เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ 22: ผู้แพ้ที่อาฆาต

Now you are reading เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ Chapter 22: ผู้แพ้ที่อาฆาต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้แพ้ที่อาฆาต

 

ถ้าหากจะให้ผมพูดตรงๆเลยก็คือ ตอนนี้ผมกำลังถูกพักการเรียนอยู่

 

แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นั้นมันออกจะดูซับซ้อนไปสักหน่อย แต่จะพูดให้ถูกเลยก็คือ ผมนั้นถูกกักบริเวณ แต่ถ้าหากคุณจะถามมาผมถึงความแตกต่างระหว่างเรื่องนี้ แล้วให้เทียบกับระบบกันสะเทือนนั้นล่ะก็ มันก็คงจะไม่ต่างกันหรอก แต่ถ้าจะให้พูดง่ายๆ มันก็คือ ระบบกันสะเทือนแบบชั่วคราว

 

แล้วพอพี่สาวของผมได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับการลงโทษนี้ เธอก็ดูจะอารมณ์เสียมากเลยล่ะ และพอกลับไปถึงที่บ้านแล้ว เธอก็ยิ่งอารมณ์เสียหนักยิ่งกว่าเดิมไปอีก แล้วพอแม่ได้มาพยายามคาดคั้นขอให้ผมนั้นพูดความจริง พี่สาวก็ถึงกับบอกไปเลยล่ะว่า “ทำไมแม่ถึงได้ไม่เชื่อเขากันล่ะ” แล้วเธอร้องไห้ไม่ยอมปล่อยผมไป ดังนั้นผมก็เลยต้องไปนอนกับเธอที่ห้องอีกคืนนึง ดูเหมือนช่วงนี้ผมไม่ค่อยจะได้นอนห้องตัวเองเอาซะเลย นี่ผมเป็นเด็กๆรึไงกันเนี่ย?

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันก็เป็นเพียงลมเย็นๆ ที่พัดผ่านมาสำหรับผม ผู้ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางจิตใจ ที่แกร่งไปกว่าเหล็กโมลิบดีนัม ผมน่ะชินกับเรื่องแบบนี้มามากซะจนไม่มีความกังวลในเรื่องของการถูกพักการเรียนเลย แต่ว่าผลที่ตามมาของความวุ่นวายนี้ก็ได้แพร่กระจายไปยังผู้คนที่อยู่รอบๆตัวผมมากไปกว่าที่ตัวผมเองนั้นจะทันได้รู้เสียอีก

 

และในตอนนี้ สิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ก็คือ เรื่องตัวของผมเอง ผมมันบ้า ผมมันวิปริต จิตใจของผมมันเข้มแข็งเกินไป ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยและไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไปได้จริงๆเหรอ? นี่ผมจะสูญเสียมันไปมากเกินไปแล้วนะ แต่ว่าในทางกลับกัน ผมกลับรู้สึกเหมือนกับมีพลังบางอะไรอย่างที่ผมนั้นไม่เคยต้องการที่จะมี แต่ว่า มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ที่ผมนั้นเป็นแบบนี้?

 

หากคุณบอกว่าผมนั้นจะต้องถูกกักบริเวณ คุณก็คงพูดได้ล่ะ แต่ผมก็จะได้ใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อค้นหาเบาะแสที่จะช่วยทำให้ผมนั้นได้ค้นพบตัวเอง ผมมั่นใจว่านั่นคือวิธีการที่ผมจะต้องทำเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของตัวเอง

 

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ตลกที่ผมนั้นจะต้องถูกพักการเรียน

 

แล้วผมเองนั้นก็อยากรู้ว่าทำไมผมถึงได้ถูกพักการเรียนอย่างที่สุด

 

ซึ่งทุกอย่างมันเริ่มต้นมาจากเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ที่เกิดข่าวลือไปทั่วโรงเรียน

 

ว่า ยูกิโตะ โคโคโนเอะ กำลังข่มขู่รุ่นพี่ให้มีความสัมพันธ์ทางกายกับเขา

 

————————————————————

 

 

[มุมมองในห้องอาจารย์ใหญ่]

 

“นี่มันหมายความว่าไงกันคะ? อธิบายให้หนูฟังที!” (ยูริ)

 

“ยูกิโตะ ไม่มีวันทำแบบนั้นแน่!” (ฮินากิ)

 

“หนูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!” (ชิโอริ)

 

“ถ้าหนูไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ หนูจะทำการรายงานคุณไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” (ไคโดะ)

 

“นั่นน่ะไม่ได้หรอกนะไคโดะ ช่วยใจเย็นๆ กันก่อน” (ฟูจิชิโระ)

 

“มันนั่นจะต้องไม่เกิดขึ้นนะคะ!” (ไคโดะ)

 

ที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ มีกลุ่มนักเรียนได้บุกเข้ามาหาอาจารย์ใหญ่ ซึ่งมาพร้อมกับ ซายูริ ฟูจิชิโระ ในเรื่องที่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นถูกพักการเรียน แต่เนื่องจากว่ามันเป็นการลงโทษที่คลุมเครือเกินกว่าที่จะทำให้เป็นการพักการเรียนได้ เพราะเนืองจากว่ามันไม่มีหลักฐานใดๆเลย

 

และก่อนอื่นเลยก็คือ เพื่อเป็นการยืนยันความจริงของข่าวลือที่ว่านั้น ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ได้ปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายและยอมถูกสอบ และได้ทำตามคำขอ ที่เขานั้นได้ยอมมอบสมาร์ทโฟนของเขาให้ไป โดยเขาที่เองก็ไม่ได้มีการแสดงท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เขาได้เปิดเผยประวัติการโทร บันทึกการส่งข้อความ และแม้แต่โฟลเดอร์รูปภาพโดยที่ไม่มีความพยายามปิดบังอะไรเลย มีเพียงแต่การติดต่อกันในครอบครัวและไม่มีอะไรในโฟลเดอร์รูปภาพ แอปข้อความนั้นก็ไม่ได้มีการถูกอ่านถึงมันจะดูเป็นเรื่องผิดปกติก็เถอะ แต่ก็แน่นอนว่ามันไม่พบหลักฐานหรือร่องรอยตามข่าวลืออะไรเลยสักอย่าง

 

“เห็นไหมคะ ว่านี่น่ะคือห้องของยูกิโตะ เขาน่ะไม่มีทางที่จะทำอย่างนั้นแน่นอน!” (ยูริ)

 

แล้วยูริก็ได้เปิดแสดงรูปภายห้องของยูกิโตะที่เธอได้ถ่ายมาด้วยสมาร์ทโฟนให้เขาดู

 

“นี่มันบ้าน่า…… นี่เธอกำลังพูดว่า …… นั่นน่ะคือห้องของโคโคโนเอะ ของยูกิโตะงั้นเรอะ? มันเป็นไปได้เรอะ?” (อาจารย์ใหญ่)

 

“โกหกน่า? …… ยูกิโตะนอนที่ห้องนั่นเหรอ? แต่นั่นมัน—!” (ฮินากิ)

 

“ฉันเองก็ไม่เคยเห็นห้องของยูกิมาก่อน แต่ไอ้แบบนี้มันก็ออกจะ…….” (ชิโอริ)

 

และพวกเขาทั้งหมดก็ได้ตกตะลึงกับให้กับภาพนั้น บางคนถึงกับมีน้ำตาเอ่อขึ้นมาปริ่มในตาของพวกเธอ เพราะในห้องนั้นมันไม่มีอะไรเลย แต่ก็ไม่เชิงซะทีเดียว มันมีเพียงมีโต๊ะ ตู้เสื้อผ้า และเตียง  ดังนั้นห้องจึงไม่ถึงกับว่างเปล่าซะทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มันไม่มีอะไรที่พอระบุได้ว่ามันยังคงมีคนอาศัยอยู่ที่นั่น ที่ซึ่งควรจะมีอะไรบ่งบอกเอกลักษณ์หรือบุคลิคในตัวของบุคคลที่ได้อาศัยอยู่เลย มันจะต้องแปลกแน่ที่ห้องนั้นไม่ได้ดูแล้วสะท้อนบุคลิกของคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นไม่ทางทางใดทางหนึ่ง อย่างเช่นที่จะต้องมีโปสเตอร์ของศิลปินคนโปรด หนังสือการ์ตูน หรือไม่ก็วิดีโอเกม รวมถึงของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อยๆต่างๆ

 

แต่อย่างไรก็ตาม ห้องนั้นแทบที่จะว่างเปล่า ผนังสีขาวสว่างโล่งราวกับโรงพยาบาล มันเป็นพื้นที่ว่างที่ไม่มีอะไรสะท้อนบุคลิกของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ เลย แล้วนั่นล่ะก็คือห้องของยูกิโตะ โคโคโนเอะ

 

“หนูมั่นใจเลยว่าเขาพร้อมที่จะหายตัวไปตอนไหนก็ได้ เขาพร้อมที่จะลบการดำรงอยู่ของเขาอยู่ตลอดเวลา ทำไมพวกคุณถึงต้องพยายามทำร้ายเขาอีกแล้ว ทั้งที่ในตอนนี้เขาก็นั้นกำลังจะดีขึ้นได้แล้วในที่สุด ถึงแม้มันจะเพียงแค่เล็กน้อย! แต่แค่นั้นมันก็มากพอแล้วนะ!” (ยูริ)

 

ยูริโกรธมาก ส่วน ซูซุริคาว่า กับ คามิชิโระ เองก็รู้สึกแบบเดียวกัน พวกเขาแทบจมอยู่กับความวิตกกังวลที่มี สงสัยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่ายูกิโตะ นั้นจะต้องสะดุดล้มลงไปอีกครั้ง และทำไมไอ้เรื่องแบบนี้มันถึงจะต้องเกิดขึ้นอยู่ตลอด

 

“ทำไมคุณถึงตัดสินใจลงโทษเขาโดยที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ! นี่มันรับไม่ได้เลยนะคะ!” (ไคโดะ)

 

“ใจเย็นๆ ไคโดะ! เรายังไม่ได้ตัดสินใจไล่เขาจากโรงเรียนอย่างเป็นทางการเลยนะ” (อาจารย์ใหญ่)

 

“คุณจะมาใช้ข้อแก้ตัวแบบนั้นไม่ได้นะคะ! ยูกิโตะ โคโคโนเอะ กำลังโดนพักการเรียนอยู่นะ!” (ไคโดะ)

 

“คือเราไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้น่ะ…….” (อาจารย์ใหญ่)

 

“พอหลังจากข่าวลือนี้เริ่มแพร่ออกไป ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากโทโจซัง ซึ่งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด เขาดูอารมณ์เสียมากที่มีนักเรียนแบบนี้ที่โรงเรียนเดียวกันกับของลูกสาวของเขาน่ะ” (อาจารย์ใหญ่)

 

“นั่นน่ะเหรอเป็นเหตุผลที่คุณทำกับเขาไปโดยไม่มีหลักฐานน่ะ?” (ชิโอริ)

 

“คุณก็แค่ชะลอเรื่องนี้ไปก่อน แล้วในเวลานี้ ฉันจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของโคโคโนเอะ ของยูกิโตะ เอง” (ไคโดะ)

 

“คืออาจารย์โทโจโทรมาหาฉันโดยตรงเลยนะ และตามหลักแล้วฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยน่ะ” (อาจารย์ใหญ่)

 

“นี่คุณทำร้ายเขาด้วยเหตุผลของตัวคุณเองงั้นเหรอ?” (ยูริ)

 

“คุณโอเคกับเรื่องนี้ด้วยรึคะ อาจารย์ฟูจิชิโระ?” (ไคโดะ)

 

“มันจะไปโอเคได้ยังไงกัน! แม้แต่ฉันเองด้วย – บ้าเอ๊ย!” (ฟูจิชิโระ)

 

นี่มันโง่มาก มีเหตุผลอะไรไหมที่จะต้องทำอะไรโง่ๆแบบนี้ด้วย? โทโจ สมาชิกสภาจังหวัด… โทโจ งั้นเหรอ? แล้วไคโดะ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หรือบางทีเธออาจจะ…

 

“คนที่ชื่อโทโจ คนนี้ เขาเป็นพ่อของ เอริกะ โทโจ ปีสามหรือเปล่าคะ?” (ไคโดะ)

 

“ใช่แล้วล่ะ อาจารย์โทโจ เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนของเราที่ให้ความสำคัญในการศึกษาด้วยนะ” (อาจารย์ใหญ่)

 

“งั้นฉันพอจะรู้เรื่องแล้วล่ะ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!” (ไคโดะ)

 

“เฮ้ ไคโดะ นี่เธอจะไปไหนน่ะ? รึว่าเธอนึกอะไรออกได้งั้นเรอะ” (อาจารย์ใหญ่)

 

ไคโดะเริ่มหมดความอดทนแล้ว เพราะว่าตัวเธอเองนั้นทำเกิดให้เป็นที่มาของข่าวลือ และนักเรียนรุ่นพี่ที่ถูกยูกิโตะ โคโคโนเอะ ข่มขู่ มันก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเรื่องของตัวเอง ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันก็ได้เป็นคนที่ทำให้มันกลับไปหายูกิโตะ—

 

——————————————————

 

 

[มุมมองของ เอริกะ โทโจ]

 

“แล้วนายจะได้เห็นกัน คอยดูเถอะ โรงเรียนแห่งนี้จะไล่นายออกอย่างแน่นอน…” (เอริกะ)

 

ผู้ชายคนที่ชื่อ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้น เป็นคนที่น่ารังเกียจสำหรับฉัน เอริกะ โทโจ แต่กับประธานสภานักเรียน มิซึกิ ไคโดะ เธอนั้นเป็นเหมือนดังดวงอาทิตย์อุทัยที่ตัวเธอเองนั้นเฝ้าชื่นชมทั้งในเรื่องศักดิ์ศรี และความสามารถของเธอในการบังคับใช้ความยุติธรรมที่มี เธอเป็นคนร่าเริง ใจดี เสมอภาคกับทุกๆคนอย่างตรงไปตรงมา และยังคงมีความไร้เดียงสาในวิถีชีวิตของเธออยู่ด้วยเช่นกัน ฉันนั้นรู้สึกทึ่งกับการมีอยู่ของตัวเธอมาก ฉันนั้นอยากที่จะเป็นเหมือนตัวเธอ

 

ครอบครัวของฉันนั้นมั่งคั่ง และนั่นก็เป็นความจริง ฉันจึงถูกเลี้ยงดูมาในฐานะคุณหนูคนหนึ่ง บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมฉันถึงได้สนใจในการเป็นผู้หญิงที่มีอิสระอยู่เสมอ แล้วเธอคนนั้นคือคนในอุดมคติสำหรับฉัน

 

แต่เธอก็เปลี่ยนไปมาก ในตอนแรกฉันแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง มันฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลก ที่เธอนั้นได้ไปคุกเข่าเพื่อขอเป็นเพื่อนกับน้องใหม่ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ข่าวลือ มันคือเรื่องจริง แถมมีรูปเธอคุกเข่าอยู่ด้วย ซึ่งฉันนั้นไม่อยากที่จะเห็น แต่ฉันก็ได้เห็นมัน

 

จากนั้นเธอก็ดูไม่ค่อยจะดี เธอนั้นกังวลในเรื่องใครอยู่เสมอก็ไม่รู้ หากมองเพียงมองแวบแรก เธอนั้นก็ยังคงดูเหมือนเดิม แต่หลังจากที่เฝ้าดูเธอเป็นเวลาพักนึง การเปลี่ยนแปลงนี้ก็แสดงให้เห็นชัดเจนสำหรับฉัน

 

เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ มันจะต้องเป็น ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ชายผู้ซึ่งใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเธอและนำมันมาข่มขู่เธอแน่ ฉันไม่อาจที่จะยกโทษให้กับเขาได้ ฉันไม่สามารถยกโทษให้กับชายคนนั้นที่มาทำให้อุดมคติของฉันนั้นมีมลทินได้! ฉันไม่จะยอมให้ผู้ชายคนนั้นยังอยู่ในโรงเรียนของฉันอีกต่อไป! ฉันจะต้องกำจัดเขา ฉันต้องนำเขาออกไปให้พ้นจากสายตาของเธอ!

 

และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ฉัน…

 

“พ่อคะ หนูมีเรื่องอยากจะคุยกับพ่อหน่อยค่ะ” (เอริกะ)

 

——————————————————

 

 

[มุมมองของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ]

 

“ยังไงก็ตาม ยูกิโตะ ทำไมเธอถึงมาอยู่นี่ได้ในเวลานี้กันล่ะจ๊ะ? ไม่ไปโรงเรียนเหรอ?” (ฮิมิยามะ)

 

ถึงแม้ว่าฮิมิยามะซังจะยิ้มออกมาตามปกติ แต่ดูเธอเองก็กำลังจะเป็นกังวลอยู่เช่นกัน ถึงแม้ว่าผมนั้นจะถูกกักบริเวณ แต่ว่าผมก็ไม่สามารถที่จะเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านโดยที่จะไม่ก้าวออกไปไหนได้ อันที่จริงมันก็เป็นเพราะว่ามันออกจะไม่ดีต่อสุขภาพมากกว่าล่ะนะ นั่นล่ะคือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องออกไปข้างนอก แต่ว่าก็บังเอิญไปเจอฮิมิยามะซัง ที่คงจะกำลังออกไปซื้อของอยู่พอดี และตอนนี้ผมก็เข้าไปในบ้านเธอแล้ว ไม่สิ นี่มันโอเคใช่ไหม? รู้สึกเธอจะดูทำตัวห่างแบบแปลกๆ ……. แต่ก็ช่างเถอะ

 

“ผมต้องขอโทษด้วย แต่ตอนนี้ผมกำลังถูกพักการเรียนอยู่น่ะครับ” (ยูกิโตะ)

 

“เอ้านี่ฉันอบคุกกี้เองนะ เธอคิดว่ายังไงล่ะจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ขอบคุณมากครับ –ทำไมมันถึงอร่อยอย่างนี้!?” (ยูกิโตะ)

 

“พักการเรียนเหรอ นี่มันจะคงต้องเป็นเรื่องใหญ่มากเลยสินะ ใช่ไหม? ยูกิโตะคุง นี่เธอทำอะไรผิดมาหรือเปล่า?” (ฮิมิยามะ)

 

“มันก็จริงนะที่ผมนั้นน่ะออกจะดูเป็นพวก “ปีศาจ” แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นหรอกนะครับ” (ยูกิโตะ)

 

ถ้าหากจะต้องให้เลือกอธิบายคุณลักษณะให้เหมาะสมกับฮิมิยามะซังล่ะก็ มันก็จะต้องเป็น “นางฟ้า” อย่างแน่นอน เพราะตัวเธอนั้นมีกลิ่นอายที่ค่อนข้างจะคลุมเครือ หรือจะบอกอีกนัยหนึ่งก็คือ ผมนั้นช่างดูไม่คู่ควรกับเธอในแง่ของการจัดประเภทที่เข้ากันได้ และเธอก็มีผลกระทบที่ค่อนข้างมากกับผมซะด้วย ที่แม้แต่ในวันนี้ เธอก็ยังคงมานั่งอยู่ข้างๆผม และมือของเธอเองนั้นก็มาจับที่ต้นขาของของผมเอาไว้ราวกับว่ามันพื้นเสื่อ แล้วทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นล่ะ? นี่ทำไมเธอทำอย่างนี้ ทำไปไมกันเนี่ย!?

 

ผมก็เลยต้องบอกความจริงกับเธอไป เพราะอันที่จริงมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังอะไรเลยด้วย และจากประสบการณ์ของผม ผมนั้นได้เคยเรียนรู้มาแล้วว่า ถ้าหากว่าผมนั้นคอยซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ หรือทำสิ่งที่เข้าใจผิด หรือแม้แต่ตีความผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็จะทำให้เกิดความโกลาหลที่จะแพร่กระจายออกไป ดังนั้นผมจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดียวกันนี้อีก การซื่อสัตย์นั่นน่ะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดใช่ไหมล่ะ? งั้นก็ช่วยปล่อยร่างกายของผมไปทีจะได้ไหมค้าบบบ?

 

“แบบนั้นมันรับไม่ได้!!” (ฮิมิยามะ)

 

“ฮิมิยามะซัง?” (ยูกิโตะ)

 

“เรื่องนี้มันคงจะลำบากมาเกินไปสำหรับเธอเลยสินะ ยูกิโตะคุง……” (ฮิมิยามะ)

 

คงเพราะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ผมจึงถูกฮิมิยามะซังกอด กลิ่นมิ้นต์อันหอมหวานก็เข้าครอบงำสู่สมองของผม รู้สึกช่วงนี้เหมือนผมจะโดนกอดบ่อยอยู่นะ แต่ว่าผมนั้นก็ไม่ใช่หมอนข้างหรอกนะ

 

“ฉันจะช่วยเธอเอง อะไรนั่นนะ สมาชิกสภาจังหวัดใช่ไหม? เป็นแบบนั้นเองเหรอ? ฉันจะไม่ยอมให้ไอ้คนตำแหน่งเล็กๆแบบนั้นมาทำร้ายยูกิโตะคุงของฉันได้หรอกนะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ไม่นะ ฮิมิยามะซัง นี่คุณกำลังทำอะไรกันน่ะ? อะไรนะ? อะไรของฉันนะครับ? (ยูกิโตะ)

 

แล้วเธอก็ลุกขึ้นและเริ่มกดโทรศัพท์ไปหาใครซักคน ผมได้ยินเพียงแค่ว่าเธอนั้นน่าจะโทรไปหาพี่ชายและคุณปู่ของเธอ แล้วผมเองนั้นก็ไม่ได้อยากที่จะได้ยินกิจกรรมอะไรบางอย่างในด้านมืดที่กำลังจะเกิดขึ้นเอาในตอนนี้ซะเลย และสัมผัสที่หกของผมนั้นก็บอกกับตัวผมว่า “ผมไม่ควรที่จะรับไปรู้มันนะ” นั่นล่ะคือสิ่งที่สัมผัสที่หกของผมนั้นกำลังกระซิบบอกกับผม แต่อันที่จริงสัมผัสที่หกของผมนั้นน่ะ เคยมีชื่อเสียงในเรื่องความไม่น่าเชื่อถือโดยสมบูรณ์เลยล่ะ แล้วจากนั้นฮิมิยามะซัง ก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

 

“ยูกิโตะคุง ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วล่ะนะ” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมรู้สึกว่า ผมไม่ควรที่จะถามว่าทำไม ยังไงก็ไม่รู้สิ” (ยูกิโตะ)

 

“อุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุคุ พวกเขาควรที่จะต้องถูกลงโทษในฐานะที่พยายามใส่ร้ายเธอ ใช่ไหมล่ะจ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)

 

“ได้โปรด ช่วยกรุณาที โอ้พระเจ้า!” (ยูกิโตะ)

 

“อย่ากังวลไปเลยจ๊ะ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะจบลงในไม่ช้านี้แล้วล่ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“อึ้ยยย นี่ท่าจะแย่แล้ว” (ยูกิโตะ)

 

มันมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สมควรจะแตะต้องเพื่อที่จะยังคงได้มีชีวิตที่ดีอยู่ต่อไปได้ นั่นล่ะก็คือสิ่งที่ผมนั้นกำลังพูดถึง ผม ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ชายที่ไม่สามารถข้ามสะพานหิน(bridge stone)ได้อีกหลังจากเข้าสู้กับอิชิบาชิ(ผู้ก่อตั้งบริจสโตน)และได้ทำลายมันไป แล้วผมก็ใช้จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

 

“อ๊ะใช่แล้ว! ยูกิโตะคุง ถ้าเธอต้องการล่ะก็ เธอจะเรียกฉันว่าคุณแม่ก็ได้จ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“อะไรนะ? คุณแม่คนเดียวของผมน่ะคือ ซากุระฮานะ โคโคโนเอะ นะครับ……” (ยูกิโตะ))

 

“ถ้างั้นเรียกฉันว่าม่าม๊าก็ได้นะจ๊ะ” (ฮิมิยามะ)

 

“เมื่อกี้หมายความว่ายังไงกับไอ้ ถ้างั้น!? นี่คุณจะไม่เปลี่ยนเรื่องเลยเหรอเนี่ย!?” (ยูกิโตะ)

 

“ก็นะฉันช่วยนายไว้แล้วนี่นา แล้วนี่มันไม่ดีเหรอจ๊ะ ยูกิโตะ? ฟู่~” (ฮิมิยามะ)

 

“ผมว่า…” (ยูกิโตะ)

 

แล้วเธอก็มาหายใจรดเข้าที่หูของผม ลมหายใจอันหอมหวานทำให้ผมนั้นรู้สึกถึงกับวิงเวียน และก่อนที่ผมจะรู้ตัว ผมก็ได้ถูกช่วยเอาไว้เสียแล้ว แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ดูจะเลวร้ายซะยิ่งกว่าเดิมอีกสำหรับผม กับฮิมิยามะซังที่ดูเหมือนจะช่วยชีวิตผมเอาไว้ ก็คงจะไม่สามารถช่วยผมจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้

 

“ฮิมิยามะซังเป็นผู้หญิงที่สวยนะครับ ฉะนั้นถ้าหากคุณทำมากเกินไป เหตุผลของผมมันก็จะ……” (ยูกิโตะ)

 

“อุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุฟุ ไม่เป็นไรจ๊ะ ยูกิโตะคูงงง เธอสามารถทำตัวนิสัยเสียได้มากเท่าที่เธออยากจะทำเลยล่ะจ๊ะ……ดูสิ” (ฮิมิยามะ)

 

ผมจะต้องดูอะไรนะครับ? เอ๊ะ? เหวอ!? เดี๋ยว! นี่คุณอะไรกัน-? [( ͡° ͜ʖ ͡°)]

 

ผมรู้สึกว่าผมคงจะไม่สามารถอธิบายต่อไปได้อีกแล้วล่ะ

 

มีทางไหนบ้างที่จะออกไปจากพื้นที่สีพี๊ช อันชั่วร้ายแห่งนี้ได้บ้าง?

 

ผมได้แต่ร่ำร้องถึงความช่วยเหลืออยู่อย่างสิ้นหวัง

 

ยังไงก็เถอะนะ ผมก็สงสัยว่า อืม… แล้วเมื่อไหร่ที่ผมจะได้กลับบ้านกันล่ะเนี่ย?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด