เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 21: หนึ่งก้าวที่ห่างออกจากคำว่าสายเกินไป

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 21: หนึ่งก้าวที่ห่างออกจากคำว่าสายเกินไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนึ่งก้าวที่ห่างออกจากคำว่าสายเกินไป

 

“-! –!” (???)

 

ผมรู้สึกเหมือนอย่างกับได้ยินเสียงของใครบางคน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมัน แต่ทว่ามันกลับถูกดูดกลืนไปจากภาพที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้าของผม ทิวทัศน์อันตระการตาที่ทอดยาวไปไกลจนสุดสายตา ท้องฟ้าและผืนดินก็ได้ดูดกลืนผมให้เข้าไปหาได้อย่างสมบูรณ์ อีกแค่เพียงก้าวเดียว… เพียงอีกแค่ก้าวเดียว ผมก็จะได้กลายไปเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเหล่านั้นได้ ผมถูกดึงดูดให้เข้าไปหาโดยสัญชาตญาณ

 

ผมกำลังจะหายไปซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี มันไม่มีที่ไหนเลยที่จะเป็นที่อยู่จริงๆของผม มันไม่สำคัญอะไรอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะทำไปในตอนนี้ เพราะตัวผมนั้นมันไร้ค่าและไร้ความจำเป็น ก็แล้วทำไมถึงไม่ยอมแพ้ต่อแรงกระตุ้นพวกนี้ไปซะเลยล่ะ? จะได้ไม่ต้องมีใครมาทนทุกข์กับมัน และจะได้ไม่มีใครมารู้สึกเสียใจกับมัน แล้วนี่ทำไมผมถึงจะต้องไปสนใจการที่จะทำอะไรพวกนี้กันด้วยล่ะ? ผมหยุดคิดเรื่องพวกนี้ไม่ได้..…

 

และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำไมผมถึง–

 

————————————————————–

 

 

ฝนที่ตกลงมาได้ทำให้หัวของผมเย็นลงไปบ้างแล้ว และผมก็จ้องเขม็งไปที่แอ่งน้ำที่เกิดขึ้นบนพื้นแอสฟัลต์คอนกรีตสีดำ เมื่อตอนที่ผมนั้นกลับออกมาจากบ้านของซูซุริคาว่า พระอาทิตย์ก็ได้ตกดินไปแล้วและก็ตอนนี้ก็มืดแล้ว ผมยังคงเดินไปตามทางบนถนนในตอนกลางคืน เดินอยู่เพียงคนเดียว

 

ร่างกายของซูซุริคาว่า นั้นอบอุ่น แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ไม่ได้มีอะไรกัน ถึงจะมีเพียงผมและซูซุริคาว่าเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน ซูซุริคาว่านั้นก็แค่เพียงต้องการที่จะพิสูจน์ให้ผมนั้นเห็นว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอกับรุ่นพี่ของเธอ แต่ผมนั้นยังไม่สามารถยอมรับความรู้สึกนั้นได้ในตอนนี้ ผมไม่สามารถหวนกลับคืนสู่ความรู้สึกที่มีให้กับเธอด้วยความรู้สึกที่มากเท่าเดิม..… ผมก็เลยไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้นอีก พวกเรานั้นจับมือกันและพูดคุยกันแทน ราวกับจะชดเชยเวลาที่เราห่างกันไปในช่วงนั้น แล้วนี่ก็คือระยะห่างระหว่างผมกับซูซุริคาว่า ในตอนนี้

 

ผมทบทวนคำถามเดิมๆกับตัวเองว่า “แบบนี้มันโอเคแล้วใช่ไหม? แล้วนี่ผมกลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ความสงสัยแบบเดียวกับที่ผมนั้นรู้สึกตอนอยู่ที่บ้านของซูซุริคาว่า นั้นยังคงวนเวียนอยู่ในตัวผม นักวิ่งที่ออกตัวจากจุดเริ่มต้นกำลังลังเลเพราะรู้ตัวว่าอาจจะพ่ายแพ้ แล้วนั่นก็คือผมล่ะ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ…… ถูกแล้วแค่นั้นเอง แล้วยูกิโตะ โคโคโนเอะ ได้กลายมาเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมเริ่มตั้งคำถามกับความคิดของตัวเองอีกครั้ง มันมีความรู้สึกแปลกๆ ที่รู้สึกว่าผมกำลังลำเอียง เบี่ยง หรือบิดเบี้ยวเป็นรูปร่างหรือรูปลักษณ์อะไรบางอย่างที่ดูแตกต่างออกไป…….

 

ทำไมผมถึงไม่ได้สังเกตเห็นมันเลย ทำไมผมไม่มีคำถามในเรื่องนี้? มันแปลกมาก ความคิดที่ไม่ต่อเนื่องออกมาอย่างน่าประหลาด ทั้งที่ความคิดของผมควรจะแข็งแกร่งพอๆ กับเส้นใยซุปเปอร์อะรามิด แต่ผมกลับจำไม่ได้แน่ชัดว่าตอนไหนกันที่ผมนั้นทำตัวอ่อนแอลงมากขนาดนี้ หรือผมนั้นกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

 

ผม… ไม่สิ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นคือใครกัน?

 

“เฮ้อ..…” (ยูกิโตะ)

 

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะอยู่ที่หน้าห้องพี่สาว แต่ผมจะก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้หากไม่ได้รับคำตอบสำหรับคำถามนั้น ผมอาจจะต้องพังทลายลงไปเรื่อยๆ และมันก็จะทำให้ผมนั้นหยุดก้าวไปข้างหน้า แต่ว่า… ผมก็โอเคกับเรื่องนั้นนะ ผมไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยและผมก็ไม่สนใจกับมันด้วย

 

แต่ผมก็คิดว่าบางที ก็แค่บางที ถ้าหากว่าผมยังเป็นแบบนี้อยู่ไปต่อ มันอาจต้องมีคนอื่นที่จะมาเสียใจเพราะผมเอาก็ได้ ผมไม่สนหรอกนะว่าตัวผมจะต้องเจ็บปวดสักเท่าไหร่ ผมก็แค่ไม่อยากที่จะต้องทำร้ายใครอีก และบางทีความคิดแบบนี้ก็อาจจะเป็นตัวที่ทำร้ายคนอื่นอยู่ก็ได้

 

แล้วผมก็เคาะไปที่ประตู และนี่ก็เป็นเวลาประมาณ 22.00 น. แต่ผมมั่นใจว่าเธอนั้นยังตื่นอยู่ “แล้วมันดูจะเป็นประเด็นอะไรด้วยรึไง?” ผมเยาะเย้ยกับตัวเอง เพราะว่าเธอนั้นจะต้องเกลียดผมอยู่แล้ว ที่จริงมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปกลัวว่าเธอว่านั้นจะเกลียดผมไปมากกว่านี้เลยซะหน่อย ใช่แล้ว ผมไม่ได้สนใจ… ผมแค่ต้องการค้นหาว่าตัวผมนั้นเป็นใคร ใครคือตัวผมจริงๆ อะไรคือยูกิโตะ โคโคโนเอะ ตัวจริงที่ผมมองไม่เห็น

 

เพื่อที่จะทำแบบนั้นได้ ผมนั้นจึงต้องใช้วิธีที่การแตกต่างออกไป ด้วยการทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมนั้นได้ทำมาจนถึงตอนนี้ และบางทีคำตอบนั้นอาจจะอยู่ในบางสิ่งที่ผมกำลังหลีกเลี่ยงเอาก็ได้ ผมจึงจำเป็นต้องก้าวต่อไป ถึงแม้ว่ามันเจ็บปวดสักแค่ไหนผมก็จะทำ ผมชินชากับการที่ต้องเจ็บปวดแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้อยากที่จะต้องทำให้ใครมาร้องไห้เพราะผมอีกแล้ว

 

“นายมานี่ทำไมในเวลานี้ล่ะ?” (ยูริ)

 

พี่สาวของผมออกมาในชุดนอนของเธอ และดูยังไม่ง่วงนอนเลย ผมคิดว่าเธอน่าจะกำลังอ่านหนังสืออยู่ ผมมันใจนะว่าเธอมีความสุขที่เป็นคนที่มีความสามารถ ไม่เหมือนกับคนที่ไม่มีพรสวรรค์ใดๆอย่างผม…. ผมเองก็ไม่แน่ใจนะว่าทำไมมันถึงมีช่องว่างระหว่างน้องชายและพี่สาวแบบนี้ แต่ว่ามันก็เป็นช่องว่างที่น่าทึ่งเอามากๆ แต่ผมก็คิดเอาว่าก็เพราะพี่สาวของผมนั้นเหมือนแม่น่ะสิ เธอน่ะมีขนาดเส้นรอบอกที่หวั่นเกรงมาเลยล่ะ เฮะ เฮะ.

 

“ผมขอคุยด้วยสักครู่ ได้ไหมครับ พี่สาว?” (ยูกิโตะ)

 

“นายจะมาคุยกับฉันเหรอ? มันดูไม่ปกติเลยนะ… เข้ามาสิ” (ยูริ)

 

แล้วพี่สาวอนุญาตให้ผมนั้นเข้าไป ผมไม่รู้ว่าผมนั้นไม่ได้เข้าห้องของเธอมานานแค่ไหนแล้ว บางทีมันคงจะเกินทศวรรษเอาแล้วก็ได้ เพราะพวกเรามีความสัมพันธ์แบบนี้มาตั้งแต่ในวันนั้น ซึ่งเราก็ไม่เข้ามายุ่งอะไรซึ่งกันและกัน ไม่มองหน้ากัน และผมก็หลีกเลี่ยงเธอมาโดยตลอด แต่ว่าเธอก็ทำแบบเดียวกันรึเปล่านะ? ผมนึกย้อนกลับไปว่าทำไมเธอถึงได้ทำ… เธอทำได้อะไรไป? ผมคิดว่าเธอนั้นไม่ชอบผม แล้วผมก็พยายามบังคับตัวเองให้หยุดคิดในการพยายามหาคำตอบที่มันผิด แล้วทันใดนั้น การเคลื่อนไหวของพี่สาวของผมก็ชะงักไป

 

“-อะไรนะ? เดี๋ยว… เมื่อกี๊นายพูดว่าอะไรนะ?” (ยูริ)

 

“พี่สาว? เอ่อ คือผมแค่มีเรื่องจะคุยกับคุณ” (ยูกิโตะ)

 

“ยูกิโตะ…? ยูกิโตะ! ยูกิโตะ—!” (ยูริ)

 

แล้วเธอก็เข้ามากอดผมเสียแน่นจนตัวผมได้ยินเสียงดังกร๊อบ วันนี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย? นี่ผมถูกกอดมากไปแล้วนะวันนี้ หรือว่าวันนี้มันเป็นวันแห่งการ “กอด” หรือเปล่าเนี่ย? ถ้าเหตุผลของผมไม่อับปางลงไปเหมือนกับเรือประจัญบานยามาโตะ ดูท่าผมก็น่าจะมีปัญหาพอควรเลยนะ ไม่ มันจมไปแล้วใช่ไหม? หากตามปกติแล้ว เรื่องตลกกับในหัวของผมมักจะถูกกระตุ้นเร้าขึ้นมาเลยนี่นา แต่ยังไงก็เถอะ ไปต่อทั้งแบบนี้เลยก็ได้ พวกเราคงจะไม่สามารถมาหยุดกันอยู่เพียงแค่นี้หรอกเนอะ!

 

————————————————————–

 

 

“ให้ตายสิ มันคือหายนะชัดๆ” (ยูกิโตะ)

 

คืนเมื่อวานนั้นน่ะมันเป็นหายนะจริงๆนะ หลังจากนั้นผมต้องนอนอยู่กับพี่สาวที่กอดผมเอาไว้อย่างอารมณ์ดี ดูเหมือนว่าแม่และพี่สาวของผมดูจะเป็นห่วงจนเกินเหตุ แต่ว่าอันที่จริงแล้วผมนี่ล่ะคือตัวปัญหา ผมเอาไปบอกกับใครไม่ได้หรอกนะ ว่าผมนั้นน่ะได้ไปนอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับพี่สาว ในขณะที่เธอนั้นก็กอดผมไว้ตลอด! ถึงแม้ผมเองจะอยากด้วยเหมือนกันก็เถอะ!

 

ไม่ เดี๋ยวก่อน มันจะไม่แปลกมากไปเรอะ? นี่ผมพูดออกไปโดยไม่สนใจโลกซะแล้วรึ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม? แล้วทำไมผมถึงพูดแบบนั้นไม่ได้กันล่ะ ทั้งๆที่ผมต้องการพูดเนี่ยนะ? อืม ก็นะ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย…

 

งั้น โอเค หากว่ามันจะเป็นเรื่องงี่เง่าที่จะต้องมากังวลกับเรื่องพวกนี้ทันทีที่มาถึงโรงเรียนก็เถอะ นั่นก็เพราะในวันนี้ผมยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำเลยล่ะ ผมจะต้องออกเคลื่อนไหวอะไรสักหน่อยแล้วเพื่อค้นหาว่าตัวผมนั้นคือใคร ผมต้องทำอะไรให้มันแตกต่างออกไป ผมจะต้องเปลี่ยนไปให้เป็นผมอีกคนนึงที่แตกต่าง

 

“เป็นอะไรไปน่ะ ยูกิโตะ นายดูเปลี่ยนไปนา…” (มิโฮะ)

 

เจ้าหนุ่มรูปหล่อผู้นั้นก็ยังคงดูสดใสเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน นี่ฝนก็ได้ตกมาเกินวันนึงไปแล้ว แต่เขากลับยังทำหน้าใสเหมือนอย่างเคย เขาไม่ได้ให้ความรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนฤดูกาลเลย เจิดจ้าอยู่ตลอดแบบนี้ไม่เบื่อหรือไงกันน่ะ? ไม่เคยมีเมฆหมอกอะไรเลยรึไงกัน? แต่ผมก็ไม่ใช่นักอุตุนิยมวิทยาสักหน่อย ผมจึงไม่มีเวลามากังวลในเรื่องนั้นหรอกนะ โดยเฉพาะในวันนี้

 

“โคยูกิ มิโฮะ ฉันจะเข้าร่วมทีมบาสเก็ตบอลแล้วล่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“… อะไรนะ? จริงๆเหรอ?! การเปลี่ยนใจของนายนี่มันเป็นเพราะอะไรกันล่ะนั่น?” (มิโฮะ)

 

“ก็สำหรับตอนนี้ไง เห็นว่ามันขึ้นอยู่กับทัวร์นาเมนต์ที่รุ่นพี่เลือดร้อนคนนั้นที่ได้พูดถึงไงล่ะ เราจะไปต่อได้หรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์แล้วล่ะนะ” (ยูกิโตะ)

 

“เข้าใจล่ะ งั้นฉันก็จะเข้าชมรมด้วย!” (มิโฮะ)

 

“แย่จัง! อย่าพยายามตามฉันมาสิ… นี่นายชอบอะไรฉันรึไงกัน?” (ยูกิโตะ)

 

“แน่นอนฉันชอบน่ะเซ่” (มิโฮะ)

 

“อย่างนั้นเหรอ” (ยูกิโตะ)

 

แล้วด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ห้องเรียนนั้นก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด และพอหลังจากนั้นผมได้ยินเสียงเชียร์โห่ร้องที่ดังมาก นี่ผมจะกลายเป็นคนหูหนวกไม๊เนี่ย? ผมรู้น่าว่าถ้าผมถลำลึกจนเกินไป มันจากแค่ก้อนบอลหิมะเล็กๆมันก็จะเปลี่ยนไปเป็นอะไรที่เลวร้ายได้ ก็มันช่วยไม่ได้นี่ ก็ผมไม่ได้รู้อะไรลึกซึ้งอะไรในโลกของ “สองวันแห่งคอมิเก็ต” (งานการ์ตูนฤดูหนาว)

 

“คามิชิโระ… ไม่สิ ชิโอริ” (ยูกิโตะ)

 

“ยะ ยูกิ…?” (ชิโอริ)

 

ผมเรียกคามิชิโระที่กำลังมองมาที่ผมอย่างระมัดระวัง ผมอาจจะไปทำร้ายเธอเข้า เพียงเพราะเธอนั้นแค่เข้ามาพัวพันกับเรื่องของผม ที่ผมแขนหักนั้นเพราะเธอ และทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ได้ก็เพราะเหตุนี้ และนั่นก็เป็นข้อเท็จจริง แต่เนื่องจากมันก็ผ่านไปนานแล้ว และมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรอีกแล้ว ผมหมายถึง… ที่มันมีผลกับร่างกายของผมไปนั้น แล้วตัวคามิชิโระเองล่ะ? ผมมั่นใจว่าเธอเองก็ต้องทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานานแล้วแน่ๆ และถ้าหากเป็นผมที่ไปทำร้ายใครไปแบบนั้น เธอเองก็คงจะไม่สามารถที่จะทำเป็นไม่สนใจอะไรได้หรอก

 

“เธอพอจะกลับมาทำตามที่พูดเอาไว้ได้ไหม?” (ยูกิโตะ)

 

“อะไรนะ? นายพูดออกมาอย่างกับเป็นว่าเป็นผู้หญิงของ…” (ชิโอริ)

 

“ตอนนี้มันเป็นสังคมที่เท่าเทียมทางเพศไปแล้วนะ อย่ากังวลไปเลย ฉันจะถามเธออีกครั้ง จะกลับไปทำตามที่เคยพูดไว้ไหม?” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรหรอกนะ แต่ฉันจะไม่โกหกอีก ฉันตัดสินใจว่าจะไม่โกหกยูกิอีกต่อไปแล้ว!” (ชิโอริ)

 

“โอเค งั้นเธอจะมาเป็นผู้จัดการของฉัน ตกลงนะ?” (ยูกิโตะ)

 

“-อะไรนะ? ใช่ ได้เลยจ๊ะ!” (ชิโอริ)

 

และก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ห้องเรียนนั้นเต็มไปด้วยเสียงตะโกนโห่ร้อง

 

มันเกิดอะไรผิดปกติขึ้นในห้องเรียนเรียนนี้รึไงกันเนี่ย?

 

——————————————————————–

 

 

[มุมมองของ ยูริ โคโคโนเอะ]

 

“เฮ้ เฮ้ ยูริ เธอเห็นนั่นรึยัง เห็นมันไหม?” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“ใช่ฉันก็รู้ ฉันสงสัยว่าอยู่ๆมันเกิดอะไรขึ้นนะ” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“แล้วเธอก็ดู..… มีความสุขแปลกๆนะนั่น” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“เธอคิดอย่างนั้นหรือเหรอ? งั้นฉันว่ามันต้องเป็นเรื่องจริงเลยแน่ๆ” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

“น้องชายของเธอนี่สุดยอดมากเลย! เธอน่าจะพาเขามาที่นี่บ้างนะ” (เพื่อนร่วมชั้น)

 

ฉันได้ยินมาว่าน้องชายของฉันก่อเรื่องขึ้นในโรงเรียนขึ้นอีกแล้ว แล้วพวกเค้าก็กำลังพูดถึงวิธีที่เขานั้นพูดกับเพื่อนร่วมชั้นที่ดูน่าจะเป็นแฟนของเขา ช่วงเวลาในสถานะการณ์แบบนี้มันบ้าไปแล้ว นี่เขากลายเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ฉันจะต้องถามเขาทันทีเมื่อกลับไปถึงบ้าน! โดยปกติแล้วก็จะมีรายงานการเคลื่อนไหวและการกระทำของเขาทุกครั้งมาให้ได้เห็น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในวันนี้นั้นมันแตกต่างมากเกินไป จนเรียกว่าเกิดความโกลาหลขึ้นมากกว่าไปเดิมหน่อยหรือจะเรียกค่อนข้างมากเลยก็ยังได้ แต่ถ้าต้องให้ฉันต้องเดาล่ะก็ ฉันก็จะบอกเลยว่านี่น่ะมันเป็นครั้งแรกเลยล่ะ ที่เขาไม่ได้ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องโดยไม่ได้ตั้งใจ อันที่จริงแล้วเขาดูกำลังพยายามจะทำอะไรบางอย่างด้วยตัวของเขาเอง

 

มันทำให้ฉันนั้นกลับไปนึกถึงเรื่องเมื่อวาน.… ที่ตอนนี้ตาของฉันนั้นอาจจะยังคงแดงอยู่บ้างนิดหน่อยก็เถอะ นั่นเพราะว่าฉันนั้นร้องไห้ออกมา อันที่จริงแล้วฉันก็ดันเผลอหลับไปกับน้องชายเลยซะด้วยซ้ำ ก็เพราะว่าฉันนั้นไม่อยากที่จะปล่อยเขาไป แต่มันก็ไม่ใช่แค่เมื่อวานหรอก วันนี้ พรุ่งนี้ และในอนาคตเลยด้วย ก็เพราะเขานั้นเคยนอนกับแม่มาก่อนแล้ว และทำไมฉันถึงจะทำไม่ได้ด้วยล่ะ? ฉันก็แค่อยากที่จะถูกเขาเรียกว่า “พี่สาว” มาโดยตลอด ฉันน่ะอยากที่จะให้เขารู้จักฉันในฐานะพี่สาวของเขา ฉันอยากให้เขาเห็นฉันเป็นครอบครัวของเขา ที่ไม่ใช่แค่คนที่แปลกหน้า

 

ฉันคิดว่ามันอาจจะได้สัมผัสเข้าไปถึงหัวใจของเขาสักนิดหน่อยแล้ว และจนถึงตอนนี้ มันก็มีแต่เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเขาอยู่เสมอมา บางทีนี่มันอาจเป็นครั้งแรกที่สิ่งดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นมาจริงๆแล้วก็ได้ หากเป็นอย่างนี้ ฉันก็จะต้องไม่ปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่าไปอย่างแน่นอน ฉันจะปล่อยให้พวกเค้ามาทำร้ายเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว… ฉันจะต้องปกป้องเขา! ฉันจะต้องทำ แล้วฉันก็จะ… ในครั้งนี้

 

—————————————————————–

 

 

[มุมมองของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ]

 

“แล้วก็นั่นล่ะ คือเหตุผลที่ผมจะต้องหนีออกจากห้องเรียนที่มีแต่เสียงดังลั่นนั่น…” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ดูท่านายคงมีชื่อเสียงมากกว่าฉันในตอนนี้แล้วใช่ไหมเนี่ย?” (โซมะ)

 

แล้วนี่ก็เป็นเวลาพักกลางวัน และผมก็กำลังกินขนมปังเนยถั่วและขนมปังช็อกโกแลตตรงบันไดฉุกเฉิน นี่มันก็เป็นทางเลือกที่ไม่ใช่จะดีอะไรนัก มันช่างหวานแสบไส้เสียเหลือเกิน ถึงแม้ผมว่าผมจะเป็นคนกินหวานอยู่แล้วด้วยก็เถอะนะ แต่ขนมปังทั้งสองก้อนนี้ก็มีแค่จุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือตอนนี้ร่างกายของผมต้องการพลังงานมาต่อสู้ ด้วยความต้องการน้ำตาลมากที่กว่าเดิม… โทษทีนั่นน่ะผมโกหก ผมไม่ได้อยากที่จะต้องสู้เล้ย…

 

“ว่าแต่เรื่องนั้น รุ่นพี่เฮสเทีย นี่ไม่ใช่ว่าคุณอยู่ที่นี่มาตลอดเลยเหรอ?” (ยูกิโตะ)

 

“หยุดเรียกฉันเป็นเหมือนคนที่ใส่ชุดสีขาวแก่นแก้วแบบนั้น เอาจริงๆ นะ!!” (โซมะ)

 

“… นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่เป็นไร ถ้านายไม่รู้ก็ลืมๆไปซะ” (โซมะ)

 

“อ้อ งั้น ผมก็มีเส้นเชือกสีน้ำเงินมาให้ด้วยนะ” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายก็รู้เรื่องนี้นี่! แล้ว ว่าแต่ทำไมนายถึงมีมันได้ล่ะ!” (โซมะ)

 

“ก็ผมรู้ว่าการพูดคุยทั้งหมดแบบเมื่อกี้นี้จะเกิดขึ้นเมื่อผมก็เลยชื้อมาเผื่อน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“นี่นายกำลังพยายามจะบอกให้ฉันสวมชุดนั้นงั้นเรอะ…?” (โซมะ)

 

“ผมหมายถึง… ก็คุณไม่มีหน้าอกนี่” (ยูกิโตะ)

 

“เฮ้ย นี่ เจ้ารุ่นน้อง” (โซมะ)

 

“ยกโทษให้ผมด้วย คุณผู้หญิง ยกโทษให้ผมด้วย!” (ยูกิ)

 

แล้วก็เหมือนเช่นเคย เฮสเทียกำลังรับประทานอาหารกลางวันคนเดียวอยู่ที่บันไดฉุกเฉิน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เธอนั้นก็เป็นคนโดดเดี่ยวแน่นอนโดยไม่ต้องมีใครบอกเลย นี่ถึงขั้นมาสารภาพเลยนะ คือผมหมายถึง ผมขอสารภาพด้วยเหมือนกัน คือผมเองก็เป็นคนโดดเดี่ยว… แล้วรุ่นพี่เองก็สวยนะ ผมชักจะเริ่มสงสารเธอขึ้นมาแล้วสิ นี่เธอไม่มีเพื่อนเลยจริงๆเลยเหรอเนี่ย?

 

“ดี ดี ดีล่ะ เฮสเทีย งั้นผมจะขอเป็นเพื่อนกับคุณเอง” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ทำไมนายถึงแสดงเก่งจังล่ะ? หรือนี่นายยังคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่โดดเดี่ยว และไม่มีเพื่อนใช่ไหมล่ะเนี่ย?” (โซมะ)

 

“หรือว่าคุณจะไม่ใช่ล่ะ?” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่ ฉันไม่ใช่! ฉันมีเพื่อนอยู่เยอะแยะนะถึงจะเห็นว่าฉันจะเป็นแบบนี้ก็เถอะ!” (โซมะ)

 

“ผมไม่เห็นด้วยเลยกับไอ้ความคิดที่ว่าเนยถั่วควรที่จะมีรสหวานนำมากแบบนี้ ให้ตายเถอะ ไอ้พวกอเมริกา!” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฟังกันหน่อย โอเค๊? ทำไมนายไม่ยอมฟังฉันบ้างเนี่ย?” (โซมะ)

 

“ยอน่า ยอ…” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฉันไม่ใช่ม้า! ฉันไม่ใช่ม้านะ!” (โซมะ)

 

“คุณเป็นเทพธิดานี่นา” (ยูกิโตะ)

 

“นี่ฉันเบื่อแล้วนะ และฉันว่าฉันก็ชักจะเริ่มชินกับการถูกเรียกแบบนั้นเอาแล้วซะแล้วสิ…” (โซมะ)

 

ด้วยอะไรบางอย่าง เฮสเทีย รุ่นพี่ของผมนั้นก็เริ่มที่หงุดหงิด ผมนั้นน่ะรู้สึกสงสารเธอนะ ผมก็เลยให้เชือกนั่นกับเธอ นั่นก็คือสิ่งที่เพื่อนนั้นควรที่จะทำให้!

 

“ฉันไม่เหมือนกับนายนา ฉันไม่ใช่คนโดดเดี่ยว เคะพีช?(แสลงคนอเมริกันแปลว่า เข้าใจไม๊) … นี่นายฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” (โซมะ)

 

“ก็เมื่อเร็วๆนี้น่ะ ผมคิดว่าบางทีผมอาจไม่ใช่คนโดดเดี่ยวจริงหรอกนะ” (ยูกิโตะ)

 

“โอ้ จริงเหรอ? นายพูดถูก นายน่ะไม่ใช่คนโดดเดี่ยว… แต่นายน่ะเป็นคนงี่เง่า!” (โซมะ)

 

“ถึงยังไง ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมมันก็ยังเป็นแค่เด็กผู้ชายที่มืดมนอยู่ดี! ฮ่า ๆ ๆ ๆ!” (ยูกิโตะ)

 

“นี่อย่ามาพูดด้วยหน้านิ่งๆแบบนี้แล้วก็หัวเราะสิ มันทำให้ฉันกลัวนะ แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะ” (โซมะ)

 

ผมก็ไม่รู้ว่านั่นน่ะมันจะเป็นเรื่องดีจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเฮสเทียพูดอย่างนั้น ผมก็มั่นใจ

 

“ใช่ ใช่ นายต้องฟังฉัน เพราะฉันน่ะเป็นเทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ของนายใช่ไหมล่ะ” (โซมะ)

 

“โอ้ ให้ตายสิ นี่คุณคิดว่าคุณเป็นเทพธิดาจริงๆอย่างงั้นเหรอเนี่ย?” (ยูกิโตะ)

 

“นี่อย่ามากล้ากลับคำพูดคืนสิยะ! นายน่ะเป็นคนพูดเองนะ!” (โซมะ)

 

แล้วเสียงฝนที่โปรยปรายอย่างแผ่วเบาก็ดังก้องไปทั่วโรงเรียน มีนักเรียนเพียงคนเดียวที่กล้ามากินข้าวกลางวันด้านนอกกับผมก็มีแค่เฮสเทีย เพราะด้วยตรงที่บันไดฉุกเฉินแบบนี้มันก็เลยไม่ใช่ปัญหาอะไร และพวกเราก็ไม่เปียกกันด้วย แถมเป็นพื้นที่ที่แสนสะดวกสบายอย่างน่าประหลาด ผมนั้นสงสัยว่าโรงเรียนหรือบ้านนั้นจะมีพื้นที่ๆเหมาะกับนีทแบบผมแบบนี้ด้วยไหม อย่างกับสถานที่เล็กๆที่ง่ายๆเรียบง่ายแบบใต้บันไดตรงนี้บ้างหรือเปล่า

 

ผมเองก็ไม่รู้ได้ ซึ่งบางทีนั้นผมก็แค่–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด