เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 19: เพื่อนสมัยเด็ก

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 19: เพื่อนสมัยเด็ก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เพื่อนสมัยเด็ก

 

“ผมเข้าใจละ ยูริเป็นพวกบิชนี่เอง!” (ยูกิโตะ)

 

แล้วผมก็ได้คำตอบสำหรับคำถามของผมแล้ว ตลอดทั้งคืนผมยังคงสงสัยว่าทำไมพี่สาวของผมถึงได้จูบผม แต่เนื่องจากผมหาคำตอบไม่ได้ ผมจึงเอาไปคิดเรื่องนี้ที่โรงเรียนต่อ และในที่สุด นี่ก็คือทางออกคำถามที่ได้ค้นพบ สุดท้ายคำตอบของผมที่ได้นั้นก็คือทฤษฎีที่ว่า “ยูริ โคโคโนเอะ เป็นพวกบิช” นั่นเอง

 

แต่ผมไม่เคยได้ยินมาเลยว่าเธอเคยคบกับใครมาก่อน แต่ว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แน่นอนว่าเธอก็เป็นที่ป๊อปปุล่า! คงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะมีแฟนสักหนึ่ง สอง สิบหรือยี่สิบคน แล้วบางทีเธออาจจะเป็นผู้หญิงบิชในคราบบริสุทธิ์และไร้เดียงสา แล้วผมก็ได้รับรู้ถึงเรื่องเบื้องหลังนี้ของพี่สาวของผมอย่างไม่คาดฝัน แต่ก็ไม่ต้องกังวลอะไร เพราะเรื่องนี้มันจะไม่ทำให้ทัศนคติของผมเปลี่ยนไปได้หรอก!

 

“ถึงแม้ว่าพวกเธออาจจะสงสัยก็ตาม แต่โคโคโนเอะ ก็สามารถทำคะแนนรวมได้อยู่ลำดับที่สามของชั้นปี ทุกคนควรทำตามอย่างเขา…..…หรืออาจจะไม่ควรดี……..เอาเป็นว่าเก็บไปคิดเอาเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็แล้วกันนะ” (อาจารย์ ฟูจิชิโระ)

 

เมื่อโกลด์เด้นวีคได้มาถึง ผลการสอบก็ได้ถูกส่งกลับมา และด้วยความสัตย์จริงการสอบนี้มันก็คือขนมของเด็กสำหรับผม ผมขอโทษผมแค่ล้อเล่น แต่มันก็เจ๋งใช่มั้ยล่ะ? อย่างไรก็ตามผมนั้นอยู่ในอันดับที่สามที่ดีที่สุดของชั้นด้วยผลการเรียนของผม ผมก็ไม่รู้ว่าหรอกนะว่าทำไมอาจารย์ ฟูจิชิโระถึงประกาศเรื่องนี้ออกมาก่อน แม้ตอนนี้มันก็ไม่ได้ช้าไปที่จะทำแบบนี้ เพราะอีกเดี๋ยวมันก็จะถูกโพสต์สู่ที่สาธารณะเร็วๆนี้ ขอบอกก่อนเลยนะว่าผมไม่ใช่คนที่ฉลาดมากนัก แต่ว่าผมนั้นก็เป็นนักเรียนมืดมนโดดเดี่ยวที่ไม่มีงานอดิเรกอะไรเลย ดังนั้นทั้งหมดที่ผมทำก็คือการเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน

 

“นี่นายก็เรียนเก่งด้วยเรอะเนี่ย?” (มิโฮะ)

 

“อย่ามาพูดกับฉันเหมือนเป็นเรื่องปกติสิ นายเพื่อนหน้าใส” (ยูกิโตะ)

 

ทำไมเขาถึงเข้าคุยกับผมได้แบบสบายๆกันละ? แล้วไอ้เรื่องของการแข่งก่อนหน้านั้นมันคืออะไรกัน? มันเสียเวลาและแรงกายโดยสิ้นเชิง และนั่นมัน…… เอาเถอะถึงยังไงผมก็ไม่มีปัญหาในการเรียน ก็แค่นั้นเอง

 

“อย่ามาทำโหดร้ายกันแบบนี้สิ! ฉันได้อันดับที่ 10 เองเท่านั้น” (มิโฮะ)

 

“โอ้ มันเจ๋งมาาาาาาาาาาาากเลย” (ยูกิโตะ)

 

“นั่นมันฟังแล้วดูจะเป็นการถากถางฉันมากกว่านะ” (มิโฮะ)

 

“ก็แทนที่นายจะมัวเอาเวลาอยู่กับฉัน นายควรไปเพื่มความสัมพันธ์ของนายกับคามิชิโระซะนะ” (ยูกิโตะ)

 

“… ฉันชักเริ่มรำคาญเรื่องนี้แล้วนะ” (มิโฮะ)

 

“นี่นายคงจะได้รับไซโรโทนินมาไม่เพียงพอใช่ไหมล่ะนั่น? ที่นายต้องการคือถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากนมมากขึ้นในอาหารแต่ละมื้อของนายนะ” (ยูกิโตะ)

 

“ก็นี่ละเป็นวิธีพูดของผู้เหนือกว่า ใช่ไม๊มิกิจัง?” (ยูกิโตะ)

 

“พวกนายมันผิดปกติกันทั้งคู่นั่นล่ะ! ดูฉันนี่เกือบจะเกรดตกอยู่แล้ว..…” (มิกิ)

 

“ลืมๆเรื่องการสอบไปน่า! ทำไมพวกเราทุกคนไม่ไปสนุกกันบ้างในช่วงโกลด์เด้นวีคนี้ล่ะ” (ซากุราอิ)

 

แล้ว อลิซาเบธ พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม โกลด์เด้นวีคงั้นเหรอ? ใช่แล้วโกลด์เด้นวีค นี่มันไม่จำเป็นต้องบอกซ้ำซะหน่อย โดยทั่วไปแล้วมันก็คือช่วงที่วันหยุดหลายวันมาบรรจบกัน ผมมักจะถูกลากพาตัวไปที่บ้านของยูกิกะอยู่ทุกปีในช่วงวันหยุดนี้ แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาจริงๆนะ ถ้าผมบอกว่าจะไม่ไปน่ะ ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะต้องไป และที่บ้านของเธอนั้นผมได้รับการปฏิบัติเหมือนอย่างกับ อุราชิมะ ทาโร่ ที่ได้รับเชิญไปพระราชวังมังกรเลย

 

“เห็นมะ มิโฮะ นายได้รับเชิญ นี่ล่ะก็คือสาเหตุที่พวกไรจูนั้นจะเป–” (ยูกิโตะ)

 

“อันที่จริงนายก็ได้รับเชิญด้วยนะเฟ้ย” (มิโฮะ)

 

“อะไรนะ? ไม่เอาน่าฉันน่ะมันเป็นคนน่าเบื่อและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดนา มันจะไปมีเพื่อนร่วมชั้นมาชวนฉันออกไปได้ยังไงล่ะ อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระอะไรแบบนี้เลย” (ยูกิโตะ)

 

“นายได้รับเชิญด้วย จริงๆนะ โคโคโนเอะ!” (ซากุราอิ)

 

“จริงๆ? เธอคงจะล้อเล่นสินะ…” (ยูกิโตะ)

 

“ทำไมนายถึงต้องทำท่าประหลาดใจมากกันล่ะ? และฉันไม่ใช่คนประเภทที่จะแสดงท่ารังเกียจใครอย่างเปิดเผยซะหน่อย!” (ซากุราอิ)

 

“อ้อ เข้าใจแล้ว! ถ้าเธอเกลียดใครก็ต้องทำลับหลังสินะ! อย่างที่คิดสมกับเป็น ซากุราอิซัง อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นแน่!” (ซากุราอิ)

 

“ไม่ต้องกังวลอะไรไปฉันน่ะชินแล้ว! เธอสามารถเกลียดฉันต่อไปได้เลยนะ!” (ยูกิโตะ)

 

อลิซาเบธ ทำท่าตกใจและมันก็ดูตลกจริงๆนะ นี่ผมพยายามทำเพื่อคนอื่นๆอยู่นา แต่ว่านี่ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า? แค่มีคนอย่างผมไปด้วย มันจะมีแต่ทำให้บรรยากาศต้องแย่ลงนี่นา แล้วสถานการณ์ในตอนนี้ก็ช่วยพิสูจน์ได้ เวลาที่ผมพูดเรื่องอะไรออกไป บรรยากาศมันมักจะออกมาแบบนี้เสมอ และนั่นก็คือผมเอง PM ยูกิโตะ โคโคโนเอะ มันช่วยไม่ได้ที่ผมจะเป็น แถมเป็นในระดับ 2.5PM เลยด้วย มันคงไม่ได้เป็นที่เรื่องเกินจริงไปนักที่จะบอกว่าผมนั้นน่ะเป็นเหมือนกับฝุ่นของห้องเรียนนี้ แล้วผมก็ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA มาใว้ตั้งตรงหน้าของผมด้วย

 

“นี่ โคโคโนเอะจัง นายไม่อยากออกไปสนุกกับพวกเราบ้างเหรอ?” (มิเนตะ)

 

“ไม่ซะทีเดียว แต่ไอ้คำว่า “สนุก” นี่มันหมายความว่างไงน่ะ?” (ยูกิโตะ)

 

“ก็แค่คิดก็สนุกแล้วล่ะ!” (มิเนตะ)

 

และนี่ก็คือ มิกิ มิเนตะ ที่เป็นสาวแกล เธอพูดและทำตัวเหมือนกับสาวแกลนั้นตัวเอง นั่นหมายความว่าเธออาจจะเป็นพวกบิชด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงจะมีอะไรที่เหมือนกันกับพี่สาวของผมด้วยหรือเปล่า? เนื่องจากผมไม่ใช่ผู้หญิงบิช ดังนั้นไม่มีทางที่ผมจะไปเข้าใจพฤติกรรมของพวกผู้หญิงบิชได้ มิเนตะคงอาจจะรู้ว่าทำไม ยูริ ถึงได้ทำแบบนั้น

 

“ยังไงก็ตามมิเนตะ เธอเป็นพวกบิชหรือเปล่า” (ยูกิโตะ)

 

“อะไรนะ – ห๊ะ? นี่มันแย่มาก โคโคโนเอะ นี่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ!” (มิเนตะ)

 

“อะไรกัน นี่เธอไม่ใช่เหรอ? ฉันขอโทษ ฉันทำตัวหยาบคายไป ฉันขอโทษด้วยนะ” (ยูกิโตะ)

 

“ อืม……ฉันเองก็ไม่อยากให้ต้องรับคำขอโทษจากนายที่เป็นคนตรงไปตรงมาหรอกนะ แต่ว่า…นายเจอเรื่องอะไรผิดปกติมารึเปล่าน่ะ?” (มิเนตะ)

 

“มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามเธอหน่อยน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“แล้วมันจะเป็นเรื่อง.…” (มิเนตะ)

 

ด้วยน้ำเสียงที่ออกมาแผ่วเบา ผมได้ยินมิเนตะ บ่นพึมพำในขณะที่แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง “นั่นหมายถึงว่า นายต้องการจะถามฉันว่าฉันจะขายตัวให้นายไหมเลยนะ?” ผมได้ยินเสียงมิเนตะพึมพำเสียงแผ่วเบาที่แทบจะไม่ได้ยิน และดูยังกับมีไอน้ำออกมาจากใบหน้าของเธอ นี่เธอหมายถึงเรื่องอะไรล่ะนั่น? ผมไม่รู้ว่าเธอนั้นพูดถึงเรื่องอะไรดังนั้นผมจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้แม้ว่าผมจะได้ยินเธอก็ตาม

 

“ก็เมื่อวันก่อนอยู่ๆ ยูริ พี่สาวของฉันก็มาจูบฉันน่ะสิ และฉันก็กำลังสงสัยว่ามันเป็นเพราะอะไร ฉันคิดว่ามิเนตะอาจจะพอช่วยบอกอะไรฉันได้บ้างน่ะ” (ยูกิโตะ)

 

หลังจากนั้นก็เกิดสภาพเงียบงันไปชั่วครู่ แล้วจากนั้นห้องเรียนก็มีเสียงร้องปะทุดังขึ้นมาอย่างวุ่นวาย

 

เกิดอะไรขึ้น!? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันละเนี่ย!?

 

————————————————————–

 

 

[มุมมองของ ฮินากิ ซูซุริคาว่า]

 

“นี่พี่สาวเราต้องรีบแล้วนะ เรามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว พี่เข้าใจใช่ไหม? (???)

 

“ชะ..ใช่” (ฮินากิ)

 

ฉันไม่รู้ว่าน้องสาวของฉัน ทาโอริ นั้นได้พูดผลักดันฉันมากี่ครั้งกันแล้ว มันก็สักช่วงหนึ่งแล้วล่ะ กับสิ่งต่างๆที่เป็นความน่ารังเกียจอย่างฉันคนนี้ มันเป็นเพราะว่าฉันได้หักหลังยูกิโตะ และไม่ใช่แค่น้องสาวของฉัน แม้แต่พ่อกับแม่ของฉันก็โกรธฉันด้วย ยูกิโตะคุ้นเคยกับพ่อแม่ของฉันเป็นอย่างดี และพวกเขาก็รักเขามากด้วย ตัวฉันมีน้องสาวคนเล็กชื่อทาโอริ และตัวพ่อของฉันเองนั้น ที่จริงก็อยากมีลูกชายด้วยเหมือนกัน และสำหรับเขาแล้ว ยูกิโตะก็เป็นเหมือนลูกชายคนหนึ่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พ่อของฉันเคยเล่นด้วยกันกับเขา ในตอนนั้นพวกเขาเป็นเหมือนพ่อกับลูกที่มักจะอยู่เล่นด้วยกันเสมอ

 

ทั้งครอบครัวรู้ว่าฉันนั้นชอบยูกิโตะ แล้วฉันก็เดาว่านั่นจึงเป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถให้อภัยกับการทรยศของฉันได้ ทุกๆสิ่งที่ได้เกิดขึ้นเหล่านั้น ได้ทำให้ชีวิตของฉันกลายเป็นความทุกข์ทรมานอันเลวร้าย และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พ่อกับแม่ของฉันได้โกรธฉันมาก แต่นั่นก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับฉัน ฉันต้องการอยากจะใครสักคนที่จะมาโกรธฉันเพียงเพื่อย้ำเตือนความรู้สึกของฉัน

 

“นี่พี่สาว รู้ไม๊นี่กลายเป็นประเด็นร้อนแม้แต่ในหมู่เพื่อนร่วมชั้นของหนูเลยนะ พวกเขาบอกว่ามีนักเรียนปีหนึ่งที่บ้ามากๆเลยล่ะ” (ทาโอริ)

 

“นั่นน่าจะเป็นเรื่องของยูกิโตะล่ะ ก็แน่นอน” (ฮินากิ)

 

ทาโอริ อายุน้อยกว่าฉันสองปีและอยู่มัธยมต้น เธอกำลังวางแผนที่จะสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเดียวกันกับฉัน ยูกิโตะน่าจะเป็นเพียงนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งคนเดียวนี่ที่มีเรื่องสารพัดอย่างมากพอที่จะทำให้ ทาโอริได้รู้ข่าว เราเพิ่งจะเข้าโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้มาได้ประมาณเพียงหนึ่งเดือนกว่า แต่ชื่อของเขา ยูกิโตะ โคโคโนเอะนั้นก็ได้กลายเป็นที่รู้จักกันดีไปซะแล้ว ถึงขนาดมีแม้กระทั่งคนที่ตั้งใจมาที่ชั้นเรียนของเราเพื่อมาพบเขาโดยตรง

 

“พี่สาว นี่คุณไม่ได้ไปทำกับเขาจริงๆ ใช่ไหม” (ทาโอริ)

 

“ไม่ ฉันไม่ได้ทำนะ! ฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่!” (ฮินากิ)

 

“ถ้าคุณโกหกหนู เราจะตัดขาดกัน แค่การทรยศต่อพี่ชายอย่างพี่นี่น่าขยะแขยงพอแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่แค่นัน พี่ยังทรยศตัวเองแล้วแถมยังเสนอร่างกายของคุณให้กับคนที่ซกมกและไม่คู่ควรแบบนี้อีก” (ทาโอริ)

 

“ฉันรู้ดีกว่าคนอื่นน่า!” (ฮินากิ)

 

“พี่ชายต้องเจ็บปวดก็เพราะพี่และเพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่มาที่บ้านของเราอีกเลย หนูอยากจะให้เขาสอนเรื่องเรียนและเรื่องอื่นๆด้วย แต่เขาก็ดูเปลี่ยนไป หนูรู้สึกว่าเขาอยู่ห่างจากหนูมากกว่าที่เขาเคยเป็น ถ้าหากยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปเขาจะกลายเป็นแค่คนแปลกหน้ากับพวกเรานะ” (ทาโอริ)

 

“ฉันสงสัยว่าเราจะกลับเป็นเพื่อนในวัยเด็กกันอีกครั้งได้ไหมน่ะ ทาโอริ…..” (ฮินากิ)

 

แล้วตอนนี้ตัวเธอเองก็ไม่สามารถอยู่นิ่งได้อีกต่อไปแล้ว มีความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมายรอบตัวของยูกิโตะ แล้ววันนี้เขาก็ได้บอกว่า ยูริได้จูบเขา เมื่อได้รับรู้แล้วซึ่งทุกอย่าง จึงทำให้ยูริซังก็เริ่มที่จะออกตัวแล้ว วันนั้นในห้องสภานักเรียน ทั้งหมดที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับอดีตของยูกิโตะ ก็คือสิ่งที่ฉันไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ในตอนนั้นฉันเอาแต่คิดถึงตัวของตัวเอง ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยูกิโตะมาก่อน และฉันเองก็ไม่ได้พยายามที่จะหาสาเหตุเลยด้วยซ้ำ

 

ไม่ใช่แค่ความผิดของฉันที่ยูกิโตะนั้นจะต้องกลายมาเป็นแบบที่เขาเป็นอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการช่วยแก้ตัว มันไม่ได้ช่วยทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นได้เลยด้วยซ้ำ แล้วอะไรแบบนั้น มันกลับยิ่งทำให้ฉันต้องรู้สึกผิดมากขึ้นที่ได้ทำร้ายเขาซ้ำลงไป ตัวฉันที่คิดว่าคงไม่น่าที่จะต้องเหลือความเสียใจอะไรอีกแล้วนั้น   ตอนนี้ฉันกลับยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นไปกว่าเดิม ฉันเป็นหนึ่งในคนในนั้น ฉันเป็นหนึ่งในกลุ่มของผู้ที่ทำร้ายเขา

 

แล้วไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไง แต่ถ้าฉันไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับเขา ฉันก็ไม่มีทางที่จะก้าวเดินต่อไปได้ ฉันอยากจะบอกเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเกลียดฉันหรือปฏิเสธฉันก็ตาม บอกว่าฉันนั้นไม่ได้ทรยศเขา ฉันยังไม่ได้มอบมันไปให้กับใคร ทั้งหัวใจและร่างกาย

 

ฉันกระซิบกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ฉันจะหยุดวิ่งหนีแล้ว ฉันที่กลัวว่าเขานั้นจะต้องเกลียดฉัน ดังนั้นฉันจะหยุดใช้มันเพื่อมาเป็นข้ออ้างในการหลีกเลี่ยงเขาอีกต่อไป

 

“ซึ่อตรงซะ ฮิรากิ ซูซูริคาวะ ไม่จำเป็นต้องมีการแกล้งลองอะไรน่ารังเกียจแบบนั้น ที่จะมีแต่จะทำร้ายคนอื่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ถึงเพื่อนในวัยเด็กจะถูกกำหนดมาห้เป็นนางเอกที่พ่ายแพ้ ถึงอย่างนั้นฉัน-” (ฮินากิ)

 

ฉันก็ยังรักเขามาก

 

และฉันก็หยุดความรู้สึกนี้เอาไว้ไม่ได้

 

———————————————————————-

 

 

[มุมมองของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ]

 

“มันก็นานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้มาที่นี่” (ยูกิโตะ)

 

ผมได้เดินมาที่บ้านของ ฮินากิ ซูซุริคาว่า ที่เธอนั้นได้มาขอร้องผมที่โรงเรียนเพื่อให้ผมนั้นมาที่บ้านของเธอ แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอนั้นทำหน้าตาคล้ายหมดสิ้นความหวัง ในฐานะสมาชิกชมรมกลับบ้าน เวลาหลังเลิกเรียนของผมนั้นก็มีอิสระเสียมาก ไม่ใช่ว่าผมนั้นไม่มีอะไรทำหรอกนะ แล้วเมื่อก่อนพวกเราที่เคยเล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆ ก็มักจะแวะมาที่บ้านของเธอ เราเคยได้อยู่ใกล้กันที่นี่ ก่อนจะย้ายมาอยู่อพาร์ตเมนต์ปัจจุบัน พวกเราจึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ดีเท่านั้น

 

ผมกดกริ่ง และไม่ใช่แม่ของเธอหรือทาโอริที่ออกมาเปิดประตู แต่เป็นฮินากิ การแสดงออกของเธอไม่ถึงกับมืดมนสักเท่าไหร่ แต่เธอนั้นมีสีหน้าที่ดูเคร่งขรึม ดูเหมือนว่าเธอนั้นจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก

 

“ถ้าเธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย เรามาเจอกันใหม่อีกครั้งทีหลังไหม? (ยูกิโตะ)

 

“ฉันขอโทษนะ แต่ว่าฉันสบายดี อย่ากังวลไปเลย” (ฮินากิ)

 

แล้วผมก็ถูก ซูซุริคาว่า พาไปที่ห้องของเธอ นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้มาอยู่ในห้องนี้? ผมนั่งลงบนเบาะที่เธอเตรียมไว้ให้กับผม

 

“นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้มาที่ในห้องนี้” (ยูกิโตะ)

 

“ก็ประมาณเกือบสามปีแล้วล่ะ” (ฮินากิ)

 

“ไม่นานขนาดนั้นหรอกมั้ง แล้วนี่พ่อกับแม่ของเธออยู่หรือเปล่า?” (ยูกิโตะ)

 

“พวกเขาอยู่ใกล้ๆนี้แหล่ะ แต่มันก็แค่สำหรับวันนี้เท่านั้น ที่พวกเขาอยากจะปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการทุกอย่างเองน่ะ” (ฮินากิ)

 

“?” (ยูกิโตะ)

 

“อะไรนะ?” นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะถาม แต่ผมแน่ใจว่าคงต้องมีเหตุผลที่ซูซุริคาว่าต้องเรียกผมให้มาที่นี่ ผมทำได้แค่นั่งรอให้เธอนั้นบอกผม มันเป็นอะไรที่หาได้ยากมากที่ความคิดของผมนั้นจะทื่อลงได้ขนาดนี้ สำหรับผมแล้ว นี่เป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากมาก ผมเต็มไปด้วยความรู้สึกโหยหา และบางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองนั้น สามารถทำตัวให้เป็นคนตรงไปตรงมามากขึ้น แล้วความรู้สึกที่ว่านี้ยังคงเกาะกุมอยู่

 

“ขอบคุณนะที่ยอมมาในวันนี้” (ฮินากิ)

 

“ก็เธอขอให้ฉันมานี่ แล้วเธอต้องการอะไรล่ะ?” (ยูกิโตะ)

 

“มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายได้ฟังในตอนที่มองมาที่ตัวของฉัน” (ฮินากิ)

 

ราวกับว่าเธอนั้นทำการได้ตัดสินใจได้แล้ว และ ซูซุริคาว่า ที่ได้ยืนขึ้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น ก่อนที่ฉันจะหยุดเธอไว้ได้ เธอก็ได้เอื้อมมือลงไปที่กางเกงในของเธอและทำการถอดเปลื้องผ้าออกจนหมด มันไม่มีเวลาหยุดเธอเอาไว้ เแล้วทั้งหมดที่ผมทำได้นั้นคือจ้องมองไปด้วยความตกใจ แต่ผมก็สามารถบอกได้เลยว่าร่างกายของ ซูซุริคาว่า นั้นกำลังสั่นอยู่

 

“นี่เธอเสียสติไปแล้วเหรอ?” (ยูกิโตะ)

 

คำพูดที่ฟังดูไร้สาระก็ลอยออกมาจากปากของผม ผมเป็นคนบ้าบอ ผมมันเป็นคนพังไปแล้ว บางทีสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดเมื่อกี้คงจะมีอะไรผิด ผมไม่รู้ว่ามีอะไรผิดไป แต่อะไรมีบางอย่างในใจของผม บอกกับผมว่ามันผิด มีเด็กผู้หญิงคนนึงกำลังเปลือยกายอยู่ตรงหน้าของผม และคำพูดที่เธอนั้นบอกว่าอยากจะพูด ก็ไม่ได้ได้รุนแรงหรือหยาบคาย แต่ว่าผมควรจะพูดยังไงออกไปดี!

 

“ไม่หรอกตอนนั้นต่างหากที่ฉันน่ะได้บ้าไป แต่ในตอนนี้ฉันเป็นปกติแล้ว” (ฮินากิ)

 

“นี่เธอกำลังพูดถึงอะไรน่ะ?” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันเสียใจมาตลอด… ตั้งแต่วันนั้น ฉันร้องไห้ทุกคืนและหลับไปอย่างหมดเรี่ยวแรง น้องสาวของฉันก็รังเกียจฉัน ฉันครอบครัวของฉันก็โกรธฉันที่ฉันนั้นไปทำร้ายนาย มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด” (ฮินากิ)

 

“ฉันไม่เข้าใจ นี่เธอทำอะไรผิดหรือ? แต่นั่นเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องของฉันอีกแล้ว และฉันไม่คิดว่าฉันควรจะติดต่อกับเธอให้มากนักตั้งแต่วันนั้น” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่ มันเป็นความผิดของฉันเอง! มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด! ฉันไม่สามารถที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของฉันได้ ดังนั้นฉันจึงพยายามทำเพื่อลองดูว่านายจะรู้สึกยังไง และฉันก็ได้เอาแต่เฝ้ามองตัวนายอยู่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่บอกอะไรนาย มันเป็นความผิดพลาดที่โง่เขลาในตัวของฉัน” (ฮินากิ)

 

นี่เธอกำลังพูดอะไร? มันไม่เชื่อมโยงกัน ผมรู้ว่าคำๆนี้มันคืออะไร แต่ผมไม่เข้าใจความหมายที่จะสื่อเลยสักนิด ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แม้ว่าผมจะมีรูปลักษณ์แบบนี้ แต่ผมก็มีความสามารถที่จะพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองได้ และคะแนนสอบของผมทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นมันก็มากกว่า 95 แต่มันก็ยังคงเป็นความจริงที่ว่าผมนั้นไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดมา มันเกินขอบเขตที่นักเรียนจะสามารถแก้ปัญหาได้

 

แต่อย่างไรก็ตามสายตาของ ซูซุริคาว่า ไม่ได้ดูเป็นบ้า มันมีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างผมกับเธอ ดวงตาสีดำเงาของเธอจ้องมองมาที่ผมอย่างตรงๆ

 

“ยูกิโตะ ฉันไม่ได้มีความรักหรือมีปฏิสัมพันธ์ใดๆทางกายแบบคนที่รักกัน กับรุ่นพี่เขาหรอกนะ” (ฮินากิ)

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด