เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 55: ไปเล่นกับเจ้าหนุ่มหล่อหน้าใสกันเถอะ Part2

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 55: ไปเล่นกับเจ้าหนุ่มหล่อหน้าใสกันเถอะ Part2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไปเล่นกับเจ้าหนุ่มหล่อหน้าใสกันเถอะ Part2

 

“โอ่ย ยูกิโตะ อย่าขโมยการ์ดของฉันเซ่ะ!” (โคยูกิ)

 

“ฉันไม่ได้ทำซะหน่อย” (ยูกิ)

 

“นี่นายจะเก่งเกินไปแล้ว นี่มาทำให้ป่วนวุ่นวายซะจริง! ไปให้พ้นจากฉันเลยนะ!” (โคยูกิ)

 

“อย่ามาปาดหน้าฉันนะ! ย้ากกกกก ฉันจะกลายเป็นพระราชาแล้ว!” (ยูกิ)

 

“บ้าเอ้ย บ้าเอ้ย!” (โคยูกิ)

 

“ฉันอยากให้นายหยุดขายหุ้นซะที” (ยูกิ)

 

“ฉันจะทำถ้าหากฉันทำได้ล่ะก็นะ แล้วเจอกันใหม่.” (โคยูกิ)

 

“ที่จริงนี่นายมันเป็นคนเลวหน้าใสนี่หว่าาาาาา~” (ยูกิ)

 

“นี่ล่ะคือจุดจบของคนไม่ดี” (โคยูกิ)

 

“อย่ามาเทคโอเวอร์ฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตสิ” (ยูกิ)

 

แล้วมิตรภาพของพวกเราก็กำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ในเกมก็ยังคงร้อนระอุอยู่ บางทีมันอาจจะเป็นข้อดีก็ได้ที่มันเป็นเกมที่ต้องมีผู้เล่นสี่คนที่รวมเอา CPU เข้าไปด้วย แทนที่จะเป็นเกมที่มีแค่ผู้เล่นสองคน และหลังจบเกมปาร์ตี้ ผมก็ได้เล่นเกมต่อสู้กับผู้ชายหน้าตาดีที่ชั่วร้ายคนนี้เพื่อตัดสินใจว่าใครจะชนะ แต่เขายังคงลุกขึ้นมาโจมตีผมได้จากที่ต้อนไปขอบจอและผมก็แพ้

 

นี่เป็นไปได้ไหมที่เขาไม่ชอบผมน่ะ ผมน่ะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเขากำลังพยายามตั้งใจ ฆ่า ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ด้วยความจริงจังและแม่นยำด้วยท่ามังกรคำรามที่พุ่งเสยขึ้นจากด้านล่างตัวละครของเขา(โชริวเค็น) ผู้ชายที่หล่อเหลาแต่ชั่วร้ายนี่ค่อนข้างน่ารังเกียจในเกมเอาจริงนะ ผมจะจดเอาไว้ในใจเลย

 

“พูดก็พูดเถอะนะ แล้วนายจะทำอย่างไรกับทัวร์นาเมนต์ล่ะ ยูกิโตะ?” (โคยูกิ)

 

“นายหมายถึงอะไรน่ะ?” (ยูกิ)

 

“ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ……” (โคยูกิ)

 

 ผมที่กำลังอยู่คิดว่าผมนั้นจะแก้แค้นเจ้าหนุ่มหล่อหน้าใสนี้ได้อย่างไร แต่ว่าอยู่ๆหัวข้อสนทนาก็ถูกเปลี่ยนไป

 

“โคยูคิ แล้วเรามีเป้าหมายอะไรล่ะ?” (ยูกิ)

 

“ก็อย่างชนะการแข่งขันระดับภาคมั้ง?” (โคยูกิ)

 

“ฉันว่าเราไม่ควรจะคิดว่าต้องตั้งเป้าหมายแบบนั้นนะ” (ยูกิ)

 

“แล้วถ้างั้นอะไรดีล่ะ?” (โคยูกิ)

 

มันก็แค่เรื่องงี่เง่าธรรมดาทั่วๆไป ก็เหมือนกับเรื่องอื่นๆ ถ้าหากคุณไม่ได้ทำอย่างตั้งใจเต็มที่แล้วล่ะก็ มันก็ย่อมที่จะไม่เกิดผลอะไร

 

“เป้าหมายของเราก็คือช่วยพวกรุ่นพี่เลือดร้อนให้สามารถสารภาพความรู้สึกของเขาได้ ซึ่งก็เฉพาะแค่ด้วยเรื่องบาสเก็ตบอลเท่านั้นนี่” (ยูกิ)

 

“นี่นายเอาเรื่องส่วนตัวกับส่วนรวมมาผสมกันเกินไปแล้ว! แล้วนายก็ใช่ว่าจะเก่งเรื่องแบบนั้นด้วยนี่นา” (โคยูกิ)

 

“ก็นั่นน่ะเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันได้เข้ามาในชมรมตั้งแต่แรกนี่นา” (ยูกิ)

 

“นั่นก็จริงนะ แต่ว่า……” (โคยูกิ)

 

“แล้วฉันก็หมายถึงว่าที่ปรึกษาคนนั้นน่ะ ไม่เห็นจะมีแรงจูงใจอะไรซะหน่อยเลย” (ยูกิ)

 

ในบรรดาชมรมกีฬาหลายชมรมในโรงเรียนมัธยมโชโย ทีมบาสเก็ตบอลที่นำโดยรุ่นพี่เลือดร้อนนั้นมีความคาดหวังระดับต่ำที่สุด ที่ทีแรกได้เทียบมันไปว่ามันอ่อนแอที่สุดในระดับจตุราชันแห่งสวรรค์ แล้วอย่างดีที่สุดที่พอจะสามารถอธิบายได้จริงคือเป็นกลุ่มของคนทำตัวสบายๆ แต่ว่าพอเมื่อได้เข้ามาในชมรมแล้ว ผมก็รู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามันเป็นชมรมกีฬาที่อ่อนแอกว่าที่คิดมาก

 

และนั่นก็เลยเป็นเหตุผล เพราะในตอนที่ผมบอกอาจารย์ อันโดะ ว่าผมต้องการจะเล่นบาสเก็ตบอล เขาก็พูดว่า “โอ้ ฉันเข้าใจแล้ว แต่ฉันไม่ว่างนะ เธอจะทำอะไรก็ได้เลย ฉันจะขอปล่อยให้เป็นหน้าที่เธอละกัน” แล้วเขาไม่ค่อยจะโผล่ตัวมาเลย ผมไม่ได้รู้สึกถึงแรงจูงใจในตัวเขาสักนิด แถมก่อนหน้านั้นเขายังจะดูอึดอัดนิดหน่อยด้วย เมื่อจำนวนสมาชิกได้เพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน ผมเองก็สงสัยนะว่าเขาได้ถูกบังคับให้มาเป็นที่ปรึกษาหรือเปล่า ซึ่งก็มองได้เห็นถึงความดำมืดในแบบของพวกคนทำงานเลยล่ะ

 

ส่วนเจ้าหนุ่มหล่อหน้าใสจากชมรมกรีฑาก็ได้มาเข้าร่วมชมรมนี้ และชมรมบาสเกตบอลที่อ่อนแอนี้ ก็เลยมีสมาชิกใหม่จำนวนมากที่เป็นปีหนึ่ง คงอาจจะเป็นเพราะชิโอริที่เป็นผู้จัดการ แต่อย่างไรก็ตาม เราคงความตั้งใจเดิมเอาไว้ ซึ่งเป้าหมายของเราก็คือช่วยรุ่นพี่เลือดร้อนให้ได้สารภาพรักกับรุ่นพี่ ริวเนะ ทาคามิยะ และบาสเก็ตบอลนี้ก็เป็นเพียงหนทางไปสู่สิ่งนั้นได้

 

“ฉันไม่คิดว่าทีมบาสเก็ตบอลที่มีอยู่ทั่วประเทศจะมีเป้าหมายเหมือนแบบนี้หรอกนะ” (โคยูกิ)

 

“ก็ถ้านายอยากจะจริงจัง นายก็ควรไปชมรมที่แข็งแกร่งกว่านี้นะ แล้วทำไมนายถึงต้องมาที่โชโยกันล่ะ?” (ยูกิ)

 

“…… ก็ฉันเล่นบาสเก็ตบอลในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นมามากแล้ว ฉันเลยคิดว่าฉันก็น่าทำเสร็จสิ้นกับมันแล้ว” (โคยูกิ)

 

“นายเองก็เหมือนกันกับฉันนี่ ก็ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่ได้อยู่ในชมรมกลับบ้าน มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย” (ยูกิ)

 

“แต่ตอนนี้พวกเราก็ได้อยู่ทีมบาสเก็ตบอลเดียวกันแล้วนะ ฉันคิดว่ามันก็คือโชคชะตาเลยนะ” (โคยูกิ)

 

“ขอที ช่วยหยุดไอ้ความสดชื่นกระตือรือล้นแบบฉับพลันนี้เลยนะ!” (ยูกิ)

 

และก็เลยเวลา 15.00 น.แล้ว ในระหว่างที่พวกเรากำลังพักและพูดคุยกันอยู่ ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา และคุณแม่ของเจ้าหนุ่มหล่อก็ได้เข้ามาพร้อมกับขนมและเครื่องดื่ม

 

“ทานอาหารว่างจ้า ฟุฟุ~ ขอให้มีช่วงเวลาที่ดีนะ” (แม่)

 

“ขอบพระคุณมากครับ” (ยูกิ)

 

“ขอบคุณครับแม่” (โคยูกิ)

 

แล้วคุณแม่ของเจ้าหล่อหน้าใสก็จากไปพร้อมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของเธอ

 

“วาราบิโมจิ เป็นแบบโบราณเหรอ” (ยูกิ)

 

“คือแม่ชอบขนมญี่ปุ่นน่ะ แล้วฉันมักจะซื้อมันให้เธอบ่อยๆ” (โคยูกิ)

 

“ใช่ อร่อยมาก แต่ฉันดีใจนะที่เธอน่ะได้ดูแลนายเป็นอย่างดี” (ยูกิ)

 

“ไม่เคยคิดว่านายจะสนใจในเรื่องนี้เลยแฮะ” (โคยูกิ)

 

“ก็ฉันมันเป็นแค่คนตัวเล็กๆที่มีดีแค่มองเห็นผลประโยชน์ของคนอื่นๆออกได้ดีน่ะ” (ยูกิ)

 

“ไม่ต้องมาหลอกฉันแบบนั้นเลยนะ” (โคยูกิ)

 

แล้วในขณะที่ผมกิน วาราบิโมจิ กับหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ ผมก็เกิดปิ๊งไอเดียนึงขึ้นมา ผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ น่ะ เป็นพวกชอบตอบแทนบุญคุณนะ

 

“แล้วถ้าเธออยู่บ้านก่อนค่ำแบบนี้ได้ ก็หมายความว่าแม่ของนายเป็นแม่บ้านหรือเปล่า?” (ยูกิ)

 

“ใช่ เธอทำ แล้วมันมีอะไรรึไง?” (โคยูกิ)

 

“ฟุฟุฟุฟุฟุฟุ” (ยูกิ)

 

“ฉันรู้สึกถึงความคิดที่ไม่ค่อยจะดีได้อีกแล้วสิ……” (โคคิ)

 

“สิ่งดีๆน่ะมักจะเข้ามาอย่างรวดเร็วนะ โคยูกิ เราจะต้องไปหาแม่นาย!” (ยูกิ)

 

“เดี๋ยวก่อน! นี่จะไปทำอะไรแม่ฉัน!?” (โคยูกิ)

 

————————————————————————-

 

 

“นี่คือสิ่งที่เธอจะของั้นเหรอ?” (ชิสะ)

 

“ใช่ครับ ผมต้องขอโทษด้วย แต่ผมก็ต้องการความร่วมมือจากคุณด้วยครับ” (ยูกิ)

 

 พวกเรากำลังอยู่ในห้องนั่งเล่น

 

 ผมขอให้ชิสะซัง คุณแม่ของเจ้าหนุ่มหล่อหน้าใสนั่งลงบนเก้าอี้

 

“ขั้นแรก ให้ทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆก่อน โอ๊ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องผ้าเช็ดนะครับ มันเป็นของใหม่ เพิ่งแกะซองออก” (ยูกิ)

 

“นี่ปกติฉันจะไม่ทำพวกนี้หรอกนะเพราะว่าฉันต้องซักผ้า ล้างจาน และก็งานเปียกน้ำอื่นๆอีกน่ะ” (ชิสะ)

 

“จริงเหรอครับ? ถ้าหากเป็นอย่างนั้น งั้นเรามาทำที่มันดูเรียบง่ายและไม่ฉูดฉาดเกินไปกัน” (ยูกิ)

 

มันง่ายต่อการเตรียมผ้าขนหนูผืนนึ่ง แล้วสิ่งที่คุณต้องทำคือนำผ้าขนหนูนั้นไปชุบน้ำและเอาไปอบในไมโครเวฟ ซึ่งผมก็ยืมใช้เตาไมโครเวฟของเธอ แล้วรอประมาณ 30 วินาที จากนั้นก็ปล่อยให้ผ้าขนหนูที่ร้อนเย็นลงเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆ เช็ดเท้าจนถึงปลายนิ้วและระหว่างนิ้ว หลังจากเช็ดเสร็จแล้ว ก็ให้ทาครีมทามือบางๆลงไป

 

“มือคุณสวยมากเลยนะครับ” (ยูกิ)

 

“จริงๆเหรอ? มันออกจะน่าอายนะที่จะต้องมาถูกเพื่อนของโคจังบอกแบบนั้นน่ะ” (ชิสะ)

 

แล้วชิสะซัง ยิ้มอย่างเขินอายราวกับสาวน้อย

 

“นี่ทำไมแม่ถึงได้ถูกใจนายได้นี้ละเนี่ย” (โคยูกิ)

 

แล้วเจ้าหนุ่มหล่อที่อยู่ข้างๆ ผม ก็ได้แสดงใบหน้าที่ตะลึงงัน พร้อมกับส่งการตบมุขมาให้ผม เจ้าหนุ่มหล่อรูปนี่ช่างไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลย

 

“ฟังนะ โคยูกิ แค่ทำให้เฉยๆแบบนี้น่ะยังไม่พอนะ นายจะต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสะอาดและได้ผ่อนคลายด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีความหมายใช่ไหมล่ะ” (ยูกิ)

 

“โอ้พระเจ้า……. แล้วทำไมนายต้องมาพูดได้ถูกต้องตรงไปตรงมาเอาในตอนนี้กันด้วยเนี่ย” (โคยูกิ)

 

“คุคุ โคจังเองก็จะเข้าใจมันในไม่ช้านะ” (ชิสะ)

 

“แม่ อย่าปล่อยให้เขาหลอกสิ! แล้วนายเป็นอะไรไปเนี่ย ยูกิโตะ? ปกตินายน่ะเป็นคนที่ชอบสร้างปัญหาและความวุ่นวายในชีวิต ในโรงเรียนอยู่เสมอไม่ใช่รึไง แล้วนายเองก็เป็นคนที่ชอบแสดงความคิดเห็นบ้าๆ บอๆ อยู่ตลอด! แล้วทำไมจู่ๆถึงทำตัวกลายเป็นคนจริงจังไปได้เนี่ย!” (โคคิ)

 

“โคยูกิ……” (ยูกิ)

 

 มันก็ใช่นะ แต่นั่นไม่ใช่การประเมินของผมที่ออกจะแย่มากไปหน่อยเหรอ?

 

“อะไรรึ?” (โคยูกิ)

 

“นี่น่ะคือ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ เวอร์ชั่น β” (ยูกิ)

 

“เยี่ยม นายก็ยังคงเป็นยูกิโตะเหมือนเดิมอยู่” (โคยูกิ)

 

 เจ้าหนุ่มหล่อนี่ดูจะเชื่อแล้ว แล้วมันพอมากพอสำหรับเค้าแล้วใช่ไหมนะ?

 

“ยูกิโตะ นี่นายอยากจะเป็นช่างทำเล็บงั้นเหรอ?” (โคยูกิ)

 

“ไม่ ฉันไม่ทำหรอก” (ยูกิ)

 

“ก็ก่อนที่นายจะมาที่นี่ นายน่ะทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการไปที่แผนกเครื่องสำอางเลยนา” (โคยูกิ)

 

“ก็ฉันคิดว่าฉันจะซื้อสีที่เหมาะกับแม่ของฉันน่ะ” (ยูกิ)

 

 ผมซื้อสีใหม่มาประมาณหกสี

 

 แล้วเมื่อผมทำการจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จ ผมก็เอ่ยถามชิสะซัง

 

“ขอโทษนะครับ นี่คือทั้งหมดที่ผมมีอยู่ในตอนนี้ มีสีที่คุณชอบอยู่ไหมครับ?” (ยูกิ)

 

“อืม ฉันคิดว่า… น่าจะเป็นอันนี้นะ” (ชิสะ)

 

 สีที่ชิสะซัง เลือกโดยไม่ลังเลเลยก็คือสีชมพูอ่อน สีนี้ดูไม่โดดเด่นมากนัก

 

“ผมจะเริ่มด้วยการลับเล็บก่อนสักหน่อย” (ยูกิ)

 

“ได้เลย ฉันขอปล่อยให้เธอเป็นคนจัดการนะ” (ชิสะ)

 

แต่งเล็บด้วยตะไบแล้วเช็ดออกด้วยทิชชู่เปียก เมื่อทำการตะไบเสร็จแล้ว ก็ทาด้วยเพซโค้ทและรอให้แห้ง

 

“โว้ว นายนี่ดูเก่งเรื่องนี้จังนะ แล้วยูกิโตะ ทำไมจู่ๆถึงเริ่มหันมาทำเล็บล่ะ?” (โคยูกิ)

 

“ก็ทุกอย่างมันเริ่มจากในช่วงเริ่มต้นฤดูร้อนน่ะ” (ยูกิ)

 

“ช่าย แล้วจะต้องแอ๊คท่าตามด้วยไม๊? แบบย้อนอดีตน่ะ?” (โคยูกิ)

 

 โพวา-โพวา-โพวา.

 (เอฟเฟคเวลานึกเรื่องย้อนอดีต 555)

 

——————————————————————-

 

 

[Flashback]

 

“ฉันทำสิ่งที่เรียนเสร็จแล้ว นี่ฉันควรเรียนรู้อย่างอื่นบ้างสักหน่อยล่ะนะ” (ยูกิ)

 

แล้วผมก็โยนหนังสือเรียนลงบนโต๊ะ เมื่อผมได้เสร็จจากงานที่เป็นการเรียนด้วยตัวเองไปหมดแล้ว มันก็ไม่มีอะไรเหลือที่จะให้ทำอีก ผมที่ซึ่งได้ทำตามทุกอย่างที่มีอยู่ในหนังสือไว้ทั้งหมดแล้ว วันหยุดฤดูร้อนผมจึงมีเวลาเหลือเฟือ ผมที่ซึ่งทุ่มเทไปให้กับการเรียนตลอด แต่ผมก็เริ่มชักจะเบื่อกับสิ่งเดิมๆแล้ว

 

“นั่นนายกำลังจะไปไหนหรือ?” (ยูริ)

 

พอผมเดินออกจากห้องเพื่อไปที่หอสมุด พี่สาวที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เรียกหยุดผม

 

“ผมคิดว่าผมจะไปที่หอสมุดเพื่อจะทำการเปิดสำรวจสู่ประตูบานใหม่ๆอยู่น่ะครับ” (ยูกิ)

 

“อืม ฉันคิดว่าฉันจะไปกับนายนะ” (ยูริ)

 

พี่สาวเองคงมีความคิดอะไรอยู่ แต่แล้วเธอนั้นก็ไปเกี่ยวอะไรเข้ากับเล็บของเธอตรงโซฟา

 

“โอ้ย……. เล็บฉันหักแล้ว” (ยูริ)

 

“พี่ เป็นอะไรไหม?” (ยูกิ)

 

“มันก็แค่เศษเล็บเล็กน้อยน่ะ ใช่แล้ว ทำไมนายไม่ลองเรียนทำเล็บในเวลาว่างนี้ล่ะ” (ยูริ)

 

“ทำเล็บ?” (ยูกิ)

 

“ฉันล้อเล่นน่า ฉันก็แค่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ แล้วออกไปที่นั่นก็ระวังตัวด้วย ฉันจะไปเล็มเล็บล่ะ” (ยูริ)

 

 แล้วพี่สาวก็เดินกลับไปที่ห้อง

 

 ส่วนผมยังคงได้ยินคำพูดของเธอวนเวียนอยู่ในหัวของผม

 

“เล็บ……เล็บ……มีประโยชน์……” (ยูกิ)

 

—————————————-

 

 

 โพวา-โพวา-โพวา.

 

 

“นั่นล่ะที่ว่าทำไมถึงได้เริ่มน่ะ” (ยูกิ)

 

“เอ แค่นั้นเองเหรอ?” (โคยูกิ)

 

“ก็ฉันเบื่อนี่ และนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน” (ยูกิ)

 

“แล้วทั้งหมดนี่ก็คือสิ่งที่ไปกระตุ้นความคิดเข้าให้งั้นเหรอะ….?” (โคยูกิ)

 

“ก็ถ้าแม่และพี่สาวของฉันคิดว่ามันคุ้มค่า มันก็คุ้มแล้วน่ะ” (ยูกิ)

 

“นี่เธอ……” (ชิสะ)

 

 อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนน้ำเสียงของชิสะซัง ดูจะมืดมนลงนิดหน่อยแฮะ

 

แต่ก็ถ้ามันทำให้พวกเขามีความสุขได้ก็จะทำ เนื่องจากความจริงที่ว่าผมได้เคยสร้างปัญหา และความกังวลเอาไว้มากกว่าที่ผมนั้นจะตอบแทนได้หมดน่ะสิ มันเลยกลายมาเป็นนโยบายของผมเอง ที่จะไม่ขัดหรือเพิกเฉยต่อคำพูดของแม่หรือพี่สาว

 

“อืม ผมคิดว่ามันแห้งแล้วล่ะ มาเริ่มวาดกันดีกว่า” (ยูกิ)

 

————————————————————————-

 

 

[มุมมองของครอบครัวมิโฮะ]

 

“ขอบคุณมากนะสำหรับวันนี้ ฉันเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีเพื่อนของโคจังมาทำแบบนี้ให้กับฉันเลยนะ” (ชิสะ)

 

“อย่ากังวลไปเลยครับ มันเป็นคำขอบคุณน่ะ ผมกลับบ้านก่อนนะครับ แล้วเจอกันนะโคยูกิ” (ยูกิ)

 

“โอ้ ดูแลตัวเองด้วยนะ ครั้งหน้าไปเล่นน้ำกัน” (โคยูกิ)

 

“ว่ายน้ำ……ไนต์พูล……เอ๊อะ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!” (ยูกิ)

 

“ยูกิโตะเป็นอะไรไปน่ะ?” (โคยูกิ)

 

“ก็แค่นึกถึงประวัติศาสตร์อันดำมือของฉันได้น่ะสิ และแน่นอนว่าโซเชียลมีเดียก็ได้ลุกเป็นไฟ” (ยูกิ)

 

“นี่ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยากถาม หรือไม่อยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายดีนะ…….” (โคยูกิ)

 

“ฉันไปล่ะนะ” (ยูกิ)

 

 แล้วชิสะ ก็ได้เอ่ยเรียกลูกชายของเธอซึ่งกำลังดูเพื่อนสนิทของเขาในระหว่างที่เขาเดินออกจากประตูไป

 

“เป็นเด็กที่แปลกๆนะ ที่ดูยังไงก็ไม่สามารถทิ้งให้อยู่ตามลำพังได้เลย” (ชิสะ)

 

“นั่นน่ะคือสิ่งที่ทุกคนก็พูดกันล่ะครับ” (โคยูกิ)

 

“แล้วก็ดูเหมือนลูก ก็ดูสนุกกับตัวเองเหมือนกันนะโคจัง แม่คิดว่าแม่ไม่เคยเห็นลูกแบบนี้มาก่อนเลยล่ะ” (ชิสะ)

 

“อย่างนั้นหรือครับ” (โคยูกิ)

 

“ก็ลูกไม่ค่อยจะพาเพื่อนมามากนักใช่ไหมล่ะ” (ชิสะ)

 

“อืม ก็เขาเป็นคนแบบ……ที่เรียกว่าบ้าบอน่ะ ผมทิ้งเขาไว้คนเดียวไม่ได้หรอกครับ” (โคยูกิ)

 

“คุคุ ลูกก็ทำไม่ได้สินะ?” (ชิสะ)

 

โคยูกิรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อถูกมองมาแบบนั้นจึงหันหน้าหนี แต่ชิสะก็มองเห็นว่าเขายิ้มอยู่ เธอรู้ได้เลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นดีมาก แต่เธอนึกสงสัยว่าครั้งสุดท้ายที่เธอนั้นสามารถพูดคุยกับลูกชายที่เป็นวัยรุ่นได้อย่างเรื่อยเปื่อยแบบนี้ได้นั้นคือตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ปกติแล้วเธอมักจะพยายามเก็บกดมันเอาไว้เนื่องจากช่วงอายุที่แตกต่าง แต่ว่าบรรยากาศในตอนนี้ก็กลับดูสบายๆ เธอจึงรู้สึกขอบคุณเขาเสียมากกว่าที่เขาได้ทำให้เธอได้พบกับบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์แบบนี้

 

 แล้วชิสะ ก็ยกมือของเธอขึ้นออกมาข้างหน้า พร้อมหรี่ตาจ้องมองไปทามกลางแสงจ้าของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน

 

“แล้วนั่นมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้แม่มีความสุขงั้นเหรอครับ?” (โคยูกิ)

 

“ใช่ แม่คิดว่าผู้หญิงทุกคนก็น่าจะมีความสุขกับเรื่องนี้ล่ะนะ” (ชิสะ)

 

“งั้นผมคิดว่าผมเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมยูกิโตะถึงบอกว่าเขานั้นโชคร้ายเรื่องผู้หญิง” (โคยูกิ)

 

“อย่างนั้นหรือ?” (ชิสะ)

 

“ก็มันเป็นความผิดของเขาเองนั่นล่ะ” (โคยูกิ)

 

 แล้ว โคยูกิ กับ ชิสะ ก็ได้เดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวนิดๆ

 

 และพอใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว สมาชิกครอบครัวที่เหลือก็กำลังจะกลับมาไม่ช้านี้

 

เธอเองนั้นก็สงสัยว่าสามีของเธอจะสังเกตเห็นมันหรือเปล่า พอคิดแบบนั้นแล้วชิสะ ก็เดินเข้าไปที่ห้องครัวด้วยความรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย

 

 

 

“เฮ้ นั่นอะไรน่ะคะแม่” (มิตซูริ)

 

“มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ มิตซูริจัง” (ชิสะ)

 

มิตซูริ ลูกสาวคนโตของครอบครัว ซึ่งกลับบ้านไปทานอาหารเย็นเร็วอย่างไม่เหมือนปกติ ก็ได้ทำการตอบสนองทักออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“ก็มันเป็นเรื่องที่ไม่ปกติที่แม่จะทาเล็บนี่คะ มีอะไรผิดปกติกับแม่? หรือว่าแม่กำลังมี “เรื่องชู้สาว?” (มิตซูริ)

 

“…………!” (พ่อ)

 

 โคยูกิเองก็ไม่พลาดช่วงเวลาที่ปกติของพ่อเขาที่เป็นคนนิ่งๆ นั้นได้หยุดชะงักไป

 

“ฉันเองก็สงสัยเนอะ ใช่ไหมล่ะโคจัง” (ชิสะ)

 

“แล้วทำไมเธอถึงต้องบ่ายเบี่ยงเรื่องนี้ล่ะ……” (พ่อ)

 

“โคยุ นายรู้อะไรเรื่องนี้บ้างไหม?” (มิตซูริ)

 

 ขณะที่โคยูกิกำลังถูกมิตซูริต้อนให้จนมุม แม่ของฉันก็ต้อนพ่อของฉันด้วยเหมือนกัน

 

“ฉันเสียใจนะที่คุณไม่ได้สังเกตเห็นมันเลยน่ะ” (ชิสะ)

 

“ฉันสังเกตเห็นสิ……. แต่จู่ๆก็เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” (พ่อ)

 

“จริง…เหรอ…คะ” (ชิสะ)

 

“คือฉันขอโทษ ฉันก็รู้ว่าช่วงนี้ฉันละเลยเธอไปหน่อย” (พ่อ)

 

“คุคุ เกิดอะไรขึ้นที่รัก? นี่คุณอารมณ์เสียอย่างนั้นเหรอ?” (ชิสะ)

 

“ไม่ คือมัน…….” (พ่อ)

 

 แล้วโต๊ะกินข้าวปกติที่จะเงียบงันของตระกูลมิโฮะกลายเป็นการตะโกนแข่งกันอย่างสนุกสนาน

 

(นี่เขาสร้างความโกลาหลได้แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างงั้นสินะ……)

 

 แล้วเขาก็ได้โยนความขุ่นข้องใจไปให้กับเพื่อนสนิทของเขาซึ่งไม่ได้อยู่ด้วย แต่โคยูกิ อาจจะทึ่ง และยังคงที่จะไล่ตามเขาต่อไป

 

“โคยุ นี่มาทำให้กระจ่างหน่อยสิ” (มิตซูริ)

 

“คือวันนี้ผมมีเพื่อนมาน่ะ เขากำลังเรียนทำเล็บ ก็เลยทดลองกับแม่น่ะ” (โคยูกิ)

 

“เด็กคนนั้นอะไรกันเนี่ย? นี่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเล็บหรืออะไรกันแน่?” (มิตซูริ)

 

“ไม่ ไม่จริงซะหน่อย แต่ว่ามันยากที่จะอธิบาย และมันก็ไม่คุ้มพอที่จะอธิบายด้วย…….” (โคยูกิ)

 

“นายไม่ได้ทำให้ชัดเจนเอาซะเลยนะ” (มิตซูริ)

 

“เอาเถอะน่า แค่นี้ก็พอแล้ว กลับไปกินข้าวกันดีกว่าไหม” (โคยูกิ)

 

โคกิคิดว่าพี่สาวของเขา ผู้ซึ่งชอบสิ่งที่ดูเป็นเรื่องน่าสนใจ จะต้องชอบเขาอย่างแน่นอนหากได้พบกับเขา สำหรับโคยูกิแล้ว ก็เป็นคนซึ่งมักจะเป็นฝ่ายถูกพี่สาวกดดันอยู่เสมอ ความยากลำบากจึงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า มันไม่มีทางหรอกที่เธอจะจับคู่เขาได้ เขาเริ่มที่จะพยายามหยุดการพูดคุยนี้ลงอย่างเต็มที่

 

“ฉันอยากเจอเขาจัง” (มิตซูริ)

 

“เอาล่ะ สำหรับบทสนทนานี้ก็จบแล้วล่ะนะ” (โคยูกิ)

 

“โคยุ คราวหน้าบอกฉันด้วยล่ะ” (มิตซูริ)

 

“เขาไม่ใช่ว่าจะฟังอะไรผมนี่ ไม่สิ เขาไม่ใช่คนแบบที่พี่สาวจะมาสนใจด้วยหรอก เขาน่ะเป็นคนธรรมดา ไม่เด่น มืดมน นอกจากนี้มันอะไรอีกนะ? เขาเคยบอกเอาไว้อะไรนะ โอ้ใช่แล้ว เขาเป็นพวกโดดเดี่ยวน่ะ” (โคยูกิ)

 

“แล้วนี่นายไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขาหรอกเหรอ โคยุ?” (มิตซูริ)

 

“เขาเป็น แต่…” (โคยูกิ)

 

“โคยุ ที่พาเพื่อนมาบ้านด้วยก็หายากเหมือนกันนะ ในโรงเรียนมัธยมต้นนั้นก็ไม่เคยมีเลย ภายนอกออกจะดูดี แต่ที่จริงออกจะขี้ตืดนิดหน่อยนะเนี่ย” (มิตซูริ)

 

“เขาน่ะอออกจะเป็นคนเร่งรีบ ที่ไม่สนใจอะไรเลยน่ะ” (โคยูกิ)

 

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา มันอาจจะดูแปลกๆที่จะเรียกเขามา ในเมื่อฉันเองก็เป็นคนที่อยากจะเจอเขา งั้นก็ค่อยไปเจอเขาเมื่อถึงเวลาเหมาะๆเนอะ” (มิตซูริ)

 

“ขอโทษนะยูกิโตะ ฉันไม่คิดว่าฉันจะหยุดเธอเอาไว้ได้” (โคยูกิ)

 

 แล้วก็รู้สึกได้ถึงเหงื่ออันไม่พึงประสงค์ที่ไหลย้อยลงมาที่หลัง โคยูกิจึงตัดสินใจไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้ลืมๆมันไปซะ

 

—————————————————————–

 

 

[มุมมองของ ยูกิโตะ]

 

“…… คิววอาาาา…… ฟูฮ่าาา…… อืนนนน…… ฮ้าอูววว……อืมมม…..” (แม่)

 

“เอิ่ม นี่มัน……” (ยูกิ)

 

“มีอะไรงั้นรึจ๊ะ?” (แม่)

 

“ก็แม่ตอบสนองเหมือนพี่สาวเลยน่ะ” (ยูกิ)

 

“แม่กับลูกก็เหมือนกันไง” (แม่)

 

“ช่างเป็นพลังโน้มน้าวจิตใจอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก” (ยูกิ)

 

ก่อนถึงเวลานอนผมก็กำลังทำเล็บของแม่อยู่ในห้องของเธอ แต่ผมกลับรู้สึกผิดหวังมาก เพราะว่าเธอนั้นน่ะอยู่ในชุดชั้นใน บอกตามตรงว่าภาพแบบนี้เกินกว่าที่สายตาของผมจะรับมันได้ มันไม่ได้เหมือนกับการเห็นเพียงแวบเดียว และสุดท้ายผมก็ยอมแพ้กับมัน และตัดสินใจที่จะมองดูตัวเธอไปอย่างเปิดเผย เธอนั้นมีผิวพรรณที่เพอร์เฟ็กต์ ผิวสวยจังเลย!

 

เมื่อผมถามเธอว่าทำไมเธอถึงต้องแต่งตัวแบบนี้ เธอก็ตอบว่า “ก็มันอาจจะกระเด็นทำให้เสื้อผ้าของแม่สกปรกได้ไง” นี่มันเป็นข้อโต้แย้งที่ถูกต้องตามกฎอย่างสมบูรณ์แบบ พอเธอพูดแล้วมันก็ฟังดูน่าเชื่อถือมาก แต่ผมก็คิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้ามากขนาดนั้นก็ได้ และผมก็คิดไม่ออกว่าจะเถียงอะไรกลับไปกับเรื่องนี้ดี ผมก็เลยต้องยอมรับมัน

 

“นี่เป็นยังไงบ้างครับ?” (ยูกิ)

 

พอผมวาดระบายลงที่เท้าของเธอเสร็จแล้ว เธอผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความพึงพอใจ ผมได้ลองการไล่สีดูเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลแฮะ

 

“มันสวยงามมาก……. ขอขอบคุณนะจ๊ะ” (แม่)

 

สายตาของเธอดูเร่าร้อนขณะที่เธอดูเหมือนออกจะหน้ามืดตามัวยังไงไม่รู้ ผมสงสัยว่าเธอจะไม่พอใจเอารึเปล่า ผมที่ได้ทำการเลือกสีสันให้สำหรับแม่ ที่เป็นคนชอบสีฟ้า เป็นเฉดสีโปร่งแสงเหมาะกับเธอมาก เผื่อเวลาเธอต้องไปทำงาน ไม่งั้นเธอไม่สามารถใส่เสื้อผ้าที่ฉูดฉาดเกินไปได้ แต่ว่าเธอก็ทำงานทั้งจากที่บ้านและที่ทำงานด้วย แถมเธอก็กำลังจะไปเที่ยวพักผ่อน ดังนั้นการตกแต่งอะไรแบบนี้คงไม่เป็นปัญหา

 

“จริงสิ รู้ไหม ว่าแม่เลือกจุดหมายที่เราจะไปได้แล้วล่ะ ที่คุยกันก่อนหน้านี้น่ะ”

 

“จริงเหรอครับ?” (ยูกิ)

 

นี่เป็นเรื่องที่พวกเรากำลังพูดกันอยู่ มันคือการการไปเที่ยวน้ำพุร้อนแบบเป็นครอบครัว แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว ผมจึงตั้งหน้าตั้งตารอเลยล่ะ

 

“เรากำลังจะไปโรงแรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม และแม่ก็คิดว่าแม่น่าจะได้ห้องที่ดีที่สุดด้วยล่ะ” (แม่)

 

 แล้วเธอก็ได้แสดงรายการที่พักบนโทรศัพท์ของเธอมาให้ผมดู

 

“ที่นั่นมีทิวทัศน์ที่สวยงามและพวกเขาก็ภูมิใจในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติของพวกเขา แม่น่ะตั้งตารอคอยมันเลยล่ะ” (แม่)

 

“แล้วนี่ได้ห้องแบบนี้มาได้ยังไงกันครับเนี่ย?” (ยูกิ)

 

“ก็แต่เดิมนั้นเป็นโรงแรมที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศน่ะ แต่ว่าตอนนี้ก็เป็นปีที่เป็นช่วงที่ไม่มีคนต่างชาติเข้ามาเลยน่ะ ห้องพักก็เลยว่างตลอดเลย” (แม่)

 

“ผมเข้าใจแล้ว” (ยูกิ)

 

มันก็คงจะเป็นแบบนั้น เมื่อมีการแบ่งระบุแยกประเภทสถานที่พักไปแล้ว มันก็เป็นการยากที่จะเรียกความต้องการในประเทศให้กลับคืนมา เช่นเดียวกับพวกห้างสรรพสินค้า อย่างพวกที่กินซ่าและอากิฮาบาระที่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติไป ผู้คนท้องถิ่นที่เคยชอบไปที่นั่นจึงค่อยๆได้จากไป ผมเองก็สงสัยว่าโรงแรมนี้ก็น่าจะอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วยหรือเปล่า ทั้งที่เป็นสถานที่ที่สวยงามและมีกลิ่นอายของประวัติศาสตร์

 

และสิ่งที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ของแม่ก็มีชื่อของสถานที่นั้นเอาไว้ด้วย มันชื่อว่า “เรียวกัง อุมิบาระ”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด