะด้วยเหมือนกัน มันถูกวางเอาไว้ในตำแหน่งที่จะสามารถสังเกตุเห็นดูเป็นจุดสนใจได้ง่ายๆอย่างสมบูรณ์แบบ ยิ่งไปกว่านั้นไอ้ยางอันนี้มันจะไม่บางเกินไปรึไงเนี่ยยยย?

 

“แต่ถ้านายไม่ต้องการมันล่ะก็ ฉันก็ยอมรับมันได้นะ” (ไคโดะ)

“เฮ้ มิซุกิ! เฮ้ เฮ้ นี่!” (มิกุโมะ)

 

แล้วรองประธาน มิกุโมะ ก็ได้เข้าไปเขย่าตัวเธอ แต่ไคโดะดูจะไม่ขยับเลยสักนิด ผมสงสัยว่านี่เธอมีขาที่แข็งแรงขนาดไหนกันนะ หลังของเธอก็ยังคงตั้งตรงและผมก็เห็นว่าแกนลำตัวของเธอนั้นดูเหมือนจะถูกฝึกมาอย่างดีด้วย นี่มันยอดเยี่ยม

 

“ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าจะทำแบบสดน่ะ!” (ไคโดะ)

 

“นี่เธอคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว มิซุกิ! ช่วยได้สติกลับมาซะที!” (มิกุโมะ)

 

“ยูมิ ฉันมีสติดี” (ไคโดะ)

 

“สติเธอยังดีไม่พอนะ!” (มิกุโมะ)

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันก็เป็นช่วงเวลาที่ใกล้จะสอบปลางภาคแล้วด้วย ผมน่ะค่อนข้างมั่นใจในความสามารถด้านวิชาการของผม ดังนั้นการสอบนี้มันจึงไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวไปเลย มันช่วงเวลาที่น่ายินดีนำหรับผมด้วยซ้ำที่จะได้เลิกเรียนเร็ว ช่ายถูกแล้ว ความคิดของผมนั้นกระโดดหนีออกไปอยู่คนละที่ไปเสียแล้ว ผมกำลังจะเป็นบ้ากับการที่จะต้องมาฟังเรื่องอะไรพวกนี้

 

“แต่ว่าเท่าที่ฉันพอจะสามารถบอกได้ สิ่งเดียวที่เด็กผู้ชายเค้าชอบกันก็คือ……” (ไคโดะ)

 

“เหวออออออออออออออออออออ!” ยูกิโตะ

 

“มันคือแม๊กกาซีนอย่างที่รู้ๆกัน โคโคโนเอะ นี่น่ะคือการขออภัยของฉัน ได้โปรดช่วยรับมันไปด้วย!” (ไคโดะ)

 

นั่นล่ะ เธอนั้นเป็นคนที่ผมที่ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย เธอนั้นเหมือนยูกิกะซังเปี๊ยบเลย พวกนักล่าที่ล่าเหล่าลูกนก

 

“รุ่นพี่ ถ้าคุณยังไม่หยุดทำให้ผมอับอายไปด้วยวิธีไถ่โทษแบบนี้ล่ะก็ ผมน่ะบอกได้เลยว่าผมไม่ยินดีด้วยหรอกนะครับ” (ยูกิโตะ)

 

“เอ๋ อะไร……..แต่ก็จริงของนายในประเด็นนี้” (ไคโดะ)

 

“ใช่แล้ว มิซุกิจัง ทำไมเธอไม่ใจเย็นๆลงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจล่ะ?” (มิกุโมะ)

 

“ไม่ โคโคโนเอะ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงว่ามันเป็นความรู้สึกผิด และนี่ก็คือสิ่งเดียวที่จะต้องทำให้นะ!” (ไคโดะ)

 

“อาาา คนคนๆนี้สิ้นหวังแล้ว” (ยูกิโตะ)

 

ผมอยากพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแบบนั้นด้วยสีหน้าพอใจของตัวเอง แต่กลับล้มเหลว ผมไม่เคยจะต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่มันก็เป็นทางเดียวแล้วที่ผมจะหนีออกจากสภานะการณ์นี้ได้ มันน่าอายนะสำหรับผู้ชายที่ยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน ซึ่งในตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้น การอดอาหารแบบปกติทั่วไปนี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับผม

 

“ผมจะซื้อข้าวกลางวันของวันนี้แล้ว ดังนั้นขอตัวนะ-” (ยูกิโตะ)

 

แล้ววิธีอันชาญฉลาดที่สุดสำหรับสถานะการณ์นี้ก็คือทำการถอยด่วน ผมวิ่งออกไปจากจุดนี้ทันที

 

“-พวกกกโรคจิตตตตตตตตตตตตต!” (ยูกิโตะ)

 

แล้วเสียงตะโกนของผมก็ดังก้องไปจนสุดโถงทางเดิน

 

————————————————————–

 

 

ผมได้ทำการหลบหนีออกมาจากเงื้อมือของผู้หญิงโรคจิตสองคนนั้นแล้วมาอยู่ที่ตรงบันไดฉุกเฉิน มันเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนและผ่อนคลาย แล้วผมที่เหนื่อยมาก ก็ได้ถอนหายใจและนั่งลง แต่ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงได้มีแขกมาหาที่ตรงด้านหน้าของผม มันเป็นบางคนที่ผมนั้นรู้จัก เสาหลักทั้งสิบสองแห่งเทพโอลิมเปีย

 

“รุ่นพี่อโพรไดท์?” (ยูกิโตะ)

 

“หึ่มมมมม!” (โซมะ)

 

เธอนั้นไม่สนใจผม เธอดูเหมือนกำลังจะโมโหอยู่ ด้วยจิตใจที่อ่อนล้าหลังจากเรื่องวุ่นวายกับพวกโรคจิต ผมยังไม่มีพลังงานมากพอที่จะต่อกรกับเธอได้หรอกนะ มนุษย์ทุกคนย่อมที่จะต้องมีวันที่แย่ๆเข้าสักวันไม่ก็สักสองวัน แม้แต่พี่สาวของผมก็มีวันอย่างที่ว่าไปเดือนละครั้ง มันเป็นการดีที่สุดที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งอะไรในระหว่างเวลานั้น ผมเปิดถุงขนมปังไส้องุ่นและขนมปังชีสนมสด ที่ผมได้ซื้อมา ในเวลาแบบนี้นี่ล่ะมันคือการผสานกันอย่างลงตัวที่ดีที่สุด ผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ ชายผู้ที่ไม่เคยทำอะไรไม่ผิดพลาด ผมเดาว่ามันก็เป็นเรื่องดีอย่างนึงนะ และก็น่าจะทำให้รสชาดของ ของกินนี้ดีขึ้นด้วย

 

“แล้ว ทำไมนายถึงทำไม่สนใจแล้วก็เริ่มกินแบบนี้กันล่ะเนี่ย?” (โซมะ)

 

“มันออกจะเจ็บปวดที่จะต้องบอกคุณนะ………โอ๊ะ แต่ว่าในทางที่ดีน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันไม่ได้บอกนายว่าไอ้ที่นายพูดแบบนั้นออกมามันไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เป็นไรนะ?” (โซมะ)

 

“ผมไม่ยินคุณนี่ อีกอย่างเรื่องนี้นี่มันก็ไม่ได้เกี่ยวคุณซะหน่อย” (ยูกิโตะ)

 

“เกี่ยวสิ มันเกี่ยว! นี่นายจำไม่ได้ใช่ไหม ว่านายพูดเอาไว้ว่าอะไรครั้งสุดท้ายที่เจอกันน่ะ?” (โซมะ)

 

“นี่ผมพูดอะไรไปในตอนนั้นเหรอ?” (ยูกิโตะ)

 

“นายบอกว่านายจะมาที่ตรงนี้ครั้งหรือสองครั้งในอาทิตย์นึงไง แต่พอฉันลองมาดู นายก็ไม่เคยมาที่นี่เลยสักหน่อย” (โซมะ)

 

ผมรู้สึกว่าผมได้บอกอะไรไปแบบนั้นเหมือนกันแฮะ ผมนั้นลืมไปเสียสนิทไปเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ สภาพอากาศก็ไม่ค่อยดี และผมก็ดูจะจำได้ว่ากินอยู่ในห้องเรียนตลอดเป็นปกติ แต่ผมก็กลัวที่จะต้องพูดไปตรงๆ ดังนั้นผมขอบิดเบือนมันเสียหน่อย ผมนั้นเป็นชายผู้ซึ่งสามารถอ่านบรรยากาศเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาได้ดี และนี่ก็คือสิ่งที่ผมเป็นอยู่

 

“คือพอดีผมได้ผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะเลยน่ะ ผมหมายถึง อโพรไดท์ นี่คุณมาที่นี่เพื่อที่จะมาเจอผมเหรอ?” (ยูกิโตะ)

 

“เอ่อ ไม่ นายก็รู้ว่ามันแน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ ฉันก็แค่มาที่นี่เพราะว่าฉันนั้นอยากที่จะอยู่คนเดียวในบางครั้งเอง” (โซมะ)

 

“อะไรนะ โดดเดี่ยวเหมือนกับผมเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” (ยูกิโตะ)

 

“หยุดนะ! หยุด! อย่ามาเหมาพวกเรารวมกันนะ! นอกจากนี้มันยังมีอะไรผิดเกี่ยวกับชื่อของฉันด้วย” (โซมะ)

 

“นั่นก็เพราะว่าคุณเป็นเทพธิดาไง” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายทำให้มันยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีกแล้วนะ!” (โซมะ)

 

“แต่ว่าผมไม่รู้จักชื่อคุณ………” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองไปเหรอ? นายควรที่จะจำเอาไว้ด้วยนะ” (โซมะ)

 

“ทำไมองุ่นจริงถึงไม่เหมือนองุ่นที่อยู่ในขนมปังกันนะ?” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฟังฉันสิ! ทำไมนายถึงไม่สนใจในตัวฉันซักหน่อยเนี่ย? ฉันน่ะเป็นที่ป๊อปปุล่ามากเลยในชั้นปีสองนะ” (โซมะ)

 

“ให้ตายสิ คุณน่ะมันธรรมดา” (ยูกิโตะ)

 

“หยุด นั่นมันแรงมากเลยนะ! นี่นายกำลังทำให้ฉันต้องอับอายนะ” (โซมะ)

 

แล้วเวลาพักเที่ยงก็หมดลงในขณะที่พวกเราคุยกัน จนท้ายสุดแล้ว ผมก็พลาดที่จะได้ถามชื่อของเธอ ถ้าหากว่าไม่ใช่อโพรไดท์ งั้นก็คงจะต้องเป็นอาเทน่างั้นสิ ถ้าหากว่ามันเป็นชื่อหลักๆตามนั้นแล้วผมก็คงจะไม่ผิด ถ้าหากว่าคุณจะเข้าหาเพื่อไปทำความรู้จักกับใครก็ตามที่ไม่สามารถจำ หรือคุณลืมชื่อของเขาแล้วล่ะก็ มันก็แค่เรียกเขาว่า ทานากะ ไม่ก็ ซาโต้ แล้วคุณก็จะมีโอกาสราวๆ 20% ที่จะถูก หรือไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะบอกชื่อของเขามาให้คุณเองทีหลัง ดังนั้นนี่ก็เลยถือว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร นี่ล่ะวิธีการใช้ชีวิตในแบบของผม

 

——————————————————————

 

 

[มุมมองของ ยูริ โคโคโนเอะ]

 

ฉันถึงกับต้องเอามือสองข้างขึ้นมากุมหัว กับไอ้พฤติกรรมประหลาดของประธานสถานักเรียน ผู้ที่ได้เข้าไปติดต่อกับน้องชายของฉัน ที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นข่าวลือและกระจายไปทั่วโรงเรียน ฉันได้ยินมาว่าเธอนั้นคุกเข่าลงและทำการขออภัย แตปัญหามันเกิดขึ้นหลังจากนั้น ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันปล่อยมันไปแบบนี้ มันก็จะต้องนำมาซึ่งสถานะการณ์อันซับซ้อนตามมาแน่

 

หลังจากนั้น ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ฉันได้ทำการสอบถามกับเขา เขาไม่เคยเปิดปากบอกอะไรเลย เขานั้นออกอาการแข็งทื่อที่ใบหน้าของเขาแล้วก็ไม่มีการจรดจ้องไปที่ใดๆอย่างมั่นคง เขาดูกำลังจะพยายามอย่างหัวชนฝาเพื่อที่จะปิดบังอะไรบางอย่าง ฉันสงสัยกับไอ้อาการที่แสดงออกมานี้ของเขา เนื่องจากฉันไม่เคยเห็นเขามีการแสดงออกอย่างนี้มาก่อน

 

แล้วมันก็มีหลายเรื่องมากที่จะต้องให้คิด เพื่อนสมัยเด็ก เพื่อนร่วมห้อง และตอนนี้ก็ประธานสภานักเรียน มันมีอันตรายอยู่มากเกินไปแล้วนะในโรงเรียนนี้

 

“ไปลากพวกเธอมาที่ชั้นของพวกเราดีไม๊นะ” (ยูริ)

 

“ยูริซัง มีอะไรอย่างนั้นเหรอ?” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“ยังไง ยูกิโตะซัง นี่ก็เป็นน้องชายเธอใช่ไหม? เขาไปทำอะไรถึงทำให้ประธานสภานักเรียนต้องลงไปคุกเข่าแบบนั้นล่ะ?” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“นั่นมันจริงเหรอ? ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลย” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“ฉันได้ยินมาว่ามีคนที่ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยนะ ฉันเลยแน่ใจ” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“เฮ้อ….. นี่พวกเธอ นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกนะ นี่มันเป็นเรื่องร้ายแรงนะ” (ยูริ)

 

ฉันจะต้องลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งประธานนักเรียนในปีนี้แล้ว ก็เพื่อที่ฉันจะได้ปรับปรุ่งเรื่องต่างๆในโรงเรียนทำให้น่าอยู่ขึ้นสำหรับเขา นั่นคือทั้งหมดที่ฉันจะทำได้ และฉันจะต้องทำ

 

ความปรารถนาเล็กๆอันนี้เป็นสิ่งเดียวที่เป็นตัวกระตุ้นให้กับฉัน ที่จริงฉันเองก็ไม่ได้ต่างไปจากฮินางิ ซูซุริคาว่า และชิโอริ คามิชิโระ สักเท่าไหร่ ไม่ ฉันรู้ตัวดีอยู่ ว่าบางทีฉันนี่แหล่ะที่เป็นคนทำร้ายเขามากที่สุด จึงทำให้น้องชายของฉันไม่เคยยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ฉันเองก็กลัวเหมือนกันว่าจะมีใครมารู้เรื่องที่เกิดอะไรขึ้นในอดีตกับเขา ดังนั้นฉันจึงได้เก็บมันเอาไว้กับตัวเอง แล้วมันก็คือตราบาปที่ไม่มีวันจะแก้ไขได้

 

แล้วในตอนนี้ฉันก็ได้กลับไปคิดถึงมัน มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมน้องชายของฉันถึงต้องระแวดระวังตัวในเวลาที่อยู่กับฉัน ถึงในตอนที่เขายังเล็กๆนั้นเขานั้น เขาชอบที่จะถูกเอาอกเอาใจ ถ้าไม่จากแม่ก็จากฉัน แต่ว่ามันสายไปแล้วที่จะมารู้ตัวเอาในตอนนี้ ฉันจึงทำได้แต่แบกเอาตราบาปที่ไม่อาจให้อภัยได้ไว้อยู่บนบ่าของฉันเพราะมันสายเกินไป เพราะว่าฉันเองก็เป็นคนนึงที่ทำลายชีวิตของเขาด้วยมือของตัวเอง……

 

ฉันมองลงมาที่มือของฉัน ฉันจำได้ว่าพวกเขานั้นรู้สึกอย่างไร บางครั้งฉันก็ฝันถึงใบหน้าของตัวเองที่มีในตอนนั้น ฉันสงสัยว่าในตอนนั้นเขากำลังคิดอะไรกับฉันอยู่ ฉันกล้าพนันเลยว่าเขาต้องคิดว่า “อ่อ เธอเองก็เป็นหนึ่งในพวกนั้นด้วยนี่เอง” นั่นก็คงจะเป็นสิ่งที่เขาเห็นอยู่ในตาของเขา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาน้องชายของฉัน ผู้ที่สนิทกันมากกับฉันก็ได้หายไป ความเสน่หาก็ได้หายไป ความผูกพันธ์ที่มีระหว่างกันของเราพี่สาวและน้องชายก็หายไปเช่นกัน บางทีเขาคงคิดว่าฉันก็คือคนแปลกหน้า มันไม่มีอะไรระหว่างพวกเราอีกต่อไปแล้ว

 

ฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องคิดอย่างนั้น แล้วทั้งหมดที่ฉันจะต้องคอยมาเป็นห่วงเขา ที่ได้กลายมาเป็นแบบนี้นั้น

 

–ก็เพราะว่าฉันเคยพยายามฆ่าน้องชายของตัวเองน่ะสิ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด